"เมื่อความรักต้องห้ามเกิดขึ้นระหว่างทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และปีศาจแห่งความมืด... ความเกลียดชังระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะสั่นคลอน หรือรักแท้จะเป็นเพียงความลับที่ถูกกลืนหายไปในความขัดแย้งนิรันดร์?"

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา - บทที่5 "การเผชิญหน้าที่นำพาทั้งสองโลก" โดย Dekuru @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ไซไฟ,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา โดย Dekuru @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"เมื่อความรักต้องห้ามเกิดขึ้นระหว่างทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และปีศาจแห่งความมืด... ความเกลียดชังระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะสั่นคลอน หรือรักแท้จะเป็นเพียงความลับที่ถูกกลืนหายไปในความขัดแย้งนิรันดร์?"

ผู้แต่ง

Dekuru

เรื่องย่อ

ในโลกที่แบ่งออกเป็นสามดินแดน, ทูตสวรรค์ และ ปีศาจ ได้พบรักที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ความเกลียดชังระหว่างสองเผ่าพันธุ์ทำให้ความรักนี้ต้องถูกซ่อนเร้นท่ามกลางสงครามและความขัดแย้ง ทั้งคู่ต้องเลือกว่าจะรักกันและเปลี่ยนแปลงโลก หรือจะต้องรักษาความลับนี้ไว้ตลอดไป.

 เป็นการเขียนครั้งเเรกของผม อาจจะไม่ถูกใจหรือไม่ถูกชะตาถ้าอยากให้ใส่อะไรเข้าไปหรือเเนะนำเเนวทางคอมเม้นได้คับ 

สำหรับผมขอให้มีผู้คนมาเห็นเรื่องราวที่ผมสร้างเเละฟังหรืออ่านเรื่องราวของผมก็ถือว่า

ผมสำหรับกับเป้าหมายเเล้วคับ

**ยังไงก็ขอฝากผลงานไว้ด้วยคับ

นามปากกา Dekuru คับ

สารบัญ

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่1 "เงามืดแห่งพันธสัญญา",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่2 "การเริ่มต้นใหม่ในโลกมนุษย์",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่3 "ความมืดของเรื่องราวที่ซ่อนไว้",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่4 "ความจริงที่ถูกเปิดเผย",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่5 "การเผชิญหน้าที่นำพาทั้งสองโลก",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่6 "ความมืดที่ถูกปลดปล่อยและการเผชิญหน้าครั้งใหม่",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่7 "สัญญาณแห่งชะตากรรม",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่ 8 "ชะตากรรมที่มิอาจหวนคืน: ศึกระหว่างสายเลือด",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-7.2 7.2 "ชะตากรรมที่มิอาจหวนคืน: ศึกระหว่างสายเลือด"

เนื้อหา

บทที่5 "การเผชิญหน้าที่นำพาทั้งสองโลก"

รุ่งเช้าของวันใหม่ อากาศเย็นสบายและสดใส เด็กหนุ่มเร่งฝีเท้าวิ่งตรงไปยังโรงเรียนฮารุมิยะ สายตาของเขาจับจ้องถนนเบื้องหน้า ขณะที่จิตใจว้าวุ่นไปกับความกังวลว่าจะไปสาย


"ปึก!"


ร่างของเขาปะทะเข้ากับใครบางคนอย่างแรงจนทั้งสองล้มลงกับพื้น


"เวรแล้ว! มัวแต่ดูของพวกนั้นเพลินไปหน่อย!" เด็กหนุ่มพึมพำ พลางหอบหายใจหนัก "โชคดีที่กินข้าวเช้ามาก่อน ไม่งั้นคงไม่มีแรง..."


เสียงของเขาขาดหายไปเมื่อสายตาสบเข้ากับหญิงสาวที่เขาวิ่งชน


"เหว๋อ!"


"อ๊ะ! กิระคุง!ว๊าย!"


เสียงอุทานด้วยความตกใจดังมาจากหญิงสาวเผ่าเอลฟ์ ผมสีขาวประกายเงินที่บัดนี้กำลังนั่งลูบข้อศอกตัวเองเบาๆ


"โอ๊ย เจ็บๆ!" กิระลุกขึ้นพลางสะบัดตัว "สายแล้วสิแบบนี้!"


"เจ็บจังๆ..." ลูมิเรสพึมพำ ขณะที่ยังลูบข้อศอกอยู่


"คุณลูมิเรส! คุณโอเคไหมครับ?" กิระรีบถามด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ก่อนรีบตัดบทอย่างร้อนรน


"แย่แล้ว! ไม่ทันแน่! ขอโทษนะครับคุณลูมิเรส ผมต้องรีบแล้ว!"


ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ออกตัววิ่งต่อไป ทิ้งให้ลูมิเรสมองตามหลังเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ


"วันนี้กิระคุงก็ยังร่าเริงเหมือนเดิม... ไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลยเเฮะ..."


เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็กำลังจะไปสายเช่นกัน


"แย่แล้ว! ฉันก็ต้องรีบเหมือนกันนี่นา! นี่!รอด้วย กิระคุง!"


ภายในห้องเรียน เด็กชายที่เผลอหลับไประหว่างคาบเรียนช่วงเช้า ภาพความฝันพาเขากลับไปสู่อดีต เงาร่างของชายผู้หนึ่ง ปิดตาขวาไว้ ดวงตาที่เหลืออยู่ฉายแววลึกซึ้ง หูแหลมเเละหางคล้ายหมาป่า เขายืนยิ้ม พลางพูดเสียงนุ่มนวลเเต่หนักเเน่นรมถึคามกวนประสาท


"นี่กิระ ตัวแกหน่ะแข็งแกร่งมาก... แต่แกหน่ะยังขาดการควบคุมตัวเองไม่ได้ ปลอกคอเส้นนี้จะช่วยแกเอง... แต่จำไว้อย่างว่าแก จะต้องฝึกควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ด้วยล่ะ ไอ้น้องรัก..."


เสียงปลุกดังขึ้น


"นี่ โอมิกะคุง นี่โอมิกะคุง! เป็นอะไรหรือเปล่า? นายดูเพลียๆ นะ"เสียงของ หัวหน้าห้องสาวผมทอง ปลุกเขาจากความฝันจากการเขย่า


เด็กชายสะดุ้งตื่น "ปะ เปล่านะครับ ผมแค่พักสายตาเฉยๆเองหน่ะครับ..."


"งั้นก็เราไปทานข้าวกลางวันด้วยกันนะโอมิกะคุง เเล้วก็ระหว่างทางไปโรงอาหารหน่ะนายก็ไปล้างหน้าล้างตาด้วยนะ"


"คะ ครับ หัวหน้าห้อง"เด็กชายตอบกลับพร้อมยิ้มเเบบเเห้งๆ


เขาพยักหน้า ก่อนเดินตามเธอออกจากห้องเรียน


ภายในโรงอาหาร เด็กสาวเอลฟ์ผมสีขาวประกายนามว่าลูมิเรสได้โบกมือตะโกนเรียกพวกเขาให้มานั่งร่วมโต๊ะ


"นี่ๆ กิระคุง! ทางนี้ๆ!มานั่งทานข้าวด้วยกันเถอะนะจ๊ะ!"


"ชั้นจะต้องได้นั่งชิดเชื้อกับกิระคุงเเน่ๆ"ก่อนจะโดนเด็กสาวเผ่าภูติชิงเเย่งที่นั่งข้างๆเด็กชายไปต่อหน้าต่อตาพร้อมทั้งส่งสายตาของผู้ท้าทายเเก่เด็กสาวเผ่าเอลฟ์


"หน็อยๆ ยัยภูติตัวนี้นิ!"เสียงไม่พอใจภายในจิตใจของสาวไลฟ์เอล์ฟผู้งดงามซึ่งตอนนี้กำลังหึงหวงเด็กชาย


"อา คุณลูมิเรส โอเครไหมครับ?เห็นสีหน้าไม่ค่อยดีเลยหน่ะครับ"


" ปะ ปะ เปล่านะๆ ชั้นไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยนะ"


"งั้นหรอครับ งั้นผมขอทานข้าวก่อนนะครับ"


ก่อนเด็กสาวเผ่าภูติผมสีทองประกายจะคีบชิ้นเนื้อทอดยื่นให้กับเด็กชายที่กำลังทานข้าวอย่าเรียบร้อย


"นี่โอมิกะคุง กินนี่สิชั้นเเบ่งให้ไม่เป็นไรหรอกนะ"พูดพร้อมสีหน้าเยือกเย็นเเต่เเฝงด้วยความห่วงใย


"งั้นหรอครับขอรับไว้นะครับ หัวหน้าห้อง"


เด็กสาวเผ่าภูิตหันมาเเสยะยิ้มเล้กน้อยดั่งบอกว่าเธอคือผู้นะให้เเก่เด็กสาวเผ่าเอลฟ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม


"หน็อยๆยัยภูติน้ำเน่านี่!"เสียงภายในควมคิดของเด็กสาวเผ่าเอลฟ์


"นี่ๆกิระคุงลองกินเท็มปุระนี่ดูสิอร่อยหน้า"


"เอิ่ม...คือเเบบว่า..ผมเเพ้กุ้งหน่ะครับคุณลูมิเรส"


เด็กสาวเผ่าไลฟ์เอลฟ์ช๊อคจนหน้าเหว๋อกับสิ่งที่ได้ยิน"วะ ว่ายังไงน้าทำไมชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยหล่ะนี่กิระคุง!"


