"เมื่อความรักต้องห้ามเกิดขึ้นระหว่างทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และปีศาจแห่งความมืด... ความเกลียดชังระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะสั่นคลอน หรือรักแท้จะเป็นเพียงความลับที่ถูกกลืนหายไปในความขัดแย้งนิรันดร์?"

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา - บทที่4 "ความจริงที่ถูกเปิดเผย" โดย Dekuru @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ไซไฟ,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา โดย Dekuru @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"เมื่อความรักต้องห้ามเกิดขึ้นระหว่างทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และปีศาจแห่งความมืด... ความเกลียดชังระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะสั่นคลอน หรือรักแท้จะเป็นเพียงความลับที่ถูกกลืนหายไปในความขัดแย้งนิรันดร์?"

ผู้แต่ง

Dekuru

เรื่องย่อ

ในโลกที่แบ่งออกเป็นสามดินแดน, ทูตสวรรค์ และ ปีศาจ ได้พบรักที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ความเกลียดชังระหว่างสองเผ่าพันธุ์ทำให้ความรักนี้ต้องถูกซ่อนเร้นท่ามกลางสงครามและความขัดแย้ง ทั้งคู่ต้องเลือกว่าจะรักกันและเปลี่ยนแปลงโลก หรือจะต้องรักษาความลับนี้ไว้ตลอดไป.

 เป็นการเขียนครั้งเเรกของผม อาจจะไม่ถูกใจหรือไม่ถูกชะตาถ้าอยากให้ใส่อะไรเข้าไปหรือเเนะนำเเนวทางคอมเม้นได้คับ 

สำหรับผมขอให้มีผู้คนมาเห็นเรื่องราวที่ผมสร้างเเละฟังหรืออ่านเรื่องราวของผมก็ถือว่า

ผมสำหรับกับเป้าหมายเเล้วคับ

**ยังไงก็ขอฝากผลงานไว้ด้วยคับ

นามปากกา Dekuru คับ

สารบัญ

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่1 "เงามืดแห่งพันธสัญญา",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่2 "การเริ่มต้นใหม่ในโลกมนุษย์",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่3 "ความมืดของเรื่องราวที่ซ่อนไว้",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่4 "ความจริงที่ถูกเปิดเผย",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่5 "การเผชิญหน้าที่นำพาทั้งสองโลก",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่6 "ความมืดที่ถูกปลดปล่อยและการเผชิญหน้าครั้งใหม่",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่7 "สัญญาณแห่งชะตากรรม",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่ 8 "ชะตากรรมที่มิอาจหวนคืน: ศึกระหว่างสายเลือด",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-7.2 7.2 "ชะตากรรมที่มิอาจหวนคืน: ศึกระหว่างสายเลือด"

เนื้อหา

บทที่4 "ความจริงที่ถูกเปิดเผย"

ณ สถานที่เกิดเหตุที่เป็นการต่อสู้ระหว่างเด็กหนุ่มกับชายเผ่าดาร์คเอลฟ์ เจ้าหน้าที่เวทย์มนตร์และนักดาบเวทย์รวมถึงแพทย์เวทย์มนตร์มาถึงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ภาพของร้านที่พังทลายและซากที่เหลือไม่สามารถบ่งบอกถึงอะไรได้มากไปกว่าแรงปะทะที่รุนแรง


รถโรงพยาบาลเวทย์มนตร์พาพวกแพทย์เวทย์และตำรวจเวทย์มนตร์ระดับสูงเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการตรวจสอบจากทหารเวทย์ที่ลอยตัวเหนือพื้นดิน ขณะที่เหล่าประชาชนยังคงดำเนินชีวิตอย่างไม่ใส่ใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นใกล้ตัว


หนึ่งในตำรวจเวทย์มนตร์ตะโกนเมื่อพบเห็นร่างของเด็กหนุ่มที่หมดสติอยู่บนพื้น พร้อมกับร่างของชายเผ่าดาร์คเอลฟ์ที่ถูกมัดอย่างแน่นหนาด้วยเชือกเสริมเวทย์มนตร์ ชายดาร์คเอลฟ์ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก จนแทบไม่สามารถมีลมหายใจได้


"มีเด็กหนุ่มที่มีหูและหางเหมือนแมวนอนหมดสติอยู่ตรงนี้! ขอความช่วยเหลือจากแพทย์เวทย์มนตร์!" ตำรวจเวทย์มนตร์คนหนึ่งพูดอย่างตกใจ


เพื่อนร่วมทีมของเขาที่มาถึงเห็นบาดแผลของชายดาร์คเอลฟ์ก็ตกใจไม่แพ้กัน "ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เจ้านี่ดาร์คลาสจอมบั่นหัวไม่ใช่หรือไง!?"


หลังจากการพูดคุยและตรวจสอบ นักดาบเวทย์สองคนที่ตามมาช่วยกันวิเคราะห์สถานการณ์ และนักดาบเวทย์ที่ชื่อโชตะ เทนเซได้เริ่มต้นการสืบสวนจากสภาพแผลของชายดาร์คเอลฟ์


"ดูเหมือนว่าจะโดนโจมตีด้วยสกิลที่มีความพิเศษ ไม่เหมือนฝีมือของนักเวทย์หรือดาบเวทย์ธรรมดา" เขาพูดเบาๆ ขณะตรวจสอบแผลที่มีความละเอียดราวกับการโจมตีที่มุ่งหมายให้ชายดาร์คเอลฟ์หมดสติ แต่ไม่ถึงขั้นสังหาร


 นักดาบเวทย์อีกคนที่เข้ามาเสริมด้วยการตรวจสอบร่องรอยแผลจากสกิล "ร่องรอยแบบนี้ดูเหมือนกับฝีมือของมือสังหารที่มีความชำนาญสูงนะ"


หลังจากการสืบสวนในพื้นที่นั้น นักดาบเวทย์ตัดสินใจที่จะพาเด็กหนุ่มไปตรวจสอบอาการในโรงพยาบาลเวทย์มนตร์ ขณะที่หญิงสาวที่เป็นนายจ้างของเด็กชายก็เริ่มร้องไห้ด้วยความห่วงใย "กิระจัง! ทำไมไม่หนีไป! ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นะ!"


