"เมื่อความรักต้องห้ามเกิดขึ้นระหว่างทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และปีศาจแห่งความมืด... ความเกลียดชังระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะสั่นคลอน หรือรักแท้จะเป็นเพียงความลับที่ถูกกลืนหายไปในความขัดแย้งนิรันดร์?"

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา - บทที่7 "สัญญาณแห่งชะตากรรม" โดย Dekuru @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ไซไฟ,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา โดย Dekuru @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"เมื่อความรักต้องห้ามเกิดขึ้นระหว่างทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์และปีศาจแห่งความมืด... ความเกลียดชังระหว่างสองเผ่าพันธุ์จะสั่นคลอน หรือรักแท้จะเป็นเพียงความลับที่ถูกกลืนหายไปในความขัดแย้งนิรันดร์?"

ผู้แต่ง

Dekuru

เรื่องย่อ

ในโลกที่แบ่งออกเป็นสามดินแดน, ทูตสวรรค์ และ ปีศาจ ได้พบรักที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ความเกลียดชังระหว่างสองเผ่าพันธุ์ทำให้ความรักนี้ต้องถูกซ่อนเร้นท่ามกลางสงครามและความขัดแย้ง ทั้งคู่ต้องเลือกว่าจะรักกันและเปลี่ยนแปลงโลก หรือจะต้องรักษาความลับนี้ไว้ตลอดไป.

 เป็นการเขียนครั้งเเรกของผม อาจจะไม่ถูกใจหรือไม่ถูกชะตาถ้าอยากให้ใส่อะไรเข้าไปหรือเเนะนำเเนวทางคอมเม้นได้คับ 

สำหรับผมขอให้มีผู้คนมาเห็นเรื่องราวที่ผมสร้างเเละฟังหรืออ่านเรื่องราวของผมก็ถือว่า

ผมสำหรับกับเป้าหมายเเล้วคับ

**ยังไงก็ขอฝากผลงานไว้ด้วยคับ

นามปากกา Dekuru คับ

สารบัญ

Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่1 "เงามืดแห่งพันธสัญญา",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่2 "การเริ่มต้นใหม่ในโลกมนุษย์",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่3 "ความมืดของเรื่องราวที่ซ่อนไว้",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่4 "ความจริงที่ถูกเปิดเผย",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่5 "การเผชิญหน้าที่นำพาทั้งสองโลก",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่6 "ความมืดที่ถูกปลดปล่อยและการเผชิญหน้าครั้งใหม่",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่7 "สัญญาณแห่งชะตากรรม",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-บทที่ 8 "ชะตากรรมที่มิอาจหวนคืน: ศึกระหว่างสายเลือด",Heaven Fall's รักระหว่างเเสงเเละเงา-7.2 7.2 "ชะตากรรมที่มิอาจหวนคืน: ศึกระหว่างสายเลือด"

เนื้อหา

บทที่7 "สัญญาณแห่งชะตากรรม"

เสียงอาวุธปะทะกันดังก้องไปทั่วดันเจี้ยน เปลวไฟจากคบเพลิงที่ติดตามกำแพงสั่นไหวจากแรงกระแทก เงาของนักสู้ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทอดยาวบนพื้นหินที่เปียกชื้น ก่อนที่เสียงโลหะกระทบกันครั้งสุดท้ายจะจบลงด้วยเสียง “ฉึก!” อันเย็นเยียบ 


เงาร่างหนึ่งทรุดลงพร้อมเสียงเหล็กกระทบพื้น ตามมาด้วยเสียงกระแทกที่ดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ 


ร่างของเด็กหนุ่มในเสื้อโค้ทสีแดงยาวคอปกสูงพร้อมฮู้ดถูกตรึงอยู่กับพื้น ดาบของศัตรูทั้งสองเล่มปักทะลุผ่านร่างเขา ลึกจนปลายของมันทะลุออกไปด้านหลัง ตรึงร่างของเขาแน่นกับพื้นดันเจี้ยนอันเย็นเยียบ ไม่มีช่องให้หลบหนี หรือแม้แต่ดิ้นรน 


**“อึก… แค่ก! แค่ก!”** เสียงกระอักเลือดดังขึ้นจากลำคอที่แห้งผาก เลือดสีแดงสดไหลผ่านริมฝีปากและหยดลงบนพื้นหินที่แตกร้าว มันซึมลงไปตามร่องลึกเหมือนสายน้ำสีชาด 


แสงจากคบเพลิงสาดกระทบใบหน้าของเด็กหนุ่มเผยให้เห็น **ดวงตาที่พร่ามัว** กับ **สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและตกใจ** ดวงตาของเขาสั่นไหวเมื่อจ้องมองไปยังสองเงาที่กำลังยืนมองเขาอยู่จากเบื้องบน 


**‘เป็นไปไม่ได้...’** 


เขาพยายามขยับริมฝีปาก พยายามจะพูดออกมา แม้ว่าทุกลมหายใจจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด 


**“ทะ.. ทะ... ทำไม… ทั้งสองคน...ถึงมาอยู่ที่นี่ได้...”** 


เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับสายลมกระซิบ แต่กลับดังพอจะทำให้เงาสองร่างนั้นรับรู้ได้ชัดเจน 


แต่แทนที่จะได้รับคำตอบ สิ่งที่เขาได้รับกลับเป็น… 


เสียงเสียดสีของเหล็กที่ลากผ่านอากาศ 


ดวงตาของเขาเบิกกว้างในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ก่อนที่ความมืดจะเข้าครอบงำทุกสิ่ง 


เสียงฟันจากอาวุธแหวกผ่านอากาศ 


**“ฉัวะ—!”** 


แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป... 


