นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...

คืนทมิฬ - ตอนพิเศษที่ 1 สิ่งที่ต้องสะสาง โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ดาร์ค,ไทย,สะท้อนปัญหาสังคม,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คืนทมิฬ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ดาร์ค,ไทย,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

คืนทมิฬ โดย นิวไม่จิ๋ว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาจากเหตุการณ์จริงของผู้เขียน ความโชคร้ายของผมก็คือการที่ได้เป็นแฟนคุณ...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่แยแสคุณอีกเลย...

ผู้แต่ง

นิวไม่จิ๋ว

เรื่องย่อ

หลังจาก 'นิว' อกหักกับแฟนเก่าโสเภณีจึงได้พบกับรักใหม่นาม 'ฮีซุย' หญิงสาวที่รอคอยมาแสนเนิ่นนานจากคำแนะนำของ 'วิน' เพื่อมาเยียวยาจิตใจ

โดยไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของแผนการร้ายในครั้งนี้

สารบัญ

คืนทมิฬ-ตอนที่ 1 One More Night,คืนทมิฬ-ตอนที่ 2 หญิงสาวผู้มากับฝน,คืนทมิฬ-ตอนที่ 3 ทั้งวัน…ทั้งคืน,คืนทมิฬ-ตอนที่ 4 ร้อนตัว,คืนทมิฬ-ตอนที่ 5 ดวงใจกลายเป็นก้อนหิน,คืนทมิฬ-ตอนที่ 6 การมาถึงของขงเบ้ง,คืนทมิฬ-ตอนที่ 7 นางฟ้า,คืนทมิฬ-ตอนที่ 8 ทางสะดวก,คืนทมิฬ-ตอนที่ 9 ระบายมันออกมา,คืนทมิฬ-ตอนที่ 10 Netoru (NTR),คืนทมิฬ-ตอนที่ 11 คำสารภาพจากเหยื่อ,คืนทมิฬ-ตอนที่ 12 พิโรธ,คืนทมิฬ-ตอนที่ 13 เพื่อเธอ...แค่นี้เราทำได้,คืนทมิฬ-ตอนที่ 14 ความเงียบที่ดังสนั่น,คืนทมิฬ-ตอนที่ 15 หูเบา,คืนทมิฬ-ตอนที่ 16 สวิงกิ้งอย่างบ้าคลั่ง,คืนทมิฬ-ตอนที่ 17 ดวงตาเห็นธรรม,คืนทมิฬ-ตอนที่ 18 หนี,คืนทมิฬ-ตอนที่ 19 เส้นทางยังอีกยาวไกล,คืนทมิฬ-ตอนพิเศษที่ 1 สิ่งที่ต้องสะสาง,คืนทมิฬ-ตอนพิเศษที่ 2 หลังจากนั้น,คืนทมิฬ-ตอนพิเศษที่ 3 เมื่อชีวิตต้องเดินต่อไป

เนื้อหา

ตอนพิเศษที่ 1 สิ่งที่ต้องสะสาง

เสียงกำปั้นกระทบกับกระสอบทรายดัง ตุ้บ! ตั้บ! ตุ้บ! ตั้บ! ณ ค่ายมวยแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพมหานคร ที่มีเจ้าของเดียวกันกับอะพาร์ตเมนต์ค่ายมวย เป็นอะพาร์ตเมนต์ที่มีค่าเช่ารายเดือนแพงที่สุดในย่าน ซึ่งไม่ใช่ว่าเคยมีประวัติหรืออะไร มันก็เหมือนห้องราคาสี่ห้าพันธรรมดา แต่เจ้าของกลับคิดถูกกว่านั้นครึ่งหนึ่ง! เขาคนนั้นก็คือ 'พี่ต้อม' อดีตนักมวยฝีมือระดับตำนานยืนกอดอกมองลูกศิษย์ซ้อมต่อยกระสอบทรายบ้าง บางคนที่เพิ่งมาถึงก็ให้ไปกระโดดเชือกห้านาทีและกระโดดบนยางรถอีกสิบนาทีเพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง แม้ว่าค่ายมวยของพี่ต้อมนั้นเป็นสถานที่ที่เอาไว้ออกกำลังกายก็จริง แต่ในทางกลับกัน เขายังรับสอนศิลปะป้องกันตัวเหมือนกับ 'พี่ไท' ศิษย์รุ่นพี่อีกด้วย แต่ดูเหมือนว่าวันนี้พี่ไทจะไม่อยู่ ผมเห็นว่าพี่ต้อมปิดค่ายมวยไปครึ่งปีแล้ว เพิ่งมาเปิดด้วยเหตุผลที่ไม่แน่ชัด แต่นั้นผมไม่สนใจหรอก

