หลังกำแพงน้ำแข็งที่ทอดยาวไม่มีสิ้นสุดนี้มีบางอย่างซ่อนอยู่ที่ถูกปกปิดการรับรู้ของชาวโลกไว้นานหลายสิบปี...จนมีนักวิทยาศาสตร์กล่มหนึ่งเดินทางไปค้นหาความจริงจนรู้ว่าหลังกำแพงนี้มีอะไรที่จะพลิกความเป็นไปของทั้งโลก

ปริศนากำแพงน้ำแข็ง - บทตัวอย่าง โดย อักษรลิขิต @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผจญภัย,ไซไฟ,เชิงสารคดี,ทฤษฎีวิทยาศาสตร์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ปริศนากำแพงน้ำแข็ง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ผจญภัย,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เชิงสารคดี,ทฤษฎีวิทยาศาสตร์

รายละเอียด

ปริศนากำแพงน้ำแข็ง โดย อักษรลิขิต @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังกำแพงน้ำแข็งที่ทอดยาวไม่มีสิ้นสุดนี้มีบางอย่างซ่อนอยู่ที่ถูกปกปิดการรับรู้ของชาวโลกไว้นานหลายสิบปี...จนมีนักวิทยาศาสตร์กล่มหนึ่งเดินทางไปค้นหาความจริงจนรู้ว่าหลังกำแพงนี้มีอะไรที่จะพลิกความเป็นไปของทั้งโลก

ผู้แต่ง

อักษรลิขิต

เรื่องย่อ

"นิยายเชิงสารคดีเรื่องนี้ผู้เขียนได้มีการแต่งเติมตัวละครและเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อเสริมความสนุกและความบันเทิงในเนื้อหา แม้จะได้รับแรงบันดาลใจจากข้อเท็จจริงและทฤษฎีที่น่าสนใจ แต่ทุกส่วนของเรื่องราวได้ถูกออกแบบให้มีความสร้างสรรค์และน่าติดตาม ผู้อ่านจะได้เพลิดเพลินไปกับจินตนาการที่ผสมผสานกับข้อมูลเชิงสารคดีอย่างลงตัว ทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างประสบการณ์การอ่านที่น่าประทับใจและสนุกสนานยิ่งขึ้น"

อักษรลิขิต

ปริศนากำแพงน้ำแข็ง

Behind The Ice Wall

 

 

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537  การนำส่วนหนึ่งส่วนใด เพื่อตีพิมพ์ ทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกหรือ  ประโยชน์อันใดเป็นพิเศษ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้เขียน

สารบัญ

ปริศนากำแพงน้ำแข็ง- บทนำ,ปริศนากำแพงน้ำแข็ง- บทตัวอย่าง,ปริศนากำแพงน้ำแข็ง- PART 1,ปริศนากำแพงน้ำแข็ง- PART 6,ปริศนากำแพงน้ำแข็ง- PART 7,ปริศนากำแพงน้ำแข็ง- PART 2,ปริศนากำแพงน้ำแข็ง- PART 3,ปริศนากำแพงน้ำแข็ง- PART 4,ปริศนากำแพงน้ำแข็ง- PART 5

เนื้อหา

บทตัวอย่าง

เรื่องราวมีอยู่ว่า.......

ดร.เจมส์ คาร์เตอร์ หัวหน้าทีมนักธรณีวิทยาหนุ่มไฟแรง..ผู้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ยืนอยู่หน้ากระดานที่มีภาพขนาดใหญ่ของทวีปแอนตาร์กติกาซึ่งมีเครื่องหมายวงกลมสีแดงชัดเจนตรงส่วนหนึ่งของแผนที่      "พวกเราทุกคนรู้เหตุผลที่เราถูกเรียกตัวมาที่นี่"     เขาเริ่มต้นด้วยเสียงหนักแน่นแต่ใจเย็น       "กำแพงน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ถูกค้นพบทางตอนใต้ของแอนตาร์กติกา...มันไม่ใช่แค่กำแพงน้ำแข็งธรรมดา แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน"

แอนนา เมย์ฟิลด์ นักภูมิศาสตร์และนักสำรวจผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับภูมิประเทศของขั้วโลก ได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมทีมครั้งนี้โดยเฉพาะ เธอนั่งอยู่ที่มุมโต๊ะ จดบันทึกอย่างระมัดระวัง เธอเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อว่ากำแพงนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมโบราณที่ถูกฝังไว้ใต้แผ่นน้ำแข็งหลายพันปี

