นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
รัก,ชาย-หญิง,ดาร์ค,ไทย,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คืนทมิฬนิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...
หลังจาก 'นิว' อกหักกับแฟนเก่าโสเภณีจึงได้พบกับรักใหม่นาม 'ฮีซุย' หญิงสาวที่รอคอยมาแสนเนิ่นนานจากคำแนะนำของ 'วิน' เพื่อมาเยียวยาจิตใจ
โดยไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของแผนการร้ายในครั้งนี้
"คุณเสนอให้ผมแค่สิบสามล้าน? แล้วจะให้ผมทำซีรีส์ตั้งหนึ่งเรื่องเลยนะครับ" วินขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่อชายวัยกลางคนมาดนักธุรกิจสวมสูทสีน้ำเงินเข้ม ผูกไทอย่างเนี้ยบ ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ทรงผมปาดไปด้านหลัง ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องไปที่คู่สนทนา หลังเลนส์แว่นกรอบสี่เหลี่ยมซึ่งเผยแววว่าเขาดูไม่ค่อยพอใจกับการ 'ดีล' ในครั้งนี้สักเท่าไหร่
เราอยู่ที่บริษัทค่ายซีรีส์ระดับกลาง ๆ ที่มีหน้าที่ทำงานเป็นส่วนกลางในการจัดทำซีรีส์สมัยใหม่ โดยจะจ้างสตูดิโอทำเพื่อเอาลงช่องสตรีมมิ่งของตัวเองที่กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้าโดยใช้ชื่อว่า 'ไทยฟลิกซ์'
"ใช่แล้วครับ เพราะผมต้องการดูศักยภาพของพวกคุณก่อนที่จะจ้างทำในอีกโปรเจ็กต์ต่อ ๆ ไป" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบ ๆ มือวางประสานกันไว้บนโต๊ะ แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าเขาจะสบาย ๆ ก็ตามแต่ก็ไม่เปิดให้ใครเข้าหาง่าย ๆ...ก็แน่ล่ะ เรารอตั้งสองเดือนกว่าจะได้คิวเสนองาน
"ซีรีส์คนติดเกาะความยาวแปดตอนจบ แล้วตอนจบยังเป็นจบปลายเปิดแล้วไม่มีภาคต่อแบบนี้ สตูดิโอของผมจะได้สร้างต่อได้ยังไงกันล่ะครับ?" วินแย้ง
"ก็ขึ้นอยู่กับผลงานของพวกคุณว่าจะทำให้ผมไฟเขียวไปต่อกับเรื่องนี้หรือพับเก็บไว้เลยดี" ชายวัยกลางคนพจ้องเขม็งมาที่วิน นอตนั่งกอดอก สีหน้าไม่เอาบุญ รวมถึงก้านแก้วด้วย หลัง ๆ มานี้ถ้าไม่ใช่เรื่องงานพวกเขาจะไม่เข้ามาคุยเลยแม้แต่คำเดียว ความตึงเครียดค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาครอบงำพวกเรา นอตที่โยกหัวไปซ้ายทีขวาทีจนก้านแก้วต้องสะกิดให้เขาดึงสติกลับคืนมา รวมถึงฮีซุยก็ทำเช่นเดียวกันกับผม ส่วนพลนั่งเล่นเกมมือถืออย่างเสียมารยาท โดยที่ตัวเองไม่สนใจงานเลยแม้แต่นิดเดียว
"เรื่องนี่ควรจะเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่เพราะมันต้องไปอยู่กับทีมที่เพียบพร้อมทุกอย่าง เท่าที่ผมดูแล้วค่ายละครอื่น ๆ ก็ทำได้แค่ 'ละคร' ที่เห็นได้ตามทั่วไป มันไม่ใช่ 'ซีรีส์' ผมเลยไม่เรียกเข้ามาคุยโปรเจ็กต์นี้ยกเว้นสตูดิโอของคุณ" ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม
"การที่คุณพูดออกมาเยอะขนาดนั้นเป็นเพราะอยากจะจ้างพวกเราใจจะขาดใช่ไหมล่ะครับ?" วินแสยะยิ้มและเล่นแง่กับผู้อาวุโสกว่า
เอาจริง ๆ ตัวเลขกลม ๆ ที่เขาเสนอมาถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว แต่จากที่วินได้พูดออกมาทำให้คิดถึงค่าใช้จ่ายระหว่างกองในหนึ่งคิวอีก (หนึ่งคิวเท่ากับวันถ่ายหนึ่งวัน โดยจะเริ่มตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น) และนักแสดงที่จะเอามานั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีค่าตัวเท่าไหร่ จะดีลยังไง...ตรงนี้ถือว่ายากที่สุดสำหรับพวกเราแล้วล่ะ
ปั้ง!!
