คฤหาสน์ร้างหลังใหญ่นี้มีคดีน่าพิศวงและลึกลับ..ใครคือฆาตกรและสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคืออะไร...เรื่องบางอย่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ในดินแดนที่เรียกว่า...ดินแดงแห่งคำสาป
สืบสวนสอบสวน,ลึกลับ,อักษรลิขิต,คฤหาสน์เลขที่13,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คฤหาสน์ เลขที่ 13 [Mansion Number 13]คฤหาสน์ร้างหลังใหญ่นี้มีคดีน่าพิศวงและลึกลับ..ใครคือฆาตกรและสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคืออะไร...เรื่องบางอย่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ในดินแดนที่เรียกว่า...ดินแดงแห่งคำสาป
ท่ามกลางหมอกหนาทึบและเสียงลมหวีดหวิวที่โหมกระหน่ำรอบเชิงเขาของทรานซิลวาเนีย คฤหาสน์เลขที่ 13 ตั้งตระหง่านอยู่ในความเงียบงันราวกับเป็นสัญลักษณ์แห่งความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในกำแพงอันเก่าแก่ นักสืบ "วิกเตอร์ แอนเดอร์สัน" ชายผู้มีประสบการณ์ในการไขคดีปริศนาหลายคดี ได้รับการว่าจ้างให้มาสืบสวนคดีการหายตัวไปอย่างลึกลับของครอบครัวหนึ่งที่เคยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ เมื่อวิกเตอร์มาถึง เขาได้พบกับ "อีวา" หญิงสาวท้องถิ่นผู้มีความลับที่ปิดบังเกี่ยวกับคฤหาสน์ เธอเตือนวิกเตอร์ว่าคฤหาสน์เลขที่ 13 ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะสามารถเข้ามาแล้วออกไปได้อย่างปลอดภัย แต่ด้วยความเป็นนักสืบผู้มุ่งมั่นและไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งลี้ลับ วิกเตอร์ตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจคฤหาสน์พร้อมไฟฉายในมือ เขาก้าวเข้าไปในบ้านที่ถูกทิ้งร้างซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นหนาและเสียงแปลกๆ ที่ดังมาจากทุกมุมของห้อง ยิ่งเขาเดินลึกเข้าไปในตัวบ้านมากเท่าไหร่ เรื่องราวของคฤหาสน์ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น มีรายงานว่าเจ้าของคนเก่าของคฤหาสน์คือ "มาดามเอเลนา" หญิงผู้มีเวทมนตร์ดำและเคยทำพิธีกรรม สยองขวัญหลายครั้ง วิกเตอร์ค้นพบห้องใต้ดินลับที่ซ่อนอยู่หลังชั้นหนังสือเก่า เมื่อเปิดประตูเข้าไป กลิ่นเหม็นเน่าก็พุ่งออกมา และเขาได้พบกับร่องรอยการบูชายัญบางอย่างที่ทิ้งเอาไว้
วิกเตอร์เริ่มสงสัยว่าคดีนี้ไม่ใช่แค่การหายตัวไปธรรมดา แต่มันอาจเชื่อมโยงกับบางสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจากเสียงกระซิบของผีที่ลอยมาจากมุมมืดของคฤหาสน์ รวมทั้งเงาดำที่ปรากฏให้เห็นเพียงแวบเดียวในกระจกเก่า
ตัวละครหลัก:
เรื่องราวนี้จะนำพาผู้อ่านไปสู่การเปิดเผยความจริงที่อยู่เบื้องหลังคฤหาสน์เลขที่ 13 ว่ามันไม่ใช่แค่เพียงบ้านร้างธรรมดา แต่มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอดีตอันน่ากลัวที่ไม่ควรถูกเปิดเผย
หมอกหนาที่ปกคลุมเชิงเขาทรานซิลวาเนียเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเงียบงันขณะที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความมืดค่อยๆ กลืนกินทุกสิ่งรอบตัว เหลือเพียงเงาของคฤหาสน์เลขที่ 13 ที่ตั้งเด่นอยู่เหนือป่าทึบ เสียงลมหวีดหวิวผ่านใบไม้เหมือนเสียงกระซิบแผ่วเบาที่เตือนถึงบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
