เพื่อนไม่กอดกัน เพื่อนไม่หวงเพื่อน เพื่อนไม่นอนด้วยกัน และเพื่อน...ไม่มีลูกด้วยกัน
รัก,ดราม่า,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พีขอโทษ Sorry foe the mistakeเพื่อนไม่กอดกัน เพื่อนไม่หวงเพื่อน เพื่อนไม่นอนด้วยกัน และเพื่อน...ไม่มีลูกด้วยกัน
อีนิกม่า × อัลฟ่า
เพื่อนไม่กอดกัน
เพื่อนไม่หวงเพื่อน
เพื่อนไม่นอนด้วยกัน
และเพื่อน...ไม่มีลูกด้วยกัน
_____________________
"ไม่ปลุกอีกแล้ว"
"อยากให้กานต์พักผ่อนเยอะ ๆ ไงครับ"
"ตามใจเราจนเคยตัวหมดแล้ว"
_____________________
"ทำไมรอบนี้มันรุนแรงกว่าเดิมอะพี"
"พ...พีไม่รู้ กานต์ออกไปก่อน"
"จะให้เราไปไหน พีเป็นหนักขนาดนี้"
"ออกไป ก...ก่อนนะครับ"
"กานต์ไม่ไป"
______________________
"...กานต์ครับ"
"เรายังไม่พร้อม ค่อยคุยได้ไหม"
"พีขอโทษ"
____________________
คนหนึ่งทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้า
____________________
"ทำไมต้องเป็นพี ทำไมอะ!"
"กานต์ พีขอร้อง พอนะครับ พีขอร้องนะกานต์ ใจพีจะขาดอยู่แล้ว"
"...ทำไมต้องเป็นพีด้วย"
_________________
อีกคนคล้ายกับตายทั้งเป็น
____________________
ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด บทความ เนื้อหา รูปภาพประกอบ ภายในหนังสือเล่มนี้ ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อด้วยรูปแบบหรือกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือการนำส่วนใดส่วนหนึ่งของเนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะทางพาณิชย์หรือไม่ก็ตาม ยกเว้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับหนังสือเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายโดยมีโทษสูงสุด
บทนำ
ในยามที่ท้องฟ้าถูกระบายด้วยสีดำสนิท แต่งแต้มสีขาวระยิบระยับเพิ่มเติมจนสว่างไปทั่วพื้นที่ ประกอบกับพระจันทร์สีนวลเต็มดวงส่องประกายควบคู่ไปกับแสงประดิษฐ์สีขาวจากหลอดไฟทั้งสองข้างถนน มันเล็ดลอดผ่านหน้าต่างสีน้ำตาลคล้ายเปลือกไม้ที่ถูกเปิดแง้มไว้เข้าไปจนปรากฎให้เห็นร่างของชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีกำลังหลับตายิ้มรับฝันอันแสนสุข
ในนั้นเขาเป็นเด็กชายอายุเพียงสิบขวบปีกำลังออกวิ่งไปไกลไร้จุดหมาย วิ่งด้วยสีหน้าเปี่ยมความสุข รอบกายถูกรายล้อมด้วยหญ้าและดอกไม้ที่ขึ้นสูงเสียจนเกือบบดบังตัวของเด็กน้อยไปจนหมด
ไม่รู้ว่าวิ่งทำไม วิ่งไปเพื่ออะไร
สิ่งที่รู้มีเพียงสิ่งเดียวคือความต้องการที่จะวิ่ง ก้าวเท้าย่ำลงบนพื้นดินชุ่มช่ำจนสุดขา และก้าวต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่ผ่อนแรง
ฝูงผีเสื้อบินวนอยู่รอบกายและเคลื่อนที่ไปพร้อมกับเขา พวกมันมีสีฟ้าเปล่งประกายดั่งกับเพชรเม็ดงามในถ้ำลึก รอบปีกมีสีดำและจุดสiขาวแต่งแต้มจนทั่ว เด็กน้อยคลี่ยิ้มกว้าง เปล่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข จากเคยตั้งมั่นวิ่งมุ่งตรงไปข้างหน้ากลับเปลี่ยนเป็นหมุนวน ชูแขนเล็ก ๆ ขึ้นจนสุด เพื่อหยอกล้อกับเหล่าผีเสื้อสีฟ้านับร้อยพันตัวรอบกาย
สัตว์ปีกตัวน้อยเกาะเกี่ยวหาที่ยึดกับร่างกายผอมบางของเด็กชาย พวกมันพาเขาบินขึ้นเหนือพื้นดินชุ่มช่ำ เด็กน้อยเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นระคนตกตะลึงที่ฝ่าเท้าไร้สิ่งสวมใส่กำลังลอยอยู่บนอากาศ
เขากำลังบิน!