"ผมต้องการยี่สิบล้าน!" วินทุบโต๊ะอย่างแรงแล้วส่งสายตาอำมหิตใส่ชายวัยกลางคนก่อนจะเดินหนีออกไปจากห้อง สร้างความตกใจให้กับพวกเราอย่างมาก โดยเฉพาะนอต แต่ชายวัยกลางคนทำหน้าเศร้าก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปพร้อมกับเลขาสาวที่คอยบอกว่ากำหนดการต่อไปเป็นอะไร
....................................
ดีลนี้ไม่สำเร็จตามเคยตั้งแต่วินเข้ามาเป็นโปรดิวเซอร์ เขาเอาแต่นั่งกินนอนกินและเอากับ 'มาต้า' เพื่อนสาวของพลและยังเป็นคู่นอนของพลหรือเรียกว่า Friend With Benefit อีกด้วย ผม นอต และก้านแก้วต่างไม่ชอบผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะไปไหนกับวิน พวกเขาต้องไปเอากันก่อนเสมอ อย่างวันนี้ที่เกือบสายเพราะพวกแม่งไปแอบเอากันในห้องน้ำของบริษัทนี่แหละ ซึ่งนอตก็ไม่ยอมคุยกับเขาในเรื่องนี้สักทีเพราะกลัวว่าวินจะไม่พอใจและหนีจากเราไป (ลาออก) ผมมองว่ามันไม่ถูก
แต่ก็ช่างเถอะ ในฐานะเพื่อนก็ตัดขาดลงแล้ว เหลือเพียงแค่ 'นายจ้าง' และ 'ลูกน้อง' เท่านั้น ผมยังทำงานเป็นปกติ ที่แย่ยิ่งกว่านั่นก็คือ มันไม่มีงานให้ทำน่ะสิ...เงินค่าเช่าบ้านเริ่มเข้าเนื้อทีละนิดจนต้องโทรไปยืมเงินจากครอบครัวมาใช้
ระหว่างทางกลับบ้าน วินและมาต้านั่งเบาะหลังพร้อมกับพลที่กำลังเล่นเกมมือถือพร้อมกับชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพาวเวอร์แบงก์ของผม วินและมาต้าระดมจูบกันอย่างดูดดื่มและบ้าคลั่งอย่างกับวันนี้เป็นวันสุดท้ายของโลก ในไม่ช้าพวกเขามาต้นขึ้นไปนั่งคร่อมชายหนุ่มก่อนจะยัดดุ้นใส่ในร่องเยิ้ม ๆ ของเธอและขย่มกันจนผมต้องเปิดเพลงเพื่อกลบเสียง ส่วนฮีซุยก็ดึงมือให้ผมไปจับนมเธอตลอดการเดินทาง โดยต้องใช้มือขวามือเดียวในการควบคุมพวงมาลัย ซึ่งไม่ค่อยถนัดและจะทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ
"อ้าาส์ ๆ ๆ ๆ..ต..ตรงนั้น..อ๊าาส์ ๆ ๆ!!..อ..อื้ออห์..ส..เสียว..อ๊าาส์!!..อื้มมส์..อ๊าาส์..อ้ะะส์ ๆ ๆ!!!..อ." เสียงครางของมาต้าดังสนั่นรถจนเพลงที่เปิดแทบจะเอาไม่อยู่ บอกตามตรงเลยว่าไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ในหัวของผมโล่งไปหมด...จู่ ๆ มือของฮีซุยได้ยื่นมาสัมผัสกับเป้าผมที่เริ่มแข็งตัวอยู่ใต้กางเกง
"แข็งแล้วเหรอคะ?" เธอถาม "เดี๋ยวจะทำให้อ่อนลงเองนะ"
หญิงสาวรูดซิบกางเกงของผมลงก่อนจะงัดลึงท่อนโปรดออกมารูดปลายหุ้มลงแล้วยัดใส่ปาก ก่อนจะละเลงท่อนเอ็นด้วยลิ้นและโยกหัวขึ้นลงขึ้นลงจนผมน้ำแตกในปากของเธอ แล้วเก็บดุ้นที่กำลังอ่อนตัวผมพร้อมรูดซิปอย่างดีแล้วกลืนน้ำกามผมลงคอราวกับว่ามันเป็นน้ำหวานยังไงยังงั้น
"ดีนะเนี่ยที่ช่วงนี้ให้กินสับปะรดเยอะ ๆ" เธอปาดน้ำขาว ๆ ที่อยู่รอบริมฝีปากก่อนจะเลียจนสะอาด "หวานกว่าเดิมเยอะเลย"
หลัง ๆ มานี้เราแทบจะไม่ค่อยได้ไปไหนเลย ไม่ใช่ว่าไม่มีเวลาหรอก จริง ๆ แล้วเวลาเราเหลือเฟือ แต่ก็ใช้ไปกับเรื่องบนเตียงเสียส่วนใหญ่มันจึงกินเวลาที่อยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีเซ็กซ์มาเกี่ยวข้อง...ในความเป็นจริงผมเริ่มเบื่อซะแล้วสิ...วันหยุดก็อยู่แต่ในห้อง ตื่นมาก็เอา เสร็จไปสักพักก็ต่อยกสอง จากนั้นก็ยกสาม จนถึงเที่ยงค่อยสั่งอาหารแถว ๆ มหาวิทยาลัยมากิน หลังจากนั้นก็ออกไปเดินรอบหมู่บ้านให้ย่อยแล้วก็กลับไปเอาที่ห้อง จากนั้นก็นอน ตื่นมาเมื่อไหร่ก็เอากันอีก...หลังมื้อเย็นก็อีกรอบ ประมาณสองทุ่มก็อีกรอบ จากนั้นก็ยาวไปจนถึงเที่ยงคืน เฉลี่ยสิบกว่าครั้งต่อวัน...รู้สึกได้เลยว่าน้ำหนักผมลดลงอย่างรวดเร็วและเริ่มมีกล้ามเนื้อผุดขึ้น ใบหน้าเริ่มตอบจนออร่าค่อย ๆ แผ่ขยายจนนักศึกษาสาว ๆ บางคนต้องมาขอเบอร์ขอไลน์
"ผมมีแฟนแล้วครับ" ผมตอบห้วน ๆ ด้วยความง่วงนอนจากที่ตัวเองจัดหนักแฟนสาวเยอะไปหน่อย ซึ่งตอนนี้เพิ่งเลิกเรียน
"ไม่เป็นไรค่ะ ให้เราเป็นกิ๊กก็ได้ ยอม~" เธอยังคงตื้อไม่เลิก จริง ๆ เธอไม่ได้น่าเกลียดหรือไม่ดีพอที่จะปฏิเสธหรอกด้วยความที่ร่างบาง สวมแว่น ดวงตาเป็นประกาย มัดผมเปียสองข้างตัวเล็ก...สเปกผมเลยแหละ...
