เพื่อนไม่กอดกัน เพื่อนไม่หวงเพื่อน เพื่อนไม่นอนด้วยกัน และเพื่อน...ไม่มีลูกด้วยกัน
รัก,ดราม่า,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พีขอโทษ Sorry foe the mistakeเพื่อนไม่กอดกัน เพื่อนไม่หวงเพื่อน เพื่อนไม่นอนด้วยกัน และเพื่อน...ไม่มีลูกด้วยกัน
อีนิกม่า × อัลฟ่า
เพื่อนไม่กอดกัน
เพื่อนไม่หวงเพื่อน
เพื่อนไม่นอนด้วยกัน
และเพื่อน...ไม่มีลูกด้วยกัน
_____________________
"ไม่ปลุกอีกแล้ว"
"อยากให้กานต์พักผ่อนเยอะ ๆ ไงครับ"
"ตามใจเราจนเคยตัวหมดแล้ว"
_____________________
"ทำไมรอบนี้มันรุนแรงกว่าเดิมอะพี"
"พ...พีไม่รู้ กานต์ออกไปก่อน"
"จะให้เราไปไหน พีเป็นหนักขนาดนี้"
"ออกไป ก...ก่อนนะครับ"
"กานต์ไม่ไป"
______________________
"...กานต์ครับ"
"เรายังไม่พร้อม ค่อยคุยได้ไหม"
"พีขอโทษ"
____________________
คนหนึ่งทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้า
____________________
"ทำไมต้องเป็นพี ทำไมอะ!"
"กานต์ พีขอร้อง พอนะครับ พีขอร้องนะกานต์ ใจพีจะขาดอยู่แล้ว"
"...ทำไมต้องเป็นพีด้วย"
_________________
อีกคนคล้ายกับตายทั้งเป็น
____________________
ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด บทความ เนื้อหา รูปภาพประกอบ ภายในหนังสือเล่มนี้ ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อด้วยรูปแบบหรือกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือการนำส่วนใดส่วนหนึ่งของเนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะทางพาณิชย์หรือไม่ก็ตาม ยกเว้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับหนังสือเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายโดยมีโทษสูงสุด
บทที่ 2
เดินทาง
ยามเย็นในเมืองหลวงเป็นที่รู้กันดีว่าการจราจรต้องติดขัดอย่างแน่นอน สองเพื่อนอัลฟ่ากำลังนั่งมองสัญญาณไฟด้วยใจจดจ่อ มันขึ้นเป็นสีเขียวมาครึ่งนาทีแล้วหากแต่รถยนต์คันข้างหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด ผ่านไปเกือบสองนาทีจึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวแต่สัญญาณไฟจราจรดันกลายเป็นสีแดงไปแล้ว
เห็นทีว่าคงต้องรอต่อไป
ภายในห้องโดยสารมีอัลฟ่าเจ้าของฟีโรโมนกลิ่นองุ่นเป็นสารถีขับรถโดยมีเพื่อนสนิทอย่างอัลฟ่าชากุหลาบนั่งอยู่ที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร วีรกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย เอนหัวพิงกระจกรถมองสายฝนเม็ดเล็กที่ร่วงหล่นลงมากระทบกับพื้นถนน เขาเบื่อที่ต้องนั่งรอสัญญาณไฟจราจรอยู่แบบนี้ทุกวัน อย่างต่ำก็คงสักชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย
พีรยุทธ์สังเกตเห็นคนข้างกายยกมือขึ้นลูบแขนปอย ๆ อาจจะทำเพื่อระบายความหนาวเย็นทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวเก่ง เขาแอบยิ้มอย่างนึกเอ็นดูอยู่ในใจ