ผีเสื้อพาเขาบินวนรอบทุ่งกว้าง สีเขียวขจีจากใบหญ้าที่ขึ้นสูงสลับกับดอกหญ้าสีขาว มันฟุ้งกระจายอยู่รอบกายเด็กน้อยและปลิวว่อนเล่นกับสายลม แสงอาทิตย์สาดส่องจนแสบตาหากแต่ไม่แผดเผาให้รู้สึกระคายผิวกาย กลับยิ่งทำให้ทุ่งหญ้าข้างล่างน่าดูชมมากขึ้นเป็นไหน ๆ เด็กน้อยผ่อนคลายกับบรรยากาศและตื่นตาตื่นใจกับการที่เขากำลังลอยเหนือพื้นดิน จนลืมสังเกตทัศนวิสัยรอบกาย
พื้นหญ้าสีเขียวคุ้นตากำลังห่างออกไป เด็กหนุ่มเหลียวมองไปด้านหลังอย่างอาวรณ์
เหล่าผีเสื้อตัวน้อยจะพาเขาไปที่ไหนกันนะ
ในขณะที่กำลังเบือนหน้ากลับมานั้น จู่ ๆ ก็พลันรู้สึกวูบโหวงในช่องท้อง ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระส่ำ ความหนาวเหน็บเข้ามาแทนที่อากาศอบอุ่นเมื่อครู่ในทันใด เส้นขนตามร่างกายลุกชันขึ้นด้วยความตื่นกลัว เด็กหนุ่มหวีดเสียงแหลมอย่างลืมตัวเมื่ออยู่ดี ๆ ฝูงผีเสื้อก็ปล่อยเขาลงจากท้องนภาที่สูงขึ้นจากพื้นดินไปไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเมตร แขนทั้งสองเอื้อมออกหวังคว้าเอาอากาศตรงหน้าเป็นที่ยึด แต่สุดท้ายก็ไม่ถึง
ร่างผอมบางของเด็กหนุ่มดิ่งลงด้วยความเร็ว
เฮือก!
ร่างบนฟูกสะดุ้งสุดตัวจากฝันอันแสนสุขเมื่อครู่ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามแผ่นหลังและส่วนต่าง ๆ จนท่วมกาย ก้อนเนื้อในอกเต้นรัวราวกลองชุดริมฝีปากเผยอออกหอบเอาอากาศเข้าปอดเพื่อคลายความตื่นตระหนก เขาลูบหน้าตัวเองอยู่สองสามครั้งก่อนจะยกมือเสยเส้นผมสีดำสนิทที่ตกลงมาปรกหน้าขึ้น เบี่ยงสายตาไปมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียงนอน
ตีสอง
ให้ล้มตัวลงนอนอีกครั้งคงไม่สามารถหลับได้แล้ว
กำลังมีความสุขอยู่แท้ ๆ ดันโดนทิ้งกลางอากาศเสียได้ เจ้าพวกผีเสื้อเฮงซวย!
เขาลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ก้าวขาไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างสีเปลือกไม้ มองผ่านความมืดเลยไปหาดวงจันทร์ เมื่อตกอยู่ในสภาวะเหม่อลอยเพียงครู่ สมองที่ว่างเปล่าพลันหวนนึกถึงคำพูดของผู้เป็นพ่อที่พร่ำบอกเขาเรื่อยมา
‘ตอนลูกอายุครบยี่สิบห้าปีเต็ม ในคืนที่จันทร์เต็มดวงให้คุมตัวเองให้อยู่ เอาชนะสัญชาตญาณให้ได้ อย่าให้มันควบคุมเรา ’
เขาเป็นอัลฟ่า เรียกว่าเพศที่แข็งแกร่งและน่ายำเกรงที่สุดก็ไม่ผิดนัก ทั้งรูปร่างหนากำยำ พละกำลังที่เหนือกว่าเบต้าและโอเมก้าอยู่มาก รวมถึงไหวพริบในการรับรู้ต่าง ๆ และสัญชาตญาณความเป็นผู้นำซึ่งได้รับต่อมาจากบรรพบุรุษเป็นทอด ๆ
มองดูแล้วคล้ายว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิ
แต่ทุกเพศย่อมมีจุดอ่อน
อัลฟ่าอย่างเขาก็เช่นกัน
เมื่อถึงคืนจันทร์เต็มดวงในตอนที่อายุครบยี่สิบห้าปี มันเป็นคืนที่อัลฟ่าอ่อนแอที่สุด เพราะในเวลานั้นอัลฟ่าทุกคนจะไร้ซึ่งติสัมปชัญญะ สัญชาตญาณแห่งนักล่าจะอยู่เหนือความคิดอ่าน หากฝืนมันไม่ได้แน่นอนว่าต้องอยู่กับมันไปตลอดชั่วอายุขัย
