นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...

คืนทมิฬ - ตอนที่ 19 เส้นทางยังอีกยาวไกล โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ดาร์ค,ไทย,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คืนทมิฬ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ดาร์ค,ไทย,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

คืนทมิฬ โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

หลังจาก 'นิว' อกหักกับแฟนเก่าโสเภณีจึงได้พบกับรักใหม่นาม 'ฮีซุย' หญิงสาวที่รอคอยมาแสนเนิ่นนานจากคำแนะนำของ 'วิน' เพื่อมาเยียวยาจิตใจ

โดยไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของแผนการร้ายในครั้งนี้

สารบัญ

คืนทมิฬ-ตอนที่ 1 One More Night,คืนทมิฬ-ตอนที่ 2 หญิงสาวผู้มากับฝน,คืนทมิฬ-ตอนที่ 3 ทั้งวัน…ทั้งคืน,คืนทมิฬ-ตอนที่ 4 ร้อนตัว,คืนทมิฬ-ตอนที่ 5 ดวงใจกลายเป็นก้อนหิน,คืนทมิฬ-ตอนที่ 6 การมาถึงของขงเบ้ง,คืนทมิฬ-ตอนที่ 7 นางฟ้า,คืนทมิฬ-ตอนที่ 8 ทางสะดวก,คืนทมิฬ-ตอนที่ 9 ระบายมันออกมา,คืนทมิฬ-ตอนที่ 10 Netoru (NTR),คืนทมิฬ-ตอนที่ 11 คำสารภาพจากเหยื่อ,คืนทมิฬ-ตอนที่ 12 พิโรธ,คืนทมิฬ-ตอนที่ 13 เพื่อเธอ...แค่นี้เราทำได้,คืนทมิฬ-ตอนที่ 14 ความเงียบที่ดังสนั่น,คืนทมิฬ-ตอนที่ 15 หูเบา,คืนทมิฬ-ตอนที่ 16 สวิงกิ้งอย่างบ้าคลั่ง,คืนทมิฬ-ตอนที่ 17 ดวงตาเห็นธรรม,คืนทมิฬ-ตอนที่ 18 หนี,คืนทมิฬ-ตอนที่ 19 เส้นทางยังอีกยาวไกล,คืนทมิฬ-ตอนพิเศษที่ 1 สิ่งที่ต้องสะสาง,คืนทมิฬ-ตอนพิเศษที่ 2 หลังจากนั้น,คืนทมิฬ-ตอนพิเศษที่ 3 เมื่อชีวิตต้องเดินต่อไป

เนื้อหา

ตอนที่ 19 เส้นทางยังอีกยาวไกล

"บ๊าย...บาย..." คำสุดท้ายที่ผมบอกก่อนจะขึ้นรถและขับออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยที่นอตและก้านแก้วขับตามมาระหว่างที่ค่อย ๆ มืดลงจนผมต้องเปิดไฟหน้ารถเพื่อที่จะไม่ต้องพลาดไปชนกับอะไรเข้า เมื่อถึงบ้านใหม่ของเรา 

ผมจัดการขนของขึ้นไปบนห้องใหม่ของผมแล้วจัดของจากห้องที่มีเพียงเตียงได้และโต๊ะเป็นห้องของผมจริง ๆ ซึ่งใช้เวลาจัดไม่ถึงชั่วโมง เมื่อติดตั้งเมาส์ปากกาเรียบร้อย แต่ปากกาสำหรับวาดนั้นหาย ผมพยายามควานหาไปรอบห้องและในรถก็ไม่มีวี่แววจะเจอเลยแม้แต่นิดเดียว

"หายไปไหนวะ...?" ผมบ่นพึมพำกับตัวเองพลางปาดเหงื่อแต่แล้วก็รู้สึกว่าเจ็บที่ศีรษะ จึงให้ก้านแก้วทำแผลให้ เธอใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลซึ่งเจ็บมากจนต้องกอดนอตเอาไว้

"โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะคนเก่ง..." เขาลูบหลังปลอบใจ จากนั้นก้านแก้วก็นำยามาทาและพันรอบศีรษะด้วยผ้าพันแผลจนตอนนี้อาการเจ็บเริ่มบรรเทาลงไปนิดหน่อยแล้ว