"เอิ่มเเหะๆขอโทดนะครับที่ไม่เคยบอกนะครับเเหะๆ"ภายใต้ความตกใจนั้นเด็กสาวเผ่าภูติได้ยิ้มเบาๆเพื่อเเสดงถึงชัยชนะ


"หน๊อยๆ!ยัยภูติน้ำเน่านี่!"เสียงภายใจความคิดของเด็กสาวเผ่าเอลฟ์ที่กำลังไม่สบอารมณ์


ก่อนทั้งสามจะเเยกกันไปเรียนในช่วงบ่ายเนื่องจากหมดเวลาพักกลางวัน


"ถ้างั้นไว้เจอกันตอนเลิกเรียนนะกิระคุงเย็นนี้เดินกลับด้วยกันไหม!"


"ได้นะครับเหมือนว่าทางผมจะไม่ติดธุระอะไรครับ"


"งั้นไว้เจอกันนะกิระคุง"เด็กสาวเอล์ผมสีขาวประกายได้กล่าวก่อนจะโบกมือลาเเละเเยกย้ายไปห้องเรียนของตัวเอง


"นี่ๆโอมิกะคุงนายได้เตรียมพร้อมในช่วงคาบบ่ายหรือยังละหึม?"


"เห๋~คาบของช่วงบ่ายนี่เป็นคาบอะไรหรอครับหัวหน้าห้อง"


"อืม เหมือนว่าจะเป็นคาบทดสอบการต่อสู้นะเเล้วเหมือนจะมีการให้จัดตั้งปาร์ตี้ไปทดสอบในดันเจี้ยนด้วยนะ"


"โห งั้นหรอครับผมไม่รู้มาก่อนเลยนะครับฮาๆ"


"ก็นายชอบหลับในคาบเรียนนิน่ะชั้นว่าไม่เเปลกหรอกนะ"


"ใจร้ายจังเลยครับ!ฮาๆ"


"นายนี่นะไม่เคยเครียดเลยใช่ไหมเนี่ย"


"ฮาๆ คงงั้นครับเเต่ก็เเอบเกร็งๆนะครับไม่รู้จะได้คู่กับใคร"


"เเล้วก็นะ..โอมิกะคุงเห็นได้ข่าวมาว่า อีกเดือนถึงสองเดือนจะมีงานประลองกับโรงเรียนอื่นในงานประลองสุริยันของเทพีลูมิน่านะ"


"เทพีลูมิน่างั้นหรอ..เทพงั้นหรอครับ?"


"ใช่ องค์เทพีลูมิน่า ทวยเทพเเห่งสุริยันหน่ะ"


"ทวยเทพ.."เด็กชายพูดเสียงเบาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่


"ทำไมหรอโอมิกะคุง"


"อ๋อ เปล่าครับไม่มีอะไรเเค่คิดอะไรเพลินหน่ะครับ"


ภายในคาบเรียนช่วงบ่าย ณ บริเวณสนามกีฬาภายในโรงเรียน"เอาล่ะ เหล่านักเรียนอัจฉริยะเพชรในตมทั้งหลาย!" อาจารย์ชิโนะตะโกนขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด ใบหน้าของเธอยิ้มแย้ม "วันนี้คือคาบเรียนที่จะให้นักเรียนจับคู่ทดสอบกัน! แต่มีข้อแม้ว่าห้ามต่อสู้จนถึงขั้นเอาชีวิตกันนะ! อาจารย์ชิโนะสุดสวยคนนี้จะเข้าไปห้ามปรามเองจ้า!"


เสียงหัวเราะและเสียงกระซิบดังขึ้นในบริเวณสนามทดสอบ นักเรียนทุกคนรู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไร เรื่องนี้มันไม่มีอะไรสนุกหรอกถ้าพลาดการจับคู่ที่ไม่ดี


"อาจารย์ชิโนะวันนี้ก็ดูร่าเริงเกินไป๊!" นักเรียนชายหญิงต่างพึมพำด้วยอารมณ์ที่แฝงความหนักใจ


"วันนี้อาจารย์ชิโนะเองก็ดูร่างเริงสินะ เผลอๆ ดีดกว่าปกติอีกมั้งเนี่ย!" เสียงแซวๆ ปะปนไปในกลุ่มนักเรียนที่นั่งข้างๆ


เด็กชายมองไปรอบๆ บริเวณ แล้วก็เริ่มคิดถึงการเลือกคู่ทดสอบ "เอาละ...เอาเป็นว่าหาจับคู่ก่อนดีกว่า" เขาคิดในใจ “หาคนที่ไม่ได้เก่งอะไรมากในห้องและก็ไม่ได้อ่อนมาก ไม่งั้นเราจะเนียนแกล้งแพ้ไม่ได้”


สายตาของเขาหยุดไปที่เด็กสาวเผ่าภูติที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงนักเรียนที่อยากจับคู่กับเธอ "ซวยละไง..." เด็กชายบ่นกับตัวเอง ขณะสายตาของเขาหลบไปทางอื่นทันที


ขณะนั้น อาจารย์คุริมิยะเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่งที่ท่าทางดูลึกลับแต่สวยงามที่มีผมสีดำม่วงมัดผมหางม้า