 

ในระหว่างคาบเรียนของอาจารย์ชิโนะ หลังจากที่เด็กสาวเผ่าดาร์คเอลฟ์เลือกจับคู่กับกิระที่ยังไม่มีคู่ อาจารย์ประจำคาบก็อนุญาติตามการตัดสินใจของเธอ


"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ลิเมีย ออเรสค่ะ! ยังไงก็ช่วยออมมือให้ด้วยนะคะ!" เด็กสาวยิ้มและมองไปด้วยสายตาที่ใสซื่อ แต่ทว่าเด็กชายกลับสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงตอบไปด้วยท่าทีที่สงบ


"เช่นกันครับ โอมิกะ อากิระครับ เรียกกิระก็ได้ครับ ฝากตัวด้วยครับ" สายตาของเขาจับจ้องไปยังเด็กสาวเผ่าดาร์คเอลฟ์ด้วยความเยือกเย็น


"เอาล่ะนะ ถ้างั้นขอรบกวนทั้งสองคนช่วยมาสาธิตเป็นคู่แรกทีนะ จากนี้จะเป็นการทดสอบต่อสู้ ขอให้ทั้งสองคนเตรียมอาวุธที่ตัวเองถนัด... แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น อาวุธที่เตรียมมาให้จะเป็นอาวุธไม้ค่ะ... และอาจารย์ขอเตือนอีกครั้งว่า ห้ามฆ่ากันถึงตายเด็ดขาด หากเห็นว่ามีการกระทำที่รุนแรงจนเกินไป อาจารย์จะเข้าไปหยุดการทดสอบทันที ถ้าสืบพบว่ามีความตั้งใจจะฆ่ากันถึงตาย ก็จะไม่ผ่านวิชานี้แน่นอน เข้าใจไหมโอมิกะคุง รวมถึงไม่ผ่านการทดสอบเเน่นอนนะ ลิเมียจัง?"


อาจารย์พูดด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมทั้งย้ำคำเตือนอย่างเบา ๆ เพื่อไม่ให้เด็ก ๆ รู้สึกกดดัน


"ทางฉันขอเลือกอาวุธเป็นหอกไม้ค่ะ"


"ทางผมขอเป็นดาบไม้ครับ อาจารย์ชิโนะ" เด็กชายตอบพร้อมตั้งท่าเตรียมตัวอย่างจริงจัง


"ทั้งสองคนพร้อมนะคะ... เริ่มได้!" 


เสียงอาจารย์ดังก้อง และการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นทันทีทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ด้วยทักษะการใช้อาวุธที่เชี่ยวชาญ การปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความรุนแรง สร้างเสียงดังสนั่นไปทั่วสนามฝึกซ้อม ทำเอาเหล่านักเรียนกับอาจารย์ทั้งบนอาคารเรียนเเละบริเวณอื่นๆภายในโรงเรียน รวมทั้งเด็กสาวเผ่าภูติที่ยืนอยู่ จับตามองการต่อสู้อย่างใกล้ชิด


"โอมิกะคุง..เก่งถึงขนาดนี้เลยหรอ?"


"โห... สุดยอด! นั่นมันอะไรกัน!"


"ว่ายังไงนะ! ใครสู้กับใครเหรอ?"


"เห็นว่าเป็นเจ้าเหมี๋ยวที่ทำตัวสนิทกับคุณลูมิเรสและคุณฮานะ"


"โห... สุดยอด! เจ้านั้นเงียบๆ แบบนั้น แต่พอเอาเข้าจริง... สุดยอดเลย!"


เสียงฮือฮาไปทั่วโรงเรียนทั้งเสียงตะโกนให้กำลังใจและเสียงดูถูกเด็กชายที่กำลังปะทะกับเด็กสาวดาร์คเอลฟ์ ดาบไม้และหอกไม้พุ่งปะทะกันอย่างไม่ยอมหยุดเสียดังสนั่นไปทั่วบริเวณ


"นี่! ลูมิเรสจัง! โอมิกะคุงกำลังต่อสู้อยู่ รีบมาดูเร็ว!"


"ว่ายังไงนะ... กิระคุงเหรอ... ได้ยังไงกัน!" เด็กสาวไลฟ์เอลฟ์ผมขาวตอบอย่างตกใจ ก่อนจะวิ่งไปดูที่หน้าต่างตามคำบอกของเพื่อนสาวในห้อง


"กิระคุง..นั่นมันอะไรกันหน่ะความเร็วนั่นมันอะไรกัน.."


ระหว่างการปะทะเด็กชายพูดออกมาอย่างสนุกสนาน "สุดยอดจริง ๆ คนที่ตามสปีดระดับนี้ของชั้นได้มีเธอเป็นคนแรกเลยนะ น่าสนุกจริงๆ!" สายตาของเขาเบิกกว้าง พร้อมรอยยิ้มที่แสดงถึงความสนุกในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ในขณะเดียวกันเด็กสาวดาร์คเอลฟ์ก็พูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชา


"เผยธาตุแท้ของแกออกมาแล้วสินะ เจ้าปีศาจ!"


ทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กันด้วยความทุ่มเท พยายามที่จะหาจังหวะที่จะชนะอีกฝ่ายในขณะที่คำพูดตัดสินใจก็เริ่มหลุดออกจากปาก ทั้งในระหว่างการต่อสู้ทั้งในแง่ของความเคียดแค้นส่วนตัวจนได้มาปะทะอาวุธกัน


"ฮึ๊บ... อ่อ จะว่าไปชื่อเเอบคุ้น ๆ นะ เธอน่ะคือคนนั้นใช่ไหมหล่ะ!"


"ใช่... เป็นอย่างที่แกคิด เจ้าปีศาจ!" เด็กสาวดาร์คเอลฟ์ตอบเสียงเย็น


"แล้วเธอหน่ะ..เป็นใครนะ...?" เด็กชายพูดขึ้นมา ด้วยสีหน้าที่งงงวย ไม่ค่อยสนใจ และยังมีท่าทีกวนประสาท


จากคำถามของเด็กชายการต่อสู้ที่กำลังยิ่งทวีความตึงเครียดขึ้น ทำทุกคนรอบข้างเเละทั่วบริเวณก็หยุดนิ่งไป


"มันใช่เวลาไหม เจ้าบ้านี่!"


"หมอนี่ต๊องชะมัด!"


"อะไรของหมอนั่นเนี่ย!!"