"เดี๋ยวจะไปเอาเมาส์ปากกาที่บ้านหลังเก่านะ" ผมบอก

"ให้กูไปเอาก็ได้ ถ้ามึงไปเจอฮีซุยแล้วใจอ่อนขึ้นมาจะทำยังไง?" นอตถามด้วยความเป็นห่วง

"ไม่เป็นไรหรอกน่า ตอนนี้เราไม่รู้สึกอะไรกับเธอแล้วล่ะ" ผมยิ้มยิงฟันก่อนจะขึ้นรถและขับกลับไปยังบ้านเก่า ระหว่างนั้นสีหน้าของผมดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ เพราะผมไม่รู้ว่าถ้าได้ก้าวเข้าไปในบ้านนั้นอีกครั้งผมจะเจออะไร

ถ้าจะต้องปะทะ...ผมจะไม่ปรานีอีกเลย...

 

.....................................

 

ภายนอกบ้านดูเงียบสงัด ชั้นหนึ่งนั้นดูไม่มีใครอยู่บ้านทั้ง ๆ ที่รถของวินและพลยังจอดอยู่ครบ ผมจึงค่อยเดินเข้าไปในบ้าน มือขวาถือปากกาไว้เป็นอาวุธป้องกันตัวเผื่อว่าไอ้พวกนั้นจะซุ่มโจมตีผมอยู่...แม้ว่ามันจะไม่ซุ่ม แต่ถ้าจะให้สู้กับคนที่ตัวใหญ่และแข็งแกร่งกว่าทีเดียวสองคนผมคงจะทำไม่ได้...และเมาส์ปากกาอันนั้นผมใช้เงินทั้งหมดที่มาจากน้ำพักน้ำแรงผมด้วย...จะให้มันหายไปกับพวกมันไม่ได้!

ผมกระชับปากกาพร้อมกับเช็กให้มั่นใจว่าปลายแหลมนั้นยื่นออกไปด้านหน้า แล้วจึงยกขึ้นในท่าพร้อมแทงทันทีเมื่อใครเข้าใกล้แล้วค่อย ๆ เปิดประตู...

 

ไม่ได้ล็อก...?

 

ผมจึงค่อย ๆ ผลักประตูเข้าไปอย่างเงียบ ๆ สิ่งที่ตอบมาก็คือความเงียบเช่นกัน ไฟเปิดอยู่ทุกดวง ห้องโถงยังคงรกอยู่เหมือนเดิม สิ่งของของพวกมันยังอยู่ครบ เมื่อเห็นว่าทางสะดวกแล้วจึงพุ่งเข้าไปที่ห้องทำงานทันทีและเห็นว่าเมาส์ปากกาวางอยู่บนพื้น

ขอบคุณพระเจ้าจริง ๆ!!

 

ผมหยิบมันใส่กระเป๋าแล้วจะวิ่งออกจากบ้านแล้วไม่หันกลับมาอีกเลย ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างมาจากข้างบน ด้วยความสงสัยว่าที่พวกมันโดนพูดขนาดนั้นแล้วทำไมยังคงเสียงดังข้างบนอีก สัญชาตญาณของผมบอกให้ก้าวเท้าขึ้นไปดู แต่สมองดันบอกว่าอย่า...ตอนนี้เหมือนกับว่ามีทูตเทวดาและมารร้ายตีกันในหัว

เทวดา: อย่าไปเลยนะ...กลับกันเถอะ ถ้านายเจอฮีซุยแล้วใจอ่อนขึ้นมาจะทำยังไง?

มารร้าย: ลองขึ้นไปดูให้หน่อยเซ่! อยากรู้จังเลยว่าพวกมันกำลังทำอะไรกัน

เทวดา: โอ๊ยยย~~!! อย่าขี้เสือกไปหน่อยเลยน่า มันไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย สิ่งที่นายต้องทำคือก้าวเท้าลงจากขั้นบันไดนี่เสีย แล้ววิ่งกลับไปหานอตและก้านแก้ว ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับฮีซุยและพวกสวะไว้ที่นี่เถอะ

มารร้าย: พวกมันกำลังทำอะไรอยู่ด้านบนกันนะ...