ในโรงพยาบาลเวทย์มนตร์ เด็กหนุ่มค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา เขารู้สึกตัวและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงง่วงนอน "คุณป้าเสียงดังจัง ทำผมตื่นเลยเนี่ย..."


ผู้หญิงที่เป็นนายจ้างของเขาร้องไห้ด้วยความดีใจ "ขอบคุณที่ยังไม่ตาย! "


หลังจากตรวจอาการแล้ว พยาบาลเวทย์มนตร์รายงานว่าแผลของเด็กหนุ่มไม่มีอะไรผิดปกติ และมีเพียงแผลขีดข่วนเล็กน้อย จากนั้นเด็กหนุ่มก็ได้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนักดาบเวทย์ได้ให้คำแนะนำว่าให้ระวังตัวให้ดี เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่อาจนำมาซึ่งอันตราย


ในขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มก็ได้เริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว รวมทั้งเรื่องของพวกทูตสวรรค์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้


ท้ายที่สุด เมื่อกลับถึงห้องของตนเอง เขาได้เริ่มสงสัยถึงเหตุการณ์ทั้งหมดและเริ่มทบทวนถึงสิ่งที่ได้พบเจอ ทั้งในเรื่องของชายดาร์คเอลฟ์และเหตุการณ์กับทูตสวรรค์


แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตู ดังขึ้น เด็กหนุ่มตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาพร้อมเค้กวันเกิด


"สุขสันต์วันเกิดนะกิระจัง!" ผู้หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับส่งเค้กให้เขา


เด็กหนุ่มที่กำลังตกใจและสับสนได้หลับตาลงพร้อมอธิษฐานให้ชีวิตของเขามีเพื่อนและครอบครัวอีกครั้ง และขอให้ทุกสิ่งที่เขาทำสำเร็จตามที่หวัง...


"อ่ะนี่จ่ะ..กิระจังของขวัญวันเกิดของเธอหน่ะ"


"โอ้..ขอบคุณครับคุณป้า มือถือของโลกมนุษย์เหรอครับ? ทำไมถึงซื้อให้ผมละครับคุณป้า?"


"ถ้ามีปัญหาหรือต้องการปรึกษาอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดเลยนะกิระจัง... และก็ขอโทษที่ดุด่าว่ากล่าวเธอมาตลอด 4 ปีนี้นะ"


"ไม่เป็นไรหรอกครับ... ผมเข้าใจว่าคุณป้ามักพูดไปแบบนั้น แต่จริงๆแล้วใจดีเสมอ ฮ่าๆๆ ผมชินเเล้วหล่ะครับ"


"จริงๆแล้ว...ตอนนี้ผมก็..ไม่เหลือที่ให้ไปแล้วด้วย..."


คำพูดนั้นทำให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ


"โอ้ จริงสิ... แผลที่แก้มของเธอหน่ะยังไม่ได้รักษาเลยนะ... กิระจังมานี่สิ เดี๋ยวฉันรักษาให้"


น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดูและความอ่อนโยน หญิงคนนั้นยื่นมือไปแตะที่แก้มของเด็กชาย และเริ่มใช้เวทย์รักษาแผล


*เสียงประกาศ*

"ใช้งาน BasicSkill: Soothing Light – (แสงแห่งความสงบ)"


"เสร็จแล้วจ่ะกิระจัง... อ่ะ..."


แต่ทว่ามือของเด็กชายกลับจับมือเธอแน่น ราวกับมีความเคียดแค้นหรือบางสิ่งที่ต้องการจับตามอง


"กิระ...จัง...?"


"นี่มันอะไรกัน...คุณป้า...ช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยครับ!"


"ฉันก็รักษาให้เธอไง เจ้าเด็กนี่!"


"ใช่ครับ... คุณป้ารักษาแผลให้ผมจนหายสนิท แต่ก็มีบางอย่างที่มันน่าสงสัย..."


"ทำไมกันล่ะ!?" น้ำเสียงของเธอเริ่มหวั่นวิตก


"รอยแผลนี้มันไม่ใช่เเผลธรรมดาครับ... มันเป็นแผลที่เกิดจากอาวุธเทพ หรือเทวศาสตรา ซึ่งสามารถสร้างรอยแผลที่ลึกระดับนึงถึงจพโดนเเค่ถากและไม่หายได้ง่ายๆให้เเกเผ่าปีศาจ ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมแผลที่เกิดจากอาวุธประเภทนั้นกลับหายไปเร็วขนาดนี้เเละง่ายขนาดนี้ทั้งๆที่คุณป้าก็เป็นมนุษย์..ระดับเวทย์ของมนุษย์หน่ะ...ไม่สามารถรักษาได้ถ้าไม่ใช่พวกนักบวชหรือปีศาจระดับสูง"


"เวทย์รักษาที่คุณป้าใช้หน่ะ.. มันไม่ใช่สกิลธรรมดา แต่เป็น 'Ultimateskill' ใช่ไหมครับ?"


*อธิบาย*

ชื่อสกิล: Blizzard Resurgence (การฟื้นฟูจากเหมันต์)


ประเภท: สกิลการรักษา (Healing/Restoration)


รักษาแผลจากการโจมตีด้วยอาวุธเทพหรือเทวศาสตราให้หายอย่างรวดเร็วเป็นเวทย์รักษาเเผลศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสามารถรักษาเเผลจากเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เเละเทวศาสราของทูตสวรรค์ได้


"คุณป้าหน่ะ...เป็นใครกันแน่ครับ? ถ้ายอมพูดความจริงผมจะไม่ฆ่า...!" เด็กชายกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง


"ชีวิตนี้หน่ะ..ผมได้สังหารเผ่าพันธุ์อื่นมานับไม่ถ้วน...แล้วก็...ทำได้แค่ยืนมองท่านพ่อท่านแม่ รวมถึงเผ่าพันธุ์ของตัวเองถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา... มันยังคงตามหลอกหลอนผมอยู่ทุกวัน!..เพราะเเบบนั้นผมถึงไม่อยากจะฆ่าโดยไม่จำเป็น.." เด็กชายร้องขอความจริงน้ำเสียงของเขาลังเลเต็มไปด้วยความกลัวและไม่ไว้ใจ