"จนถึงตอนนี้ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับกำแพงน้ำแข็งนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันทั่วโลก"   แอนนาเริ่มต้นการนำเสนอด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ

"บางคนเชื่อว่านี่อาจเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ แต่มีหลายหลักฐานที่ชี้ไปในทางอื่นหลักฐานที่อาจบ่งบอกถึงการมีอยู่ของอารยธรรมที่ล้ำหน้ากว่าที่เราจะคาดคิดได้"

ดร.อเล็กซ์ โฮเวิร์ด นักฟิสิกส์ควอนตัมที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ ก้มหน้ามองเอกสารก่อนที่จะยกมือขึ้น

ถ้ากำแพงน้ำแข็งนี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เราจะกำหนดได้อย่างไรว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยใครหรืออะไร? ข้อมูลจากดาวเทียมชี้ว่ามีความผิดปกติทาง แม่เหล็กไฟฟ้าในพื้นที่ นี่อาจเป็นร่องรอยที่บ่งบอกถึงเทคโนโลยีที่ไม่ใช่ของมนุษย์ เขาอธิบาย

เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทั่วห้อง แต่เจมส์เพียงยิ้มบางๆ ขณะที่เขายืนขึ้นและเดินไปที่กระดานอีกครั้ง

“นี่คือเหตุผลที่เราต้องการทีมนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจจากหลากหลายสาขา เพื่อหาความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในกำแพงนี้

เขาหยุดอยู่ที่หน้าจอภาพที่แสดงภาพดาวเทียมล่าสุดของกำแพงน้ำแข็งซึ่งขยายใหญ่พอให้ทุกคนเห็น

“ภายในสองสัปดาห์ เราจะเริ่มเดินทางไปยังแอนตาร์กติกา โดยเป้าหมายหลักของเราไม่เพียงแต่จะพิสูจน์ว่ากำแพงน้ำแข็งนี้คืออะไร แต่เราจะหาคำตอบให้กับทฤษฎีต่างๆ ที่มีอยู่ ตั้งแต่ทฤษฎี UFO ไปจนถึงอารยธรรมที่สาบสูญ

ดวงตาของทุกคนจ้องมองไปที่เจมส์ด้วยความหวังและความสงสัย นี่ไม่ใช่แค่ภารกิจการสำรวจธรรมดา แต่มันอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาที่ซ่อนอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งของโลกที่หนาวเย็นและห่างไกลอย่างแอนตาร์กติกา     "ถ้าหลักฐานที่เราพบคือความจริง..."   เจมส์พูดพร้อมกับเหลียวมองรอบห้อง      "พวกเรากำลังจะค้นพบบางสิ่งที่อาจเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ"

ทุกคนในห้องเงียบลง ความสำคัญของภารกิจนี้เริ่มชัดเจนมากขึ้นในความคิดของทุกคน ขณะที่ทีมเตรียมตัวเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบที่ซ่อนอยู่ภายในกำแพงน้ำแข็งที่ยังไม่มีใครเคยค้นพบ


 

สองสัปดาห์หลังจากการประชุมที่สถาบันวิจัยปรากฎการณ์ประหลาดในบอสตัน ......เครื่องบินลำใหญ่ของทีมวิจัยก็ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าที่มืดครึ้มของขั้วโลกใต้ หิมะที่โปรยปรายเป็นจุดเล็กๆ ปะทะกับหน้าต่างเครื่องบิน ทัศนียภาพด้านล่างเป็นผืนน้ำแข็งขาวโพลนที่ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นสัญญาณว่าพวกเขาใกล้ถึงจุดหมายแล้ว

เจมส์ คาร์เตอร์ หัวหน้าทีม หันไปมองสมาชิกคนอื่นที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารของเครื่องบิน พวกเขาล้วนแต่เงียบขรึม ไม่มีใครพูดอะไร แต่ก็เต็มไปด้วยความคาดหวังและความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเผชิญเบื้องหน้า