นั่นเป็นฝันร้ายของอัลฟ่า
ไม่มีอัลฟ่าหรือใครหน้าไหนต้องการย้อนกลับไปใช้ชีวิตเช่นในอดีต
ไม่มีใครอยากกลายเป็นผู้ล่าที่จำไม่ได้แม้กระทั่งคนที่รัก
ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน ในเมื่อมันยังไม่เกิดก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึง
ร่างสูงของอัลฟ่าก้าวเท้าไปหยุดที่หน้าประตูกระจกบานหนึ่ง มันเป็นประตูเชื่อมไปยังบ้านอีกหลังข้าง ๆ กัน ตั้งแต่จำความได้เขาก็เห็นมันตั้งอยู่ตรงนี้แล้ว
หากว่าตามคำบอกเล่าของบุพการีบอกไว้ว่ามันเป็นความต้องการของเด็กน้อยวัยสี่ขวบที่ไม่อยากห่างจากเพื่อนอัลฟ่าด้วยกันแม้กระทั่งยามหลับ พวกผู้ใหญ่ยกเหตุผลมาค้านล้านแปดข้อแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนเพราะเพื่อนของลูกชายก็ร้องขอเช่นเดียวกัน จึงจำใจต้องทุบผนังทิ้งส่วนหนึ่งและนำประตูบานเลื่อนมาไว้แทนที่ตามความต้องการของลูกชายและเพื่อนตัวน้อยวัยสี่ขวบปี
น่าแปลก
ปกติแล้วอัลฟ่าเปรียบเสมือนจ่าฝูง แน่นอนว่าย่อมไม่ถูกกับอัลฟ่าด้วยกันเอง แต่เพื่อนอัลฟ่าสองคนนี้กลับแตกต่างออกไปจากที่ควรจะเป็น ถึงเป็นเพียงแค่เด็กวัยอนุบาลที่ไม่รู้เรื่องราวอะไร
แต่อัลฟ่าก็คืออัลฟ่า
ยิ่งตัวติดหนึบกันตั้งแต่เด็กจนโตแบบนี้ยิ่งเป็นเรื่องแปลก
แต่ใครสนกัน
เขาเอื้อมมือจับที่บานประตูและเลื่อนออกอย่างแผ่วเบา เวลานี้ดึกมากแล้วเกรงว่าคนที่กำลังนอนหลับพริ้มอยู่อีกห้องจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ไม่วายเขาคงเขียวไปทั้งร่างอย่างทุกที
บนเตียงนอนหลังใหญ่มีร่างของอัลฟ่าอีกคนกำลังอยู่ในห้วงนิทรา ดวงตาปิดสนิท ลมหายใจผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ หน้าอกใต้ผ้าห่มกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ฟีโรโมนกลิ่นบางเบาจนแทบเลือนหายไปกับอากาศภายในห้อง เป็นตัวบ่งบอกว่าอีกคนหลับใหลไปนานแล้ว
อัลฟ่าผู้มาเยือนก้าวขาย่องเข้าใกล้เตียงอย่างเชื่องช้า วางปลายเท้าลงพื้นกระเบื้องให้แนบชิดและแผ่วเบาที่สุดเท่าที่อัลฟ่าอย่างเขาจะทำได้ จัดการทิ้งตัวลงนั่งที่ว่างบนฟูกแล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มนวมผืนหนาและล้มตัวลงหมอนสีขาวสะอาดที่ว่างอีกใบข้างเพื่อนอัลฟ่าของตน
ทุกการกระทำเป็นไปอย่างเนิบช้าและเบาที่สุด
ทุกครั้งยามที่ใครสักคนฝันร้ายหรือมีเรื่องทุกข์ร้อนภายในใจ สิ่งที่พวกเขาทำมาเสมอคือการย่องเบาเข้าไปในห้องของอีกฝ่ายและปิดตาหลับสู่ห้วงฝันไปพร้อมกัน
เหมือนที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้
“ฝันร้ายหรือไง” เจ้าของห้องเอ่ยถามผู้มาเยือนด้วยเสียงแหบพร่าราวเสียงกระซิบ ดวงตาคู่นั้นยังคงปิดสนิททั้งสองข้าง