ผมเดินสะพายกระเป๋าไปหาพี่ต้อม เขาหันขวับพร้อมเหวี่ยงหมัดขวาพร้อมฮุกเข้าที่ซี่โครง แต่ผมกระโดดหลบเขาได้อย่างง่ายดายตามสัญชาตญาณ ผู้เป็นครูเห็นดังนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างพอใจ ดวงตาของเขามองเข้ามาในดวงตาของผมราวกับว่าเห็ยพรสวรรค์บางอย่างที่เขาอุตส่าห์ฝึกผมมานานกว่าเดือน

"สัญชาตญาณเฉียบคมขึ้นนะไอ้นิว" เขาพูด "วันนี้ไม่ต้องมาฝึกแล้วก็ได้ ถือว่าจบคอร์สแล้วล่ะ"

"แค่ผมหลบหมัดครูได้หมัดเดียวเขาเรียกว่าจบคอร์สได้ยังไงล่ะครับ?" ผมถามกลับ

"โฮ้! ปากหมาแบบนี้ขึ้นมาเดี่ยว ๆ กับครูหน่อยเป็นยังไง!?" พี่ต้อมชี้นิ้วโป้งไปยังเวทีมวย "ถ้าชนะครูได้ ครูจะให้เป็นเบอร์สองรองจากไอ้ไทเลยเป็นไง?"

"ฝีมือผมไประดับนั้นแล้วเหรอครับ?" ผมถามเอียงคอถามพร้อมกับดวงตาที่ไร้ความรู้สึกจับจ้องไปที่ชายหนุ่มร่างกายกำยำ

"จะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ?" เขาแสยะยิ้มออกมา

 

.........................................

 

นวมสีดำคู่ใหญ่ถูกสวมไว้ที่มือทั้งสองข้าง เพื่อนในนั้นช่วยผมพันมือด้วยผ้ายาวประมาณสิบเมตรเพื่อป้องกันข้อมือซ้น จากนั้นค่อยสวมนวมทับอีกทีจากนั้นก็กระชับให้แน่นเพื่อจะได้ไม่หลุดเวลาปล่อยหมัด ผมถอดเสื้อเหลือแต่กางเกงมวยสีดำ เผยให้เห็นหุ่นที่เปลี่ยนไปอย่างมากของผม กล้ามเนื้อที่ปกคลุมร่างกายแทนไขมัน แผงอกกว้าง ซิกซ์แพ็กเป็นลอนเป็นก้อนสวยได้รูป และกล้ามแขนที่ดูแน่นกระชับ นั่นคือผลจากการฝึกของผมเป็นเวลาหนึ่งเดือน

เมื่อถึงเวลาผมค่อย ๆ เดินเข้าไปหาพี่ต้อมที่กำลังเดินเข้ามาเจอกันที่กลางเวที กรรมการเป็นพี่ผึ้ง ภรรยาของพี่ต้อม ให้สัญญาณเริ่มชก เขาตั้งท่าอยู่นิ่ง ๆ จากนั้นเขาปล่อยหมัดออกมาอย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาที ผมจึงใช้ 'วิชาสัญชาตญาณ' หลบมันพ้นแล้วสวนเข้าที่ซี่โครงซี่เล็กที่สุดซึ่งเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของมนุษย์ในทันที จู่ ๆ ร่างกายก็ขยับไปเอง ผมกระโดดหลบจระเข้ฟาดหางของเข้าไว้ได้...ให้ตายสิ ทำได้ยังไงเพียงเสี้ยววิฯ!!?