ผู้หญิงเงียบกริบ ไม่มีการตอบสนอง แต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกดดันจนในที่สุดเด็กหนุ่มยกแขนที่มีเล็บยาวขึ้นและจี้ไปที่คอของเธอ พร้อมดวงตาสีฟ้าที่แข็งกร้าว รูม่านตาบีบเล็ก ดั่งสัตว์ร้าย เเละเขี้ยวที่ยาวขึ้นเล็กน้อย


"คุณป้า...อย่าบังคับให้ผมต้องทำ"


"เข้าใจแล้วล่ะ กิระจัง... หลังจากที่รู้เรื่องราวของฉันแล้วเธอจะทำยังไงต่อไป?" หญิงสาวตอบด้วยเสียงนุ่ม


"ผมขอฟังเรื่องราวทั้งหมดจากคุณป้าครับ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการรู้...ตอนนี้...เดี๋ยวนี้...วินาทีนี้!"


"ได้สิ... แต่ก่อนอื่น..."


"เธอหน่ะ...ทั้งหน้าทั้งแววตากับโครงหน้า...เหมือนกับ...ซายะ...มากเลยนะ... รวมถึงนิสัยก็เหมือนกับแม่ของเธอมากเลย... แม้ว่าฝีมือการต่อสู้จะเหมือนเคนจิ แต่ดูเหมือนจะได้แม่มาหมดเลยนะ"


"คุณป้า...รู้จัก...ท่านพ่อท่านแม่ผมเหรอ!?" เด็กชายร้องถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ


ในขณะที่หญิงสาวเผยร่างที่แท้จริงของตนเอง เสียงแสงสีฟ้าสว่างจ้ากระจายไปทั่วห้อง จนแสงนั้นค่อยๆ ลดลง เผยให้เห็นหญิงสาวอายุประมาณ 25-30 ปี มีผิวขาวเหมือนหิมะ มีหูยาวเหมือนเอลฟ์ ดวงตาเปล่งประกายเหมือนผลึกน้ำแข็ง ผมยาวสีขาวหรือระยิบระยับ เสื้อผ้าทำจากน้ำแข็ง 


เด็กชายถอยหลังแล้วผิวปากเรียกบางสิ่งเป็นร่มที่พิงมุมห้องอยู่มาถือชี้ใส่หญิงคนนั้น ซึ่งรูปที่แท้จริงได้เผยออกมามันคือดาบที่มีลักษณะดังนี้:


*ใบดาบ*:

ยาวและคม, สีดำทมิฬ, ลวดลายคล้ายเปลวไฟ

*ด้ามจับ*:

ทำจากวัสดุแข็งแกร่ง, สีดำมันเงา, ด้ามจับสีแดง

*ทริลของด้ามจับ*:

สัญลักษณ์อักษรรูนธาตุไฟ, อัญมณีแดงที่ท้ายด้ามจับ


"ไม่ได้เห็นดาบ Flameflare Excalion เล่มนี้ของเคนจิ นานแล้วนะ... ตั้งแต่เมื่อพันกว่าปีก่อน"


"คุณป้า...เป็นตัวอะไรกันแน่!!" เด็กชายยังคงชี้ดาบไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่ไม่กะพริบ


"จริงๆ แล้ว... ข้าคือ... ฟุยุคิ ทสึรุมิ... **ปีศาจจากเผ่าฮิซึระ**... ข้าได้รับความช่วยเหลือจากซายะจนรอดมาได้... ถ้าจะเปรียบ... ข้าเหมือนเป็นคุณป้าของเธอนั่นล่ะ กิระจัง..."


เมื่อเด็กชายได้ยินดังนั้น มือของเขากลับอ่อนแอลงจนดาบหลุดจากมือ ทำให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ


"ปีศาจเหมันต์... เผ่าฮิซึระ... ทำไมกัน? ท่านพ่อบอกว่าเผ่านั้นกระทำการทรยศที่ทำให้เผ่าอาคุมะ ต้องกวาดล้างเผ่านั้น..." เด็กชายถามด้วยความงุนงง


"มันก็อย่างที่เคนจิเล่าแหละจ่ะ... แต่ว่า..."


"เพราะเผ่าฮิซึระทรยศไม่ยอมร่วมมือกับเผ่าอาคุมะ และยอมให้ลดตัวก้มหัวให้พวกทวยเทพเพื่อเอาเเต่ตัวเองรอด... คงได้หนีสมใจเเล้วนะครับ..." เด็กชายพูดตัดบท


"แล้วพวกทวยเทพมันทำอะไรกับเผ่าพันธุ์ของผม...ทั้งท่านพ่อ ทั้งท่านแม่... ทั้งทุกคนในเผ่าถูกฆ่าอย่างโหดร้าย และพวกมันก็ใช้ร่างที่เป็นซากของทุกคนไปทดลอง!!!"


"เหลือเพียงแค่...ตัวข้า...ที่รอดมาได้... เพราะท่านแม่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องข้า... ท่านป้าหน่ะ... ท่านป้าจะเข้าใจอะไรข้า!!!" เด็กชายพูดเสียงสั่นด้วยความเจ็บปวด


หญิงสาวจึงเข้าไปกอดเขาเพื่อปลอบโยน


"ข้าเองก็ไม่ได้คิดจะทิ้งเผ่าของเจ้าหรอกนะ กิระจัง..." น้ำเสียงของเธอเรียบสงบ


"หมายความว่าไงครับ...คุณป้า?" เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย


ความจริงแล้วหน่ะ…


เรื่องราวถูกย้อนกลับไปเมื่อพันๆปีก่อนหลังจากสงครามบรรพกลาสิ้นสุด2-3ปี ช่วงก่อนโลกปีศาจจะล่มสลาย และก่อนที่เผ่าอาคุมะ จะถูกสังหารหมู่ ในอาณาเขตฝั่งใต้ของโลกปีศาจ เกิดสงครามระหว่างเผ่าฮิซึระ กับ เผ่าอาคุมะเพราะความเห็นต่างที่แตกคอกันระหว่างทั้งสองเผ่า จึงเกิดเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงของทั้งสองเผ่า


"บุกเข้าไป! ใครขัดขืนก็ฆ่าทิ้งให้หมด!" เสียงคำสั่งดังก้องไปทั่ว ท่ามกลางการกรีดร้องขอชีวิตและเสียงอาวุธที่ฟาดฟันกันจนถึงที่สุดของทั้งสองเผ่า


การต่อสู้สิ้นสุดลง เผ่า อาคุมะ ได้จับตัวหัวหน้าผู้เผ่าและครอบครัวของหัวหน้าเผ่าฮิซึระได้


"นี่เจ้า...ทำไมถึงทำแบบนี้ โอมิกะ ริวจิ!!" หัวหน้าเผ่าฮิซึระตะโกนเสียงสั่น


"ข้าได้เจรจาให้เราร่วมเผ่ากันแล้วนะ เรย์จิ!!" โอมิกะ ริวจิ ตอบกลับด้วยเสียงอัดอั้น


"แต่คำตอบของพวกเจ้าคือการปฏิเสธพวกข้า แล้วคิดจะหนีโดยทิ้งเผ่าของข้าไว้ที่อาณาเขตฝั่งใต้...นี่พวกเจ้าคิดจะขายพวกเราให้กับพวกพิภพเทวะหรือ!!"


"เสียแรงที่เราเคยร่วมสู้เคียงข้างกันมาตั้งแต่ยุคสมัยของนายท่านอาร์เคดอน ดาร์คซิเลียน" เสียงเครียดดังขึ้น


"บัดนี้นายท่านสิ้นชีพไปแล้ว...ตอนนี้ข้าจำต้องลดตัวไปเป็นขี้ข้าพวกมัน...เพื่อปกป้องคนของข้าและเผ่าของข้า!" ตอบอย่างสิ้นหวัง


"ยอมลดตัวลงไปเป็นขี้ข้าพวกทวยเทพกำมะลอพวกนั้นหรือเรย์จิ...พวกมันไม่เคยรักษาคำพูดแม้แต่ฝั่งพวกมนุษย์หรือเผ่าพันธุ์พวกมันเอง...แล้วเจ้าคิดว่าพวกมันจะรักษาข้อตกลงกับปีศาจเราอย่างนั้นหรือ!" โอมิกะ ริวจิ กล่าวด้วยเสียงเครียด


"ท่านพ่อ...ข้ากับพรรคพวกได้สำรวจแล้ว...พวกเผ่าฮิซึระที่เหลือได้มีการขัดขืนและต่อสู้จน จำต้องสังหารไป...ท่านพ่อที่เหลืออยู่ก็คือครอบครัวกับท่านเรย์จิขอรับ" เสียงหนักแน่นของนักรบ


"เจ้าจะเอายังไง...เรย์จิ...จะยอมตายหรือร่วมกับข้าสหาย!" โอมิกะ ริวจิ ตะโกนเสียงดังก้อง


"ไม่ว่ายังไง...ข้าก็ปล่อยให้เผ่าพันธุ์ของข้าตายไม่ได้เด็ดขาด!!!" เรย์จิ ตอบด้วยความดุดัน


"เฮือก...ริวจิ...นี่เจ้า!?"


"ถ้างั้นข้าคง...ต้องขอโทษด้วยนะเรย์จิ...สหายสนิทของข้า...ทั้งที่เราเคยร่วมสู้ในสงครามด้วยกัน...เจ้าเปรียบเสมือนพี่ชายของข้า...เเต่ทำไมถึงต้องยอมตายเพราะพวกทวยเทพ..." น้ำตาของนักรบหลั่งไหลออกมา


"ท่านพ่อ!!!!!!" เสียงลูกสาวของหัวหน้าผู้เผ่าฮิซึระที่ตกตะลึง


"หัวหน้าเผ่า!!!!" เสียงของเผ่าฮิซึระที่เหลือรอดตะโกนด้วยความเจ็บปวด


"แก!!! โอมิกะ...ริวจิ...ตายซะ!!!!!!!" โซเร็น แม่ของฟุยุคิ พุ่งเข้ามาโจมตีใส่โอมิกะ ริวจิหวังปลิดชีพ


"ขอโทษจริงๆ นะ...โซเร็น...ข้าเองก็ทำเพื่อเผ่าของข้า...เหมือนกันเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเเก่ปีศาจเผ่าอื่นๆที่เป็นพันธมิตรกับเผ่าของข้า.." โอมิกะ ริวจิ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะฟันใส่โซเร็นที่วิ่งเข้ามาโจมตีอย่างง่ายดายก่อนจะกล่าวว่า


"เผ่าอาคุมะ ทุกตัว...จงฟังข้า! ขอสั่งให้ฆ่าเผ่าฮิซึระให้หมด...อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!" เสียงคำสั่งที่เด็ดขาดของโอมิกะ ริวจิ


"ท่านแม่!!"


"เดี๋ยวก่อนค่ะท่านพ่อ!!" เสียงเด็กสาวตะโกนดังขึ้น


"นี่ ซายะ! เจ้ามาทำอะไรที่นี่...เจ้าต้องอยู่เเนวหลังไม่ใช่หรือ!"


"มาที่แนวหน้าทำไม!" โอมิกะ เคนจิ กล่าวเสียงเครียด


"ถ้าข้าไม่มา...สามีของข้าคงยืนตัวแข็งเป็นหินปล่อยให้ท่านพ่อฆ่าชีวิตอื่นจนหมดสิ้นแล้วล่ะ" ซายะ ตอบด้วยเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น


"หรือพวกท่านอยากให้เผ่าพันธุ์อื่นมองเผ่า อาคุมะ ของพวกเราว่าเป็นเผ่าพันธุ์บ้าคลั่งจ้องแต่จะเข่นฆ่าชีวิตหรือยังไงกันล่ะท่านเคนจิ"


"เห้อ...เกือบไปแล้ว...เกือบไปแล้วจริงๆ" เสียงภายในความคิดของ โอมิกะ ริวจิ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งใจ


"ท่านพ่อ! ข้าต้องขออภัยกับการเสียมารยาทของภรรยาข้าถ้าจะลงโทษโปรดมาลงที่ข้าเทิดท่านพ่อ!!" เคนจิ กล่าวด้วยน้ำเสียงขอร้องเเละหนักเเน่น


"ไม่เป็นไรๆ...ข้าไม่ได้คิดจะลงโทษลูกสะใภ้ที่กำลังอุ้มท้องหลานของข้าอยู่หรอกนะ...โฮ่ๆๆ...แต่ก็เกือบไปแล้วจริงๆ" โอมิกะ ริวจิ หัวเราะเบาๆ


"นี่เจ้าหน่ะ...นามว่าอะไรอย่างนั้นหรือ?" น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น


"นะ...นามของข้าคือ ฟุยุคิ ทสึรุมิ...ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลย...ข้าไม่เหลือใครแล้ว!" เสียงฟุยุคิ สั่นเครือด้วยความหวาดกลัวเเละขร้องขอชีวิต


"ไม่เป็นอะไรนะ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอกนะ ฟุยุคิ...ส่วนข้านามว่า โอมิกะ ซายะกะ...เรียกซายะก็ได้ ไม่ต้องห่วงนะ...ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก...ถ้าไม่รังเกียจละก็เจ้าก็เข้ามาอยู่กับข้าซิ" ซายะกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนพร้อมยื่นมือไปหาหญิงสาวตรงหน้า


"เดี๋ยวสิ!! ซายะ...เรื่องนั้นมัน!!"


"ท่านหน่ะ!! เงียบปากไปเลย!!! ท่านเคนจิ!! ถ้าท่านไม่คิดจะช่วยนางก็ช่วยเงียบปากไปซะ!!!" ซายะ ขู่เสียงดังก้องปรากฎพร้อมเขี้ยวที่ยาวเเละดวงตาสีเเดงชาตรูปม่านตาบีบเล็กเหมืิอนดังสัตว์ร้ายที่กำลังขู่สามีตัวเอง


"ข...เข้าใจแล้วละ ซายะ"


"โฮๆๆ...ปล่อยไปเถอะเคนจิ...ลูกชายข้านี่ดูไม่ได้เลยจริงๆ...เมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยาตัวเองโฮๆๆ" โอมิกะ ริวจิ หัวเราะด้วยความปลื้มปลิ่ม


"ฮ่าๆๆ...ดูไม่ได้เลย เคนจิ ฮ่าๆๆๆ" เสียงหัวเราะของเหล่าปีศาจในเผ่า อาคุมะก็ดังขึ้น


"แต่ท่านพ่อ..ขอรับ!!"


"ช่างมันเถอะเคนจิ...ลูกข้า...ภรรยาของเจ้าได้ตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยนางคนนี้...ก็ยอมรับการตัดสินใจของนางไปเถอะ...ถือซะว่าเราได้ช่วยดูแลลูกสาวของสหายรักของข้าเพื่อชดใช้ความผิดที่เราไปทำกับเผ่าพันธุ์ของนาง"


"หากท่านพ่อประสงค์เช่นนั้น...ขอน้อมรับตามนั้นอย่างไม่มีข้อโต้แย้งขอรับ...ท่านพ่อ"


เวลาผ่านไปหลายร้อยปีในโลกปีศาจ หญิงสาวเผ่าฮิซึระได้รับการช่วยเหลือและอยู่กับลูกสะใภ้ของหัวหน้าเผ่าอาคุมะ จนเมื่อโอมิกะ ริวจิ สิ้นอายุขัยชีวิตลง ลูกชายของเขา โอมิกะ เคนจิ ได้รับหน้าที่หัวหน้าเผ่าแทน และชีวิตก็ยังดำเนินไป ท่ามกลางการตั้งครรภ์ของภรรยาของเขาและความเปลี่ยนแปลงที่รอคอยอยู่ในอนาคต...


ภรรยาของเขาร้องขอให้หญิงสาวเผ่าฮิซึระได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทว่าด้วยความหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจจากผู้คนในเผ่า หญิงสาวจึงจำต้องถูกเนรเทศออกไป โดยที่ได้รับการช่วยเหลือโดยการมอบเสบียง รวมถึงของใช้จำเป็น และอุปกรณ์สำหรับการเดินทางไว้ให้โดนหัวหน้าเผ่า อาคุมะ ตนปัจจุบัน


“ขอโทษทีนะ ฟุยุคิ... ที่ข้าไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้เลย” ซายะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเสียใจ


“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ซายะ การที่เจ้ายอมรับข้าเข้ามาในครอบครัวก็นับเป็นบุญคุณของข้าแล้ว ท้องเจ้าเองก็ดูโตขึ้นทุกวัน คงใกล้คลอดแล้วสินะ”


“ข้าคิดว่าน่าจะอีกปีหนึ่งหรือปีกว่าๆน่ะจ้ะ ปีศาจน้อยของข้าคงจะได้ถือกำเนิดขึ้นมาลืมตามองโลก”


“แล้วตั้งชื่อลูกไว้บ้างหรือยังล่ะซายะ?”


“อืม... ถ้าเป็นลูกสาว ข้าจะตั้งชื่อว่า โอมิกะ อิคาริ แต่ถ้าเป็นลูกชาย บิดาของเขาหน่ะตั้งเตรียมไว้แล้วว่า นามว่า โอมิกะ อากิระ” เคนจิยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเสริมว่า “ข้าน่ะอยากได้ลูกชาย โตมาจะได้แข็งแกร่งเหมือนกับข้าไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”


“ท่านก็แค่อยากได้ลูกชายใช่ไหมล่ะ!?” ซายะจ้องสามีเขม็ง พร้อมน้ำเสียงดุเล็กน้อย


“ก็...ข้าอยากได้ลูกที่แข็งแกร่งเหมือนข้า และอ่อนโยนเหมือนเจ้านี่นาซายะ!”


