นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
รัก,ชาย-หญิง,ดาร์ค,ไทย,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คืนทมิฬนิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
หลังจาก 'นิว' อกหักกับแฟนเก่าโสเภณีจึงได้พบกับรักใหม่นาม 'ฮีซุย' หญิงสาวที่รอคอยมาแสนเนิ่นนานจากคำแนะนำของ 'วิน' เพื่อมาเยียวยาจิตใจ
โดยไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของแผนการร้ายในครั้งนี้
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ" เธอยิ้ม "นิว"
ในตอนนั้นสัมผัสได้เลยว่านางฟ้านั้นมีจริง แม้ว่าจะเคยได้ยินในเทพนิยายก็ตาม ซึ่งก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ผมเคยเห็นแต่เพียงในรูปวาด ไม่เคยเห็นตัวจริง
พอวันนี้...วินาทีนี้ ผมได้เห็นเป็นขวัญตาแล้ว ชีวิตของผมที่ถูกความมืดครอบคลุมได้ถูกรอยยิ้มอันแสนสดใสนั้นปัดเป่าออกไป หัวใจกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ร่างกายรู้สึกถึงมันได้อย่างเต็มที่ ดวงตาเบิกโพลงเหมือนกับว่าตัวเองกำลังอยู่ในภวังค์บางอย่างราวกับความฝันที่ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเพื่อพบกับความจริงที่แสนโหดร้ายซึ่งยากจะยอมรับ
"อื้ม!" ผมยิ้ม
วินและพลที่ซ่อนอยู่หลังประตูต่างยกนิ้วและแสยะยิ้ม
'เป็นไปตามแผน'
เรานั่งคุยเรื่องสับเพเหระไปเรื่อย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็น จนไปถึงเรื่องความรัก เธอมักจะหยุดลงตรงที่เรื่องเล่าของเธอจะโยงไปหา 'เล้ง' แฟนหนุ่มปัจจุบันของเธอ ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าทำไม ในความเป็นจริงผมไม่อยากแย่งแฟนมาจากใครอยู่แล้ว แต่ในสังคมยุคปัจจุบันที่มนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ในฤดูผสมพันธุ์ที่ต้องแก่งแย่งตัวเมียจากตัวผู้ที่มีคู่แล้วเพื่อสืบพันธุ์
ผมกำลังทำแบบนั้น ในเมื่อฮีซุย 'กำลังจะ' หมดรักกับเล้งแล้วนั้น มันก็กลายเป็นทางสะดวกให้ผมเข้าใจหัวใจของหญิงสาวได้อีกก้าว อีกก้าวเพราะว่ามีวินและพลคอยหนุนหลังให้เสนอพร้อมกับชี้แนะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าส่วนที่ต้องเป็นห่วงก็ไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไปแล้วสินะ
เราสองคนสามารถเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไร ล้วนก็เป็นสิ่งที่เราสองคนชอบ แถมสิ่งที่ไม่ชอบก็ยังคล้ายกัน ถ้าไม่ให้เรียกว่าพรหมลิขิตก็ไม่รู้จะเรียกยังไงแล้ว เราคุยกันเพลินเกินไปจนก้านแก้วต้องมาเรียกผมให้เอาของที่ทีมไฟต้องการไปให้ ซึ่งผมก็ปล่อยฮีซุยไว้ตรงนั้นก่อนจะรีบหาเวลาว่างกลับมานั่งคุย แต่ตอนนั้นวินได้เข้ามานั่งคุยอยู่ก่อนแล้ว สิ่งที่ผมเห็นนั้นชวนให้นึกถึงบีที่ดูดปากผู้ชายแปลกหน้าในห้องผม ทำให้ชะงักไปสักครู่หนึ่ง พวกเขาหันมาหาผมด้วยรอยยิ้ม ฮีซุยลุกขึ้น เดินเข้ามาหาผมก่อนจะคว้ามือผมกลับเข้าไปในกองถ่าย