"อ้า อาจารย์ชิโนะ ขอรบกวนหน่อยนะครับ พอดีมีนักเรียนใหม่เข้ามา เลยอยากให้ลองเรียนรู้กับห้องนี้ของอาจารชิโนะดูหน่ะครับ" อาจารย์คุริมิยะกล่าว ขณะหันไปแนะนำเด็กหญิงข้างตัวที่มีผมสีดำม่วงมัดผมหางม้า


"ไม่มีปัญหาค่ะ อาจารย์คุริมิยะ!!!" อาจารย์ชิโนะตอบรับ พร้อมยิ้มให้กับเด็กหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ


"งั้นผมขอฝากด้วยนะครับ อาจารย์ชิโนะ" อาจารย์คุริมิยะพูดเสร็จแล้วเดินออกจากสนามไป


"เอ้าสาวน้อย เผ่าดาร์คเอลฟ์สินะ เธอชื่อว่าอะไรงั้นหรอจ๊ะ?" อาจารย์ชิโนะถามด้วยท่าทางสนุกสนานและอยากรู้จัก


"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อว่า ลิเมีย ออเรส ค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะคะ" เด็กสาวตอบอย่างสุภาพ แต่ในแววตาของเธอกลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกถึงความลึกลับ


แล้วลิเมียก็หันไปมองเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล"ฉันขอจับคู่ทดสอบกับนาย" รอยยิ้มของลิเมียแฝงไปด้วยความน่าสงสัยเเต่มีเพียงเด็กชายที่มองออกถึงท่าทางที่ดูใสซื่อ แต่ในมุมมองของเด็กคนอื่นๆทุกคนในห้องอิจฉาเด็กชายไปตามๆ กันที่ได้จับคู่กับเด็กสาวหน้าตาน่ารักโดยที่ไม่รู้อะไรเลย


เด็กชายยิ้มให้พร้อมสายตาที่เฉยชา แต่ในใจกลับแอบคิดว่า "ให้มันได้แบบนี้สิ... ตัวยุ่งยากอีกแล้วสินะ... แต่ก็... น่าสนใจดีนี่" เขามองไปที่เด็กสาวดาร์คเอลฟ์ ก่อนจะเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ยากจะอธิบาย


"รับทราบครับ เอาตามนั้นครับ" เขาตอบเสียงเรียบ แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น


"โอมิกะคุง เธอมั่นใจนะ? อย่าหนักมือกับเด็กผู้หญิงไปหล่ะ?" เสียงของอาจารย์ชิโนะดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของนักเรียนคนอื่นๆ ที่แซวกันไปมา


ขณะเดียวกัน เด็กสาวเผ่าภูติที่ยืนอยู่ด้านข้างส่งสายตาหมายมาดไปยังลิเมียและเด็กชาย ทั้งที่ใบหน้ายังคงแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่คนอื่นๆ ไม่รู้ก็คือ...สายตาของเธอกำลังจับจ้องไปที่ลิเมียที่ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ซ่อนไว้…


ยิ่งไปกว่านั้นรอยยิ้มของลิเมียไม่ใช่แค่การทดสอบที่ต้องเจอกันเท่านั้น แต่เป็นการทดสอบที่เต็มไปด้วยความลับที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ในตอนนี้


ณ พิภพเทวะ


สถานที่กลางอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือหมู่เมฆ มีวิหารอันงดงามตั้งอยู่ท่ามกลางป้อมปราการขนาดใหญ่ ที่ซึ่งเหล่าทูตสวรรค์ประจำการอย่างเคร่งครัด ทั้งบนอากาศเเละที่ป้อมปราการ รอบบริเวณเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสะอาดสะอ้านราวกับสรวงสวรรค์อันบริสุทธิ์ ดอกไม้หลากสีสันที่เบ่งบานระยิบระยับดุจสวนอีเดน


บริเวณหน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ใจกลางของพิภพเทวะ เหล่าทูตสวรรค์ในชุดเกราะขาวยืนรักษาการณ์อย่างเข้มงวด โดยยืนประจำการอย่างเเน่นิ่งราวกับรูปปั้น ทันใดนั้นร่างของหญิงสาวผอมเพรียวส่วนเกราะครึ่งท่อนสะพายดาบคาตานะไว้ที่สะโพกซ้ายมีปีก2คู่กำลังลดระดับร่อนลงตรงหน้าประตู


ทูตสวรรค์ตนนั้นคือ อิรินะ บุตรตรีของเทพีลูมิน่าเเละหลานของเทพีเซรีน่ารวมถึงตอนนี้ยังดำรงตำเเหน่งรองหัวหน้าหน่วยที่29 ของหน่วยปีกศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยเด็กสาวได้เดินมาหยุดหน้าประตูทางเข้าวิหารซึ่งมียามเฝ้าอยู่


"ขออภัยด้วยขอครับ ตอนนี้สภาทวยเทพทั้ง6ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนการประชุมขอรับ" ทูตสวรรค์ผู้เฝ้าประตูเอ่ยอย่างสุภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตน


ก่อนที่อิรินะจะได้พูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งของประตู


"ไม่เป็นไรๆ ให้นางเข้ามาเถอะ ท่านผู้นี้คือบุตรตรีของท่านเทพีลูมิน่า หลีกทางให้นางเถอะนางเองก็ต้องเข้าประชุมด้วย"


"น้อมรับบัญชาขอรับท่านผู้เฒ่า"


ทูตสวรรค์ค้อมหัว ก่อนเปิดทางให้อิรินะก้าวผ่านเข้าไป


เด็กสาวพลางเดินเข้ามาทักทายผู้เฒ่าคนนั้น


"สวัสดีค่ะท่าน วอลเมีย ไม่ได้พบเสียตั้งนานหน่ะค่ะ สบายดีไหมคะ!?"