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอื้อมมือมาที่หน้าคอนโซลเพื่อเบาแอร์ลงก่อนจะเอี้ยวตัวไปด้านหลังหยิบผ้าห่มสีเรียบจากกล่องเก็บของที่วางอยู่บนที่พักเท้าของเบาะหลังมาให้อัลฟ่าเพื่อนสนิทได้คลุมตัวคลายหนาวในช่วงเวลาฝนตก
เขาจัดแจงห่มผ้าให้คนข้างกายอย่างดี ในส่วนไหนที่คิดว่าความหนาวเย็นจะแทรกผ่านเข้าไปกระทบกับร่างกายได้ เขาก็จัดการสอดเนื้อผ้ายัดเข้าไประหว่างลำตัวและพนักของเบาะหนัง
ให้วีรกานต์รู้สึกอุ่นที่สุด
“ขอบคุณ” อัลฟ่าชากุหลาบตอบรับการกระทำของเพื่อนอัลฟ่าด้วยรอยยิ้ม พีรยุทธ์มักเป็นเช่นนี้เสมอ ดูแลประคมประหงมอย่างดีเสมือนเป็นพ่อแม่เขา
‘ทุกคนดูสิครับ น้ำใสมากกก ตัวแพก็น่าอยู่ แบบใครต้องการหนีความวุ่นวายในเมืองมาหาที่สงบ ๆ พักผ่อนนะ ผมแนะนำเลย โคตรชื่นใจ’
เสียงผู้บรรยายจากหน้าจอบนคอนโซลรถดังขึ้นทำลายความเงียบ เป็นพีรยุทธ์ที่เร่งเสียงวิดีโอเมื่อครู่เพราะเขาได้ยินคำว่า พักผ่อนในแพ
ล่องแพไม้ไผ่ไปตามสายน้ำ ชมวิวธรรมชาติที่สงบไม่วุ่นวายเหมือนเมืองหลวง ยามกลางคืนก็หลับนอนไปพร้อมเสียงของเหล่าแมลง
คงสบายใจน่าดู
“ศุกร์นี้ไปกันไหมครับกานต์” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอ่ยถามคนข้างกาย เขาค่อนข้างแน่ใจว่าวีรกานต์จะตอบตกลง เพื่อนสนิทของเขาชื่นชอบสายน้ำเป็นไหน ๆ มีหรือที่จะปฏิเสธ
“วันมะรืนอะนะพี” อัลฟ่าชากุหลาบถามกลับเสียงสูง
ที่เที่ยวมันก็อยู่ของมันที่เดิม จะรีบไปไหนกัน
“อืม ไปกันนะกานต์”
“พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาเลย ใครจะดูบ้าน”
“พ่อกับแม่พีก็อยู่ ให้ท่านช่วยดูก็ได้นี่ครับ ยังไงพวกท่านก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว”
วีรกานต์กรอกตาขึ้นพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเริ่มใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงหลายส่วนอีกทั้งยังดูออดอ้อนขอร้องไปในตัว
“ไม่ต้องจองแพหรอไง”
“เขาบอกว่าคนไม่ค่อยไปนี่ วอร์คอินเข้าไปก็มีที่ให้นอน”
จากที่ออดอ้อนเพียงน้ำเสียงกลายเป็นการใช้ร่างกายถูไถอย่างแมวน้อย อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอนตัวมาซบที่ไหล่ภายใต้ผ้าห่มของวีรกานต์ ใช้คางเกยไว้แบบไม่ลงน้ำหนักมากเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ ดวงตาสีรัตติกาลช้อนขึ้นมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนสนิทพลางกะพริบตาออดอ้อนอยู่สองสามที
วีรกานต์รู้ตัวว่าไม่เคยชนะท่าไม้ตายของเพื่อนอัลฟ่าได้ สุดท้ายแล้วยังไงผลสรุปก็คือเขาที่ยอมพีรยุทธ์เสมอมา
“ก็ได้ ๆ แต่รอบนี้พีจ่ายนะ” เขายอมไปด้วยก็จริงแต่ทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเผยยิ้มกว้างเมื่อคำตอบเป็นดังใจคิด เขากดริมฝีปากลงไปบนผืนผ้าที่ใช้ห่อหุ้มตัวของเพื่อนไว้แผ่วเบา ได้รับเพียงสายตาคาดโทษกลับมาหากแต่ไร้เสียงเอ่ยห้ามหรือกล่าวเตือน
“ได้ครับ พีจ่ายให้หมดเลย”