"ไปทำงานที่เรารักด้วยกันเถอะนะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงอันสดใสพร้อมกับรอยยิ้ม
"เมื่อกี้คุยอะไรกันเหรอ?" ผมถาม
"เรื่องทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ พี่เขาก็ดูน่ารักดีนะ" คำพูดของเธอทำให้หัวใจของผมหดลงไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งมันแสดงออกจากทางใบหน้าทันที แต่แล้วเธอก็หัวเราะออกมา
"ขอโทษนะที่ต้องพูดแบบนั้น...ฮ่ะ!! ฮ่ะ!! เห็นบอกว่านิวเป็นคนที่แสดงออกทางสีหน้ามากกว่าการขยับตัวน่ะ เลยลองทดสอบดู ไม่คิดเลยว่าจะแสดงออกได้ชัดเจนขนาดนี้" ฮีซุยหัวเราะออกมา
"มีทดสอบกันแบบนี้ก็แย่น่ะสิ" ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นหญิงสาวก็ยื่นหน้าเข้ามาหาก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนแก้ม ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายพุ่งปรี๊ดขึ้นมา จนร่างกายชะงักไปซะงั้น
"อิอิ เดี๋ยวตอนเลิกกองแล้วเจอกันนะคะ วันนี้คุยสนุกมาก ๆ เลย" เธอพูดแค่นั้นก่อนจะกระโจนเข้าไปในกองถ่าย ในขณะที่แต่ละคนกำลังจัดเตรียมสถานที่เพื่อถ่ายฉากต่อ ๆ ไป (ซึ่งผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาถ่ายกันไปถึงฉากไหนกันแล้ว)
..................................
หลังจากที่เลิกกองกันแล้ว ผมรับหน้าที่ไปส่งฮีซุยแทนพล เพราะเจ้าตัวจะต้องเก็บของ ส่วนนอตในฐานะผู้กำกับก็สั่งให้ผมอยู่เก็บของอีกสักครู่ ซึ่งผมก็ไม่ได้เกี่ยง แถมฮีซุยก็ยังจะเสนอตัวเข้าช่วยอีกต่างหาก แต่วินกลับพรวดเข้ามาสั่งให้ผมขับไปส่งหญิงสาวที่บ้านตอนนี้เลย ไม่ว่าจะถามเหตุผลอะไรเขาก็ไม่ยอมตอบ
"ไปส่งฮีซุยก่อนเถอะ รบกวนด้วยนะ คนในกองถ่ายยุ่งเกินกว่าจะมีใครจัดการได้" วินบอก
"ก็ให้เธอกลับพร้อมกันก็ได้นี่ครับ" ผมแย้ง
"ไม่ได้หรอก เธอต้องกลับถึงหอไม่เกินหกโมงเย็น ตอนนี้ก็สี่โมงเย็น กว่าจะถึงหอจากที่นี่ก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงไม่รวมเวลารถติดอีก" วินบอกด้วยเหตุและผล "เพราะไม่รู้ว่าไอ้เล้งมันจะทำอะไรฮีซุยนั่นบ้าง"
"ก็ให้ผมจัดการเลยสิครับ" ผมขมวดคิ้ว
พูดไม่ผิดหรอก...คนแบบนี้สมควรที่จะโดนผมจัดการอยู่แล้วล่ะ
"อย่าเลย เล้งมันเป็นนักมวย อย่างเอ็งสู้มันไม่ได้หรอก" พลเสริม "ไอ้เล้งมันเคยเป็นเพื่อนเก่ากูมาก่อน เคยกระทืบคนมาเป็นสิบคนด้วยตัวคนเดียวได้ ตอนนี้ถ้าจะให้ไปเป็นศัตรูกับมันกูคงไม่อยากจะเป็นหรอก"
"อืม...เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ" ผมรับปากก่อนจะพาฮีซุยขึ้นรถแล้วขับกลับหอพักของเธอทันที
หอพักของเธออยู่ไม่ห่างจากหอผมมาก อีกทั้งยังไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยอีกด้วย ในความเป็นจริงแล้วในย่านมหาวิทยาลัยนั้นจะมีหอพักสร้างใหม่อยู่มากมายหลายราคา ตั้งแต่สี่พันบาทจนถึงหนึ่งหมื่นบาทเลยทีเดียว โดยหอพัก 'วารี' ของเธอนั้นถือว่าอยู่ในระดับปานกลางที่นักศึกษาหลายคนสามารถมีสตางค์จ่ายได้ แต่ก็ยังมีอะพาร์ตเมนต์ชื่อว่า 'อะพาร์ตเมนต์ค่ายมวย' อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยประมาณสิบกิโลเมตร เท่าที่ไปดูราคาแล้วถือว่าถูกเป็นอย่างมาก แต่ว่ามันไกลเกินไป อีกทั้งใคร ๆ ก็ตามที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานครจะรู้ว่าตอนเช้าของวันจันทร์ถึงศุกร์นั้นคือจราจรนรกแตกอย่างมาก