"คุณหนูอิรินะ ไม่ได้พบเจอกับนเสียนานเลยนะขอครับ โตเป็นสาวเเล้วนิขอรับได้ยินว่าท่านกำลังจะหมั้นหมายกับบุตรชายของท่านซิเรีย ท่านอีฟรีสใช่ไหมขอรับ อีกไม่นานท่านอีฟรีสก็จะเป็นหัวหน้าหน่วยที่28ของหน่วยปีกศักดิ์สิทธิ์เเล้วสินะขอรับ ยังไงข้าก็ขอเเสดงความยินดีเรื่อดการหมั้นหมายด้วยนะขอรับท่านอิรินะ"


"คะ ค่ะตัวข้าเองก็โตมาในวัยที่พอเหมาะเเล้วข้าคง..คิดว่าควรจะมีคู่ครองเเล้วละค่ะท่านผู้เฒ่าฮาๆเหมือนว่าตัวข้าเองก็จะยอมเเพ้ท่านอีฟรีสไม่ได้เเล้วละค่ะฮาๆ"รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะที่เเฝงด้วยความเยือกเย็นเเละเกลียดชัง


"เหมาะกันดีมากๆเลยขอรับท่านอิรินะ เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวไปทำหน้าที่ตรวจสอบป้อมปราการเขตอื่นก่อนนะขอรับ"ผู้เฒ่าโบกมือลาก่อนจะเดินจากไปเด็กสาวที่ได้สนทนากับชายเเก่เรียบร้อยเเล้วไปหันหน้าเดินเข้าวิหารพร้อมกับคำพูดที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจดังออกมา


"กับไอคนพันธุ์นั้น..ข้าไม่ประสงค์จะตบเเต่งด้วยหรอกค่ะ...ท่านผู้เฒ่า.."


"เเค่นี้สองพ่อลูกนั่นก็ทำทูตสวรรค์เเลพิภพเทวะต้องอับอาบเสื่อมเสียเกียรติไปพอสมควรเเล้วละค่ะ.."


ภายในวิหารกลางของพิภพเทวะ


เด็กสาวเดินผ่านห้องโถงที่กว้างขวาง ท่ามกลางความเงียบสงบที่มีเพียงเสียงฝีเท้าของเด็กสาวก่อนจะมีสีหน้าเเละสายตาที่เเสดงถึงความไม่สบอารมณ์กับสิ่งที่ปรากฎเบื้องหน้า


"ชิ..พูดถึงก็เจอเลยสินะ"เสียงความคิดของเด็กสาว


"อ้าวๆ! นี่ท่านอิรินะนินา! ข้าได้ยินมาว่าท่านเพิ่งกลับจากภารกิจล่าปีศาจในโลกมนุษย์มิใช่หรือ? เหตุใดจึงทำหน้าบึ้งเช่นนั้น?ไม่สบายหรือเปล่าขอรับ"


"อีกไม่นานข้ากับท่านก็จะเป็นทองเเผ่นเดียวกันเเล้วนะ..ท่านอิรินะ อันตัวข้าเอง..ก็หวังว่าท่านจะยอมเปิดใจรับตัวตนของข้าไปในใจของท่านด้วยนะ"ก่อนจะจับหน้าเเละลูบผมเด็กสาวอย่างเห็นเป็นดั่งลูกไก่ในกำมือเสียงของ อีฟรีสทูตสวรรค์หนุ่มที่มีแววตาเจ้าเล่ห์ดังขึ้นพร้อมทั้งท่าทีอย่างกับจับจองเด็กสาวเยี่ยงสิ่งของที่จะจับเช่นไรจะพูดเช่นไรก็ได้เมื่อนั้นมีเสียงหนึ่งดังก้องมาจากด้านหลัง


"หุบปากซะ! อีฟรีสบุตรของข้า!"