"ก็ผมไม่รู้จริง ๆ นี่ว่าเธอคนเป็นใคร สงสัยไม่ได้หรอครับเนี่ยห๊ะ!?" เด็กชายได้พูดกับเด็กสาวเผ่าดาร์ดเอลฟ์ด้วยความใสซื่อ


เสียงฮือฮาจากนักเรียนในห้องดังขึ้น พร้อมกับสีหน้าที่งงงวยเมื่อเด็กชายถามออกไปแบบนั้นทันใดนั้น เด็กสาวดาร์คเอลฟ์ก็ระเบิดออร่ามืดออกมา ร่างกายเธอกลายเป็นเหมือนเงามืดเต็มไปด้วยพลังมืดที่กำลังจะทำให้เกิดสิ่งร้ายแรงขึ้น


"นี่แก! คิดจะกวนประสาทกันหรือยังไงห๊า!" เสียงของเธอดังกังวานด้วยความโกรธพร้อมกับออร่าที่ที่เเผ่ออกมาอย่างรุนเเรงพน้อมผมสีม่วงดำที่สยายออก


"หว้า... ฟิลขาดซะละ พวกดาร์คเอลฟ์นี่เส้นตื้นกันชะมัด!" น้ำเสียงที่พูดออกมาเบา ๆ แต่มันแฝงไปด้วยความเยาะเย้ย


"ชั้นจะฆ่าแกซะ! โอมิกะ อากิระ!" เด็กสาวประกาศเสียงดัง


เมื่อเสร็จสิ้นคำพูดเธอได้ยกมือขึ้นและเริ่มร่ายเวทย์มืดออกมา

"โอ... อานูบิสแห่งเงาไร้ที่สิ้นสุด ผู้พิทักษ์กาลเวลาและมิติมืดมิดอันธกาล..."


"คำร่ายงั้นหรือว่า... แถมยังเป็นเวทย์บรรพกาลของดาร์คเอลฟ์ด้วย... เวรหล่ะ! เดี๋ยวก่อน! ถ้าทำแบบนั้นคนอื่นๆ จะโดนไปด้วยนะ!" เด็กหนุ่มเหมือนจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงพุ่งตัวออกไปเพื่อหยุดการกระทำของเด็กสาวดาร์คเอลฟ์


"ข้าขอบัญชาเจ้า ณ บัดนี้ เพื่อสลายพันธนาการแห่งกาลเวลา พลังเทวะแห่งรัตติกาล จงฉีกม่านกาลเวลาออกมา!"


ใช้งาน ExtraSkill: Anubis of the Eternal Night (อนูบิสแห่งกาลเวลารัตติกาลอันเป็นนิรันดร์)


ทันใดนั้น เกิดเหตุการณ์ที่เกินคาดของทุกคนขึ้นข้างหน้า ขณะที่เด็กชายวิ่งพุ่งเข้าไปเพื่อหยุดการกระทำของเด็กสาวเผ่าดาร์คเอลฟ์ ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งรวมถึงการเคลื่อนไหวและการกระทำทั้งหมดทุกสิ่งเข้าสู่สภาวะไร้การเคลื่อนไหว


"ไม่คิดว่าชั้นจะต้องใช้เวทย์บทนี้จริง ๆ โอมิกะ อากิระถ้ายอมโดนฆ่าเเต่โดยดี แกคงก็ไม่ต้องตายด้วยสาระรูปที่น่าอนาจแบบนี้หรอกนะ"


เด็กสาวพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปลื้มปริ่มในชัยชนะของเธอก่อนจะกระหน่ำเเทงหอกเข้าใส่โดยไร้ความปราณีก่อนจะหันหลังเดินจากไปเเล้วคลายเวทย์บรรพกาลที่สามารถหยุดเวลาได้คลายออกเมื่อเหตุการณ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นและภาพตรงหน้าทุกคนทำให้ทุกสายตาตกอยู่ในความสงสัย เด็กชายที่ถูกโจมตีจนร่างกระจุยจากการใช้หอกที่ทะลวงเข้ามาอย่างไม่ปราณี ท่ามกลางห้วงเวลาอันหยุดนิ่ง เขากลับยืนอยู่เบื้องหน้าของเด็กสาวดาร์คเอลฟ์ผู้ที่ดูเหมือนจะรู้สึกตัวจากบางสิ่งที่ผิดปกติ ร่างกายของเด็กสาวถูกกระแทกจนกระเด็นไปไกลเเล้วล้มทรุดตัวลงไปกับพื้นและกระอักน้ำลายออกมาอย่างทนทุกข์ทรมาน


"อึก...!! แค่กๆ... ค่ะ... คอก!! แอ๊ค!! แค่กๆ... อ๊ากกก!! อึ๊... แอ๊ค!! อ้วก!!" เสียงที่กระอักน้ำลายออกมาอย่างทรมานของเด็กสาวดาร์คเอลฟ์ทำให้ทุกคนในโรงเรียนเงียบไปอย่างสิ้นเชิงก่อนเด็กสาวดาร์คเอลฟ์จะกล่าวขึ้น


"ดะ ได้ยังไงกัน! ร่างของเเก..ระหว่างที่ถูกมหาเวทย์หยุดเวลาก็โดนโจมตีด้วยหอกจนร่างพรุน...ร่างกระจุยกระจายไปหมด...ไม่ใช่เหรอ?!เเล้วทำไมเเกถึง.." เด็กสาวเผ่าดาร์คเอลฟ์ถามด้วยน้ำเสียงที่ยังกระอักน้ำลายอยู่


เด็กชายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยุ "สูดหายใจเข้าลึกๆ... พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ" เขาแนะนำขณะยืนตรงหน้าของเด็กสาว


"มหาเวทย์นี้หน่ะ... ฉันเคยได้ปะทะกับมันมาก่อนแล้วหล่ะนะ แล้วมันมีวิธีแก้ไขง่ายๆอยู่สามวิธี..." เด็กชายเริ่มอธิบาย "วิธีที่หนึ่ง... จัดการผู้ร่ายเวทย์ก่อนที่มันจะสำแดงฤทธิ์เดช วิธีที่สองใช้พลังเวทย์ที่มีระดับสูงกว่าผู้ร่ายเพื่อลบผลของมัน... และวิธีที่สามสกัดไม่ให้สามารถงานใช้ได้"


"ในกรณีของเธอหน่ะ... เมื่อกี้ ตอนที่ฉันพุ่งตัวเข้าไปจะสะกัดเธอ เธอได้สบตากับฉันสินะ?" เด็กชายยิ้มอย่างกวนประสาท


"แล้วมันทำไมหล่ะห๊ะ!" เด็กสาวโต้กลับอย่างไม่ยอม


"หรือว่ามันจะ..อ่ะ!?" เด็กสาวนึกย้อนไปเหตุการณ์ก่อนหน้า


"ใช่..อย่างที่เธอคิด..นึกออกเเล้วใช่ไหมละ"


ภาพย้อนกลับไปยังตอนที่เด็กสาวดาร์คเอลฟ์กำลังร่ายมหาเวทย์ในช่วงพริบตานั้น


"โอ... อานูบิสแห่งเงาไร้สิ้นสุด ผู้พิทักษ์กาลเวลาและมิติมืด..." 