ท้องฟ้ายามนี้ถูกระบายด้วยสีฟ้าอ่อนผสมกับสีส้มและขาวอย่างลวก ๆ จุดแต้มสีขาวส่องสว่างระยิบระยับทั้งขนาดน้อยใหญ่มีให้เห็นอยู่ประปราย ประกอบกับบรรยากาศรอบข้างที่มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงลมจากภายนอกดังแว่วเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ ยิ่งพาให้รู้สึกผ่อนคลาย
พีรยุทธ์บังคับทิศทางของรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นไปตามท้องถนนฝ่ามือหนาที่ปรากฎเส้นเลือดสีอ่อนจับแน่นไว้ที่พวงมาลัยรถ อีกข้างกำลังจัดการคลุมผ้าห่มที่ร่วงหล่นลงมาให้กับเพื่อนอัลฟ่าขณะที่เจ้าตัวกำลังเอนกายอยู่ในห้วงของนิทรา ก่อนจะกลับมายกแก้วกาแฟหอมกรุ่นที่เขาแวะซื้อมันมาเมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้ว
เขาเขย่าแก้วร้อนในมือแผ่วเบาพลางพรูลมจากริมฝีปากหนา ปรากฎเป็นไอสีขาวจาง ๆ เพื่อคลายความร้อนไปด้วย
เสียงขยับขยุกขยิกจากฝั่งที่นั่งผู้โดยสารเรียกความสนใจจากสารถีขับรถ อัลฟ่ากลิ่นองุ่นวางแก้วกาแฟที่กำลังจ่อปากลงไว้ที่เดิม แล้วมองคนกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นไปพลาง สลับกับมองถนนที่มีแสงไฟสลัวไปพลาง
วีรกานต์ปรือตามองเพื่อนอัลฟ่าที่ตอนนี้กลายเป็นคนขับรถพลางเปิดปากหาวหวอดอย่างไม่นึกอาย ลำแขนโอบกระชับกอดตัวเองไว้ใต้ผ้าห่มสีเรียบที่คลุมตัวอยู่
"ใกล้ถึงหรือยัง" อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยถามเสียงพร่า น้ำสีใสกลิ้งหล่นจากดวงตาเรียกเสียงขันอย่างนึกเอ็นดูจากอัลฟ่ากลิ่นองุ่น
"อีกสองร้อยกว่าโลเองครับ" เขาตอบพร้อมเอื้อมมือไปจัดผ้าห่มให้เพื่อนอัลฟ่าใหม่อีกครั้ง เนื่องจากมันร่วงลงมาจากไหล่ข้างซ้าย
"กานต์นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวถึงแล้วพีปลุกนะครับ"
อัลฟ่าชากุหลาบหลับตาลงอย่างว่าง่าย ขาสองข้างภายใต้ผ้าห่มถูกงอขึ้นมาจากเดิมเพื่อหลบหลีกความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เล็ดลอดเข้ามา พีรยุทธ์เห็นดังนั้นจึงจัดการผ่อนอุณหภูมิให้อีกคนได้หลับอย่างสบายตัว
พวกเขาตื่นมาตั้งแต่ตีสาม ซึ่งไม่ใช่เวลาที่คนปกติจะลุกจากเตียงนุ่มมาใช้ชีวิตกัน สองอัลฟ่าจัดเตรียมของใช้จำเป็นไว้ตั้งแต่เมื่อคืนวานและบอกกล่าวกับผู้ใหญ่ทั้งสองท่านว่าจะไม่อยู่สามถึงสี่วัน
สถานที่ที่พวกเขาจะไปอยู่ภายในเขื่อนในเขตจังหวัดทางภาคเหนือซึ่งบริเวณนั้นมีอาณาเขตบางส่วนติดกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ด้วย
พีรยุทธ์ได้ติดต่อกับเจ้าของเรือนแพตามเบอร์โทรที่ยูทูบเบอร์แจ้งไว้ให้ในคลิปนั้น เขาเหมาแพขนาดกลางสำหรับสองถึงสี่คนไว้สามวัน ราคาที่เจ้าของแพเช่าแจ้งมาทำอัลฟ่ากลิ่นองุ่นตกใจไม่น้อย มันถูกมากเมื่อเทียบกับบรรยากาศและการบริการที่ทางเจ้าของแจ้งไว้ว่ามีอาหารทะเลให้ทานครบสามมื้อตลอดสามวัน อีกทั้งยังมีบริการพาชมหิ่งห้อยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม และหากอยากล่องแพไปเที่ยวสถานที่อื่นใกล้ ๆ ทางเจ้าของแพก็ยินดีจะนำทางไปเช่นกัน