"เจ้าบังอาจจาบจ้วงเรือนร่างเเละเกียรติของท่านอิรินะหรืออีฟรีส!?ข้าต้องขออภัยเเทนบุตรของข้าด้วยท่านอิรินะ"เด็กสาวไม่ได้ตอบอะไรกลับมีเเต่เพียบความเงียบงันดั่งกำลังจับพิรุธ


เสียงดุดันของ ซิเรียสบิดาของอีฟรีส ดังแทรกขึ้นมา ทูตสวรรค์ผู้นี้มีใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาเฉียบคม ภายใต้หมวกเกราะสีขาวบริสุทธิ์ เเละมีปีก4คู่ทีน่าเกรงขามได้พูดดังขึ้นมา


"เจ้าจงกลับไปประจำตำแหน่งของเจ้าเสียบุตรของข้า จากนี้ข้ากับท่านอิรินะต้องเข้าประชุมกับสภาที่สำคัญยิ่ง!"


อีฟรีสยิ้มแสยะด้วยความยโส "ขอรับ ท่านพ่อ...น้อมรับบัญชาขอรับ.."ก่อนทูตสวรรค์หนุ่มจะเดินออกไป ได้ส่งสายตาอันเเสดงออกถึงความเหยียดหยามเเกเด็กสาวก่อนจะเดินสวนผ่านกับเด็กสาวไป


ซิเรียสหันกลับมาสบตากับอิรินะ ดวงตาของเขาฉายแววไม่พอใจบางอย่าง ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดันไม่พอใจ


"ท่านอิรินะ! ท่านกล้าขัดคำสั่งของข้าอีกแล้วหรือ? ข้าเเนะนำให้ท่านรอกำลังเสริม! แต่ท่านก็ยังดึงดันไปลุยด้วยตัวคนเดียว ถ้าตนนั้นข้าไม่ส่โทรจิตไปสั่งให้ถอยท่านก็คงจะสิ้นชื่อไปเเล้ว ท่านกำลังคิดอะไรของท่านอยู่กันเเน่ท่านอิรินะ!?"


อิรินะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นโดยไม่ได้สนใจความรู้สึกอีกฝ่ายเเม้เเต่น้อย


"ท่านซิเรียส..ข้าคิดว่า..ตัวท่านหน่ะควรเลิกสวมหน้ากากที่ปิดบังความไร้เกียรติของท่านได้แล้วละนะค่ะ... ท่านซิเรียส..ข้าเห็นเเล้วอยากจะอาเจียนออกมาใจจะขาดเเล้วค่ะ!"


ซิเรียสกัดฟันกรอดเเละกำมือเเน่นจนไดยินเสียงโลหะกระทบเบาๆก่อนจะกล่าวว่า "โอ้บัดนี้..เจ้ากล้าขึ้นเสียงกับข้าหรืออิรินะอีกไม่นานเจ้าก็จะเปรียบเสมือนลูกของข้าอีกคนนึง ทั้งกายเจ้า จิตใจของเจ้า ทุกส่วนของร่างเจ้าก็จะตกเป็นของลูกชายข้านะขอรับ..ข้าขอเเนะนำให้ท่านเลิกหลบหลีกสักทีเถอะขอรับเห็นเเก่พ่อคนนี้..ฮาๆๆ"


อิรินะจ้องเขาเขม็งทำท่าทางจะชักดาบที่สะพายอยูาที่เอวด้านซ้าย ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


"หากท่านคิดจะทำอะไรที่เป็นการหยามเกียรติของทูตสวรรค์เกียรติของข้าเเละของเเม่ข้า ข้าจะสังหารท่านกับท่านอีฟรีสเสีย"


"อีกประการนึงตัวข้าไม่มีวันที่จะหลงรักท่านอีฟรีสเป็นอันขาด..ท่านซิเรียสต่อให้กายข้าจะบอมช้ำเพียงใด...หรืออันชีวิตนี้ของข้าจะดับสูญ"


"ฮาๆๆๆๆๆ ท่านนี่ก็ช่างคารมเสียจริงท่านอิรินะเเต่ไม่ว่ายังไงท่านก็ต้องหมั้นกับลูกชายของข้านี่คือสิ่งที่มิอาจเลี่ยงได้เป็นอันขาด เพราะตัวของมารดาของท่านหน่ะได้ลั่นวาจาสัตซ์ไว้กับข้าเเล้วอย่างไงเล่าท่านอิรินะฮาๆๆ"


"ชิ..นี่ตัวชั้นต้องทำตามนั้นอย่างงั้นหรือ"เสียงภายในจิตใจของเด็กสาวก่อนจะพูดออกมาอย่างกับรู้เเผนการบางอย่าง


"ว่าเเต่ว่า..ท่านซิเรียส เเน่ใจเเล้วหรือว่าที่ท่านต้องการหน่ะเเค่ตัวข้า..เพียงเเค่นั้นไม่ใช่ว่าตัวท่านหน่ะกำลังเล็งที่จะยึดสภาทวยเทพในตำเเหน่งของท่านเเม่ของข้าอย่างงั้นหรอกหรือ"


"ช่างฉลาดเสียจริง..ท่านอิรินะ"


"ข้าจะไม่ยอมปล่อยพวกท่านลอยนวลเเน่ค่ะท่านซิเรียส"


"ถ้างั้นคงต้องพยายามหน่อยนะ..ท่านอิรินะฮาๆ"


เสียงดังภายในห้องตรงหน้าของทั้งสองได้ดังขึ้นจากข้างใน"บัดนี้ท่านซิเรียสหัวหน้าหน่วยปีกศักดิ์สิทธิ์หน่วยที่29เเละรองหัวหน้าท่านอิรินะมาถึงพร้อมเข้าประชุมเเล้วขอรับ!"