นักสืบวิกเตอร์ แอนเดอร์สัน ขับรถขึ้นมาจนถึงหน้าคฤหาสน์ด้วยรถคันเก่าที่เขายืมมาจากเมืองใกล้เคียง เมื่อเขามาถึง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ประตูหน้าบ้านซึ่งถูกปิดสนิท แต่ดูเหมือนจะเรียกหาให้เขาเข้าไปในทันที วิกเตอร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหยิบไฟฉายและเอกสารคดีขึ้นมาก่อนจะลงจากรถ
"ถึงแล้วสินะ... เลขที่ 13"
เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมมองไปยังบ้านหลังใหญ่ที่ดูเหมือนจะต้อนรับแต่กลับแฝงไปด้วยความหนาวเหน็บลึกลับ
อีวา หญิงสาวผู้เป็นไกด์ท้องถิ่นที่เขานัดไว้ กำลังยืนรอเขาอยู่ใกล้กับรั้วเหล็กที่ถูกปล่อยให้เป็นสนิม เธอสวมผ้าพันคอหนา สีหน้านิ่งขรึมแต่เต็มไปด้วยความกังวล
"คุณแอนเดอร์สัน..." อีวาเอ่ยเรียกเขาเบาๆ
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้
"คุณแน่ใจหรือว่าคุณจะเข้าไปจริงๆ?"
"ทำไม? มีอะไรในนั้นที่ผมควรรู้?"
วิกเตอร์ถามกลับอย่างสงสัย พร้อมกับมองไปยังหน้าต่างของคฤหาสน์ที่ปิดสนิท แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมองเขาอยู่จากภายใน
อีวาก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูด
"คฤหาสน์นี้...มันไม่ใช่แค่บ้านร้าง มันมีอดีตที่น่ากลัว คนที่เคยเข้ามาในนี้มักจะไม่เคยกลับออกไป หรือถ้ากลับมา ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป"
เธอหยุดไปชั่วครู่
"ครอบครัวหนึ่งที่มาอยู่ที่นี่เมื่อปีก่อนก็หายไปอย่างไร้ ร่องรอย...ไม่มีใครพบพวกเขาอีกเลย"
วิกเตอร์ฟังอย่างตั้งใจ แต่ด้วยความเป็นนักสืบผู้มากประสบการณ์ เขาไม่ยอมให้ความกลัวเข้าครอบงำ
"ผมถูกจ้างมาเพื่อไขปริศนา ผมต้องเข้าไป"
อีวามองเขาอย่างลังเล เธอรู้ว่าวิกเตอร์ไม่ใช่คนที่จะถูกชักจูงได้ง่ายๆ
"ถ้าอย่างนั้น...ก็ขอให้คุณโชคดี"
นักสืบวิกเตอร์พยักหน้า ขอบคุณอีวาก่อนจะเดินตรงไปยังประตูหน้า เขาหยิบไฟฉายขึ้นมาอีกครั้ง แสงไฟวูบวาบเมื่อเขาเปิดมันพร้อมก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ ประตูบานใหญ่ดังเอี๊ยดอ๊าดเมื่อถูกผลักเข้าไป ภายในบ้านเงียบสงบเกินไป...สงบจนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น
ทันทีที่ประตูปิดสนิท วิกเตอร์รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังถูกจับตามองจากเงามืด เขามองไปรอบๆ ห้องโถงที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่และภาพวาดโบราณ เสียงนาฬิกาโบราณที่แขวนอยู่บนผนังดังขึ้นเป็นระยะๆ สร้างบรรยากาศที่ชวนให้อึดอัดมากขึ้นทุกที
"มาเริ่มกันเลย" วิกเตอร์พูดกับตัวเองพลางก้าวต่อไปข้างหน้า
แต่ทันใดนั้น...เสียงเคาะเบาๆ ดังขึ้นจากชั้นบนของคฤหาสน์
วิกเตอร์หยุดนิ่ง เสียงนั้นไม่ใช่เสียงจากลม หรือเสียงของบ้านที่เสื่อมสภาพ...มันเหมือนกับมีบางสิ่งบางอย่างอยู่บนนั้น
เขาตัดสินใจเดินขึ้นบันไดทีละขั้น เสียงเคาะยังคงดังอยู่เป็นจังหวะ วิกเตอร์เปิดไฟฉายส่องไปที่ประตูห้องซึ่งอยู่สุดทางเดิน ประตูนั้นถูกล็อกจากข้างใน...แต่เสียงเคาะยังคงดังอย่างไม่หยุด
"ใครอยู่ในนั้น?"