แอนนา เมย์ฟิลด์ นั่งอยู่ที่มุมของห้องโดยสาร เธอกำลังดูภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดของกำแพงน้ำแข็งจากคอมพิวเตอร์พกพาของเธอ "ตามข้อมูลที่ได้รับ กำแพงน้ำแข็งนี้อยู่ลึกกว่าที่เราคิด" เธอพูดขึ้น ขณะเลื่อนมือผ่านหน้าจอ......"นี่อาจจะเป็นหลักฐานที่ยืนยันทฤษฎีเรื่องอารยธรรมโบราณที่ถูกฝังไว้ใต้
ภูเขาน้ำแข็ง"   อเล็กซ์ โฮเวิร์ด นั่งฟังอยู่ด้านหลังพร้อมกับวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่เขาได้รวบรวมมาตลอดหลายเดือน

สิ่งที่น่าสนใจคือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ตรวจพบมีลักษณะที่ไม่ตรงกับข้อมูลปกติของธรรมชาติ มันเหมือนเป็นร่องรอยของเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีบางอย่างที่เราไม่สามารถอธิบายได้    "หรือว่า..." อเล็กซ์หยุดหายใจลึกก่อนจะเอ่ยต่อ

"นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีจากอารยธรรมที่สาบสูญ หรือแม้แต่สิ่งที่มาจากนอกโลก?"  เจมส์เงยหน้าขึ้นจากแผนที่ที่เขากำลังตรวจสอบ

"ไม่ว่าเรากำลังจะเผชิญหน้ากับอะไร เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ฉันไม่อยากให้พวกเราเสี่ยงโดยไม่จำเป็น" เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ข้างล่างนี้ไม่ใช่แค่การสำรวจทางวิทยาศาสตร์ แต่มันอาจเป็นการเปิดเผยความลับของโลกที่เราไม่เคยรู้มาก่อน"

หลังจากนั้นไม่นาน เครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างช้าๆ เพื่อเข้าสู่พื้นที่ลงจอด ทีมงานต่างเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับสภาพอากาศที่หนาวจัดและลมพายุที่รุนแรง

เมื่อประตูเครื่องบินเปิดออก ลมหนาวที่พัดมาจากภายนอกทำให้ทุกคนต้องห่อหุ้มตัวด้วยเสื้อกันหนาวหนาหลายชั้น ทีมสำรวจพากันลงจากเครื่องบินมุ่งหน้าไปยังค่ายฐานชั่วคราวที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นน้ำแข็ง

"ยินดีต้อนรับสู่ขอบโลก" เจมส์พูดขณะก้าวลงมายืนบนพื้นน้ำแข็ง ดวงตาของเขาเหลียวมองไปยังเส้นขอบฟ้า
อันกว้างไกล  "ที่นี่เราจะเริ่มต้นการค้นหาความจริง"

แอนนายืนข้างเขา เธอมองไปยังทิศทางที่พวกเขากำลังจะเดินทางไป ห่างออกไปไม่ไกลมากนักคือกำแพงน้ำแข็งที่พวกเขากำลังจะสำรวจ โครงสร้างขนาดมหึมาที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด และมีบางอย่างในความรู้สึกของเธอบอกว่ามันไม่ได้เป็นเพียงกำแพงธรรมดา

หลังจากการตั้งค่ายฐานเสร็จสมบูรณ์ สมาชิกทุกคนต่างยุ่งกับการจัดเตรียมอุปกรณ์สำรวจ ขณะที่อเล็กซ์กำลังตรวจสอบเครื่องมือวัดพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าและเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อเตรียมการสำรวจในวันถัดไป เจมส์กับแอนนากำลังคุยกันเกี่ยวกับแผนการสำรวจรอบๆ พื้นที่กำแพง    "เราต้องเจาะลึกลงไปที่กำแพงน้ำแข็ง" เจมส์ชี้ไปยังแผนที่

"ฉันต้องการให้เราสำรวจพื้นที่นี้ก่อน หากเราสามารถหาจุดที่เกิดความผิดปกติทางแม่เหล็กไฟฟ้าได้ มันอาจจะนำเราไปสู่จุดที่ถูกฝังไว้"    แอนนาพยักหน้า

"ฉันจะจัดการทีมสำรวจให้พร้อมในตอนเช้า เราจะเริ่มที่จุดที่น่าสงสัยตามข้อมูลที่ได้รับจากดาวเทียม"

แสงจากดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลับหายไปทำให้ท้องฟ้าแอนตาร์กติกาดูมืดสลัวและหนาวเย็นยิ่งขึ้น ขณะที่ทีมวิจัยกำลังเตรียมตัวสำหรับการพักผ่อนคืนแรกในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะพบในวันรุ่งขึ้น
จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่พวกเขาเคยเชื่อมา

เช้าวันรุ่งขึ้น....เมื่อดวงอาทิตย์ของขั้วโลกใต้ขึ้นสู่ขอบฟ้าเพียงเล็กน้อย ทีมสำรวจทั้งหมดก็เริ่มออกเดินทางไปยังพื้นที่ที่ตั้งของกำแพงน้ำแข็ง ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ก็มีความหวาดกลัวซ่อนอยู่ภายใน     เจมส์เป็นผู้นำทีม ขณะมองเห็นกำแพงน้ำแข็งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาหยุดเดินชั่วขณะเมื่อเห็นแสงเล็กๆ สะท้อนออกมาจากพื้นผิวของกำแพง มันเป็นแสงที่แปลกประหลาด ดูเหมือนจะไม่ใช่แสงจากธรรมชาติ

นั่นมันอะไร?” แอนนาถามพร้อมกับขมวดคิ้ว....เจมส์ยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปบอกทุกคน เราอาจจะเจอสิ่งที่ตามหามาแล้ว...”   พวกเขายืนอยู่หน้ากำแพงน้ำแข็งที่ดูเหมือนจะเก่าแก่และมหึมาเหนือจินตนาการ แสงสะท้อนจากพื้นผิวน้ำแข็งเริ่มชัดเจนขึ้น และเบื้องหลังความเย็นเยือกนี้ อาจจะมีบางสิ่งที่เก็บซ่อนความลับของอดีตและอนาคต


 

เสียงลมหนาวพัดผ่านขณะที่ทีมวิจัยยืนอยู่หน้ากำแพงน้ำแข็งมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า แสงประหลาดที่สะท้อนจากผิวกำแพงทำให้ทุกคนเกิดความสงสัย เจมส์ คาร์เตอร์ หัวหน้าทีม ยืนมองแสงนั้นอยู่นานก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เพื่อตรวจสอบด้วยตัวเอง

นั่นคือแสงที่ไม่ปกติแน่นอน” เจมส์พึมพำกับตัวเอง ขณะที่เขาใช้อุปกรณ์สแกนเพื่อวัดค่าพลังงานจากแสงนั้น  มีการกระจายของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ผิดปกติจากพื้นผิวนี้ ไม่ใช่แค่แสงสะท้อนจากน้ำแข็งทั่วไป

อเล็กซ์ โฮเวิร์ด ที่กำลังตรวจสอบเครื่องวัดพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า สายตาเริ่มจ้องมองไปที่จอแสดงผลของอุปกรณ์ด้วยความตื่นเต้น    “ค่าพลังงานที่นี่สูงเกินไปสำหรับแหล่งธรรมชาติ มีโอกาสที่นี่อาจจะเป็น...แหล่งพลังงานที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากโลกนี้”   คำพูดของอเล็กซ์ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดทันที แอนนาก้าวเข้ามาดูภาพจากเครื่องสแกน เธอรู้ดีว่าหากสิ่งที่อเล็กซ์พูดเป็นความจริง พวกเขาอาจจะอยู่ในที่ที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมที่ล้ำสมัย หรือแม้แต่สิ่งที่มาจากนอกโลก

ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นหลักฐานที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของอารยธรรมที่หายสาบสูญ  แอนนาเอ่ยพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้กำแพงน้ำแข็งมากขึ้น

“ถ้ากำแพงน้ำแข็งนี้ถูกสร้างขึ้นจริง นั่นหมายความว่าเรากำลังจะค้นพบสิ่งที่ไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน

ในขณะที่ทีมงานทุกคนต่างพากันตรวจสอบและจดบันทึก เจมส์เดินสำรวจรอบๆ กำแพงน้ำแข็ง จนเขาได้เจอกับรอยแตกเล็กๆ ที่ผิวของกำแพง เขาเอื้อมมือไปสัมผัสกับพื้นผิวที่เย็นเฉียบ ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ ใต้ฝ่ามือ ทุกคน มาทางนี้!”   เจมส์ตะโกนเรียกทีมงานคนอื่นๆ ให้มารวมตัวกันที่จุดนั้น พวกเขารีบเร่งเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว

ดูนี่สิ เจมส์พูดพร้อมกับชี้ไปที่รอยแตกที่ผิวของกำแพง

มีบางอย่างอยู่ข้างใต้กำแพงนี้ ฉันมั่นใจว่าไม่ใช่แค่น้ำแข็งธรรมดา

แอนนารีบหยิบกล้องมาถ่ายภาพรอยแตก ขณะที่อเล็กซ์เริ่มใช้เครื่องมือสแกนตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายในรอยแยกเล็กๆ นั้น

ฉันเห็นโครงสร้างบางอย่างอยู่ข้างใน มันเป็นรูปแบบที่เหมือนกับ...โลหะหรือวัตถุที่ทำด้วยมือมนุษย์

หรืออาจจะไม่ใช่มนุษย์ เจมส์กล่าวด้วยน้ำเสียง
เคร่งขรึม   เสียงของลมหนาวยังคงพัดผ่านทีมงานที่ยืนอยู่หน้ากำแพงน้ำแข็ง ความตื่นเต้นปะปนกับความกลัว ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขากำลังจะเปิดเผยความลับที่อาจเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้

หลังจากการประชุมสั้นๆ ที่ฐาน ทีมงานตัดสินใจเริ่มปฏิบัติการเจาะน้ำแข็งเพื่อค้นหาความจริงว่ามีอะไรซ่อนอยู่ข้างใต้กำแพงนี้ เจมส์และอเล็กซ์ทำการติดตั้งอุปกรณ์เจาะแบบทันสมัยที่ถูกออกแบบมาให้สามารถเจาะผ่านน้ำแข็งที่หนาและแข็งแรงอย่างรวดเร็ว ขณะที่แอนนาและทีมงานคนอื่นๆ ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลและตรวจสอบสภาพแวดล้อม

เสียงเครื่องเจาะดังสนั่นเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นปฏิบัติการ ทีมงานทุกคนต่างเฝ้ารอผลลัพธ์อย่างตื่นเต้น ขณะที่เครื่องเจาะกำลังค่อยๆ ขุดลึกลงไปในกำแพงน้ำแข็ง

หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุดเครื่องเจาะก็เจาะทะลุผ่านชั้นน้ำแข็งจนถึงจุดที่ทุกคนรอคอย

เราเจออะไรบางอย่างแล้ว!” อเล็กซ์ตะโกนด้วยความตื่นเต้น    แสงเล็กๆ ที่สะท้อนจากส่วนลึกของกำแพงเผยให้เห็นโครงสร้างโลหะบางอย่าง ทุกคนต่างหยุดหายใจ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดหวัง โลหะนั้นมีลักษณะเป็นแผ่นใหญ่และมีสัญลักษณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนถูกสลักอยู่บนผิวของมัน

เจมส์ก้าวเข้ามาใกล้และใช้มือปัดหิมะที่เกาะอยู่บนพื้นผิวโลหะออก เผยให้เห็นสัญลักษณ์ที่ยากจะอธิบายได้ มันดูเหมือนเป็นภาษาโบราณหรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์จาก
อารยธรรมที่หายไปนาน     นี่ไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นแน่นอน แอนนาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ   “เรากำลังอยู่หน้าหลักฐานของบางสิ่งที่ไม่เคยมีใครพบเจอมาก่อน     ทุกคนต่างเงียบสงบและจ้องมองไปยังแผ่นโลหะนั้น มีบางอย่างบอกพวกเขาว่าความลับที่ถูกฝังอยู่ใต้กำแพงน้ำแข็งนี้ ไม่ได้เป็นเพียง
อารยธรรมที่หายสาบสูญ แต่อาจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่เคยถูกค้นพบจากมิติอื่น โลกคู่ขนาน หรือบางที...มันอาจจะเป็นความลับที่ถูกซ่อนจากมนุษย์โดยบางสิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจของพวกเขามานานนับพันปี

หลังจากค้นพบโลหะลึกลับใต้กำแพงน้ำแข็ง ทีมสำรวจได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากหน่วยงานกลาง พวกเขาส่งยานพาหนะพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งบนน้ำแข็งได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว ยานนี้ติดตั้งเทคโนโลยีสแกน 3 มิติและระบบนำทางดาวเทียมที่ทันสมัยที่สุด พร้อมให้ทีมสำรวจใช้ในการค้นหาปลายทางของกำแพงน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่และลึกลับนี้