คำร่ายที่ออกมาจากเด็กสาว ทำให้เด็กชายรู้ว่ามันเป็นเวทย์บรรพกาลของดาร์คเอลฟ์


"เดี๋ยวก่อน! ถ้าทำแบบนั้นคนอื่นๆก็โดนด้วยสิ..ถ้าเธอร่ายจบได้ก่อนชั้นจะไปถึงตัวเธอหล่ะนะ..!" เด็กชายกล่าวในความคิดออกมาพร้อมกับแสยะยิ้มเบาๆ 


"ถ้างั้น... เธอก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทราไปซะเถอะ"


ในขณะนั้น ดวงตาสีฟ้าครามของเด็กชายส่องประกายท่ามกลางออร่าของเขาที่กระจายออกมา รูม่านตาบีบเล็กเฉกเช่นสัตว์ร้ายที่กำลังเบิกตากว้างมองไปที่เด็กสาวดาร์คเอลฟ์ตรงหน้าอย่างกับจะสะกดสายตา


ใช้งาน ExtraSkill: (Eyes of the Whispering Abyss) พิชิตสายตาผู้จมดิ่งในห้วงนิทรา

เงานัยต์ตาปีศาจสีครามคู่หนึ่งขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นข้างหลังเด็กชาย ก่อนที่เด็กสาวดาร์คเอลฟ์จะถูกสกิลนี้ทำให้หยุดนิ่งไปดั่งเหมือนโดยมนตร์สะกด


"ในพริบตาที่เธอหยุดการเคลื่อนไหว ฉันก็ใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้าไปซัดเข้าบริเวณลิ้นปี่ของเธอจนตัวเธอกระเด็นเเล้วกลับมาได้สติและก็กระอักน้ำลายแบบนี้เเหละ" เด็กชายยิ้มขณะที่อธิบายเเละด้วยท่าทีที่กวนโอ้ยมาก


"หน๊อยแหนะเเก! โอมิกะ อากิระ ชั้นไม่ยอมหรอก!" เด็กสาวคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง


แล้วในทันใดนั้น เด็กสาวยิงเวทย์ระยะไกลใส่เด็กชายเพื่อสกัดเเละถ่วงเวลาเพื่อที่จะใช้มหาเวทย์อีกครั้งหนึ่ง


"โอะโอ๋ เหมือนคิดจะใช้เวทย์อีกครั้งสินะ... แต่ว่า...มันจบเเล้วละนะ" เด็กชายพุ่งหายตัวไปในอากาศก่อนจะไปปรากฏตัวในมุมอับของเด็กสาว


"อ่ะ...มันหายไปไหน!" เด็กสาวตะโกนออกมา


ปรากฎดวงตาสีฟ้าประกายในเงามืดด้านหลังเด็กสาวก่อนจะเผยเสียงของเด็กชายที่ไปโผล่ด้านหลังของเด็กสาวพูดขึ้น "สกิลของเธอมันอันตรายเกินไป... ชั้นขอรับมันไว้ก่อนละกันนะ" เด็กชายกล่าวก่อนจะประทับฝ่ามือไปที่หลังของเด็กสาว


ใช้งาน ExtraSkill: Technique Taker (ผู้ช่วงชิง)


ก่อนจะเกิดฝุ่งตะหลบอบอวนไปทั่วบริเวณเเละเผยร่างของเด็คสาวที่ทรุดตัวลงไปกับพื้นเเละเด็กชายที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมทั้งเอ่ยขึ้นมาว่า


"สกิลนี้หน่ะ... ฝากไว้ที่ชั้นก่อนละกันนะ... ถ้ามันอยู่ในมือของคนที่ไม่รู้วิธีใช้ เธออาจทำร้ายคนบริสุทธิ์คนอื่นๆเเละคนที่เธอรักได้ ..ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะครับ" 


เด็กชายโน้มตัวโค้งให้กับเด็กสาวก่อนจะเดินออกไปพร้อมลดอาวุธลงและปล่อยให้อีกฝ่ายที่ล้มตัวลงในสภาพที่นั่งตกใจอยู่กับพื้นที่ยังช๊อคกับกระดับคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าเเบบขาดลอย อาจารย์ชิโนะที่เห็นเหตุการณ์นี้อยู่ถึงกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น "โอมิกะคุง... ก่อนกลับบ้านมาพบครูที่ห้องหน่อยนะ..." หญิงสาวกล่าวเบาๆในขณะที่เด็กชายเดินผ่านไป


"เข้าใจแล้วครับอาจารย์.." เด็กชายตอบด้วยน้ำเสียงเบาๆ ก่อนที่อาจารย์ชิโนะจะกลับมาร่าเริงอีกครั้งและทดสอบนักเรียนคนอื่นๆ ต่อไปจนจบการทดสอบ


"ตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วนะว่าฝีมือของแต่ละคนเป็นอย่างไร... จากนี้ไปจะมีการทดสอบแบบนี้อีกหลายครั้งเพื่อเฟ้นหาตัวแทนประจำห้องเเละระดับของโรงเรียน ฮารุมิยะ...เพื่อที่จะส่งตัวเเทนไปประลองในงานประลองของท่านเทพีลูมิน่าที่ทางโรงเรียนจะจัดร่วมกับโรงเรียนอื่นในปีละครั้ง"


 อาจารย์ประกาศ ก่อนจะเรียก


 "คุณลิเมีย ออเรส ขอเชิญเธอมาที่ห้องครูด้วยนะค่ะ"


เมื่อถึงห้องของอาจารย์ชิโนะ, เธอถามอย่างสงสัย "พวกเธอทั้งสองคนมีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า? ทำไมถึงสู้กันได้ดุเดือดขนาดนั้น?" เธอถามอย่างไม่เข้าใจ


 "แค่เรื่องนี้เองครับอาจารย์..เอาจริงดิ" เสียงภายในความคิดของเด็กชาย


"ลิเมียจัง..จากการทดสอบเข้าชั้นเรียนของชั้นในวันนี้เธอสอบผ่านนะจ๊ะ พรุ่งนี้ก็เริ่มมาเรียนร่วมด้วยกันได้เลยขอให้โชคดีจ๊ะ"


"ค่ะ..ขอบคุณอาจารย์ชิโนะที่ให้โอกาสหนูค่ะ.." หลังกล่าวจบเด็กสาวได้เดินหันหลังออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ


"นี่... โอมิกะคุง" 


"ไหนลองอธิบายให้ชั้นฟังทีสิ ว่าทำไมเธอถึงมีท่าทางและไหวพริบที่ดีขนาดนั้น รวมทั้งร่างกายที่ยืดหยุ่นได้ขนาดนี้ และไหนจะวิชาดาบของเธอเเบบไร้ตำรานั่นหน่ะ?"