"ไว้คุยกันใหม่นะ..ท่านอิรินะ"ซิเรียสพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเลห์เเละเบามากก่อนทั้งสองจะเดินเข้าไปในห้องประชุม


ภายในห้องประชุมหลังจากทูตสวรรค์สวมเกราะขาวเเละเด็กสาวได้เข้าไปนั่งที่ของตนเองหลังจากนั้นเทพองค์นึงได้กล่าวขึ้นมาในที่ประชุม


อเทรอน* มหาเทพแห่งสวรรค์ ผู้ครองอำนาจสูงสุดของสภาทวยเทพ ทรงบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่ง นัยน์ตาสีทองดั่งสุริยันของเขากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเปล่งเสียงก้องกังวาน


"ประชุมสภาทวยเทพ จงเริ่มขึ้น ณ บัดนี้"


สิ้นคำกล่าว ทวยเทพทั้งหลายพลันสงบนิ่ง สายตาทุกคู่จับจ้องมายังอเทรอน บรรยากาศเคร่งขรึมปกคลุมทั่วทั้งห้อง ประหนึ่งว่าการประชุมครั้งนี้สำคัญยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ


"ก่อนอื่น ข้าขอเรียกตัวหัวหน้าหน่วยปีกศักดิ์สิทธิ์ที่ 29 ซิรียส เเลรองหัวหน้าหน่วย อิรินะ บุตรตรีแห่งเทพีลูมิน่าให้เข้ามาในที่ประชุม"


กลางห้องประชุม แสงสีทองส่องประกายขึ้น ก่อนร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งจะปรากฏขึ้น นางคือ อิรินะ นักดาบทูตสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ บุตรตรีแห่งเทพีแห่งแสง นางคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ประสานมือไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงมั่นคง


"องค์เทพทั้งหลายข้าจำต้องขอรายงานว่า... ภารกิจของข้า—ล้มเหลวค่ะ.."


เสียงฮือฮาดังขึ้นในทันที เทพแต่ละองค์แสดงสีหน้าต่างกันไป บางองค์ขมวดคิ้ว บางองค์กระซิบกระซาบกันเบา ๆ และบางองค์เพียงยิ้มเย้ยหยัน


"อธิบายมาซะอิรินะ.." อเทรอนกล่าวเรียบ ๆ ทว่าแฝงไปด้วยแรงกดดัน


อิรินะเงยหน้าขึ้น สีหน้าแน่วแน่ "ข้าได้เผชิญหน้ากับปีศาจตนนึง ตามที่ได้รับคำสั่งให้กำจัดปีศาจที่เเฝงตัวอยู่ในโลกมนุษย์ค่ะ แต่มันแข็งแกร่งเกินคาด ข้าไม่สามารถจัดการมันได้ อีกทั้ง..."


เธอหยุดไปชั่วขณะ ก่อนกล่าวต่อ "มันแตกต่างจากปีศาจทั่วไป ข้าสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง"


"แตกต่างงั้นหรือ?" **ไครอน** เทพนักรบแห่งสงครามขยับตัว ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองอิรินะอย่างกดดัน "หมายความว่าอย่างไร!? เจ้าคิดว่ามันแข็งแกร่งเทียบเท่าทูตสวรรค์งั้นหรือ!?"


"หรือเจ้าคิดว่ามัน..อาจจะแข็งแกร่งกว่านั้นงั้นหรือ?"


บรรยากาศเงียบลงชั่วขณะ ก่อนเสียงหัวเราะเบา ๆ จะดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง


"น่าตลกสิ้นดี" เทพเฟอร์ลิส เทพแห่งการทดลองและความรู้ลับเอ่ยขึ้น ดวงตาของเขาส่องประกายเจ้าเล่ห์ "ปีศาจตัวนั้นแข็งแกร่ง... หรือเจ้าอ่อนแอเองกันแน่นะอิรินะจัง~?"


อิรินะสบตาเขาด้วยแววตามั่นคง "ข้าได้ทำเต็มที่ด้วยกำลังของข้าแล้วค่ะ ท่านเฟอร์ลิส หากท่านต้องการให้ข้ากำจัดมันในทันที ข้าขอเสนอให้ส่งกำลังสนับสนุนเพิ่มเติม"


"ข้าเห็นด้วย" เฮดราส เทพแห่งการพิพากษากล่าวขึ้น รอยยิ้มของเขาเยือกเย็น "แต่อย่างไรเสีย การกำจัดมดปลวกอย่างมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่นไปพร้อมกันก็อาจเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่า"


"ท่านเฮดราส พอเถอะ" ลูมิน่า เทพีแห่งแสงสว่าง กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด "มนุษย์ไม่ใช่ศัตรูของเราโดยสมบูรณ์ พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินของตนเองรวมถึงเผ่าพันธุ์อื่นๆด้วย"


"เลือกทางเดินหรือฮาๆ?" เฮดราสหัวเราะ "พวกมันเป็นเพียงฝูงมดปลวกในกรงทองคำ หากไร้ซึ่งพวกเรา พวกมันจะรอดได้อย่างไร?"