"อยากรู้จังเลย..." ผมพูดตามมารร้ายในหัวราวกับถูกสะกดจิตจากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าขึ้นไป ทูตเทวดาของผมร่างสลายไปในทันที มารร้าวแสยะยิ้มหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ด้วยเบื้องหลังด้วยคำต่าง ๆ นานา ขาของผมค่อย ๆ ก้าวไปทีละขั้นทีละขั้น เสียงที่ได้ยินก็ค่อย ๆ ชัดขึ้น...มันเป็นเสียงคราง...เสียงครางของผู้หญิง แต่ผมไม่มั่นใจว่าเป็นใคร...อาจจะเป็นของมาต้าก็ได้ ปกตินางชอบครางเสียงดังแบบนี้เวลาเอากับวิน ตอนที่เอากันบนรถในตอนนั้นผมโคตรจะหงุดหงิดเลย...

เท้าของผมเหยียบขั้นสุดท้ายของบันไดแล้ว ประตูห้องของพลเปิดแง้มอยู่ มีแสงไฟลอดออกมาจากช่องว่าง ผมยื่นมือดันบานประตูเข้าไปเบา ๆ มันค่อย ๆ เปิดออก

จนผมได้ผมได้พบกับความจริง...

"อ๊าาส์ ๆ ๆ!!.อ..อ๊าาส์ ๆ ๆ ๆ!!..อ้ะะส์ ๆ ๆ..จ..จุก!!..อ๊าาส์ ๆ ๆ!!..อื้ออส์ ๆ ๆ ๆ..อ๊ยย!!..อ๊ะะส์ ๆ ๆ!!.อ๊ะะส์ ๆ ๆ ๆ!!!..อ..อ้าาส์ ๆ ๆ!!!!..จ..จุก!!..อ้ะะส์ ๆ ๆ..อ๊าาาส์ ๆ ๆ ๆ!!!..อ่ยย!!..อ้าาาส์..อื้ออส์ ๆ ๆ ๆ!!!..อ..อ๊าาส์ ๆ ๆ!อ..อ่าาส์ ๆ..อ๊ะะส์ๆๆๆ!!!..อ..อื้มมส์ๆๆ!!!...อ๊ะะส์ๆๆๆ!!!..หน่อย~..อ้าาส์ๆๆ..อ๊าาส์ๆๆ!!..อ..อื้ออห์..ส..!!!!" เสียงครางของผู้หญิงสองคนดังประสานกันดังออกมาจากห้อง...ใช่ครับ...คนแรกก็คือมาต้าที่กำลังโดนพลกระแทกในท่าด๊อกกี้

ส่วนอีกคนก็คือ...ฮีซุยที่กำลังโดนวินจับกระแทกช่องคลอดในท่าหักปีกนางฟ้าหันหน้าเข้ามาหาผม สีหน้าของเธอดูเสียวซ่านยิ่งกว่าตอนที่กำลังเอากับผม ดวงตาเหลือกขึ้น ใบหน้าแดงก่ำ แลบลิ้นพร้อมกับครางออกมาเป็นจังหวะ ทุกคนที่เห็นผมดูไม่ตกใจหรือแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว วินมองหน้าผมก่อนจะแสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายแล้วใส่แรงกระแทกมดลูกฮีซุยจนเธอยิ่งร้องหนักกว่าเดิม

"กลับมาเร็วจังเลยนะ" ใครบางคนออกมาจากมุมมืด ผมยังจำใบหน้านี้ได้

 

ผมเบิกตาโตเมื่อเห็นคน ๆ นั้น...'เล้ง'

 

"นึกอยู่แล้วว่านายจะมา...ให้ตายสิ ใจร้ายจังเลยนะ คลายมนตร์สะกดของฮีซุยได้ยังไงกันล่ะเนี่ย" เล้งเดินเข้ามาลูบหัวฮีซุยที่ตอนนี้ไม่น่าจะได้สติ "น้ำหอมฟีโรโมนเรียกรักสูตรของฉันนี่มันใช้ได้ผลกับคนอื่น แต่ไม่ได้ผลจนสุดทางกับนายงั้นเหรอ?" เล้งหยิบขวดน้ำหอมภายในบรรจุของเหลวสีอมพูอมม่วงขึ้นมาก่อนจะฉีดใส่ฮีซุย

"เอาอีก!! เอาอีก!! กูต้องการมัน!! เอามันมาให้อีก!! ซี๊ดดด!! อ๊าาาาา!! เสียว!! เสียวมาก ๆ!!"