ผมเห็นช่องโหว่ที่เท้าซ้ายที่กำลังยันกับพื้นอยู่ จะกวาดขาเตะอย่างแรงและดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้จึงกระโดดขาเดียวทำให้การโจมตีไร้ผล ผมกัดฟันอย่างหงุดหงิดแล้วพุ่งเข้าไปประเคนหมัดใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่ยั้งมือ คราวนี้ผมใช้โอกาสจากที่พี่แกลอยตัวอยู่บนอากาศได้เพียงไม่กี่วินาทีชกเข้าที่ลิ้นปี่ของเขาเต็ม ๆ

"อั้กกก!!" เขาพลาดที่ตัดสอนใจกระโดดแบบนั้น

เขาเปิดฉากการโจมตีสวนกลับ หมัดของพี่ต้อมเร็วกว่าของผมเป็นเท่าตัว แต่ก็ใช่ว่าจะหลบได้ทุกหมัด จากนั้นเขาวาดขามาจะเตะผม แต่ผมใช้แขนขวาล็อกพร้อมกับหมุนตัวเหวี่ยงศอกซ้ายกระแทกที่ใบหน้าของชายหนุ่มเต็ม ๆ ผมไม่รอให้เขาตั้งหลักได้หรอก เขาเริ่มย่อตัวแล้ว ผมจึงพุ่งเข้าไปเหยียบที่ต้นขาของอาจารย์แล้วอีกข้างขึ้นไปเหยียบที่ไหล่ของเขา ก่อนที่จะลงศอกขวาไปกลางศีรษะของเขาทั้งที

 

'ไต่เขาพระสุเมรุ!'

 

เมื่อเห็นพี่ต้อมโซเซ ผมกระโดดผละออกจากเขาจึงพุ่งเข้าไปหมุนตัวกลับหลังไปทางด้านขวาด้วยเท้าซ้าย โน้มตัวลงต่ำ เหวี่ยงเท้าขวาเข้าใส่บริเวณก้านคอของพี่ต้อมเต็ม ๆ จนทำให้ครูมวยต้องหงายหลังลงไปนอนกับพื้นถือเป็นการจบเกม

'จระเข้ฟาดหาง!'

 

"เชี่ย...ไอ้นิวแม่งน็อกครูต้อมได้ในยกแรกว่ะ" เสียงพวกลูกศิษย์ต่างซุบซิบกัน

"กลายเป็นพี่ไทหมายเลขสองไปแล้วสิ..."

"เดือนที่แล้วยังหอบแฮ่ก ๆ เป็นลูกหมาอยู่เลย"

.....

เอาเวลานินทาไปซ้อมไม่ดีกว่าเหรอวะ...?

พี่ต้อมยอมรับผมในฐานะลูกศิษย์เบอร์หนึ่งในปัจจุบัน แต่ก็ยังเป็นหมายเลขสองถ้านับพี่ไทเข้าไปด้วย เขาบอกว่าสัปดาห์หน้าจะให้ผมลองขึ้นชกกับพี่ไทดู ซึ่งผมก็ไม่เกี่ยงอะไรแต่รู้สึกประหม่านิดหน่อย

"แล้วจะไปไหนต่อล่ะเนี่ย? กลับไปหาแฟนเหรอ?" พี่ต้อมถามในขณะที่ผมถอดนวม พี่ผึ้งเอาน้ำแข็งมาประคบที่รอยช้ำตามร่างกาย

"เอ็มม่าน่าจะไปหาเพื่อนน่ะครับ แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะว่าคืนนี้ผมมีบางอย่างที่ต้องสะสาง" ผมพูดเป็นปริศนา

พี่ต้อมมองผมด้วยสายตาเฉียบคมก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ

"อืม ๆ เข้าใจแล้ว พยายามด้วยล่ะ คนแบบนั้นสมควรตายไปเสียก็ดี" ใช่ครับ...ผมเล่าเรื่องฮีซุยให้กับพี่ต้อมฟัง เขาถึงพอเข้าใจว่าผมเรียนมวยไปเพื่ออะไร

 

......................................

 

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กลับมายืนอยู่หน้าบ้านหลังนี้ จริง ๆ พวกมันมีเวลาเพียงเจ็ดวันในการย้ายของและทุกอย่างออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่เล้งมีปัญญาและเงินจากการใช้ถ้ำสวาทเมียตัวเองในการขูดเลือดขูดเนื้อชาวบ้านไปทั่ว จึงทำให้มีเงินมาทำสัญญาเช่าบ้านใหม่ สุดท้ายมันก็ยังคงอยู่ต่อ ในเวลาเดียวกันผมไม่ได้คิดที่จะเรียนมวยเพื่อเอาไว้ปกป้องคนที่ผมรักเพียงอย่างเดียวหรอก เพียงเพื่อที่จะกลับมาปิดจ็อบในสิ่งที่ผมเผลอใจไปแล้ว

 

'ฆ่าแม่งให้หมดนี่แหละ!!'

....