วิกเตอร์เอ่ยถามออกไป เสียงของเขาก้องสะท้อนอยู่ในทางเดิน แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง วิกเตอร์เดินเข้าไปใกล้ประตูมากขึ้น แต่ทันทีที่มือของเขาแตะประตู...มันก็เปิดออกเองอย่างแผ่วเบา
สิ่งที่เขาเห็นในห้องนั้น ทำให้เขาต้องประหลาดใจ
ทันทีที่ประตูเปิดออก ภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงจากไฟฉายของวิกเตอร์ที่ส่องไปเห็นสิ่งเล็กๆ ที่สะท้อนแสงในความมืด เขากวาดไฟฉายไปรอบๆ ห้อง สภาพภายในดูเหมือนจะเป็นห้องนอนเก่า แต่ถูกทิ้งร้างมาอย่างยาวนาน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาและหยากไย่
แต่แล้ว...สิ่งที่ทำให้วิกเตอร์หยุดชะงักคือภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนัง มันเป็นภาพของหญิงสาวผู้หนึ่งสวมชุดยาวสีดำ หน้าตาของเธอถูกปกคลุมไปด้วยเงามืด แต่ดวงตาของเธอกลับดูเหมือนจ้องตรงมาที่เขา
ขณะที่วิกเตอร์สังเกตดูภาพวาดนั้น เสียงเคาะที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้กลับดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มาจากข้างหลัง เขารีบหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว
ไฟฉายในมือของวิกเตอร์สาดแสงไปยังมุมห้อง แต่ไม่มีอะไรอยู่ที่นั่น มีเพียงความว่างเปล่าและเงามืดที่ปกคลุมทุกอย่าง เสียงเคาะหยุดลงอย่างกะทันหัน ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันอันน่ากลัว เขาเริ่มรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แทรกซึมเข้ามาในกระดูก
วิกเตอร์สูดลมหายใจลึก พลางพยายามควบคุมความกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้น
"เป็นไปไม่ได้..."
เขาพึมพำขณะก้าวไปข้างหน้า ชายหนุ่มส่องไฟฉายกลับไปยังภาพวาดอีกครั้ง แต่ภาพนั้น...เปลี่ยนไป
ดวงตาของหญิงสาวในภาพที่เคยมืดมน กลับปรากฏแววตาสีแดงฉานราวกับกำลังจับจ้องเขาอย่างตั้งใจ เธอยิ้ม...รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและน่ากลัว
"ไม่จริง..."
วิกเตอร์ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่มือของเขาเริ่มสั่น เสียงเคาะกลับมาดังอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนและรุนแรงกว่าเดิม มันดังมาจากใต้พื้น…ใต้ห้องนี้
วิกเตอร์คุกเข่าลงกับพื้น ส่องไฟไปตามรอยแตกของพื้นไม้ที่เก่าแก่ เขาค่อยๆ เลื่อนมือไปตามรอยแตกเหล่านั้น จนกระทั่งมือของเขาพบกับบางสิ่ง—แผ่นไม้ที่ดูเหมือนจะเคลื่อนได้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มากกว่าความกลัว วิกเตอร์พยายามดึงแผ่นไม้ออกมา เมื่อเขาทำสำเร็จ สิ่งที่เห็นคือบันไดแคบๆ ที่นำลงไปสู่ความมืดด้านล่าง เสียงลมหวีดหวิวแผ่วเบาดังมาจากข้างล่างราวกับว่ามีบางสิ่งรอเขาอยู่
เขายืนขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง "จะต้องเป็นทางนี้แหละ..." วิกเตอร์พูดเบาๆ กับตัวเอง จากนั้นจึงตัดสินใจลงไปตามบันไดแคบๆ นั้น
ทุกย่างก้าวที่เขาก้าวลงไป เหมือนกับว่าความมืดรอบตัวเริ่มหนาทึบขึ้น เสียงเคาะยังคงดังอย่างต่อเนื่องจากด้านล่าง ราวกับเป็นการเร่งให้เขารีบไปพบกับความจริงที่ซ่อนอยู่