อัลฟ่ากลิ่นองุ่นยังไม่ได้บอกกล่าวเพื่อนอัลฟ่าคนสนิทว่าสถานที่พักมีบริการอะไรน่าประทับใจบ้าง เขาตั้งใจว่าจะพาวีรกานต์ไปชมหิ่งห้อยที่กลางเขื่อนในคืนพระจันทร์เต็มดวงอันใกล้นี้
แสงสีนวลจากดวงจันทร์ผสานกับแสงสีเหลืองอร่ามคงเป็นภาพที่ชวนให้หลงใหลได้ไม่ยากนัก
แน่นอนว่าเขานัดแนะกับทางเจ้าของเรือนแพถึงเรื่องของวันและเวลาไว้เรียบร้อยแล้ว
แสงสีเหลืองรำไรลอดผ่านกระจกเข้ามาปลุกคนที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทราให้ตื่นขึ้น
ผิวขาวเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อจาง ๆ เมื่อต้องแสงในช่วงสายของวันริมฝีปากของอัลฟ่าขบเม้มตัวเองพลางส่งเสียงอื้ออึงผ่านลำคอ ผ้าห่มที่คลุมอยู่บนตัวถูกพับลวก ๆ และยกออกไปวางไว้ที่ประจำของมันทางด้านหลัง เปลือกตาเจือสีแดงอ่อนเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีเฮเซลนัทฉ่ำน้ำสีใสที่อยู่ภายใน
มันสวยงามเสียจนอัลฟ่ากลิ่นองุ่นหายใจสะดุดไปครู่หนึ่ง
“ถึงแล้วหรอ” เสียงแหบพร่าของเพื่อนสนิทเรียกสติของสารถีขับรถให้กลับมาอยู่กับตัว
“ถึงแล้วครับ” พีรยุทธ์เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มบางอย่างทุกที
“ไหนบอกจะปลุกไง” อัลฟ่าชากุหลาบโอดครวญพลางบึนปากออกมาเล็กน้อย เขาจำได้ในช่วงเช้ามืดที่เขาตื่นขึ้นมา เพื่อนอัลฟ่าเป็นคนเอ่ยปากเองว่าหากถึงที่หมายจะปลุกเขา แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้เขานอนตื่นสายจนแดดส่องแบบนี้ แม้จะไม่ได้ร้อนมากเพราะมีร่มเงาของต้นไม้ต้นใหญ่บังให้อยู่ แต่แสงจ้าขนาดนี้คงไม่ใช่แค่เจ็ดหรือแปดโมงเป็นแน่
“อยากให้กานต์พักผ่อนไงครับ”
“ตามใจจนจะเคยตัวอยู่แล้วนะ” วีรกานต์ส่งเสียงกระปอดกระแปดเบา ๆ หากแต่ระยะห่างเพียงคืบเดียวก็ทำให้อัลฟ่ากลิ่นองุ่นได้ยินและอมยิ้มออกมา
เขาเดินลงมาจากรถพร้อมเพื่อนสนิท เปิดกระโปรงท้ายเพื่อยกเอาสัมภาระออกมาเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในขั้นต่อไปโดยไม่ลืมที่จะกดล็อกอย่างแน่นหนาและเอ่ยปากฝากรถของตนไว้ให้คุณป้าดูแล
สองอัลฟ่าก้าวเดินไปพร้อมกัน จุดหมายคือเรือยนต์ที่มีคุณลุงสตาร์ทเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว ถึงจะเป็นตาแก่สายตาฝ้าฟางหากแต่จดจำรูปร่างของอัลฟ่าร่างหนาตรงหน้าได้ดี
เมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อนมีรถยนต์ขับเข้ามาจอดในบริเวณโฮมสเตย์ที่คุณลุงและภรรยาเป็นเจ้าของอยู่ ตอนแรกก็นึกเอะใจเพราะว่าไม่มีการจองบ้านพักล่วงหน้า แต่พอคุณป้าภรรยาคุณลุงได้ยินเสียงที่เอ่ยบอกว่าเหมาเรือนแพกลางเขื่อนเอาไว้ก็จำได้ทันที อัลฟ่าหนุ่มคนนั้นบอกกับพวกเขาว่าอีกสักหนึ่งชั่วโมงถึงจะออกเดินทางเพราะเพื่อนสนิทยังไม่ตื่นจากนิทรา
สองสามีภรรยายิ้มให้อย่างเข้าใจ แอบสงสัยอยู่ในใจว่าใช่เพื่อนสนิทจริงหรือไม่ เด็กแถวบ้านที่เคยเห็นก็มีแต่ไล่ตีเตะกันอยู่ทุกวัน จะมารอให้เพื่อนตื่นเพื่อไปเที่ยวแบบนี้ไม่มีให้เห็นหรอก
หรือเป็นเรื่องปกติของคนในเมือง
หรือเพื่อนคนนั้นเป็นโอเมก้าจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
แต่โอเมก้ากับอัลฟ่าสามารถเป็นเพื่อนกันได้ด้วยหรือ ในเมื่อธรรมชาติสรรค์สร้างให้พวกเขาเกิดมาเป็นคู่ครองกัน
ในตอนนี้ความคับข้องใจของคุณลุงคลี่คลายลงมาบ้าง เมื่อเห็นว่าอัลฟ่าหนุ่มที่มาคุยกันในตอนเช้านั้นถือกระเป๋าใบโตถึงสองใบ ในขณะที่อีกคนข้างกายหอบกระเป๋าเป้เพียงใบเดียวไว้ในอก
แต่เอ๋...เจ้าเด็กคนนั้นก็เป็นอัลฟ่าเหมือนกันนี่นา
คุณลุงสะบัดหัวไล่ความคิดที่เริ่มสนใจคนมากกว่างานที่ต้องทำเมื่อสองอัลฟ่าก้าวขึ้นมาบนเรือยนต์แล้วก็เอ่ยปากทักทายอย่างเป็นมิตร ระหว่างเดินทางไปที่เรือนแพกลางเขื่อนจึงมีเสียงพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ ของอัลฟ่าสองคนและตาลุงเบต้าแก่ ๆ คนหนึ่ง
ร่วมครึ่งชั่วโมงกว่าพวกเขาจะเดินทางมาถึงที่หมาย ภาพของเรือนแพขนาดกลางปรากฏแก่สายตาคนทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่าอัลฟ่าชากุหลาบจะตื่นเต้นมากกว่าคนข้างกายเป็นเท่าตัว เนื่องด้วยตอนจองที่พักเป็นพีรยุทธ์ที่จัดการทุกสิ่งอย่างด้วยตัวเอง
ก็รายนั้นบอกว่าจะจ่ายเองหมดนี่นา
ตัวบ้านเป็นไม้เปลือยเปล่า มุงหลังคาด้วยสังกะสีและทับด้วยใบจากอีกชั้นดูคลาสสิค ฐานด้านล่างที่รองรับเรือนไว้เป็นไม้ไผ่ถูกมัดรวมกันจนเป็นแพขนาดใหญ่ บนเรือนแพมีพื้นที่มากพอให้วางเก้าอี้สานและโต๊ะทรงกลมเข้าชุดกันไว้หนึ่งชุด ที่กลางเรือนมีบ่อปลาคราฟขนาดเล็ก มันถูกห้อมล้อมด้วยดอกซ่อนกลิ่นสีขาวสะอาดในกระถางดินเผาจนรอบบ่อ ห่างออกไปไกลพอสมควรจะเห็นเรือนแพอีกหลายสิบลำ หากแต่ระยะห่างที่ทิ้งช่วงไว้มากจึงให้ความรู้สึกว่ามีความเป็นส่วนตัว
คุณลุงเบต้าจอดเรือยนต์ที่ปีกซ้ายของเรือน พีรยุทธ์เป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นไปบนเรือนแพก่อนจะโน้มตัวลงมาหยิบยกกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดไว้ในมือ
อัลฟ่าชากุหลาบยังคงเหม่อมองทิวทัศน์รอบกายไม่ยอมขยับตัวพาให้อัลฟ่าเพื่อนสนิทลอบอมยิ้มเอ็นดูเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้ของวัน
“มาเร็วครับกานต์ เอาของไปเก็บกัน” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอ่ยเรียกวีรกานต์ด้วยรอยยิ้ม
สองอัลฟ่าเอ่ยขอบคุณคุณลุงเบต้าก่อนลาจาก พวกเขาหิ้วกระเป๋าใบโตเข้าไปเก็บในตู้ไม้ใบเล็ก ภายในเรือนมีฟูกขนาดห้าฟุตพร้อมผ้าห่มและหมอนอีกสองใบวางอยู่บนพื้นระแนง ตั่งไม้ขนาดเล็กถูกจัดไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง ห้องน้ำถูกแยกเป็นอีกห้องข้าง ๆ ตัวเรือน
“ชอบไหม” พีรยุทธ์ยอบกายลงบนฟูกแล้วเอนตัวลงนอน แขนข้างขวาถูกยกขึ้นไปหนุนนอนต่างหมอน ดวงตาคู่คมปิดลงทันทีเนื่องจากเกิดอาการล้าหลังเดินทางไกล
“ชอบ สวยดี” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยตอบพลางสาวเท้ามานั่งลงที่ข้างฟูก
พีรยุทธ์ยกยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ อย่างไรวีรกานต์ก็ต้องชอบมันเมื่อสถานที่แห่งนี้มีแต่สายน้ำที่เจ้าตัวหลงใหลโอบล้อมกาย
“พีขอพักสายตาสักแปปนะครับ”
“นอนไปเถอะ เดี๋ยวกานต์ออกไปนั่งเล่นข้างนอก”
“กอดได้ไหมครับ” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางขยับพลิกตัวหันตะแคงข้าง ช้อนสายตาขึ้นมองสบกับนัยน์ตาสีเฮเซลนัทของวีรกานต์
"เหนื่อยก็นอนไป กอดแล้วมันจะนอนสบายตัวไหม" อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยขัดทันที ดูก็รู้ว่าเหนื่อยกับการเดินทางมากแค่ไหน ขับรถตั้งแต่เช้ามืดโดยไม่พัก ดวงตาคู่คมก็อ่อนล้าเสียขนาดนั้น
เจ้าเพื่อนอัลฟ่าบึนปากแล้วหลบสายตาฝั่งใบหน้าคมลงฟูกอย่างแง่งอน "นอนก็ได้ครับ"
วีรกานต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหัวพร้อมรอยยิ้มบางที่ประดับบนใบหน้า เพื่อนอัลฟ่าของเขาเริ่มแสดงท่าทีเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กซุกซน
หากเป็นเวลาปกติก็จะไม่ยอมให้แตะเนื้อตัวเท่าไหร่ อย่างวันที่พีรยุทธ์แอบย่องเข้าไปนอนกับเขาในวันนั้น ถึงวีรกานต์จะแกล้งแหย่ว่าจะกอดปลอบแต่เจ้าตัวก็ยังโอดครวญว่าไม่ต้องการ
แล้วดูตอนนี้สิ
พอเหนื่อยก็มาอ้อนขอนอนกอด
ยังคงเป็นเด็กชายองุ่นเสมอ
"อย่างอน มากอดก็ได้มา เดี๋ยวกานต์เล่นโทรศัพท์รอ" สุดท้ายก็เป็นวีรกานต์ที่แพ้ให้ลูกอ้อนของเพื่อนอัลฟ่าทุกครั้งไป
อัลฟ่าชากุหลาบเอนกายลงนอนที่ว่างข้าง ๆ เขาตะแคงตัวหันเข้าหาเพื่อนตัวดี แขนข้างหนึ่งถูกยกให้พีรยุทธ์ใช้หนุน อีกข้างก็โอบรอบลำตัวหนา ออกแรงรัดวงแขนให้กระชับมากกว่าปกติอย่างหมั่นไส้ก่อนจะคลายออกให้สารถีขับรถจำเป็นเมื่อชั่วโมงก่อนได้พักผ่อนให้เต็มที่
พีรยุทธ์ก็ใช้ลำแขนพาดไว้บนเอวของอัลฟ่าชากุหลาบ เนื่องจากในตอนนี้ตนอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า วีรกานต์จึงถือโอกาสวางคางเกยไว้บนหศีรษะที่เส้นผมสีดำสนิทถูกเสยขึ้นมา
ลมหายใจอุ่นที่สัมผัสได้ตรงช่วงลำคออย่างสม่ำเสมอทำให้วีรกานต์รู้ว่าขณะนี้เพื่อนอัลฟ่าของเขาได้เข้าสู่นิทราแล้วแม้เวลาจะผ่านไปเพียงสิบนาทีเท่านั้น
จากตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลานี้ไล่ตอบคำถามของนักเรียนที่ส่งเข้ามาถามในเรื่องเรียน แต่ตอบไปได้เพียงแค่สองคนก็จำต้องวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะไม้เล็ก ๆ ข้างฟูก
แม้จะเป็นช่วงใกล้เที่ยงวันแต่วีรกานต์กลับไม่รู้สึกร้อนหรือสัมผัสได้ถึงความอบอ้าว กลับกันเขารับรู้ได้เพียงสายลมเย็นฉ่ำที่พัดผ่านหน้าต่างไม้เข้ามา นับว่าสถานที่แห่งนี้บรรยากาศดีมากจนทำให้อัลฟ่าชากุหลาบเกิดอาการง่วงงุนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขาเพิ่งจะตื่นเมื่อชั่วโมงก่อน แต่กลับรู้สึกอยากนอนอีกแล้ว
วีรกานต์กระชับวงแขนอีกครั้ง นิ้วชี้ถูกยกขึ้นมาเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าของอัลฟ่ากลิ่นองุ่น ก่อนเปลือกตาจะปิดลงพร้อมลมหายใจที่ผ่อนออกมาอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกับพีรยุทธ์
#พีขอโทษ
เจ้าลูกหมามันเอาใหญ่แล้วค่ะแม่แม๊
TW : dao_jun000