กลิ่นหอม ๆ บางอย่างลอยมาแตะจมูก ซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกับที่เคยดมจากหญิงสาวในวันแรกที่ได้เจอ...มันไม่ใช่น้ำหอมธรรมดา!!

เล้งฉีดน้ำหอมใส่วิน หลังจากนั้นจังหวะการหายใจของมันก็เปลี่ยนไป เขากระแทกช่องคลอดของอดีตแฟนสาวของผมแรงมากขึ้น หญิงสาวยิ่งร้องครางมากกว่าเดิม...

.

.

.

.

น้ำหอมนั่น...ทำให้คนมีอารมณ์ทางเพศมากขึ้นงั้นเหรอ...?

"ทุกอย่างมันเป็นละครก็จริง แต่ละครก็ต้องมีอุปกรณ์ประกอบฉากหน่อยสิ ถูกไหม?" เล้งถอดกางเกงออกเผยให้เห็นท่อนเอ็นอันมหึมา...ใหญ่กว่าผมเป็นสิบเท่าเลยทีเดียว เขายื่นหน้าไปดมที่ต้นคอของฮีซุยก็ทำให้มันผงาดขึ้นจนมีขนาดเท่ากับแขนนักกล้าม ก่อนจะยื่นไปที่ปากของหญิงสาว ดวงตาอันไร้วิญญาณของเธอเห็นดังนั้นจึงคว้าเอามายัดเข้าปากทันทีแล้วยัดลงคอจนเห็นรอยที่ลำคอของเธอ

"นี่คือตัวจริงของฮีซุยที่มึงรักนักรักหนาไง แบบนี้จะทำยังไงล่ะ?" เล้งยักคิ้วข้างหนึ่งและแสยะยิ้มออกมาอย่างมีชัย" ระหว่างที่พวกมึงคบกัน...อืมม.เสียวดีแท้...ฮีซุยก็แอบไปเอากับวินบ้าง พลบ้าง และกูบ้าง บอกได้เลยว่าเป็นตุ๊กตายางดี ๆ ที่ไร้ชีวิตเลยทีเดียว แล้วการสวิงกิ้งแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก"

ภาพที่ผมเดินออกไปเรียนแล้วฮีซุยอยู่บ้านกับวิน

ภาพที่ฮีซุยนอนคว่ำและวินคร่อมอยู่ด้านหลัง อวัยวะเพศของทั้งสองเชื่อมต่อกัน ซอยเข้าซอยออก น้ำกามพุ่งเข้าไปในช่องคลอดแล้วรีบไปล้างเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐานเพื่อไม่ให้ผมรู้

 

ผมพูดอะไรไม่ออก...

..........................................

 

รู้สึกตัวอีกทีคือผมขับรถกลับมาอยู่ที่บ้านใหม่แล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถึงนี่ได้ยังไง...? วาร์ปมาเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก...ก็คงจะใช้...'สุดยอดสัญชาตญาณ' แบบไม่รู้ตัวอีกแล้วสินะ...ให้ตายสิ...เมื่อกี้นี่มันอะไรกัน...ภาพที่อดีตแฟนสาวกำลังเอากับผู้ชายคนอื่นทั้ง ๆ ที่เพิ่งเลิกกันผม...ไม่สิ...มันเอากับผู้ชายคนอื่นลับหลังผมมาตั้งนานแล้วต่างหาก ผมถูกสวมเขามานานหกเดือน...

.

.

.

หลังจากนี้ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี...?

ผมรู้สึกว่าตัวเองโง่เกินกว่าจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว...?