กริ๊งงงง~~ มือถือของฮีซุยดังขึ้น เธอชะงักและสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นชื่อคนที่โทร นิ้วของเธอแตะปุ่มรับสายอย่างฝืนตัวเอง แถมท่าทางของเธอยังช้าลงเช่นกัน
"ค่ะพี่เล้ง" อ๋อ...เข้าใจแล้วล่ะ ผัวใจร้ายโทรมานั่นเอง "หนูกำลังกลับแล้วค่ะ...อ๋อ...คืนนี้กลับบ้านเหรอคะ? ได้ค่ะ...ได้ค่ะ เดี๋ยววันพรุ่งนี้หนูจะจัดการให้นะคะ"
เมื่อเธอวางสายไป สีหน้าของเธอก็ดูไม่ดีเลย ตอนนี้เวลาสี่โมงเย็น รถก็ไม่ติดมาก...อืม...
"อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?" ผมถาม
ในทันใดนั้นดวงตาของเธอก็สดใสขึ้นมา
"อื้อ!!"
.............................
เรามาอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่แถว ๆ ทองหล่อซึ่งมันมาจากประเทศญี่ปุ่น นั่นหมายความว่ามันเป็นแฟรนไชส์นั่นเอง ดวงตาของหญิงสาวดูเป็นประกายให้กับสิ่งนี้อย่างมาก
"ฮีซุยไม่เคยมาที่นี่เหรอ?" ผมถาม
เธอส่ายหน้า
"ที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่กี่วันเองนะ" เธอตอบ "ตอนแรกกะจะให้พี่เล้งพามาสักหน่อย แต่เขาแม่ง...ไม่ยอมพามาสักที ชอบอ้างว่าติดงานนู่นนี่อยู่นั่นแหละ พอแกล้งงอนใส่เพื่อจะให้ง้อให้สนใจกันบ้างก็ชวนทะเลาะ...สุดท้ายก็จบลงด้วยการเอากันนี่แหละ..."
อืม...น้ำกำลังจะล้นแล้วสินะ
"ไม่เป็นไรหรอกนะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแล้วมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวที่เริ่มแดงก่ำ "อยู่กับเราตรงนี้น่ะ พูดออกมาได้หมดทุกอย่างเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เข้าใจไหมครับ?"
เธอนิ่งไปพักนึง ใบหน้าแดงก่ำแล้วก็ผงกหัว
"อืม..."
ทันใดนั้น มือของผมดันเลื่อนไปลูบศีรษะของหญิงสาวอย่างนุ่มนวล เธอนิ่งไปชั่วครู่หนึ่งก่อนจะมีน้ำตาซึมออกมา
"ขอบคุณนะ...รู้สึกดีมาก ๆ เลย" เธอพูดก่อนจะคว้าข้อมือผม ลากเข้าไปยังโซนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และหยิบทั้งเบียร์และเหล้ามาหลายขวด ผมเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปเอารถเข็นมาทันที เพียงไม่กี่นาทีในรถเข็นก็เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ ผมพิจารณาขวดแก้วและเบียร์กระป๋องจำนวนมากก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองฮีซุยที่ยืนยิ้มให้
"คืนนี้จะกินหมดนี่เลยเหรอ?" ผมถาม
"ก็ไม่ได้กินคนเดียวสักหน่อยนี่" จากนั้นเธอก็เอามือไว้ด้านหลัง แล้วเดินนำผมด้วยท่าทางที่สบายใจ
ผมถอนหายใจ
'เพิ่งเจอกันวันแรกแท้ ๆ จะชวนกินเหล้าที่ห้องแล้วเหรอ?'
_____________________________________________
To Be Continue Ep.9