“ท่านก็เเค่อยากได้ลูกชายเท่านั้นสินะ!”ซายะพูดพร้อมกุมขมับ


“หา~!”


ปีศาจทั้งสามหัวเราะพร้อมกัน ก่อนที่ฟุยุคิจะกล่าวลาซายะและเคนจิ


“ถึงเวลาหนึ่ง... ข้าจะกลับมาเยี่ยมพวกเจ้านะ ซายะจัฃ เคนจิ”


“ลาก่อนนะ ฟุยุคิ ขอให้เจ้าเดินทางปลอดภัย” ซายะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน


เคนจิยังได้ยื่นเสบียงและสิ่งของจำเป็นให้กับฟุยุคิ “รักษาตัวด้วยนะ ฟุยุคิ”


ฟุยุคิพยักหน้า “ลาก่อน ซายะ เคนจิ แล้วพบกันใหม่นะ”


หลังจากนั้น ฟุยุคิออกเดินทางขึ้นเหนือ สู่ดินแดนที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและความอดอยาก เผ่าพันธุ์ที่หนีภัยมาถูกปฏิเสธและสังหารอย่างไร้ความปรานี สิ่งมีชีวิตต้องกินกันเองเพื่อความอยู่รอด ฟุยุคิที่หนีมาได้เดินทางกลับมายังหมู่บ้านเผ่าอาคุมะ แต่เมื่อถึงที่นั่นก็พบเพียงความว่างเปล่า เเละซากของหมูบ้าน หมู่บ้านของเผ่าอาคุมะ ที่พินาศสิ้น เต็มไปด้วยซากของร่างไร้วิญญาณ


ฟุยุคิพบร่างไร้วิญญาณของซายะและเคนอิจิ พวกเขาสิ้นใจอยู่เคียงข้างกัน ทว่าซายะไม่ได้มีท้องโตอีกต่อไป ฟุยุคิจึงสันนิษฐานว่าเธอน่าจะคลอดลูกมานานแล้ว แต่ลูกของพวกเขาก็หายสาบสูญไป ฟุยุคิพยายามตามหาเด็กคนนั้นอยู่พักนึงจนกระทั่งได้พบเจอกับเหล่าทูตสวรรค์เเละเหล่าเทวดาโดยบังเอิญที่ได้มาเก็บกู้ซากศพของผู้คนในเผ่า 


"หลังจากนั้น ข้าหนีจากทุกสิ่งทุกอย่างมาสู่โลกมนุษย์ ผ่านประตูมิติในดันเจี้ยนแห่งหนึ่ง ซึ่งเหล่าปีศาจมากมายต่างมุ่งหวังใช้เป็นทางหลบหนี ข้าใช้เวทมนตร์แปลงกายเป็นมนุษย์ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย แม้ไม่รู้จุดเริ่มต้น แต่โชคชะตานำพาข้าไปพบกับนายท่านซาลิออน ฟอลเรส และนายท่านเอลลิซา ลูเมีย ผู้นำตระกูลขุนนางแห่งเผ่าไลฟ์เอลฟ์

ทั้งสองรับข้าไว้เป็นคนรับใช้ในคฤหาสน์ เเละดูแลอย่างดี"


"จนข้าได้คิดที่จะออกไปตั้งหลักปักฐานด้วยตัวข้าเอง ข้าจึงได้ขอออกจากการเป็นคนใช้ของนายท่านมาเปิดร้าน โดยมีทุนช่วยเหลือจากนายท่าน ซาลิออนมาช่วยในหลายๆอย่าง" 


"จนวันหนึ่ง คุณหนูฟอลเรสได้พาเด็กหนุ่มคนนึงลักษณะมีหูเเละหางเหมือนเเมว ดวงตาสีฟ้าบริสุทธิ์ผมสีน้ำตาลอ่อนมาที่ร้าน ข้าก็รับรู้ถึงกลิ่นอายของปีศาจที่คุ้นเคยได้ทันที ข้ามั่นใจว่าเด็กคนนี้คือบุตรชายของซายะและเคนจิที่หายสาบสูญไป ถึงแม้ดวงตาสีฟ้าของกิระจังจะต่างจากนัยน์ตาสีแดงชาตที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าอาคุม่ะเหมือนกับพ่อและแม่ แต่ความจริงนี้ก็ปิดไม่มิด ข้าก็เลยคอยดุด่าว่ากล่าวตักเตือนมาตลอดเเละคอยดูเเลอย่างห่างๆมาตลอดตัวข้าหน่ะคิดว่ากิระจังไม่รู้เรื่ิองราวนี้..ยังจะดีซะกว่าหน่ะ..."


หลังจากเปิดเผยความจริง เด็กหนุ่มผู้เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลริน “ทำไมกัน... ท่านป้า... ทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้กับข้าเร็วกว่านี้!?”


ฟุยุคิมองเด็กหนุ่มด้วยความเศร้า “เพราะข้ากลัว...ว่าถ้ากิระจังรู้เรื่องนี้ เจ้าจะโกรธข้าที่ไม่สามารถช่วยพ่อและแม่ของเจ้าได้”


เด็กหนุ่มโผเข้ากอดฟุยุคิ น้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้าง “ไม่หรอกครับ..ท่านป้า ดีจริง ๆ ที่ข้ายังมีเครือญาติเหลืออยู่... ข้าดีใจจริง ๆ ท่านป้า!”


ฟุยุคิกอดเขาไว้แน่น พร้อมปลอบโยนอย่างอ่อนโยน “ข้าขอโทษนะ ที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้าในเวลาที่เจ้าต้องการที่สุด”


เด็กหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา “ไม่เป็นไรขอรับ ท่านป้า... ตอนนี้ท่านอยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง”


บรรยากาศที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักในวันนั้น พร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข...