"บะ... แบบว่า..." เด็กชายตอบด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน


"เพราะตัวเธอ... เป็นปีศาจใช่ไหม โอมิกะคุง?" หญิงสาวพูดเเทรกขึ้นมา


"อาจารย์พูดอะไรขออาจารย์เนี่ยครับ... ทำเอาผมงงแล้วนะครับ" เด็กชายทำตัวไม่รู้เรื่อง


"โอมิกะคุง... ครูรู้ความจริงหมดแล้วนะ ว่าชายดาร์เอลฟ์คนนั้นที่เป็นข่าว เธอเป็นคนจัดการใช่ไหม? จากข่าวที่รายงานว่าพบเห็นร่างของเด็กหนุ่มนอนสลบอยู่ใกล้ๆถึงคดีนั้นจะถูกพับก็บไปโดยยังไม่คลี่คลายเพราะหาสาเหตุไม่ได้... แต่จากที่ครูเห็นมันพอดีเกินไป เพราะร่องรอยดูแล้วมันเกิดเหตุการณ์แค่ในบริเวณนั้นเเค่จุดเดียวเอง เลยสันนิษฐานว่านอกจากว่าจะเป็นคนที่ผ่านมาช่วยจัดการชายคนนั้น ก็มีแต่ตัวเธอที่เป็นพนักงานที่ร้านนั้นใช่ไหม? โอมิกะคุง เธอจริงๆแล้วเป็นปีศาจเผ่าพันธุ์ไหนกันแน่?" 


"ถ้าผมบอกแล้วอาจารย์ชิโนะเเล้ว อาจารย์จะกลัวผมไหมครับ?.." เด็กชายถามด้วยเสียงสั่นๆ


"จ๊ะ... อาจารย์จะไม่กลัวเธอ โอมิกะคุง... ฉันสัญญาจ๊ะ" อาจารย์ยิ้มให้กำลังใจ


"จริงๆแล้ว... ผม... เป็นปีศาจจากเผ่าอาคุมะ เพียงตนเดียวที่รอดชีวิตจากการล้างบางปีศาจในอาณาเขตฝั่งใต้ของโลกปีศาจ ก่อนที่โลกปีศาจจะล่มสลายครับ " เด็กชายเผยร่างกายที่เเท้จริงออกมาเป็นออร่าสีแดงรอบตัวและดวงตาสีฟ้าครามบริสุทธิ์นัยต์ตาบีบเล็กลงพร้อมกับเส้นผมที่ตั้งขึ้นเล็กน้อย เขี้ยวและเล็บของเขาก็ยาวขึ้น


"ปะ... ปีศาจเผ่าอาคุมะ อย่างนั้นเหรอจ๊ะ!!" อาจารย์ตกใจเสียงดัง


"อาจารย์... คงกลัวสินะครับ... กลัวปีศาจอย่างผม... กลัวเผ่าพันธุ์ปีศาจที่จ้องแต่จะก่อสงครามและฆ่าล้างบางชีวิตอื่นตามที่สอนในวิชาประวัติศาสตร์สามพิภพ..." เด็กชายพูดพร้อมก้มหน้าลงกทั้งได้กลับคือร่างปกติ


"ปะ... เปล่าเลยนะกิระคุง... อาจารย์แค่... ไม่รู้จะตอบเธอยังไงดี แต่ว่าเธอน่ะสุดยอดจริงๆนะกับการทดสอบวันนี้ แล้วตัวตนจริงๆของเธอ นอกจากครูแล้วมีใครอีกไหมคิระคุง?" 


"มีคุณป้าที่เป็นปีศาจเหมือนกัน คุณลุงคนหนึ่ง เด็กสาวดาร์คเอลฟ์คนนั้นและก็รวมอาจารย์ชิโนะด้วยก็สี่คนครับ..." 


"ถ้าอย่างงั้น..คนที่จะคอยช่วยปกป้องและช่วยเหลือลูกศิษย์ให้เขายังคงยิ้มได้ก็มีแค่ครูนี่แหละนะ อาจารย์จะช่วยปิดเรื่องนี้ให้เธอเอง โอมิกะคุง ถึงแม้ว่าจะกลัวบ้าง แต่ครูจะพยายามช่วยเธอให้ถึงที่สุด... เธอเองก็มีเหตุผลที่ต้องปกปิดไว้สินะ หลังจากโลกนั้นล่มหลายๆ เธอคงลำบากมากเลยสินะ..." อาจารย์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความห่วงใย


"ขอบคุณมากๆนะครับอาจารย์..." 


หลังจากนั้นเด็กชายก็เดินไปหยิบสัมภาระในห้องเรียนเเล้วเด็กสาวเผ่าภูติได้กล่าวทักขณะที่เด็กายเดินสวนออกไป


"โอมิกะคุง..วันนี้หน่ะต่อสู้ได้สุดยอดมากเลย...นะ.." เค้าคงมีเรื่องอะไรเเน่ๆเลยสินะ


ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านอย่างไม่มีการพูดอะไรทั้งสิ้นจนได้มีเด็กสาวเผ่าไลฟ์เอลฟ์ได้ตะโกนทักทายเด็กชายเเต่เด็กชายก็เดินผ่านไปพร้อมทั้งก้มหน้าไม่พูดอะไรหรือทักทายอะไรทั้งสิ้น


"นี่ๆกิระคุง!มันเป็นมายังไงถึงได้ไปสู้กับเด็กคนนั้นหน่ะอธิบายมาเลย....นะ....ไม่เคยเห็นกิระคุงทำสีหน้าเเบบนั้นมาก่อนเลย คงเจอเรื่องอะไรมาสินะ" 


เมื่อเขาเดินไปได้สักระยะนึงได้หยิบมือถือที่คุณป้าให้เป็นของขวัญวันเกิดขึ้นมา เขาก็โทรหาคุณป้าทันที


"ฮัลโหล ฮัลโหล กิระจังงั้นหรอนี่ๆ มื้อเย็นวันนี้นะ... ป้าได้ปลาซาบะมาด้วยนะฮึๆ รีบกลับมาแล้วมากันด้วยกันนะ กิระจัง... กิระจัง?"


"คือว่า... ผมบอกความลับของผมให้กับอาจารย์แล้วนะครับ... แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทีกลัวอะไรผม... แต่ว่า...ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ..." เด็กชายยืนก้มหน้าเงียบงันผมที่ยาวบงมาปกคลุมหน้าในระหว่างทางพูดเสียงสะอื้นพร้อมกับน้ำตาคลออยู่ที่ใบหน้า


"กิระจังหน่ะแข็งแกร่งมากๆเลยนะ และก็ปีศาจที่อ่อนโยนมากๆด้วยเช่นกัน ปีศาจอย่างหลานที่เสียน้ำตาเเบบนี้ คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าปีศาจอย่างพวกเราเองก็มีจิตใจเหมือนกันนะจ๊ะ... ถ้าหากว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่จะเชื่อใจกิระจังได้แล้ว... ป้าก็จะขอเป็นคนเดียวที่เชื่อมั่นในตัวหลานของป้า!"


"ขอบคุณนะครับคุณป้า... ผมไม่เป็นไรแล้วครับ" เด็กชายพยายามกลั้นน้ำตาไม่เเสดงอารมอ่อนเเอออกมา


"เจ้าเด็กขี้แงเอ้ย! ถ้าอยากแวะที่ไหนก่อนก็ได้นะจ๊ะ ป้าจะรอกินข้าวเย็นพร้อมหลานเองจ่ะ" น้ำเสียงของคุณป้าแสดงความอ่อนโยน


"รับทราบครับท่านป้า" เด็กชายยิ้มเล็กน้อย


"มันต้องแบบนี้สิ... หลานป้า"


"ดีล่ะ ไหนๆแล้วเราก็แวะไปร้านที่ฝากซ่อมชุดกดีกว่า ยังไงก็มีเวลาเหลือๆ" เด็กชายพูดและวิ่งไปที่ร้านที่ตั้งใจ


ณ ร้านของชายเผ่าคนแคระนามว่า เทอร์ลิน เด็กชายเข้าไปและทักทายด้วยความเคารพ


"สวัสดีครับคุณเทอร์ลิน"


"โอ้ ไม่ได้เจอกันนานเลย เจ้าหนูกิระ ดูสบายดีสินะ" เทอร์ลินพูดทักทายด้วยความเป็นมิตร


"ก็นิดหน่อยครับ คุณเทอร์ลิน" 


"สำหรับปีศาจอย่างเจ้ายังดูสบายดี ถือว่าเป็นเรื่องดีนะโฮๆ" 


"เจอเรื่องเยอะเลยครับ ไหนจะทูตสวรรค์เอย ดาร์คเอลฟ์เอย เรื่องน่ารำคาญทั้งนั้น"


"ว่าเเต่ มาวันนี้มีอะไรให้ช่วยอย่างนั้นหรือเจ้าหนูกิระ" 


"พอดีอยากมาเช็คของที่ฝากซ่อมไว้หน่ะครับ" 


"โอ้ เจ้าของพวกนั้นหน่ะหรอ ซ่อมเสร็จนานแล้วนะ" เทอร์ลินเดินเข้าไปหยิบสิ่งของห่อผ้าหนังออกมา


"เอ้านี่เจ้าหนู ลองเปิดดูสิ" เทอร์ลินส่งให้เด็กชาย


"โห สภาพเหมือนใหม่เลยครับคุณเทอร์ลิน" 


สิ่งที่เทอร์ลินซ่อมให้คือชุดเสื้อโค้ทคอปกยาว สีเเดงมีส่วนฮูทยื่นออกมา เสื้อคอกลมสีเขียวมรกต กางเกงยีนส์ ถุงมือหนังสีเเดงขอบน้ำเงิน และอาวุธปืนเวทย์มนตร์สองกระบอก


"ใช่ไหมล่ะ...อย่าคิดจะดูถูก เทอร์ลิน ช่างอาวุธลำดับหนึ่งของเผ่าคนแคระนะเจ้าหนู, ระดับตำนานสามชิ้นทำเอาวัตถุดิบของร้านหมดเป็นว่าเล่นเลยนะเจ้าหนู แต่ก็...ข้าคิดว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้เห็นเจ้าสิ่งพวกนี้ได้ใช้งานอีกครั้ง ตัวข้าเองก็ไม่ซ่อมไอเท็มระดับนี้มาหลายร้อยปีแล้วหล่ะ ฮ่าๆ"


"ค่าเสียหายทั้งหมดเท่าไหร่ครับคุณเทอร์ลิน?" เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงขำแห้ง


"ทั้งหมด 800 เหรียญทองนะเจ้าหนู หักค่าแรง ค่าซ่อม และวัตถุดิบก็เท่านี้แหละ เจ้าหนูกิระ"


"แพงโคตร! ลดให้หน่อยไม่ได้หรือคุณเทอร์ลิน?"


"นี่ก็ลดจาก 1000 เหรียญทองแล้วนะเจ้าหนูกิระ"


เสียงคสามคิดของเด็กหนุ่มดังก้องขึ้นมา "ถ้าจะแพงขนาดนี้ หมดกันเงินเก็บชั้น!!"


"ก็ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไปล่ะนะเจ้าหนู.."


"ตัวข้าเองก็ไม่ได้ซ่อมสิ่งระดับตำนานพวกนี้มานานแล้วด้วย อีกอย่างเจ้าเองก็เคยมาช่วยที่ร้านข้าบ่อยๆ แถมยังเคยดูแลร้านในวันที่ข้าไม่อยู่ก็หลายครั้ง เพราะงั้นข้าจะลดให้เหลือ 100 เหรียญทองเลยนะเจ้าหนู ลดให้พิเศษ"


"งั้นก็ตกลงครับคุณเทอร์ลิน"


"ได้ๆ แล้วก็เจ้านี่ ข้าสร้างไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะเจ้าหนูทำให้ฟรีๆเลย เป็นอันสำรอง ถ้าเจ้าสิ่งที่ผนึกบางอย่างในตัวเจ้าที่สวมอยู่ที่คอของเจ้ามันพังขึ้นมา ดูจากสภาพเเล้วข้าว่ามันใกล้เสื่อมสภาพเต็มทีแล้วนะเจ้าหนู"


เด็กชายจับไปที่ปลอกคอของตัวเองแล้วภาพความทรงจำคำพูดของชายผู้หนึ่งที่มีหูเเละหางเป็นหมาป่าร่างใหญ่ใส่ผ้าปิดตาขวา กล่าวว่า 


"เจ้านี่หน่ะจะช่วยผนึกเจ้านั่นไม่ให้ออกมามันจะหลับใหลอยู่ในตัวแก กิระ...แต่มันก็สามารถตื่นได้ทุกครั้ง เวลาที่แกโกรธจนสติหลุดมันจะเป็นเเรงกระตุ้นเพื่อนปลุกมัน เพราะฉะนั้นแกต้องพยายามฝึกฝนการควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ให้ได้เข้าใจนะ...ไอน้องรัก"


แล้วภาพของซากศพที่ถูกสังหารเกลื่อนกราดอยู่เบื้องหน้าในมุมมองของเด็กชายที่กำลังมองสิ่งเหล่านั้นในพริบตานึงก่อนจะถูกเรียกสติโดยชายแก่แคระ


"นี่เจ้าหนู! เจ้าหนูกิระ!!"


"อ่ะ คะ ครับคุณเทอร์ลิน"


"นึกถึงเรื่องเก่าอยู่นั้นหรอเจ้าหนู?"


"คะ ครับ...เพราะเจ้านั้นผมเลยต้อง..."


"เอาน่า..เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วมิใช่หรือเจ้าหนู? เจ้าจะคิดถึงมันให้ได้อะไรขึ้นมากันหล่ะ? ชีวิตเรามันต้องเดินไปข้างหน้านะเจ้าหนู"


"นั่นสินะครับ ขอบคุณที่ซ่อมของเเละให้ปลอกคออันนี้นะครับ"


"ไม่เป็นไรหรอกเจ้าหนู ถ้ามีอะไรอยากให้ซ่อมหรืออยากปรึกษาก็มาหาได้ตลอด หรือไม่ก็ตัวข้าก็ยังมีกล่องที่พวกมนุษย์เรียกว่ามือถือด้วยนะ ก็สามารถติดต่อได้ตลอดเลยเจ้าหนู"


"งั้นไว้เจอกันใหม่นะครับคุณเทอร์ลิน" เด็กชายโบกมือลา


"ไว้มาอุดหนุนใหม่นะเจ้าหนู ขอบคุณที่อุดหนุน"


เด็กหนุ่มที่ออกจากร้านของชายเผ่าคนแคระเดินไปด้วยสีหน้าเยือกเย็นกัดฟัน และระแวงบางอย่างในใจ


"ไอเจ้านั้น...ชั้นจะไม่มีวันปล่อยแกออกมาเด็ดขาดเลย"


ภาพอดีตปรากฏขึ้นมาเป็นเงาของคนหนึ่งเผยออกมาเพียงแค่ดวงตาสีแดงชาตรูม่านตาบีบเล็กเเผ่ออร่าความชั่วร้ายออกมา ก่อนที่เสียงเย็นเยือกจะกล่าวออกมา


"ใช้ช่วงเวลาในร่างนี้ให้คุ้มค่าซะละ...โอมิกะ อากิระ...สักวันข้าจะกลับมาอีกครั้ง...แล้วทุกๆสิ่งเบื้องหน้าเจ้ารวมถึงคนที่เจ้ารัก..จะพินาศนับทุกสรรพสิ่ง"


"ไม่หรอก...แกจะไม่มีวันได้ออกมาอีกครั้งแน่นอน" เด็กหนุ่มกล่าวก่อนจะเดินต่อไป


เหตุการณ์ตัดมาที่ ณ พิภพเทวะ


หลังจากที่เด็กสาวนามว่าอิรินะที่ตอนนี้ได้ออกจากที่ประชุมของเหล่าสภาทวยเทพแล้ว ได้เดินทางกลับมาที่วิหารในบ้านเกิดของเธอในพิภพเทวะอาณาเขตตะวันออก ได้ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงใหญ่และนุ่มสบายภายในห้องนอนส่วนตัวขอตนเอง ความหนักอึ้งภายในจิตใจของเธอลดลง


"ใครมันจะไปอยากหมั้นกับไอคนพันธุ์นั้นกันล่ะ...เกียรติของทูตสวรรค์ที่ชั้นเชื่อ...ตอนนี้มันยังเหลืออะไรอีกบ้าง...ไหนจะไอเจ้าปีศาจตัวนั้นอีก...ทำไมกันนะ...ทั้งที่มันเข้ามาประชิดด้านหลังเราได้ แต่กลับไม่คิดที่จะสังหารเรา...หรือมันไม่ได้คิดจะสังหารตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรือ...ชิ ไม่สบอารมณ์กับไอเจ้านั้นเลยสักนิด...เผ่าอาคุมะ อย่างงั้นหรือ...เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ถูกบันทึกลงในบันทึกสงครามบรรพกาล...เผ่าพันธุ์ที่อยู่แนวหน้าของสงครามบรรพกาล...ก่อนสงครามจะสิ้นสุดเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่พวกไปยุ่งหรือพบเจอด้วย...ไหนจะสิ่งที่ท่านซิเรียสกล่าวออกมาอีก...ได้รับคำสั่งจากท่านเทพเฟอร์ริส...คนที่ชอบเอาเผ่าพันธุ์อื่นมาดัดแปลงและทดลอง...ไหนจะคำสั่งที่ลงมติให้ตัวเราจับเป็นเจ้านั่นอีก...ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็มีแต่ปริศนาทั้งนั้นเลย"


ในขณะที่เด็กสาวคิดถึงสิ่งเหล่านั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น


ก๊อกๆๆ!!


