นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
รัก,ชาย-หญิง,ดาร์ค,ไทย,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คืนทมิฬนิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
หลังจาก 'นิว' อกหักกับแฟนเก่าโสเภณีจึงได้พบกับรักใหม่นาม 'ฮีซุย' หญิงสาวที่รอคอยมาแสนเนิ่นนานจากคำแนะนำของ 'วิน' เพื่อมาเยียวยาจิตใจ
โดยไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของแผนการร้ายในครั้งนี้
งานเทศกาลของมหาวิทยาลัยจะจัดขึ้นเป็นเวลาสองวัน ในแต่ละภาควิชาของแต่ละคณะนั้นจะงัดทุกอย่างมาแสดงในบูทของตึกคณะตัวเองไม่ต่างจากงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ บางคณะทำของออกมาขาย อย่างคณะวิทยาศาสตร์ที่จะผลิตเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ออกมาขาย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือคณะบริหารธุรกิจซึ่งเป็นคณะที่มีเงินอยู่มากมายจึงสามารถ 'ลงทุน' เปิดร้านอาหารคลีนภายในโดยได้นักศึกษาจากภาควิชาวิทยาศาสตร์การอาหารมาช่วยวิจัยสูตรอาหารคลีนที่อร่อยไม่ต่างจากอาหารทั่วไป ซึ่งทำให้มีคนต่อแถวอยู่มากพอสมควร ส่วนคณะอื่น ๆ มักจะขาย
คอร์สเรียนภาษากันซึ่งไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่
แต่คณะที่เฮฮาปาร์ตี้ที่สุดก็จะเป็นคณะนิเทศศาสตร์ของเรานั่นเอง ซึ่งในปีนี้ ในแต่ละภาควิชาได้รวมกันสร้างโปรเจ็กต์ละครเวทีขนาดใหญ่ ซึ่งภาคภาพยนตร์มีหน้าที่จัดการเรื่องบท กำกับ แสง สี เสียง ภาคการแสดงจะจัดการเรื่องนักแสดง การซ้อม การแต่งหน้า และชุด ภาคซีจีไอมีหน้าที่จัดการเรื่องฉากกับพล รวมถึงฉากแบ็กกราวนด์ดิจิตอล ส่วนภาควิชาพีอาร์และการโฆษณาจะทำงานร่วมในการโปรโมตทุกอย่าง ซึ่งมีกระรอก มาย และไอยาเป็นหัวของแต่ละแผนกนี้
ทั้งสองวันนี้เราเปิดการแสดงไปได้ด้วยดีเลยทีเดียว โดยจะเปิดการแสดงเป็นหกรอบ แบ่งเป็นรอบเช้าเวลาเก้าโมง รอบบ่ายเวลาบ่ายโมงครึ่ง และรอบเย็นเวลาห้าโมงเย็น ซึ่งจะเป็นเรื่องราวของเพื่อนสี่คนที่หักหลังกันจนนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ตัวละครทั้งสี่คนตายในตอนจบอย่างงง ๆ บอกได้เลยว่าแม้แต่ผมก็ยังงง ฮีซุยก็งง ทุกคนในงานงงกันหมดเลย...
เมื่อเราจบการแสดงรอบสุดท้าย ทุกคนต่างดีใจให้กับความสำเร็จของพวกเรา ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาและดูแลโปรเจ็กต์นี้จะพาไปเลี้ยงฉลองที่ร้านปิ้งย่างเนื้อเกาหลีด้วยเงินค่าตั๋วรวมกว่าหนึ่งแสนบาท ซึ่งทำให้ทุกคนดีใจเป็นอย่างมาก แต่วันนี้พวกเราจะต้องช่วยกันจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อน ในวันพรุ่งนี้ถึงจะไปได้ ระหว่างนี้ทุกคนจะได้ละลายความเหนื่อยล้าไปกับการเดินเล่นกับเพื่อน ๆ หรือคนรักในงานเทศกาลที่วันสุดท้ายจะเปิดยันเที่ยงคืน
และแน่นอน ผมจะได้เดินกับฮีซุยอยู่แล้ว
"ว่าไงเพื่อน" 'จู' ชายหนุ่มร่างใหญ่เข้ามากอดคอผมด้วยแขนที่มีกล้ามเนื้อแน่น ๆ ปกคลุม "กูไปดูการแสดงด้วยนะเว้ย กำกับเสียงได้ดีสัส ๆ อะ"
"ขอบใจ ๆ เวลาซ้อมก็ไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่หรอก" ผมยิ้ม
"นี่ขนาดไม่มีเวลาซ้อมนะเนี่ย...อ้าว! แล้วนี่จะไปไหนล่ะ?" เขาถาม
"จะไปหาแฟนน่ะ"
"เอ้ย! ได้ข่าวว่ามีแฟนด้วยเหรอวะ? แถมแฟนมึงก็สวยสุด ๆ เลยด้วย"
"ก็...ใช่อะนะ" ดีใจจริง ๆ ที่มีคนชมฮีซุย รู้สึกว่าเธอยิ่งมีคุณค่ายิ่งกว่าที่เห็นในแต่ละวันเสียอีก
"เออ ๆ เวลาดูคนให้ดูที่ใจให้ดีก็แล้วกัน งั้นกูไปล่ะนะ" จูพูดออกมาอย่างเป็นปริศนาและแววตาที่เปลี่ยนไปก่อนจะเดินจากไป
อะไรของเขากันนะ?