เมื่อถึงชั้นล่างสุด วิกเตอร์พบว่าตัวเองอยู่ในห้องใต้ดินที่เก่าแก่และมืดมิด มีกลิ่นอับเหมือนสิ่งที่ถูกทิ้งร้างมานาน แต่ท่ามกลางความมืดนั้น สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องหยุดนิ่ง
ตรงกลางห้อง...คือศพของหญิงสาวในชุดสีดำคนเดียวกับที่อยู่ในภาพวาด ร่างของเธอนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้น แขนขาของเธอบิดเบี้ยวผิดรูปอย่างน่าสยดสยอง และที่มือของเธอ...ยังคงกำลังเคาะพื้นอย่างช้าๆ
วิกเตอร์ตัวแข็งทื่อ เสียงหัวใจเต้นดังสนั่นในอก เขาจ้องมองร่างนั้นอย่างหวาดหวั่น แต่ทันใดนั้น ร่างของหญิงสาวก็หยุดเคาะ และหัวของเธอค่อยๆ หมุนกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือด ดวงตาสีแดงของเธอจับจ้องมาที่วิกเตอร์ พร้อมกับรอยยิ้มที่ยิ่งใหญ่และบิดเบี้ยวกว่าในภาพวาด
"คุณมาช้าไป..."
เสียงแหบพร่าดังออกมาจากปากของเธอ
วิกเตอร์รีบถอยหลังทันที เขาหันหลังกลับไปทางบันได แต่บันไดนั้นได้หายไปแล้ว มีเพียงกำแพงอิฐที่ปิดกั้นทางออก เสียงหัวเราะที่เย็นชาและน่าขนลุกของหญิงสาวดังสะท้อนก้องไปทั่วห้อง
"คุณไม่มีทางออกจากที่นี่...ไม่มีใครออกจากที่นี่ได้..."
เสียงของเธอดังก้อง วิกเตอร์รู้แล้วว่าเขาตกอยู่ในกับดักของคฤหาสน์เลขที่ 13…
วิกเตอร์พยายามหาทางออก แต่พบว่าไม่มีทางหลบหนี เขาหยิบไฟฉายขึ้นมาอีกครั้ง ส่องแสงไปทั่วห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับและความรู้สึกไม่ปลอดภัย คำพูดของหญิงสาวในชุดดำยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
"ไม่มีใครออกจากที่นี่ได้..."
ขณะที่เขากวาดสายตาไปที่ผนังและพื้นห้อง เขาสังเกตเห็นแผ่นป้ายเหล็กที่ถูกฝังอยู่ในพื้นไม้ มันมีลักษณะเหมือนประตูเล็กๆ ที่เปิดออกได้ วิกเตอร์ใช้มือปัดฝุ่นออกจากแผ่นเหล็กแล้วพบว่ามันสามารถเปิดได้ เมื่อเขาเปิดออก เขาพบกับช่องทางเล็กๆ ที่อาจจะเป็นทางออกที่เขากำลังมองหา
"ทางนี้อาจจะช่วยได้"
เขาคิดพร้อมกับลงไปคลานผ่านช่องทางนั้น บางครั้งเขาต้องย่อตัวและใช้มือช่วยดันตัวไปข้างหน้า จนกระทั่งถึงจุดที่เขารู้สึกได้ถึงลมเย็นที่พัดเข้ามาจากด้านหน้า
วิกเตอร์ก้าวออกจากช่องทางและพบว่าตัวเองอยู่ในห้องใต้ดินอีกห้องหนึ่ง ห้องนี้มีการตกแต่งที่ดูเก่าแก่และน่าขนลุก มีโต๊ะไม้โบราณและของใช้ที่วางอยู่เป็นระเบียบ ทั้งหมดนั้นดูเหมือนจะเป็นสถานที่สำหรับทำพิธีกรรมบางอย่าง
ขณะที่เขากำลังสำรวจห้อง เขาสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีแผ่นหนังโบราณที่เปิดออกอยู่ มันเขียนข้อความด้วยตัวอักษรโบราณที่เขาไม่คุ้นเคย วิกเตอร์เข้าไปใกล้และใช้ไฟฉายส่องดูให้ชัดเจน ข้อความนั้นเขียนไว้ว่า
“เมื่อลมหายใจสุดท้ายจางหาย คำสาปจะสิ้นสุด”
วิกเตอร์รู้สึกถึงบางอย่างผิดปกติ เขาหันหลังกลับไปที่แผ่นเหล็กและพบว่ามีรอยเลือดที่พื้น รอยเลือดเหล่านั้นค่อยๆ สะท้อนแสงไฟและเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นอีกครั้งจากมุมมืดของห้อง
“หนีไป… หนีไปให้เร็วที่สุด...”