 

"ไอ้นิว! มึงอย่านะเว่ย!!" เสียงของนอตดังเข้ามาในหัวทำให้ผมได้สติกลับคืนมา...เหมือนกับว่าเพิ่งตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย แต่ที่ร้ายกว่าก็คือมือขวาของผมกำลังถือมีดจ่อที่เส้นเลือดใหญ่ เพียงออกแรง ปลายมีดทำครัวอันแหลมคมก็แทงทะลุจนเลือกไหลหมดตัวแน่นอน ดวงตาของผมเบิกขึ้นแล้วทิ้งมีดลง

นอตวิ่งเข้ามาล็อกร่างกายผมเอาไว้ ส่วนก้านแก้ววิ่งเข้ามาหยิบมีดทำครัวที่พื้นแล้วโยนเข้าไปในห้องน้ำเพื่อให้อยู่ไกลมือผมแล้วเข้ามาตบหน้าผมฉาดหนึ่งเพื่อให้สติกลับคืนมา

"มึงบอกกูมาสิว่ามึงไปเจออะไรมา!?" นอตถาม "แค่มึงกลับไปเอาเมาส์ปากกาถึงกับต้องวิ่งมาหยิบมีดเพื่อจะฆ่าตัวตายเลยเหรอวะ!?"

"...." ในหัวของผมไม่เหลืออะไรนอกจากความว่างเปล่า ไม่มีคำตอบ ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำพูดอะไรใด ๆ แก้ตัว มีแต่เพียงเศษเสี้ยวสัญชาตญาณที่สั่งให้ผมทำแบบนั้น

ผมค่อย ๆ เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่นอตและก้านแก้วเจอ ทั้งสองต่างเข้ากอดเข้ามาปลอบใจผมหลังจากที่ฟังจบแล้ว

"ไม่เป็นไรนะมึง เดี๋ยวมึงก็ได้เจอกับคนที่ดีกว่านี้ คนที่เหมาะสมกับมึง คนที่จะกลายเป็นแม่ของลูกมึงในอนาคตแน่นอน" เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็ปล่อยโฮออกมาและกอดทั้งสองแน่น

.......................................

 

เส้นทางของผมยังอีกยาวไกล ไกลเกินกว่าที่ตัวเองจะรู้สึก จากที่ผมนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงคนเดียวในห้อง ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าบริษัทที่ผมจะต้องเข้าไปสัมภาษณ์งาน หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์สุดแสนสะเทือนใจในครั้งนั้น มันยังอยู่ในใจผมตลอดมา แต่เลือกที่จะไม่เปิดเผยให้ใครเห็นนอกจากเอาไปเขียนอยู่ในหน้าสมุดสักเล่มแล้วเก็บเอาไว้ที่ไหนสักแห่งเพื่อเป็นการ 'ย้าย' ข้อมูล 'ขยะ' ลงไปในที่ที่มันควรอยู่ กาลเวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่งรวมถึงรักครั้งใหม่ ๆ จะค่อยถมทับมันไปจนเราลืมไปว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเราเคยประสบพบเจอกับคำถามในใจกับผู้หญิงคนหนึ่งว่าเขาเข้ามาในชีวิตของเราด้วยจุดประสงค์อะไร

 

จะ 'รัก' หรือจะ 'หลอก'

 

แต่ก็ช่างเถอะ แม้ว่าผมจะใจแป้วไปครั้งหนึ่งตอนที่เจอเธอในงานรับปริญญา เธอตัดผมสั้น ย้อมผมเป็นสีทองเข้ม อ้วนขึ้นนิดหน่อย แต่เธอสวมชุดครุยสีดำคลุมทั้งตัว จึงไม่ทราบว่าหุ่นของเธอจะหนาขึ้นหรือบางลง ถ้าผมเดินเข้าไปไกล้ ๆ เธอ ผมจะโดนน้ำหอมฟีโรโมนนั่นอีกไหม...แต่ก็คงจะไม่แล้วล่ะ เพราะผมเลือกที่จะตีตัวออกหาก แต่คิดในใจว่า....

 

หากผมย้อนเวลากลับไปได้...ผมจะไม่มีวันหลงรักเธอเด็ดขาด

_________________________________________________

To Be Continue Special Ep.1