แต่ก็ช่างเถอะ
ในเทศกาลนี้จะมีโซนร้านค้า 'อาหารข้างทาง' ซึ่งจะเต็มไปด้วยของกินอร่อย ๆ ที่มาจากทั่วสารทิศ แม้ว่าส่วนมากจะเป็นของที่เคยกินมาหมดจนเบื่อแล้วก็ตาม แต่ด้วยรสชาติของผงชูรส รวมกับบรรยากาศของงานทำให้ดึงดูดลูกค้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ฮีซุยยืนต่อแถวซื้อขนมมันฝรั่งทอดกรอบม้วนด้วยไม้เป็นเกลียว อีกประมาณสองถึงสามคิวก็จะถึงเธอแล้ว
"มาหาอะไรอ้วน ๆ กินเหรอ?" ผมแหย่หญิงสาว เธอหันมายิ้มให้ผมแล้วก็ไม่พูดอะไร "หิวน้ำมั้ย? เดี๋ยวไปซื้อให้"
"อื้อ! เอาสิ เค้าเอาเป๊ปซี่นะ" เธอบอก
"โอเคครับ" ผมเดินไปยังร้านขายน้ำที่อยู่ไม่ไกลกันมาก แต่คนที่ต่อคิวอยู่นั้นถือว่าเยอะจริง ๆ แต่ด้วยความที่แค่เทน้ำแข็งใส่แก้วแล้วตามด้วยน้ำอัดลมเลยทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว
แต่ในระหว่างนั้น จู่ ๆ ผมก็นึกถึงสีหน้าที่ดูแปลก ๆ ไปของ
ฮีซุยเมื่อกี้...ใบหน้าของเธอดูนิ่งเฉยหลังจากที่ผมชวนคุยด้วย แถมในหัวของเธอน่าจะมีเรื่องอื่นให้คิดนอกจากผมเอง...แต่ก็ช่างเถอะ ช่วงสองวันมานี้เธอเหนื่อยมากเกินไปแล้วล่ะ
ไม่คิดอะไรแล้ว ปล่อยวางจะดีที่สุด เมื่อได้เครื่องดื่มมาแล้ว ผมรีบดิ่งไปหาหญิงสาวทันทีด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม แต่จู่ ๆ มือไม้ก็อ่อนปวกเปียกจนทำให้ถือแก้วน้ำพลาสติกอ่อน ๆ ไว้ไม่อยู่จนมันตกลงพื้นเทกระจาดไป ทำให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ตกใจและมองหน้าผมอย่างหงุดหงิด
"ทำอะไรของมึงวะ?" ใครสักคนด่าผมอยู่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ดวงตาของผมไม่มีทางโกหกในสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า....วินและฮีซุยกำลังกินขนมมันฝรั่งทอดเสียบไม้พร้อมกันโดยใช้ปากกัดคนละฝั่ง ฮีซุยยิ้มหน้าแดงให้กับวินแล้วเข้าไปออดอ้อนกับ 'มัน'
ทั้งสองหันมาหาผมทันทีที่ได้ยินเสียงแก้วพลาสติกกระทบถึงพื้นพร้อมของเหลวสาดประจายไปทั่วสารทิศ แต่เป็นฮีซุยที่เบิกตาโตราวกับความลับบางอย่างที่เธอกำลัง 'เก็บงำ' ไว้ได้ถูกเปิดโปง
"..." ไม่มีเสียงอะไรออกมาจากปากของผม...ให้ตายสิ...จู่ ๆ ก็รู้สึกจุกที่อกยังไงก็ไม่รู้
"นิว..." เสียงเล็ก ๆ ของหญิงสาวเรียกแต่ผมกลับทำเป็นไม่ได้ยิน เท้าของผมพาตัวเองออกไปจากตรงนั้นทันที สีหน้าของผมเฉยชา สมองว่างเปล่า ไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว จู่ ๆ หัวใจก็เต้นช้าลง
เรื่อย ๆ...เรื่อย ๆ...เรื่อย ๆ...