"น้องชื่ออะไรอยู่ปีไหนครับ?" ผมถาม
"ชื่อ 'เอ็มม่า' ค่ะ" เธอตอบ "อยู่คณะภาษาจีนค่ะ"
"อืม ๆ เข้าใจแล้ว" ผมพยักหน้าก่อนหันหลังเดินจากไป "ถ้าพี่เลิกกับแฟนพี่เมื่อไหร่จะตกลงทันทีเลยล่ะ"
ผมลั่นวาจาไว้แบบนั้น
ระหว่างที่กำลังเดินไปยังตึกลานจอดรถ จูก็โทรมาหลังจากที่ไม่ได้คุยกันมานาน
"ว่าไงเพื่อน? ไม่ติดต่อกันตั้งนาน" ผมรับสาย
"ไอ้นิว กูต้องเกริ่นก่อนว่ากูไม่อยากจะเข้ามายุ่งกับเรื่องของมึงและเมียมึงเลยด้วยซ้ำ แต่พอกูเห็นหน้าเมียมึงแล้วรู้สึกทะแม่ง ๆ ยังไงชอบกลว่ะ" คำพูดของเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันสองเดือนทำให้ผมเริ่มเดือดขึ้นมา "แต่สิ่งที่กูจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง กูสาบาน"
"แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ?" ผมเปลี่ยนโทนเสียง "ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องของแฟนกูใช่มั้ย?"
"ใช่"
"งั้นก็เลือกคำพูดมาให้ดี ๆ ล่ะ เดี๋ยวกูจะได้ตัดเพื่อนมึงไปอีกคน" ผมขู่ สายตามีเปลวเพลิงลุกโชน
"ไอ้นิว มึงคิดว่าฮีซุยเมียมึงตอนนี้มันดีสำหรับมึงแล้วเหรอวะ?" อีกฝ่ายยิงคำถามเข้ามา
"ก็ใช่น่ะสิ" ผมตอบห้วน ๆ
"แล้วอนาคตของมึงล่ะได้คิดไว้หรือยังว่าจะทำอะไร ต้องใช้ชีวิตยังไงโดยที่ไม่ต้องให้ไอ้วินและไอ้พลมาควบคุมมึงล่ะ?"
ควบคุม...?
"ควบคุมเหรอวะ...?" ผมทวนคำ
"มึงนึกดูให้ดีว่าไอ้พวกนั้นมันควบคุมมึงยังไงบ้าง?" จูเริ่มใช้วาทศิลป์เข้าว่า "เอาผู้หญิงมาล่อเพื่อให้มึงทำทุกอย่างที่มันสั่งไรงี้"
คำพูดของเขาทำให้นึกถึงวันที่วินจะขอยืมเงินไปซื้อของ แต่ผมก็ไม่มี ซึ่งวินก็พูดออกมาประมาณว่า 'แบบนี้จะไปดูแลฮีซุยได้ยังไง' สุดท้ายจึงต้องเอาเงินที่ได้จากการขายหนังโป๊ ซึ่งเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายให้กับมันไป ซึ่งในจิตใต้สำนึกที่ลึกที่สุด...ผมแค้นพวกนั้นมาก ๆ ที่เอาผู้หญิงมาล่อผม...
.
.
.
.
.
.
ผมเข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว...ทุกอย่างมันคือละคร ทุกอย่างมันคือการแสดง รวมถึงความรักปลอม ๆ ที่ฮีซุยโปรยใส่ผม!
ให้ตายสิ...จู่ ๆ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรมขึ้นมาทันที ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงไม่คิดให้เร็วกว่านี้วะ...? ทำไมถึงหลงอยู่ในอำนาจของความรู้สึกแบบนี้ด้วย...มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
ผมชักเกลียดเอาเรื่องทางเพศมาบงการชีวิตแบบนี้แล้ว...
"จู...ขอบคุณมาก...ตอนนี้เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว" ผมขมวดคิ้วและมองไปข้างหน้า
"ดีแล้วที่คิดได้ เดี๋ยวก็ไปรับเมียก่อนนะ กู Miss Call มามันมาหลายสายแล้ว และอีกอย่างนึงนะ ต่อให้มึงจะโสด ยังไงก็ต้องขอบคุณตัวเองที่มึงขายหัวใจแต่ไม่ใช่วิญญาณ"
"อืม" จูวางสายไปแล้ว
จากนั้นผมก็กดโทรไปหาใครคนหนึ่ง คนที่จะช่วยผมได้ในตอนนี้
________________________________________________
To Be Continue Ep.18