เขารู้ตัวตั้งแต่ที่เพื่อนตัวดีเปิดประตูเข้ามาแล้ว เสียงเท้าย่ำลงกับพื้นมันไม่ได้เบาขนาดนั้น เป็นอัลฟ่าตัวใหญ่แต่กลับย่องเบาเข้าห้องคนอื่นอย่างกับลูกแมว
จะแกล้งเป็นไม่รู้เรื่องก็แล้วกัน
“อืม” อัลฟ่าผู้มาเยือนตอบกลับในลำคอ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่เพื่อนตนจะรู้สึกตัวตื่นแม้ว่าจะพยายามทำให้เบาและเงียบเชียบมากเพียงใด
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เข้ามาแล้วโดนจับได้เสียหน่อย
“ผีเสื้อพาบิน แล้วอยู่ดี ๆ พวกมันก็ปล่อยพีลง” คำบอกเล่าจากเพื่อนอัลฟ่าเรียกเสียงขบขันและรอยยิ้มมุมปากให้กับเจ้าบ้านได้เล็กน้อย
มันก็น่าตลกอยู่ อัลฟ่าตัวโตไม่มีเพศไหนกล้ายุ่งเกี่ยวกลับมาฝันว่าถูกผีเสื้อตัวน้อยปล่อยให้ร่วงลงกลางอากาศจนสะดุ้งตื่นและกลายมาเป็นฝันร้าย
“ต้องให้กานต์โอ๋ไหม” เจ้าของห้องถามเสียงกลั้วหัวเราะ
“พีโตแล้วนะกานต์” น้ำเสียงของอัลฟ่าหนุ่มฟังดูคล้ายโอดครวญกับคำถามของเพื่อน ถูกล้ออีกแล้วสินะ
หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเพียงเด็กน้อยไม่รู้ความ เขาคงไม่ปฏิเสธและตอบกลับไปว่า ‘มาโอ๋สิ ’ แต่ในตอนนี้ทั้งเขาและเพื่อนอายุยี่สิบสามกันแล้ว อัลฟ่าตัวใหญ่ลูบหัวอัลฟ่าอีกคนที่ขนาดตัวพอกันเพื่อปลอบประโลมจากฝันร้าย คนนอกผ่านมาเห็นคงเป็นภาพแปลกตาน่าดูพิลึก
“นึกว่าจะให้โอ๋”
“กานต์...” เขาโอดครวญอีกรอบเมื่อยังถูกเพื่อนสนิทล้อไม่หยุด เรียกเสียงหัวเราะให้กับเจ้าของบ้านอีกครั้ง
“โอเค ๆ นอนกันดีกว่า” เขาตัดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น หากต่อความเพิ่มกว่านี้ดูท่าว่าคงหลับคอพับไปก่อนจะคุยกันให้รู้เรื่อง
ฝ่ายผู้มาเยือนไม่ได้คัดค้านอะไร เพียงหัวถึงหมอนเมื่อครู่ตาก็ตั้งท่าจะปิดอยู่รอมร่อ ถึงก่อนหน้าจะฝันร้ายจนตื่นเต็มตาแต่เมื่อได้อยู่ในที่ที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ร่างกายก็ผ่อนคลายมากขึ้นเป็นเท่าตัว
โดยเฉพาะกลิ่นหอมประจำตัวของเจ้าบ้าน
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า หน้าต่างบานใหญ่มีผ้าม่านถูกมัดไว้ที่มุมทั้งสองข้าง ทำให้แสงสีนวลจากพระจันทร์เต็มดวงสาดส่องผ่านเข้ามาจนเผยให้เห็นร่างสองร่างบนเตียงหลังใหญ่
สองอัลฟ่าภายใต้ผ้าห่มนวมเพียงผืนเดียวกำลังนอนกอดก่ายกันด้วยความเคยชิน จากเคยหนุนนอนหมอนคนละใบ กลายเป็นว่าเหลือหมอนว่างหนึ่งใบที่มุมเตียง เจ้าของห้องเคลื่อนตำแหน่งของศีรษะตัวเองมาวางไว้บนลำแขนหนาข้างหนึ่งของเพื่อนสนิท เขานอนตะแคงข้างโดยมีเพื่อนอัลฟ่านอนขนาบด้านหลังไว้เพื่อกันความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศให้กัน
เป็นความเคยชินที่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
#พีขอโทษ
อรุ่ม เพื่อนจริงเบ๋อ~
***ลงตอนแรก 3 เมษา***
TW : dao_jun000