...............................
ถ้วยน้ำชาถูกวางไว้ตรงหน้าโดยก้านแก้วที่กลับมาที่บ้านเช่าพร้อมกับนอตได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงข้ามผมที่โต๊ะกินข้าวสี่เหลี่ยม เปิดไฟเพียงไม่กี่ดวงเพื่อประหยัดค่าไฟ ก้านแก้วเข้ามานั่งข้าง ๆ แฟนหนุ่ม พร้อมมองผมที่นั่งก้มหน้าอย่างเศร้าใจ บ้านทั้งหลังเงียบมานานแล้ว พล วิน และฮีซุยยังไม่กลับมา นอตจึงอยากจะคุยอะไรกับผมเกี่ยวกับฮีซุยและวิน
"สรุปคือมึงเห็นเมียมึงกับวินเดินด้วยกันสินะ?" ชายหนุ่มขมวดคิ้วพร้อมสรุปเรื่องที่ผมได้เล่าไป "คิดว่ามันตงิดใจสักหน่อยไหมล่ะ?"
ผมพยักหน้า
"ก็นั่นแหละ...กูก็ตงิดใจมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่ก็ไม่โทษมึงหรอก เพราะมึงมีฮีซุยอยู่นี่" นอตพูดอย่างใจเย็นพร้อมกับสายตาที่จับจ้องมาที่ผมโดยไม่ละทิ้งไปไหน "กูมองเกมพวกมันออกตั้งนานแล้วว่าพวกมันไม่ได้มาเพื่อทำงานให้กูหรอก เพราะคนอย่างมันเข้ามาเพราะว่ามีจุดประสงค์บางอย่าง แล้วตอนนี้มึงโดนพวกมันปิดตาอยู่ การที่มึงไปกระทืบไอ้เล้งผัวเก่าฮีซุย กลับมาในสภาพที่สะบักสะบอม ใครล่ะที่พาไปทำแผล ไม่ใช่พวกมันหรอก แต่เป็นกู"
ผมจำได้...วินและพลไม่มีใครว่างพาผมไปสักคน มีแต่เพียงเพื่อนซี้ของผมเท่านั้นที่ต่อให้วันนั้นจะไม่ว่างขนาดไหน เขาก็แบกผมขึ้นรถไปโรงพยาบาลทันทีโดนที่มีฮีซุยติดมาด้วย
"แล้วตอนนี้ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี?" ผมถามด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
"เอาจริง ๆ บอกตามตรงว่ากูเหนื่อยจากงานการแสดงมาหมาด ๆ จะไม่ช่วยก็ได้ แต่กูจะช่วยมึง..."
"ที่รักจ๋า!" เสียงของหญิงสาวดังเข้าพร้อมเข้ามากอดคอจากด้านหลัง ฮีซุยนั่นเอง...คราวนี้ผมแทบไม่ค่อยรู้สึกใจเต้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ผมแกะแขนของเธอออก ก่อนจะเข้าไปนอนขดอยู่ที่โซฟาในห้องทำงาน
"นี่...นิว...เป็นอะไรหรือเปล่า...?" เธอตามเข้ามาง้อผม...เอาจริง ๆ นะ ผมยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรงอน? โกรธ? เบื่อ? หงุดหงิด? คิดมาก? เลือกความรู้สึกที่จะแสดงไม่ถูกแล้ว...
ผมไม่ตอบอะไรเธอ ใบหน้าและแววตายังคงนิ่ง
"ที่รักคะ..." เธอเขย่าตัวผมซึ่งมันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด แต่กลับทำให้รู้สึกว่างเปล่าหนักกว่าเดิมไปอีก
เสียงถอนหายใจเบา ๆ ของเธอแตะที่หูก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอห่างออกไป ปล่อยทิ้งให้ผมจมอยู่ในความเงียบสงัดที่ดังที่สุด
อืม....ความเงียบมันดังแบบนี้นี่เอง
ไม่รู้ว่าใครเคยเป็นบ้าง การอยู่ในความเงียบที่เงียบที่สุด เงียบจนไม่มีเสียงอะไรแล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังอยู่ในหู
ผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรแต่มันทำให้ผมรู้สึกหนวกหูอย่างบอกไม่ถูก
_______________________________________________
To Be Continue Ep.15