เสียงเคาะประตูดังขึ้น บุคคลภายในบ้านซึ่งตอนนี้ประกอบไปด้วยฮีซุย พล วิน มาต้า เล้ง และผู้ที่ถูกหลอกสองคน ผมไม่รู้จักพวกเขา แต่ดูแล้วที่บ้านคงจะทำธุรกิจใหญ่โตได้ขนาดนี้

"เสียงใครเคาะประตูวะ?" วินถาม

"เดี๋ยวกูไปเปิดประตูให้ละกัน" พลวางมือถือลงก่อนที่จะเดินไปที่ประตูบ้านแล้วเปิดออก เขาผงะเมื่อเห็นผมยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างไม่คาดคิด

"ไอ้เชี่ยนิว...?" ผมแสยะยิ้มก่อนจะกระโดดถีบชายร่างสูงกระเด็นไปกระแทกกำแพงอย่างแรง ทำให้ทุกคนในบ้างต่างตกใจให้กับสถานการณ์ในบ้าน ผู้ถูกหลอกสองคน มีผู้หญิงอยู่ข้างกาย คนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ กับฮีซุย อีกคนอยู่กับมาต้า...เท่าที่ดูจากสารรูปแล้วคนจะเป็นคุณหนูเงินเยอะ กระเป๋าหนักจากในมหาวิทยาลัยนี่แหละ ไอ้พวกนี้กำลังจะมีชะตากรรมเดียวกับผม

ทุกคนตกใจกับการกลับมาของผม ยกเว้นเล้งที่พยายามทำตัวให้นิ่งเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่ามือที่เขาเอาไว้ด้านหลังจะสั่นไม่หยุดและมีหยดเหงื่อผุดออกมาจากรูขุมขนก็ตาม

"ไม่คิดเลยว่ามึงจะมาหาพวกเราถึงที่เลย" เล้งพูดอย่างไม่กลัว "แบบนี้กูแจ้งความข้อหาบุกรุกและเรียกร้องค่าเสียหายได้เยอะเลยนะมึง"

 

ผมแสยะยิ้มอย่างมีชัย

 

"แน่จริงก็ลองดู" ผมพูดพร้อมกับตั้งท่ามวย "เพราะพวกมึงจะโดนฆ่าตายอยู่ตรงนี้แหละ"

"โอ้โห! มวยไทยงั้นเหรอ!?" พลลุกขึ้นพรวดพร้อมกับยิ้มด้วยความดีใจ "กูอยากสู้กับคนที่เรียนมวยไทยมาตั้งนานแล้ว ของกูเป็นมวยวัด อยากรู้ว่าจะสู้มวยไทยได้ไหม?"

"รุมแม่งเลยดีไหมวะ?" วินถาม

"ก็ดีเหมือนกัน" เล้งพูดก่อนจะปาแจกันใส่ผม มันลอยมาอย่างรวดเร็วแต่ผมสามารถใช้มือปัดมันออก เสี้ยววินาทีนั้นรู้สึกเหมือนถูกกระชากให้กระเด็นหงายหลังออกไปข้างนอก

เป็นเพราะลูกถีบของพลนั่นเอง เขาเดินออกมาจากตัวบ้านแล้วยกเท้าขึ้นจะกระทืบ แต่ผมกลิ้งตัวหลบได้ก่อนจะลุกขึ้นใช้เท้าถีบที่ข้อพับข้างขวาของมันจนเสียหลักล้มลงไป ก่อนจะวาดขาเตะก้านคอของชายร่างสูงจนล้มพับลงไป บริเวณหน้าบ้านเป็นลานจอดรถซึ่งสามารถจอดได้สองคัน พื้นเทปูนแบบหยาบ ๆ พอมันแข็งตัวก็จะกลายเป็นพื้นที่ขรุขระ ใครล้มลงไปมีเจ็บแน่นอน เมื่อพลล้มลงไปวินก็พุ่งเข้ามาเตะที่ชายโครง

ผมก้าวเท้าซ้ายเข้าหาอย่างรวดเร็วและมั่นคง สายตาจับจ้องไปที่มันอย่างไม่ล่อกแล่ก คว้าขาของมันด้วยแขนซ้ายก่อนจะกระแทกศอกใส่ที่ต้นขาอย่างแรง

 

'หักงวงไอยรา!'

 

"อั้ก!!" ผมเหวี่ยงขามันจนมันลงไปนอนกับพื้น แต่มันก็ลุกขึ้นมาใหม่พร้อมกับปล่อยหมัดขวาตรงมายังใบหน้า ผมคว้าต้นคอของมันแล้วกดลงต่ำ ยกเข่าขวาขึ้นมากระแทกอัดที่ใบหน้าของมันจัง ๆ ทำให้เลือดกำเดาไหลเลอะกางเกงผมจากนั้นผมเหวี่ยงร่างของวินไปนอนกับพื้น ฮีซุยและมาต้าที่ยืนตัวสั่นอยู่กับแฟนปลอม ๆ ก็ไม่กล้าทำอะไร

"เหลือมึงแล้วไอ้เล้ง" ผมชี้หน้าไปหามัน

"ให้ตายสิ...เดือนเดียวเล่นสองคนนี้หมอบเลยเหรอ?" เล้งเท้าเอวพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ผมอย่างไม่คิดชีวิต มันถึงตัวผมแล้ว เล้งสามารถรวบเอวได้และจะพาผมล้มไปกับมัน แต่ผมสามารถแก้เกมได้โดยการใช้ศอกกระแทกที่บริเวณกระดูกสันหลังของมัน แต่ไม่เป็นผล แผ่นหลังของผมลงพื้นไปแล้ว!!

 

เสียเปรียบแล้วสิ!!

 

"มึงคิดผิดแล้วที่มาบุกรุกที่นี่!!" เล้งเริ่มระดมหมัดใส่ ผมใช้แขนปัดป้องหมัดของมันอย่างรวดเร็วก่อนที่ผมจะแก้เกมด้วยการสอดขาทั้งสองข้างเข้ามาที่ระหว่างขาของมันแล้วถีบคางมันอย่างแรง ซึ่งมันก็ไม่ได้สิ้นฤทธิ์อย่างง่ายดาย ผมพุ่งเข้าไปหามันอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนบ่าทั้งสองข้างก่อนจะกระแทกศอกทั้งสองข้างของผมลงที่ศีรษะของเล้งอย่างแรง

 

พลั่ก!!!

 

'บั่นเศียรทศกัณฐ์!!'

 

ผมกระโดดลงมาจากตัวมัน แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ล้มลงไป ผมจึงพุ่งเข้าไปอีกรอบและคราวนี้ผมจะต้องเผด็จศึกมันให้ได้! ผมยันที่ต้นขาของมันด้วยขาซ้ายก่อนจะบิดตัวเหวี่ยงขาซ้ายเตะที่ศีรษะอย่างแรงจนร่างของชายหนุ่มร่างสูงกระเด็นไปชนกำแพง จากนั้นก็แน่นิ่งไป

"มึงกล้าทำเพื่อนกูเหรอวะ!!?" เสียงของชายสองคนดังขึ้น จากนั้นชายอีกสองคนที่เป็นเหยื่อของกระบวนการนี้พุ่งเข้ามาหมายจะโจมตีผม ซึ่งผมจัดการพวกเขาได้ง่ายมากด้วยการจับข้อมือของทั้งสองคนแล้วเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพง

"พวกมึงสู้กูไม่ได้หรอก ถ้าเข้ามาอย่าหาว่ากูไม่เตือน" ผมขู่

มันลุกขึ้นมายืนยิ่ง ใบหน้าโกรธเกรี้ยวจับจ้องมาที่ผม

"มึงทำเพื่อนกู..."

"ไอ้วินมันขอให้มึงเลี้ยงข้าวสามมื้อเพื่อแลกกับอยู่ที่บ้านหลังนี้ ถูกไหมล่ะ?" ผมพูดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงดังกว่า "พวกมึงสองตัวไม่สมหวังในความรัก แล้ววินและพลก็หยิบยื่นผู้หญิงสองคนให้กับพวกเป็นแฟน ทั้งมาต้าและฮีซุย!"

ทั้งสองคนเบิกตาโตด้วยความตกใจราวกับว่าสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกเขาเอง พวกเขากำลังถูกจับพันธนาการพร้อมกับกำลังถูกพวกมันสูบเลือดสูบเนื้ออย่างบ้าคลั่ง

ผมไม่สนใจพวกนั้น เพราะตอนนี้ถือว่าผมทำสิ่งค้างคาใจเรียบร้อยหมดแล้ว หลังจากนี้ถ้าผมจะมีปัญหากันในทางกฎหมายหรืออะไร ผมก็ไม่กลัวอีกต่อไป

________________________________________________

To Be Continue Special Ep.2