เจมส์ อเล็กซ์ แอนนา และทีมงานคนอื่นๆ เตรียมตัวออกเดินทาง พวกเขาแบ่งทีมออกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะอยู่ที่ฐานเพื่อเฝ้าดูสัญญาณและข้อมูลจากการสแกน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะออกสำรวจความยาวของกำแพง   “เราจะสำรวจไปตามแนวนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เจมส์บอกกับทีมที่กำลังเตรียมความพร้อม   “หวังว่าเราจะได้คำตอบว่ากำแพงนี้ยาวไปถึงไหน

ยานพาหนะเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ จากค่ายฐาน เสียงของยานที่วิ่งบนน้ำแข็งทำให้บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วย ความตื่นเต้น ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านขณะที่แสงอาทิตย์สะท้อนบนพื้นน้ำแข็งเป็นประกายระยิบระยับ

ทีมสำรวจเคลื่อนที่ผ่านแนวน้ำแข็งไปเรื่อยๆ พวกเขาติดตั้งอุปกรณ์สแกนแม่เหล็กไฟฟ้าและเครื่องตรวจจับคลื่นพลังงานจากใต้ดินเพื่อหาสัญญาณของสิ่งที่อยู่ใต้กำแพง อเล็กซ์นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ตรวจสอบข้อมูลที่ส่งมาจากเครื่องมือของเขา พร้อมกับจดบันทึกทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  เรายังไม่เห็นจุดสิ้นสุด” อเล็กซ์พูดขึ้นหลังจากผ่านไปเกือบครึ่งวัน

ฉันคิดว่ากำแพงนี้อาจจะยาวกว่าที่เราคาดการณ์ไว้มาก

พวกเขายังคงสำรวจต่อไปอีกหนึ่งวันเต็มโดยไม่พบสัญญาณสิ้นสุดของกำแพง ทุกคนเริ่มเกิดความกังวลว่าสิ่งที่พวกเขากำลังสำรวจอยู่นั้นอาจเป็นมากกว่ากำแพงธรรมชาติทั่วไป บางคนเริ่มสงสัยว่ามันอาจเป็นโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับ
อารยธรรมที่สูญหาย หรือสิ่งที่มาจากนอกโลก หรือสันนิษฐานที่ว่าโลกกลมอาจเปลี่ยนไปแล้วก็เป็นได้

เมื่อเข้าสู่วันที่สอง ทีมสำรวจยังคงเดินหน้าต่อไป พวกเขาขับผ่านหุบเขาน้ำแข็งและพื้นที่ราบที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด อเล็กซ์ยังคงสังเกตข้อมูลจากเครื่องตรวจจับและสแกนพื้นดินทุกครั้งที่ยานพาหนะหยุดพัก แต่ทุกสิ่งที่ปรากฏออกมายังคงเป็นความยาวของกำแพงที่ไม่มีจุดสิ้นสุด

เราเดินทางมาไกลกว่า 300 กิโลเมตรแล้ว แต่กำแพงนี้ยังคงต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เจมส์กล่าวด้วยเสียงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ  “ไม่ว่าจะเป็นอะไร มันถูกสร้างขึ้นอย่างมีจุดประสงค์แน่นอน”   แอนนาที่นั่งอยู่ข้างๆ เจมส์ใช้กล้องส่องทางไกลตรวจสอบสภาพรอบๆ   “กำแพงนี้อาจจะยาวจนล้อมรอบอะไรบางอย่างอยู่ เราควรจะติดต่อฐานและแจ้งให้พวกเขาทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น”  เจมส์พยักหน้าและเปิดวิทยุติดต่อกลับไปยังฐานสำรวจ   “ที่นี่เจมส์ เราสำรวจมาได้สองวันแล้ว แต่ยังไม่พบจุดสิ้นสุดของกำแพง  เรากำลังขอคำแนะนำว่าจะทำอย่างไรต่อไปมีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา  วิทยุเงียบสนิท ทั้งทีมเริ่มมองหน้ากันด้วยความสงสัย ทำไมไม่มีการตอบรับจากฐานเลย?”  แอนนาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล “ระบบสื่อสารเสียหายหรือเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”  เจมส์พยายามส่งสัญญาณอีกครั้งแต่ยังคงไร้การตอบรับ  ขณะที่ทีมพยายามหาคำตอบว่าทำไมการติดต่อถึงขาดหายไป  พวกเขาเริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ... กำแพงน้ำแข็งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่กำแพงธรรมดา  มันอาจจะเป็นประตูสู่ความลับที่ยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขาคาดคิด


 

หลังจากการเดินทางสำรวจผ่านไปสามวันเต็ม ทีมของเจมส์ยังคงไม่พบจุดสิ้นสุดของกำแพงน้ำแข็ง ยิ่งพวกเขาเดินทางไปไกลเท่าไหร่ กำแพงนี้ก็ยิ่งยาวไกลออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด ในที่สุดเจมส์ก็ตัดสินใจให้ทีมงานกลับไปที่ค่ายฐานเพื่อประเมินสถานการณ์ใหม่   ยานพาหนะเคลื่อนตัวกลับมาในความเงียบสงบของทุ่งน้ำแข็งที่ว่างเปล่า ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้ฐาน เสียงวิทยุในยานเริ่มดังขึ้นอีกครั้งอย่างไม่คาดคิด เป็นเสียงสัญญาณที่พวกเขารอคอยมาตลอดสามวันที่ผ่านมา

เจมส์ ที่นี่หน่วยงานกลาง เรามีคำสั่งด่วนให้คุณหยุดภารกิจทุกอย่างทันที และเดินทางกลับบอสตันโดยเร็วที่สุด

เจมส์มองหน้าอเล็กซ์และแอนนาด้วยความตกใจ ก่อนจะหยิบวิทยุขึ้นมาตอบกลับ   “นี่เจมส์ เราได้ยินแล้ว แต่ทำไมต้องหยุดภารกิจ? เราเพิ่งเริ่มค้นพบสิ่งสำคัญเกี่ยวกับกำแพงน้ำแข็งนี้!”   เสียงจากวิทยุเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะมีคำตอบกลับมา

เป็นคำสั่งจากข้อตกลงระหว่างประเทศพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับแอนตาร์กติกา มีกฎห้ามการสำรวจเพิ่มเติมในพื้นที่นี้ภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ

ความมั่นคงระหว่างประเทศ?” แอนนากระซิบด้วยความสงสัย “มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ   อเล็กซ์พยักหน้าและกล่าวเสริม     “ทำไมจู่ๆ พวกเขาถึงสั่งให้เราหยุดกะทันหันขนาดนี้
เราเพิ่งจะเริ่มพบเบาะแสสำคัญที่อาจเชื่อมโยงกับอารยธรรมที่สาบสูญหรือแม้กระทั่งสิ่งที่มาจากนอกโลก!”

เจมส์พยายามรักษาความสงบในน้ำเสียงของเขา เขาหยิบวิทยุขึ้นอีกครั้ง    “หน่วยงานกลาง นี่เจมส์ เรายังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมถึงต้องหยุดการสำรวจและกลับบอสตันด่วน พวกเรากำลังจะเปิดเผยสิ่งที่อาจเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของมนุษยชาติ นี่เป็นการค้นพบครั้งใหญ่

มีความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งก่อนที่เสียงจากหน่วยงานกลางจะตอบกลับมา    เจมส์ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องวิทยาศาสตร์ มันเกี่ยวข้องกับข้อตกลงลับระหว่างประเทศ ซึ่งพวกเราไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ในขณะนี้ คุณและทีมงานต้องปฏิบัติตามคำสั่งและกลับบอสตันทันที ห้ามตั้งคำถามเพิ่มเติม

เจมส์ถอนหายใจ เขารู้ว่าการดื้อดึงต่อคำสั่งนี้อาจนำไปสู่ผลกระทบที่เขาไม่ต้องการ เขาหันมามองทีมงานที่ยังคงยืนรอการตัดสินใจของเขา แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยคำถามและความไม่พอใจ พวกเราจะกลับบอสตัน   เจมส์ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด     “แต่อย่าคิดว่าภารกิจของเราจบลงเพียงแค่นี้ เราจะต้องค้นหาความจริงเกี่ยวกับกำแพงน้ำแข็งนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม