เพื่อนไม่กอดกัน เพื่อนไม่หวงเพื่อน เพื่อนไม่นอนด้วยกัน และเพื่อน...ไม่มีลูกด้วยกัน

พีขอโทษ Sorry foe the mistake - 3 ดูดาวบนเกาะ โดย โฉมจันทรา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,ไทย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พีขอโทษ Sorry foe the mistake

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

พีขอโทษ Sorry foe the mistake โดย โฉมจันทรา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพื่อนไม่กอดกัน เพื่อนไม่หวงเพื่อน เพื่อนไม่นอนด้วยกัน และเพื่อน...ไม่มีลูกด้วยกัน

ผู้แต่ง

โฉมจันทรา

เรื่องย่อ

อีนิกม่า × อัลฟ่า

 

เพื่อนไม่กอดกัน

เพื่อนไม่หวงเพื่อน

เพื่อนไม่นอนด้วยกัน

และเพื่อน...ไม่มีลูกด้วยกัน

 

_____________________

 

"ไม่ปลุกอีกแล้ว"

 

"อยากให้กานต์พักผ่อนเยอะ ๆ ไงครับ"

 

"ตามใจเราจนเคยตัวหมดแล้ว"

 

_____________________

 

"ทำไมรอบนี้มันรุนแรงกว่าเดิมอะพี"

 

"พ...พีไม่รู้ กานต์ออกไปก่อน"

 

"จะให้เราไปไหน พีเป็นหนักขนาดนี้"

 

"ออกไป ก...ก่อนนะครับ"

 

"กานต์ไม่ไป"

 

______________________

 

"...กานต์ครับ"

 

"เรายังไม่พร้อม ค่อยคุยได้ไหม"

 

"พีขอโทษ"

 

____________________

คนหนึ่งทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นคนแปลกหน้า

____________________

 

"ทำไมต้องเป็นพี ทำไมอะ!"

 

"กานต์ พีขอร้อง พอนะครับ พีขอร้องนะกานต์ ใจพีจะขาดอยู่แล้ว"

 

"...ทำไมต้องเป็นพีด้วย"

 

_________________

อีกคนคล้ายกับตายทั้งเป็น

____________________

 

ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด บทความ เนื้อหา รูปภาพประกอบ ภายในหนังสือเล่มนี้ ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือเผยแพร่ต่อด้วยรูปแบบหรือกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือการนำส่วนใดส่วนหนึ่งของเนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะทางพาณิชย์หรือไม่ก็ตาม ยกเว้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับหนังสือเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะดำเนินการทางกฎหมายโดยมีโทษสูงสุด

สารบัญ

พีขอโทษ Sorry foe the mistake-0 บทนำ,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-1 ไม่รู้ตัว,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-2 เดินทาง,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-3 ดูดาวบนเกาะ,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-4 หิ่งห้อยกลางเขื่อน,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-5 อัลฟ่ากลิ่นไวน์,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-6 อาการรัทที่รุนแรงกว่าปกติ,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-7 คืนเสพเพศ (1/2),พีขอโทษ Sorry foe the mistake-7 คืนเสพเพศ (2/2),พีขอโทษ Sorry foe the mistake-8 รู้สึกผิด,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-9 อัลฟ่า...ฮีท?,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-10 จูบได้ไหมครับ (1/2),พีขอโทษ Sorry foe the mistake-10 จูบได้ไหมครับ (2/2),พีขอโทษ Sorry foe the mistake-11 เกลียดกันก็ไปซะ,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-12 ติดกลิ่น,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-13 ไม่พร้อม,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-14 เพราะผิดพลาด,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-15 ดื้อดึง,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-16 ถึงเวลาที่ต้องห่างกัน,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-17 หมอนใบโต,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-18 รู้แล้วอย่างไรต่อ,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-19 ไม่เอาออกได้ไหมครับ,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-20 ไม่ชินเลย,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-21 คุณพ่อหวั่นกลัว,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-22 เพราะเขาเองที่ืเห็นแก่ตัว,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-23 ไม่เอาแล้ว,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-24 ปลดล็อคซึ่งกันและกัน,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-25 ช้ากว่าแต่รักเหมือนกัน,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-26 คุณพ่อและคุณแม่,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-Special 1 กานต์อยากให้ทำ,พีขอโทษ Sorry foe the mistake-Special 2 บันทึกของพีและกานต์

เนื้อหา

3 ดูดาวบนเกาะ

บทที่ 3

ดูดาวบนเกาะ

 

ดวงอาทิตย์กำลังบอกลาขอบฟ้าเหลือไว้เพียงแสงสีส้มแกมน้ำเงินเข้ม เสียงนกแขวกดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะแต่เพียงแผ่วเบา พวกมันกำลังออกล่าอาหารมื้อค่ำก่อนกลับรังบนต้นไม้ใหญ่ในระแวกเขื่อน

สายลมเย็นในช่วงค่ำพัดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่ที่เปิดแง้มไว้เข้ามา ปลุกให้สองอัลฟ่าบนฟูกสีสะอาดรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทรา

วีรกานต์ปรือตามองลอดผ่านหน้าต่างออกไป ท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีไปมากจากความทรงจำครั้งล่าสุดบ่งบอกว่าในขณะนี้เป็นเวลาเย็นย่ำแล้วเขาปิดปากหาวหวอดไปทีจนมีน้ำสีใสฉ่ำรอบดวงตา ตั้งใจว่าจะลุกออกไปชำระล้างร่างกายเสียก่อนที่อากาศภายนอกจะอุณหภูมิต่ำลงมากกว่านี้

อัลฟ่าชากุหลาบกับอากาศหนาวเย็นไม่ใช่สิ่งคู่กัน

แต่ก่อนจะยันตัวขึ้นก็ต้องจัดการพันธนาการที่โอบรอบเอวนี้ไว้เสียก่อน

จากตอนแรกที่ต่างคนต่างเป็นฝ่ายโอบกอดกันและกันก่อนเข้าสู่นิทรา กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มีเพียงอัลฟ่าผมสีคาราเมลเท่านั้นที่ถูกวงแขนของเพื่อนตัวดีโอบรัดร่างกายเอาไว้

รัดแน่นเป็นงูเสียด้วย

“พี เย็นแล้ว” อัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยกระซิบบุคคลด้านหลังหากแต่ไร้เสียงตอบรับ มีเพียงการขยับตัวขยุกขยิกเล็กน้อยและเสียงครางฮึมฮัมเป็นสัญญาณตอบกลับมาว่ารับรู้แล้วเพียงเท่านั้น

วีรกานต์ออกแรงดันร่างอัลฟ่าของตัวเองออกมาให้พ้นพันธนาการ แม้อีกฝ่ายจะเป็นอัลฟ่าเหมือนกันกับเขาหากแต่เรี่ยวแรงที่มีนั้นต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ถ้าให้เทียบก็ตอบได้ทันทีเลยว่าเป็นอัลฟ่ากลิ่นองุ่นที่เหนือกว่าในด้านนี้มาแต่ไหนแต่ไร

อัลฟ่าหรือช้างสารก็ไม่รู้

เพียงไม่นานอัลฟ่าชากุหลาบก็ขืนตัวเองออกมาจากวงแขนงูรัดนั่นได้สำเร็จ เขายกแขนขึ้นกอดอกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่จนทำให้คนบนฟูกรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง คราวนี้พีรยุทธ์เปิดเปลือกตาพร้อมกะพริบมันถี่ ๆ เพื่อปรับโฟกัส จึงได้สังเกตเห็นว่าบุคคลที่เคยอยู่ในอ้อมกอดบัดนี้ย้ายตัวไปยืนจ้องเขม็งกันอยู่ข้างฟูก

“ตื่นนานหรือยังครับ” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอ่ยถามเสียงเบาพลางพลิกกายไปคว้าเอาโทรศัพท์มาเปิดดูเวลา จากตอนแรกที่มีท่าทีงัวเงียดวงตาก็พลันเบิกกว้างแล้วดีดตัวลุกขึ้นนั่งในทันทีเมื่อตัวเลขบนหน้าจอสมาร์ทโฟนโชว์ว่าขณะนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น

นี่พวกเขาหลับกันไปถึงหกชั่วโมงเชียวหรือ

“ตื่นแล้วก็ลุก กานต์จะไปอาบน้ำก่อน อากาศมันเริ่มเย็นลงแล้ว” ไม่ว่าเปล่า วีรกานต์สาวเท้าไปหยิบเอาผ้าขนหนูมาพาดไว้บนไหล่พร้อมหอบเอาเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนมาไว้บนท้องแขนข้างซ้าย

“โอเคครับ” อัลฟ่าบนฟูกตอบรับไปเพียงเท่านั้น ร่างของเพื่อนอัลฟ่าก็เดินหายไปด้านนอกทันที

พีรยุทธ์สางเส้นผมที่ปรกลงมาปิดบังทัศนวิสัยการมองเห็นก่อนจะลุกขึ้นจากฟูกสีสะอาดแล้วก้าวออกมาด้านนอกบ้านพัก เขาสูดลมหายใจเข้าไปเสียเต็มปอดเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ กลิ่นน้ำกลิ่นป่าที่ได้รับพาลให้หัวสมองโล่งสบาย

ขายาวของอัลฟ่าก้าวพาตัวเองไปนั่งลงบนเก้าอี้สานข้างบ่อน้ำขนาดเล็กภายในเรือน เขาจับจ้องเข้าไปในบ่อเห็นเพียงปลาที่มีตัวสีขาวตัดส้มแดงเพียงสามสี่ตัวอย่างเลือนลางเนื่องจากมันอยู่ในช่วงมืดค่ำแล้ว

แต่อัลฟ่ากลิ่นองุ่นก็สังเกตเห็นสวิตช์ไฟเล็ก ๆ ในฝาครอบสีใสใกล้กันเขาจึงลองสับสวิตช์เปิดมันดู

เป็นไปตามคาด

ดวงไฟดวงน้อยสว่างขึ้นมาทันที มันเป็นสายไฟราวที่ถูกพันรอบลำต้นของดอกซ่อนกลิ่นไปจนรอบบ่อ พีรยุทธ์ยิ้มมุมปากเล็กน้อยหันมองไปรอบ ๆ เรือนเพื่อหาที่มาของแสงไฟ ในเรือนแพกลางน้ำเช่นนี้แต่มีสายไฟห้อยระยางไว้กลางเรือนก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย แล้วก็ไปเจอกับแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาบ้านพักจึงรู้ได้ในทันที

ดู ๆ ไปแล้วที่นี่ก็ออกจะ...โรแมนติกเหมือนกันนะ

ทั้งบรรยากาศรอบตัวและบรรยากาศในเรือนแพ

หากคู่รักมาพักที่นี่คงถูกใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“หนุ่มเอ้ย มาเอากับข้าวลูก” เสียงแหลมติดจะแหบแห้งของลุงเบต้าคนเดียวกับที่มาส่งพวกเขาเมื่อเช้าดังเข้ามาในโสตประสาท พีรยุทธ์ลุกขึ้นทันทีแล้วสาวเท้าเดินอย่างเร็วเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนาน

อัลฟ่ากลิ่นองุ่นยอบกายลงข้างลำเรือยนต์พลางเอื้อมมือไปรับเอาถาดอาหารที่มีสัตว์ทะเลส่งกลิ่นหอมกรุ่นอยู่เต็มไปหมดพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หนึ่งโถกับน้ำจิ้มที่แค่มองก็รับรู้ได้ถึงรสชาติ

“ขอบคุณครับลุง”

“ไม่เป็นไร ๆ กินให้เต็มที่นะ ถ้าไม่พอก็กดเปิดไฟสีแดง ๆ ตรงนั้นเลย เดี๋ยวลุงเอามาให้เพิ่ม” เบต้าชราชี้นิ้วไปบนเรือนให้อัลฟ่าหนุ่มมองตามจนพบกับเสาไฟอันเล็กข้างบ้านพัก

“แค่นี้ก็เยอะพอแล้วครับ เกรงใจลุง”

“เห้ยไม่ต้องเกรงใจ ที่นี่บริการเต็มที่”

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับลุง”

“เออหนุ่ม วันนี้บนเกาะฝั่งนู้นมีงานวัดนะ สนใจพาเพื่อนไปไหมล่ะ มาเที่ยวทั้งทีก็เอาให้สุดไปเลย” คุณลุงเบต้าเอ่ยบอกกึ่งเชิญชวนอัลฟ่าหนุ่มบนเรือน อีกทั้งยังกล่าวเสริมไปอีกว่าห่างออกจากเขตของเขื่อนไปราวครึ่งชั่วโมงก็จะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่บนเกาะ มีผู้คนอยู่อาศัยไม่ถึงร้อยคนหากแต่เป็นทำเลที่ดีในการเรียกนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นให้มาเยี่ยมชม ด้วยเพราะเป็นเขตแนวตะเข็บชายแดนระหว่างประเทศและที่กลางเกาะนั้นก็มีถ้ำหินระย้าที่ส่องประกายสวยงามอยู่

“ถ้างั้นอีกสักสี่สิบนาทีลุงมารับพวกผมได้ไหมครับ” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นได้ฟังก็กระตือรือร้นอยากไปชมความสวยงามของธรรมชาติที่นานครั้งคนในเมืองหลวงอย่างเขาและเพื่อนอัลฟ่าจะได้สัมผัส

แน่นอนว่าเขาคิดเผื่ออีกคนไปแล้ว

วีรกานต์ต้องชอบมากแน่

“ได้ดิหนุ่ม เตรียมตัวเลย ลุงจะพาแว้นเองแปปเดียวถึง” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นยิ้มรับจนตาปิดกับคำพูดที่ดูเป็นกันเองของลุงเบต้า ก่อนที่ชายชราจะขับเรือยนต์ออกไปส่งมื้อค่ำให้กับเรือนแพหลังอื่นต่อ เป็นจังหวะเดียวกับที่อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อสีขาวตัวหนาที่แขนเสื้อยาวเกือบครึ่งแขนกับกางเกงขายาว

เตรียมการมาอย่างดีสำหรับความหนาวเย็น

“คุณลุงเขามาชวนไปงานวัดบนเกาะใกล้ ๆ ไปกันไหมครับ” พีรยุทธ์ยันตัวขึ้นพร้อมกับถาดอาหารในมือ เขายกมันไปวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ บ่อปลาคราฟแล้วเอ่ยชวนอีกคน

“ไปสิ” อัลฟ่าชากุหลาบตอบรับอย่างไม่ลังเลพร้อมรอยยิ้มบางแล้วสาวเท้าเข้ามานั่งบนเก้าอี้สานฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนสนิท ฝ่ามือของเขาจับผ้าผืนเล็กที่พาดอยู่บนบ่าขึ้นมาซับหยดน้ำตามเส้นผมสีคาราเมลอย่างลวก ๆ เพียงครู่เดียว ก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารกลิ่นหอมตรงหน้า

“งั้นรีบเลยครับ อีกสี่สิบนาทีลุงจะมารับ” พีรยุทธ์ดันจานที่ตนตักข้าวสวยร้อนกรุ่นไปให้คนตรงหน้าและจานเปล่าใบเล็กอีกใบสำหรับทิ้งเปลือกหรือของที่ทานไม่ได้

สองอัลฟ่าทานอาหารเย็นอย่างไม่เร่งรีบนักเพราะต่างก็อยากซึมซับบรรยากาศธรรมชาติที่นานครั้งจะได้พบเจอ พร้อมกับพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ไประหว่างมื้ออาหารด้วย แน่นอนว่าเขาทั้งคู่ชื่นชอบอาหารทะเล บวกรวมกับน้ำจิ้มรสเด็ดที่คุณลุงเบต้าเสิร์ฟมาพร้อมกันยิ่งช่วยชูรสชาติของอาหารในมื้อนี้ให้น่าลิ้มลองจนไม่อาจหยุดความอยากอาหารได้

ความชอบก็ส่วนหนึ่ง

ร่างกายจะรับไหวหรือไม่ก็อีกส่วนหนึ่ง

“พี ขอน้ำหน่อย” อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลเอ่ยขอเครื่องดื่มดับกระหายกับเพื่อนคนสนิท

ใบหน้าแดงก่ำไปจนทั่วเสมือนว่าหลอดเลือดถูกนำมาจัดวางไว้แค่ที่เดียว ปลายจมูกรั้นนั้นก็แดงไม่แพ้กัน ดวงตาสีเฮเซลนัทคู่สวยก็เจือไปด้วยหยาดน้ำใสที่เอ่อคลอหน่วย มันตั้งท่าจะหยดลงมาบนพวงแก้มอยู่รอมร่อ

พีรยุทธ์ส่ายศีรษะกลั้นยิ้มสุดกำลัง

เขานึกเอ็นดูอีกฝ่ายที่ขยันทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูไปเสียหมดทุกเวลา

คนที่เอ่ยปากบอกกับเขาว่าไหวเมื่อยี่สิบนาทีก่อนในตอนนี้กำลังเงยหน้าสูดปากเอาลมธรรมชาติมาช่วยดับความแสบร้อนในร่างกาย อยากจะแกล้งแซวให้อัลฟ่าชากุหลาบเหวใส่เล่น ๆ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วอีกคนคงไม่ไหวจริง ๆ

ก็น้ำจิ้มเขามีไว้ให้จิ้ม

แต่เจ้าเพื่อนอัลฟ่าคนนี้ดันตักซดเป็นน้ำซุปเลยนี่สิ

หากไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยคงจะเกินไปหน่อยแล้ว

อัลฟ่ากลิ่นองุ่นรินน้ำส่งให้วีรกานต์ ทันทีที่ได้รับเขาก็กระดกดื่มแบบไม่กลัวสำลักจนหมดแก้วภายในสามอึกใหญ่ หากแต่ความแสบร้อนในช่องท้องและโพรงปากยังไม่ได้ทุเลาลงเลยแม้แต่น้อย

“ขออีกได้ไหม”

“ไม่เอาครับ”

“นะพี...”

“กินจานนี้แก้เผ็ดไปก่อนครับ ห้ามจิ้มนะ” อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลหมุนถาดกลมให้ด้านที่มีเนื้อกุ้งแกะแล้วกับปลาทะเลที่คลายความร้อนออกไปบ้างแล้วให้กับวีรกานต์ พร้อมกำชับว่าห้ามตักน้ำจิ้มอย่างเด็ดขาด

เขาเห็นท่าไม่ดีมาตั้งแต่ที่อีกคนใช้ช้อนตักน้ำจิ้มราดลงบนข้าวสวยแล้ว จึงจัดการเนื้อสัตว์เตรียมไว้เผื่อฉุกเฉิน

แล้วมันก็เป็นจริงเสียด้วย

ฝ่ายอัลฟ่าชากุหลาบบึนปากแล้วถอนหายใจน้อย ๆ ที่โดนขัดใจไม่บ่อยนักที่พีรยุทธ์จะกล้าขัดคำเขาจึงนึกหงุดหงิดในใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมหยิบเอากุ้งและเนื้อปลาเข้าปากพร้อมข้าวสวยคำโตหวังให้ช่วยบรรเทาความทรมานที่ระอุอยู่ภายใน

เป็นเวลาสี่สิบนาทีพอดีหลังจากที่คุณลุงเบต้ามาส่งอาหารให้เรือนแพของพีรยุทธ์ แน่นอนว่าสองอัลฟ่าจัดการกับเหล่าของกินมื้อค่ำและจัดเก็บมันเรียบร้อยแล้ว

เรือยนต์ออกเดินทางจากกลางเขื่อนมุ่งไปที่จุดหมาย หยดน้ำหลายต่อหลายหยดสาดกระเซ็นเข้ามากระทบผิวกายแค่บางเบา

ตอนนี้อัลฟ่าชากุหลาบอยู่ในชุดเสื้อฮู้ดสีเทากับกางเกงขายาวสีดำ แม้คาดว่าอากาศบนเกาะที่กำลังเดินทางไปคงไม่หนาวมากเท่าที่นี่นัก แต่คนที่ไม่ถูกกับความเย็นอย่างเขาก็ต้องเตรียมการไว้ก่อน

ตรงข้ามกับพีรยุทธ์ เขาสวมเพียงเสื้อยืดคอกลมสีดำสนิทและกางเกงคาร์โก้สูงเลยเข่าประมาณคืบหนึ่งเพียงเท่านั้น

เพียงไม่นานสองอัลฟ่าหนุ่มและคุณลุงเบต้าก็มาถึงเกาะที่ว่าชายชราจอดเรือยนต์เทียบที่ท่าน้ำ เมื่อเห็นว่าคนหนุ่มทั้งสองขึ้นไปยืนบนพื้นไม้ได้อย่างมั่นคงแล้วก็จัดการผูกเรือไว้กับเสาที่ท่า ปล่อยให้คนเมืองได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบชาวบ้านโดยที่นัดแนะกันไว้ก่อนแล้วว่าอีกประมาณสองชั่วโมงจะมาเจอกันที่ตรงนี้เพื่อกลับไปพักผ่อนที่เรือนแพ

แสงไฟสีนวลถูกจุดขึ้นล้อมรอบพื้นที่ในเกาะให้ความสว่างคู่ไปกับแสงสีเหลืองของพระจันทร์ เสียงบรรเลงดนตรีพื้นบ้านดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะ ประกอบกับเสียงเรียกลูกค้าของเหล่าพ่อค้าแม่ขายบนเกาะจึงทำให้บรรยากาศรอบด้านดูครึกครื้น

ในตอนนี้บนเกาะไม่ได้มีแค่ชาวบ้านเพียงร้อยชีวิต แต่มีเหล่านักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติมาแวะชมและดื่มด่ำบรรยากาศไปด้วยกัน

สองอัลฟ่าเดินชมบรรยากาศไปอย่างช้า ๆ แวะซื้ออาหารหรือของทานเล่นมาสามสี่อย่างก่อนจะมองหาที่ทางที่พอจะหย่อนกายลงพักและทานของกินในมือได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอเนื่องจากโต๊ะสำหรับนั่งพักผ่อนที่คนบนเกาะจัดไว้ให้ถูกจับจองจนหมดแล้วจึงตัดสินใจพากันเดินมานั่งที่หาดทรายด้านข้างของเกาะแทน

“นั่งตรงนี้ไปแล้วกันนะ” พีรยุทธ์ยกมือขึ้นเสยเส้นผมสีรัตติกาลก่อนถอดรองเท้าไว้รองนั่งและวางของในมือลงข้างกาย

“ไม่ค่อยได้เห็นดาวเลยเนาะพี” วีรกานต์ทำตามอัลฟ่ากลิ่นองุ่น เขาแหงนใบหน้าขึ้นมองจุดสีขาวเล็ก ๆ นับหมื่นดวงที่ส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้าสีดำสนิทแล้วยกยิ้มบางเบา

“แล้วชอบไหม” อัลฟ่ากลิ่นองุ่นเอ่ยถามพลางเอนตัวไปด้านหลังโดยมีลำแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อรองรับน้ำหนักตัวไว้อีกที

เขาผินหน้ามองอัลฟ่าหนุ่มข้างกายแล้วลอบอมยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าใสสะอาดไร้ที่ติของเพื่อนสนิทคนนี้ช่างน่ามองชมเสียยิ่งกว่าพระจันทร์หรือดวงดาวบนท้องฟ้าที่กำลังเปล่งประกายแสงอยู่ตอนนี้

บ่อยครั้งที่พีรยุทธ์มักแอบมองใบหน้านั่นโดยไม่ให้อัลฟ่าชากุหลาบรู้ตัว

เขาชอบมันมาก

ชอบทุกอย่างที่เป็นวีรกานต์

“ชอบสิ” วีรกานต์เอ่ยตอบโดยไม่หันมองคนข้างกาย รอยยิ้มละมุนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละน้อย ดวงตาสีเฮเซลนัททอดมองความระยิบระยับบนฟ้า แสงสีขาวบนนั้นเป็นเหตุให้เขายิ้มออกมา

พีรยุทธ์ก้มงุดโดยพลัน เขาซ่อนใบหน้าที่เริ่มซับสีแดงระเรื่อขึ้นทีละน้อยจากการแอบมองรอยยิ้มหวานของอัลฟ่าข้างกาย

ให้ตายเถอะ

มองบ่อยใช่ว่าเขาจะชินเสียที่ไหน

“เป็นอะไรทำไมหูแดง” เสียงใสของอัลฟ่าชากุหลาบเอ่ยถามเขาพยายามก้มมองเพื่อนตัวดีที่ยามนี้เอาแต่ก้มงุดไปกับเข่าทั้งสองข้าง

อัลฟ่ากลิ่นองุ่นสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่หวังให้มันช่วยคลายอาการใจเต้นรัวดังกลองออกศึกนี่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำสนิท มือแกร่งถูกยกขึ้นมาเสยเส้นผมที่ตกลงมาปิดบังทัศนวิสัยแต่ยังไม่ยอมมองอัลฟ่าหนุ่มข้างกาย

“เปล่าครับ”

“เปล่าก็หันมา” ประโยคบอกเล่ากึ่งคำสั่งถูกเอ่ยออกมาจากอัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมล

น้ำเสียงที่เริ่มแข็งขึ้นเล็กน้อยทำให้พีรยุทธ์ไม่กล้าขัด

และเขาไม่เคยขัดใจอัลฟ่าชากุหลาบเลยหากไม่จำเป็น

“เป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็ก้มหน้าลงไปแบบนั้น ตกใจหมด” วีรกานต์คิ้วขมวดมุ่นเป็นปมพลางยื่นมือไปแตะตัวคนข้างกาย อยู่ดี ๆ ตัวก็แดงขึ้นมาไม่มีสาเหตุแบบนี้จะเป็นไข้หรือเปล่าก็ไม่รู้ รายนี้ยิ่งไม่ค่อยออกมาพบเจอโลกภายนอกเสียด้วย

“เมื่อกี้ลมมันพัดมาเฉย ๆ ครับ พีรู้สึกแสบ ๆ ตาก็เลยหลับตาแล้วก้มลงไปก่อน” เขาเอ่ยตอบเสียงเรียบพร้อมรอยยิ้มบางราวกับว่าทุกคำที่พูดออกไปนั้นเป็นเรื่องจริง

“ก็นึกว่าอะไร งั้นไปหาที่นั่งตรงอื่นไหม” อัลฟ่าชากุหลาบเสนอทางเลือก เมื่อเพื่อนตัวดีบอกว่าลมจากสายน้ำข้างหน้ามันทำให้แสบตาจนถึงขนาดนั้นก็น่าจะต้องย้ายที่ทางเสียหน่อย

แม้จะยังนึกเอะใจว่าน้ำจืดทำให้แสบตาได้ด้วยหรือก็ตามที

วีรกานต์เอี้ยวตัวไปด้านข้างเตรียมรวบเอาถุงอาหารและขนมไว้ในมือเพื่อให้สะดวกแก่การย้ายที่นั่ง แต่ก็ถูกคนข้างกายเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน

“ไม่เป็นไรครับ นั่งตรงนี้แหละ” พีรยุทธ์เอื้อมไปจับที่แขนของอัลฟ่าชากุหลาบเพื่อรั้งคนที่กำลังเตรียมตัวลุกให้นั่งลงดังเดิม อีกฝ่ายทำท่าว่าจะเอ่ยอะไรอีก เขาจึงทำเพียงพยักหน้าขึ้นลงเล็กน้อยเป็นการยืนยันคำพูด เพื่อนอัลฟ่าจึงยอมปล่อยถุงต่าง ๆ ในมือลงที่เดิม

“กินตรงนี้แหละครับ นาน ๆ จะได้นั่งดูดาวสักที”