อเทรอนยกมือขึ้นเพื่อหยุดการถกเถียง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "อิรินะ ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าคิดว่าปีศาจตนนั้นควรถูกกำจัดในทันที หรือมันมีโอกาสที่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้โดยไม่เป็นภัยต่อพิภพเทวะ?"


อิรินะนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนตอบอย่างหนักแน่น "ข้ายัง..มิอาจยืนยันได้แน่ชัด... แต่ข้ามีความรู้สึกว่ามันไม่เหมือนปีศาจตัวอื่น มันมีบางสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ"


อเทรอนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อ "จากรายงานล่าสุด ข้าได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ เผ่าดาร์คเอลฟ์—ตระกูลดาร์คสปิน ได้เคลื่อนไหว และพวกท่านรู้จักปีศาจเผ่านี้หรือไม่? เผ่า อาคุมะ (Akuma) เผ่าปีศาจที่อยู่เเนวหน้าในนับเเต่สงครามบรรพกาล"


ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง ทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบงัน


"อาคุมะอย่างนั้นหรือ?" ไครอนพึมพำ "พวกมันไม่ใช่ปีศาจธรรมดา ในอดีต มันเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดมิใช่หรือ แข็งแกร่งเทียบเท่าหรือเหนือกว่าทูตสวรรค์"


"เหล่าทวยเทพ จงดูสิ่งนี้" อเทรอนกล่าว ก่อนเรียกพลังแห่งสวรรค์ขึ้นมา


กลางห้องประชุม ภาพฉายแห่งเวทมนตร์ปรากฏขึ้น เป็นภาพของเด็กชายผู้หนึ่งที่กำลังต่อสู้กับชายเผ่าดาร์คเอลฟ์ ท่ามกลางพื้นที่จุดปะทะและควันฝุ่นที่ลอยคละคลุ้ง


"เจ้านั่นเอง..." อิรินะพึมพำ สีหน้าตื่นตะลึง


"อิรินะ" ลูมิน่าหันมองเธอ "เจ้าเคยพบเด็กปีศาจตนนั้นมาก่อนหรืออิรินะ?"


ซิเรียส เอลวิดอส ทูตสวรรค์หัวหน้าหน่วย ขยับตัวด้วยความตกใจ "เป็นไปไม่ได้! เผ่าอาคุมะควรจะถูกล้างบางไปหมดแล้วเมื่อหลายพันปีก่อน ตามคำสั่งของท่านเฟอร์ลิส!"


เฟอร์ลิสหัวเราะเบา ๆ "น่าสนใจๆ... ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะมันมีสายเลือดบริสุทธิ์รอดมาได้ด้วยฮาๆ"


"และเจ้าคิดว่าน่าสนใจอย่างนั้นรึ?" อเทรอนถามเสียงเย็น


สุดท้าย สภาทวยเทพลงมติให้ จับเป็น เด็กปีศาจตนนั้น หากจับไม่ได้... ให้สังหารเสีย


อเทรอนหันไปหาอิรินะ "เจ้าจะต้องกลับไปทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม"


อิรินะกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนเอ่ยหนักแน่น "ข้าน้อมรับบัญชาค่ะ ท่านอเทรอน!"


เเล้วนางก็เดินออกจากห้องประชุม... ขณะที่ในเงามืด เฟอร์ลิสเพียงแสยะยิ้ม—ราวกับทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่เขาคาดไว้แล้ว


ภายในเงามืดด้านเทพเฟอร์ลิสกล่าวในความคิดของตนเอง"เผ่าอาคุมะ..อึๆฮาๆๆ เเถมยังเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ที่พันปีจะมีกำเนิดสักครั้งถ้าได้ร่างหรือเลือดมาละก็ข้าคงได้เพลิดเพลินในงานวิจัยเเน่ๆฮาๆ จะว่า..ไปก่อนหน้านี้ข้าเองก็ได้ร่างของเผ่าอาคุมะชายหญิงมาคู่นึงนิที่มีรอยนิดหน่อยก็ใช้งานได้ถ้าจำไม่ผิด..ข้าคงเอาไปปล่อยในดันเจี้ยนของโลกมนุษย์เเต่เป็นบอสหรือลูกกระจ๊อกกันนะพวกเศษขยะข้าไม่ยังก็จำได้เลย"


เหล่าทวยเทพที่ต่างประชุมจบธุระกันเเล้วได้ต่างเเยกย้ายกลับไปประจำอาณาเขตปกครองของตนเองรวมถึงตัวเด็กสาว..


                 (=^・ェ・^=)