เสียงกระซิบเบาๆ เหมือนจะมาจากความลึกของคฤหาสน์
เขาตัดสินใจที่จะปิดแผ่นหนังโบราณและเริ่มสำรวจห้องอีกครั้ง พยายามหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นใน คฤหาสน์ ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกของการถูกตามล่าก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
วิกเตอร์เดินไปตามเส้นทางที่ลึกลงไปเรื่อยๆ จนถึงห้องที่ดูเหมือนจะเป็นศาลาโบราณ ห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยรูปปั้นและสัญลักษณ์ทางเวทมนตร์ แต่ที่กลางห้องมีพิธีกรรมที่ดูเหมือนจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์
เขาเห็นวัตถุแปลกประหลาดวางอยู่บนแท่นกลางห้อง มันคือถ้วยทองคำที่มีการจารึกสัญลักษณ์ทางเวทมนตร์ โคมไฟโบราณที่แขวนอยู่เหนือถ้วยนั้นถูกเปิดอยู่ แสงจากโคมไฟกระจายออกมาอย่างแผ่วเบา
วิกเตอร์รู้สึกถึงแรงดึงดูดที่มาจากถ้วยทองคำ ราวกับว่ามันกำลังเรียกเขาให้เข้าใกล้ เขาพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสัญลักษณ์และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับถ้วยนั้น จากการตรวจสอบเขาพบว่าถ้วยทองคำอาจจะเป็นกุญแจในการทำลายคำสาปของคฤหาสน์
เขตแดนที่มืดมิดเริ่มเคลื่อนไหว และสิ่งที่เขาไม่คาดคิดเกิดขึ้น—เสียงของหญิงสาวในชุดดำกลับมาดังอีกครั้ง
“คุณคิดว่าคุณจะสามารถทำลายคำสาปได้หรือ?”
วิกเตอร์รู้สึกถึงการหายใจที่เย็นยะเยือกอยู่ข้างหลังเขา เขาหันไปมองและเห็นเงาของหญิงสาวค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นจากความมืด ร่างของเธอสะท้อนแสงอันน่ากลัวและยิ้มอย่างเจ็บปวด
“ไม่…ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณออกไปได้ง่ายๆ”
หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด
วิกเตอร์รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เขาต้องทำการตัดสินใจครั้งสุดท้าย เขาควรจะทำลายถ้วยทองคำและเสี่ยงต่อผลที่จะตามมา หรือจะค้นหาแนวทางอื่นในการยุติความน่าสะพรึงกลัวของคฤหาสน์นี้?
เขาไม่สามารถหาทางออกได้ แต่การตัดสินใจของเขาจะเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาของคฤหาสน์เลขที่ 13 และการปลดปล่อยคำสาปที่ถูกผูกพันกับที่นี่มาอย่างยาวนาน
วิกเตอร์รู้สึกถึงแรงกดดันรอบตัวรุนแรงขึ้น หญิงสาวในชุดดำค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้ ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมไปด้วยความเกลียดชังและความเศร้าสะสมมานานนับศตวรรษ เขาจ้องมองไปที่ถ้วยทองคำ มือของเขาสั่นไหว คำถามในใจสับสนว่าเขาควรจะทำลายถ้วยนั้นหรือไม่
"ถ้าฉันทำลายมัน... คำสาปนี้จะจบลงหรือเปล่า?"
เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะที่หญิงสาวค่อยๆ เข้าใกล้มากขึ้น
“คุณไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังทำอะไร”
หญิงสาวเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด แต่แฝงด้วยความโศกเศร้าอย่างไม่อาจปฏิเสธ
วิกเตอร์หันกลับไปสบตากับเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและความสงสัย
"แล้วเธอล่ะ? ทำไมเธอถึงยังติดอยู่ที่นี่? คำสาปนี้มันเริ่มต้นขึ้นอย่างไร?"
หญิงสาวหยุดชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาสีแดงของเธอวูบไหว ก่อนที่เธอจะเริ่มเล่าเสียงเบา
"คฤหาสน์นี้... เป็นสถานที่แห่งความเจ็บปวด ฉัน... เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นคนที่คุณเห็นในภาพวาด ฉันเป็นคนถูกสังเวยเพื่อปิดตำนานอันน่าหวาดกลัวของที่นี่ ถูกฆ่าและสาปให้เฝ้าคฤหาสน์นี้ไปชั่วนิรันดร์"
วิกเตอร์รับฟังด้วยความตกใจและเศร้าใจ เขามองถ้วยทองคำอีกครั้ง รู้สึกว่ามันไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือในพิธีกรรมธรรมดา แต่มันคือกุญแจสำคัญที่ผูกพันชะตากรรมของหญิงสาวและคฤหาสน์นี้เข้าด้วยกัน
"แล้วเธอต้องการอะไร?" วิกเตอร์ถาม
หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา
"ฉันต้องการความยุติธรรม ต้องการให้คนที่ทำให้ฉันต้องเจ็บปวด... ต้องชดใช้"
วิกเตอร์เข้าใจแล้วว่าความโกรธแค้นของหญิงสาวไม่อาจคลายลงได้ง่ายๆ การทำลายถ้วยทองคำอาจจะเป็นการปลดปล่อยวิญญาณของเธอ แต่ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง สิ่งที่เธอต้องการคือการแก้แค้น
"ฉันไม่สามารถช่วยเธอแก้แค้นได้" วิกเตอร์พูดเสียงแผ่ว
"แต่ฉันสามารถช่วยให้เธอเป็นอิสระจากความเจ็บปวดนี้"
หญิงสาวมองเขาอย่างสงสัย
"ทำไมคุณถึงคิดว่าคุณทำได้?"
วิกเตอร์ไม่ตอบ เขาหยิบถ้วยทองคำขึ้นมา กำมันไว้แน่น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง
"ฉันจะลองดู"
ด้วยพลังใจทั้งหมดที่มี เขาเงื้อถ้วยทองคำขึ้นสูงแล้วทุ่มมันลงกับพื้น ถ้วยแตกกระจาย เสียงกระทบดังสะท้อนไปทั่วห้อง ทันใดนั้นลมแรงที่พัดผ่านห้องใต้ดินก็กระหน่ำเข้ามา เสียงหวีด หวิวและคำกรีดร้องดังไปทั่ว หญิงสาวในชุดดำเริ่มหายตัวไปช้าๆ ร่างของเธอจางลงพร้อมกับความมืดที่เคยปกคลุมรอบตัว
"ขอบคุณ..." เธอพูดเป็นคำสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสงบ
ห้องใต้ดินกลายเป็นความว่างเปล่า และวิกเตอร์รู้สึกถึงความโล่งใจที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน คฤหาสน์เงียบสงบลง เสียงของหญิงสาวและเสียงเคาะลึกลับได้หายไป
เขาค่อยๆ เดินออกมาจากห้องใต้ดิน ขึ้นบันไดไปสู่ชั้นบนของคฤหาสน์ ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมีแสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่างเป็นครั้งแรกในหลายปี
คฤหาสน์เลขที่ 13 ได้ปลดปล่อยจากคำสาปอันยาวนาน…
วิกเตอร์ออกจากคฤหาสน์เลขที่ 13 ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งแต่ก็เต็มไปด้วยความสงบอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทันทีที่ก้าวผ่านประตูหน้า ลมหนาวเย็นจากเชิงเขาแห่งทรานซิลวาเนียพัดเข้ามาแตะผิวหน้า เขาหยุดหันกลับไปมองคฤหาสน์หลังเก่าที่บัดนี้เงียบสงัด แสงแดดอ่อนส่องผ่านเมฆหมอกเหนือยอดเขา ทำให้ตัวคฤหาสน์ดูไม่อึมครึมเหมือนตอนที่เขามาเยือนครั้งแรก