เป็นอย่างที่อัลฟ่ากลิ่นองุ่นบอก ทั้งคู่ต่างใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่มีแต่ตึกสูงใหญ่มาตั้งแต่เด็ก แม้จะแหงนหน้ามองสูงเพียงใดก็เห็นเป็นเพียงแสงสีขาวประดิษฐ์จากหลอดไฟข้างถนน นาน ๆ ครั้งจะได้มีโอกาสออกจากเมืองมาพักผ่อนเช่นตอนนี้จึงไม่แปลกหากพวกเขาจะอยากเก็บบรรยากาศรอบตัวให้ได้มากที่สุด

วีรกานต์ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรอีก เขาทำเพียงพยักหน้ารับรู้แล้วหยิบเอาถุงขนมข้างตัวมาหนึ่งถุง มันเป็นขนมสีเหลืองทองที่นุ่มฟูอยู่ในถ้วยใบตองใบเล็กพอดีคำ

อัลฟ่าชากุหลาบเพลิดเพลินไปกับการดูดาวพร้อมรับประทานขนมหวานไปด้วย สายลมพัดพาความเย็นจากสายน้ำขึ้นมาให้รู้สึกสะท้านวาบหน่อย ๆ เขาโยกตัวไปมาและหลับตาลงดื่มด่ำกับบรรยากาศ

มันช่างเป็นอะไรที่...สบายใจ

“กินไหม” เขาหันไปถามคนข้างกายที่เอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่เมื่อกี้

พีรยุทธ์สะดุ้งเล็กน้อย เขายิ้มเจื่อนพลางยกมือขึ้นเกาหน้าแก้เก้อ ไม่ได้สนใจเลยว่าที่ฝ่ามือตนนั้นมีเศษของดินและใบไม้ติดอยู่ด้วย ในใจนึกกลัวแต่ว่าจะถูกอีกคนจับได้หรือไม่ว่าเขาลอบมองแต่ใบหน้าของวีรกานต์ไม่ละไปไหนเลยสักวินาทีเดียว

“มือพีเปื้อนแล้ว กานต์กินเลยครับ” เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นขนาบตัวให้อัลฟ่าชากุหลาบเห็นว่ามันเลอะเพียงใด เพราะเขาเอาฝ่ามือยันพื้นดินไว้แล้วเอนกายมองเพียงวีรกานต์

อัลฟ่าเจ้าของเรือนผมสีคาราเมลถอนหายใจพลางโคลงศีรษะอย่างเหนื่อยใจ เขาหันมองดูข้างกายเผื่อว่าเมื่อครู่อาจจะซื้อน้ำเปล่าติดมือมาด้วยจะได้นำมาให้พีรยุทธ์ล้างมือแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า

“ครับ?” พีรยุทธ์เลิกคิ้วสงสัย เขาเหวเสียงขึ้นสูงเมื่อวีรกานต์นำขนมสีเหลืองในถ้วยใบตองมาจ่อที่ริมฝีปากหนาของตน

“กินสิ เดี๋ยวป้อนเอง” อัลฟ่าชากุหลาบพยักหน้าให้อีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยันคำพูด มือข้างที่ถือขนมอยู่นั้นก็ยื่นไปจ่อใกล้ริมฝีปากคนข้างกายมากกว่าเดิม

มาด้วยกัน จะให้กินคนเดียวก็อย่างไรอยู่

อัลฟ่ากลิ่นองุ่นยกยิ้มจนแก้มแถมปริแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้แล้วยอมอ้ารับขนมเข้าปาก “อร่อยไหม”

“อร่อยครับ”

วีรกานต์หยิบขนมเข้าปากตัวเองสลับกับป้อนคนข้างกาย จากชิ้นแรกก็มีชิ้นที่สอง ชิ้นที่สามเรื่อยไป ทำให้มีอัลฟ่าคนหนึ่งนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ดวงดาวและดินฟ้าอากาศพร้อมใบหูที่แดงเรื่อขึ้นทุกทีและก้อนเนื้อภายในอกที่เต้นระส่ำไม่พักผ่อน

น่ารักโว้ย

 

 

 

 

 

 

#พีขอโทษ

ไอ้ลูกหมามันเขินเขาใหญ่เลยว่ะ

เจ้ากานต์ก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย~~~

TW : dao_jun000