หญิงสาวกอดเด็กหนุ่มไว้ด้วยความรักและเอ็นดูอย่างเต็มหัวใจ เพื่อปลอบโยนเด็กหนุ่มที่ดูอ่อนแอราวกับแมวน้อยที่ร้องหิวและงอแงในอ้อมกอดของเธอ


"งั้นเหรอ กิระจัง... เธอคงผ่านเรื่องราวมามากมายสินะ... ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันไม่ได้อยู่กับเธอในช่วงเวลาที่เธอต้องการที่สุด"


"ไม่หรอกขอรับ ท่านป้า... ท่านป้าก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่ไงขอรับ...ยังไงหลานคนนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะครับ ท่านป้า!" เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน


"งั้นก่อนอื่น... หลานต้องทำตามที่สัญญากับป้าก่อนนะ"


"สัญญาอะไรหรือขอรับ!?"


"เอ้า! ก็เรื่องเฝ้าร้านยันเช้ากับทำความสะอาดร้านหนึ่งอาทิตย์ไงล่ะ!"


"หวา... ข้าลืมไปแล้วง่ะ ท่านป้า"


"เดี๋ยวเถอะ! เด็กคนนี้!"


"ฮ่าฮ่าฮ่า!"


คืนนั้น เด็กหนุ่มได้นอนหลับสนิทที่สุดในชีวิตตั้งแต่มาที่โลกมนุษย์แห่งนี้ ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความสุขที่มองแล้วอบอุ่นหัวใจ จนถึงเช้าวันใหม่...


เด็กหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นในเช้าวันใหม่ พร้อมกับเสียงกระพรวนดังขึ้น หยาดน้ำตาเล็ก ๆ เอ่อคลอในดวงตาสีฟ้าครามดั่งท้องฟ้า


"อืมม... ง้าววว... เช้าแล้วเหรอ..." เขาบิดขี้เกียจพร้อมอ้าปากหาว ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ท่าทางเหมือนแมวที่เพิ่งตื่นนอน ก่อนจะขยี้แก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อปลุกตัวเองให้ตื่นเต็มตา ใบหน้าใสซื่อของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์ น่ารักราวกับแมวน้อย


"อืม... ฮึ๊บ! .. ท่านป้า อรุณสวัสดิ์ขอรับ... อ่ะ? ไม่อยู่แฮะ..ไปไหนกันนะ"


สายตาของเขาสะดุดกับบางสิ่งบนโต๊ะ "อ๊ะ! จดหมายเหรอ!?"


"กิระจัง,ถ้าหลานตื่นแล้ว รีบอาบน้ำ ทานข้าวเช้า แล้วไปโรงเรียนนะจ๊ะ ป้าจะเป็นคนดูแลเรื่องมื้อเช้าของหลานเองหลังจากนี้ หลานจะได้กินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนทุกมื้อ ส่วนงานประจำ วันนี้หลานไม่ต้องทำ เดี๋ยวป้าจะจัดการเอง

ยังมีของอีกชิ้นที่ป้าลืมให้หลาน ซายะ แม่ของหลาน ฝากสิ่งนี้ไว้กับป้าเพื่อที่วันนึงจะได้มอบให้หลาน ซายะให้ป้าไว้เพื่อปกป้องตัวเองยามออกเดินทางเเต่ป้าก็ไม่ได้ใช้มัน เลยคิดว่าถึงเวลาที่หลานจะได้รับสืบทอดมันต่อแล้วหล่ะของที่เป็นสมบัติของเผ่าอาคุมะสิ่งที่ตัวของ ซายะ พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาไม่ว่ายามใด

สิ่งนั้นป้าวางพิงไว้ที่หน้าประตูในห่อผ้าสีดำ มื้อเช้าวันนี้ป้าครอบไว้ให้แล้วอยู่บนโต๊ะ


จาก, ฟุยุคิ ป้าของหลาน"


"ไม่อยากเชื่อเลยว่าท่านป้าจะเขียนจดหมายเป็นด้วย... ว่าแต่ว่า..." ดวงตาเขาส่องประกาย "ของสิ่งนั้นงั้นเหรอ!?"


เขารีบวิ่งไปที่หน้าประตูและหยิบห่อผ้าสีดำขึ้นมา "นี่มัน... ดาบเหรอ!?"


ดวงตาเขาเบิกกว้าง เมื่อเห็นดาบที่มีลักษณะสวยงาม ทรงพลัง ราวกับมีชีวิตในตัวเอง...


ดาบ **Aero Vortex Celestia** คืออาวุธในตำนานที่แฝงพลังแห่งสายลม ดาบนี้ถูกสร้างขึ้นจากโลหะต้องมนต์ "Aetherium Breeze" ซึ่งเป็นโลหะที่หาได้ยากในหมู่เทพเจ้า ดาบนี้ไม่เพียงแต่มีน้ำหนักเบาและง่ายต่อการควบคุม แต่ยังมอบพลังแห่งสายลมที่สามารถแทรกซึมทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการโจมตีหรือการป้องกัน ใบดาบสีฟ้าขาวเปล่งประกายวาววับเหมือนท้องฟ้ายามเช้า เสริมความรู้สึกสง่างามและทรงพลังให้กับผู้ครอบครอง


"นี่มัน... ดาบของท่านแม่อย่างนั้นหรือเบาจริงๆ?" เสียงของเด็กหนุ่มสะท้อนในความเงียบ เขาใช้มือสัมผัสใบดาบที่เบาดุจสายลม แม้จะสัมผัสครั้งแรก ก็รู้ได้ทันทีว่านี่คืออาวุธที่แตกต่างจากดาบทั่วไป


ขณะเดียวกัน สิ่งเล็กๆ ที่หลุดออกมาจากในถุงนั้นด้วยได้ดึงดูดความสนใจของเขา เขาก้มลงหยิบแหวนที่ตกลงมาในขณะนั้น


"นี่มัน... แหวนผู้เก็บรักษาดวงดารา?"


แหวน **Astral Keeper Ring** ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องประดับ แต่ยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถเก็บอาวุธระดับตำนานไว้ในมิติพิเศษ มันถูกสร้างขึ้นโดยนักเวทย์โบราณเพื่อเก็บสมบัติแห่งสงคราม ความแปลกใหม่ของแหวนนี้คือความสามารถในการเรียกใช้อาวุธในทันที และบัฟพิเศษที่เสริมความสามารถในการต่อสู้โดยไม่ต้องแบกอาวุธจำนวนมากเ

เเละยังมีการเพิ่มค่าเสตตัสจากการสวมใส่ด้วย


"ถ้าอย่างนี้... ดาบของท่านพ่อกับท่านแม่ เราก็สามารถเก็บไว้ได้ทั้งสองเล่มโดยไม่ต้องถือเป็นร่มให้ลำบากแล้วสินะ"


เด็กหนุ่มครุ่นคิดพลางจับดาบและแหวนไว้ในมือ เขารู้ดีว่าดาบของผู้ให้กำเนิดทั้งสอง ซึ่งเป็นดาบระดับตำนานเล่มนึงธาตุไฟและอีกเล่มธาตุลม ต่างส่งเสริมพลังกันอย่างดี แม้เขาจะไม่ได้ชำนาญธาตุไฟมากนัก แต่ก็รู้ว่าพลังนี้จะช่วยให้เขากลายเป็นนักดาบที่เก่งกาจได้ในอนาคต

"จะว่าไปพวกชุดกับอาสุธอีกอย่าง..ที่เราไปฝากซ่อมไว้ก็มีบัฟหลายๆอย่างเลยนิเเถมระดับเดียวกัน อา...น่าจะไปซ่อมทิ้งไว้เป็นปีเเล้วมั้งหลังเรียนเสร็จเเวะไปดูหน่อยดีกว่า..อะนี่มัน.."


ทันใดนั้น เสียงประกาศดังขึ้นในหัว


**"ขณะนี้ได้ปลดล็อคสกิลพิเศษ: Crimson Breeze Fang Dance"**


เขาเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นข้อมูลสกิลใหม่นี้ มันคือการผสานระหว่างธาตุลมและไฟ 


**"ระบำเขี้ยววายุสีชาด..."** เขาพึมพำ ก่อนจะมองดาบในมือราวกับมันเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงอดีตของเขาเข้ากับอนาคต


ความคิดของเขาหยุดลงเมื่อหันไปมองนาฬิกา "ให้ตายสิ!!สายแล้วเหรอ?! เวรแล้วไง!" เขารีบเก็บดาบและแหวนพลางลุกขึ้นเตรียมตัวออกไป


นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางบทใหม่ ที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับปริศนาในอดีต และพลังอันยิ่งใหญ่ที่รอเขาอยู่


__________________________


**ข้อมูลเพิ่มเติมจาก**

ตอนที่4 "เงื่อนงำแห่งอดีต: ความจริงที่ถูกเปิดเผย"

**ชื่อเผ่า: เผ่าฮิซึระ (Hisura )**


ลักษณะ: ปีศาจเหมันต์ที่มีผิวขาวเหมือนหิมะ มีหูยาวเหมือนเผ่าเอลฟ์ ดวงตาเปล่งประกายเหมือนผลึกน้ำแข็ง ผมยาวสีขาวหรือระยิบระยับ เสื้อผ้าทำจากน้ำแข็ง


ทักษะพิเศษ:

แสงเหมันต์ (Frostlight): ควบคุมแสงหิมะเพื่อทำลายล้างและแช่แข็งศัตรู


พายุเหมันต์เงียบงัน (Silent Blizzard): เรียกพายุหิมะไร้เสียงทำให้ศัตรูแช่แข็งและมองไม่เห็น


การฟื้นฟูจากน้ำแข็ง (Ice Revival): ฟื้นฟูร่างกายด้วยการแช่แข็งตัวเอง


ปีกหิมะ (Snow Wings): สร้างปีกน้ำแข็งเพื่อบินและโจมตี


ประวัติศาสตร์: เกิดในช่วงสงครามปีศาจและพันธมิตรกับเผ่า Akuma เพื่อทำสงคราวกับพิพภพเทวะ


การปกครอง: ผู้นำ "ฮิซึระกิ เรย์จิ" เลือกจากความแข็งแกร่งและทักษะพลังน้ำแข็ง


ความสัมพันธ์กับเผ่า Akuma: เป็นพันธมิตรที่มั่นคงในการรักษาความสงบของสองเผ่าพันธุ์

_______________________________________________


**ดาบ Flameflare Excalion**

ลักษณะของดาบ

ใบดาบ:

ใบดาบยาว คมกริบ ดูทรงพลัง

สีดำทมิฬเป็นประกาย ลักษณะเฉพาะตัวคือสามารถนำพาความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ลวดลายเปลวไฟสลักบนใบดาบ ราวกับเปลวเพลิงกำลังเต้นระบำจากศูนย์กลาง ส่องแสงสีแดงจาง ๆ เมื่อพลังงานถูกปลดปล่อย


ด้ามจับ:

ผลิตจากวัสดุแข็งแกร่งทนทาน พื้นผิวดำมันเงา ประกอบด้วยส่วนจับสีแดงลึก

รูปทรงเพรียวยาว น้ำหนักเบา ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่เน้นความรวดเร็วและแม่นยำ


ทริลของด้ามจับ:

ปลายด้ามสลักอักษรรูนธาตุไฟ มีสัญลักษณ์ที่ดูเหมือนจะสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อสัมผัส

ติดอัญมณีสีแดงล้ำค่าไว้ที่ท้ายด้ามจับ เปล่งแสงเรืองรองเมื่อดาบถูกใช้งาน


ความสามารถ:

Heatwave Slash: เมื่อฟาดดาบ จะปลดปล่อยคลื่นความร้อนมหาศาลตามพลังเวทย์ฟรือธาตุไฟในตัวหรือมนปริมาณที่ใช้ได้ออกไป ทำให้ศัตรูที่อยู่ในรัศมีถูกเผาไหม้หรืออ่อนแรงลง

Infernal Rebirth: เมื่อดาบสัมผัสความร้อนจากเปลวไฟโดยตรง จะดูดซับพลังนั้นเพื่อฟื้นฟูความทนทานหรือเพิ่มพลังให้กับดาบในช่วงสั้น ๆ


(=^・ェ・^=)