"อิรินะ อยู่ในห้องหรือเปล่าลูก!?"


"ค่ะ ท่านแม่ รอข้าสักครู่นะคะ" 


เด็กสาวย่อตัวคำนับ "ท่านแม่! ถวายบังคมค่ะ"


"ไม่ต้องมากพิธีหรอกลูกสาวแม่" ผู้เป็นมารดากอดเด็กสาวก่อนจะพากันมานั่งสนทนาที่เตียง


"ท่านแม่ประชุมกับเทพองค์อื่นๆ เสร็จแล้วหรือคะ?"


เทพีลูมิน่านั่งลงที่เตียงของเด็กสาว "ใช่จ่ะ เหล่าทวยเทพต่างระแวงเผ่าปีศาจกันอย่างมากมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล แม่กับน้าของเจ้า เทพีเซรีน่า ก็พยายามจะโน้มน้าวท่านเทพองค์อื่นๆ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล...ว่าแต่ลูกคิดยังไงกับปีศาจตัวนั้นและบุตรชายของท่านซิเรียส?"


"สำหรับปีศาจตนนั้นไม่ว่ายังไงลูกก็จะจับมันให้จงได้ค่ะ ท่านเเม่ส่วนอีกเรื่องก็.."


"คือว่านะค่ะ...ท่านแม่...ข้าไม่ประสงค์จะหมั้นหมายกับท่านกีฟรีส บุตรชายของท่านซิเรียสหน่ะค่ะ...ท่านกีฟรีสถึงจะดูมีฝีมือ แต่ไร้ซึ่งเกียรติของทูตสวรรค์...ส่วนท่านซิเรียสผู้เป็นบิดาเองก็ไม่ต่างกัน...ข้าสงสัยว่าทั้งท่านกีฟรีสและท่านซิเรียสคงมีแผนการอะไรเป็นแน่ค่ะท่านแม่"


"นั่นสินะ...แต่ว่าแม่ได้ตบปากรับคำของท่านซิเรียสไปแล้ว ถ้าไม่ทำตามวาจาสัตย์ คงไม่สามารถถือตัวว่าเป็นเทพีผู้ยึดถือคำสัตย์ได้อีกแล้วล่ะลูกเพราะฉะนั้นเเม่ต้องขอโทษเจ้าด้วยนะอิรินะ"


"ไม่หรอกค่ะท่านเเม่..ถ้าเช่นนั้น...ข้าก็...จะขอทำตามคำสัตย์ที่ท่านแม่กล่าวไว้ค่ะ"


"ขอบใจมากนะจ๊ะ อิรินะ เดี๋ยวลูกเปลี่ยนชุดแล้วลงมาทานข้าวเย็นกับแม่นะ?"


"ต้อง...ขออภัยอย่างสูงค่ะท่านแม่...พอดีว่าวันนี้ข้าไม่หิวค่ะ ข้าอยากจะนอนพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจค่ะ"


"งั้นหรือจ๊ะ...ถ้างั้นฝันดีนะจ๊ะ อิรินะ ถ้ามีอะไรไม่สบายใจบอกแม่ได้นะจ๊ะ ลูกรัก" เทพีลูมิน่ากระซิบบอกลูกสาวแล้วก็ค่อยๆ ปิดประตูออกไปจากห้อง


หลังจากที่ทุกอย่างเงียบไปแล้ว เด็กสาวมองไปที่หน้าต่างห้องของตนที่มองออกไปยังหมู่ดาวต่างๆ ในท้องฟ้าแล้วหลับตาลงสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด


"สุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นแบบนี้สินะ"


เด็กสาวลุกขึ้นจากเตียงไปเปลี่ยนเป็นชุดที่สวมใส่แล้วรู้สึกสบายตัว จากนั้นเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง ใบหน้าฟุบลงบนหมอนที่นุ่มสบาย ความเงียบสงัดและอารมณ์ที่เยือกเย็นเริ่มล้อมรอบเธอ ก่อนที่เสียงความคิดภายในใจของเธอจะดังขึ้น


"นี่ตัวข้า... มิอาจเลือกเส้นทางของตัวเองได้เลยหรือยังไงนะ... แล้วจากนี้... ชีวิตข้าจะเป็นเช่นไรกัน..ใครก็ได้..ช่วยข้าที..ข้ารับมันไว้ไม่ไหวอีกต่อไปเเล้ว..." เสียงเหล่านั้นก้องอยู่ในจิตใจ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและความทรมาน ก่อนที่เธอจะหลับไปโดยไม่รู้ตัว


เวลาผ่านไปไม่นาน เสียงโทรจิตดังขึ้นปลุกเด็กสาวที่นอนหลับอยู่


"ท่านอิรินะ ท่านอิรินะ! ขออภัยที่รบกวนเวลานะ ข้ามีเรื่องจะมา"


เด็กสาวลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย ใบหน้าที่เยือกเย็นและสายตาที่ไร้อารมณ์ เธอขานตอบกลับไป


"ไม่เป็นไร... แจ้งเนื้อหามาได้เลย ข้ารับฟังอยู่"


"ขอรับ บัดนี้กองกำลังหน่วยสนับสนุนของท่านอิรินะที่ได้รับภารกิจไปจับตัวปีศาจเผ่าอาคุมะตนนั้นได้รับการยืนยันจากท่านหัวหน้าหน่วยอย่างท่าน ซิเรียส เป็นที่เรียบร้อยแล้วขอรับ ตอนนี้หัวหน้าหน่วยได้เรียกท่านอิรินะมาสมทบที่ป้อมปราการฝั่งตะวันออกทันทีขอรับ"


"เข้าใจแล้วหล่ะ... ข้าจะรีบไป" เด็กสาวกล่าวสั้นๆ ก่อนจะลุกไปเปลี่ยนชุดทูตสวรรค์ สวมเสื้อกราะครึ่งตัวและสะพายดาบคาตานะไว้ข้างลำตัวฝั่งซ้าย จากนั้นเผยปีกสองคู่สีขาวบริสุทธิ์และเดินออกมายังระเบียงก่อนจะกระโดดพุ่งตัวบินออกไป


ไม่นานนัก เด็กสาวก็มาถึงปราการแห่งหนึ่ง และพบกับทูตสวรรค์หน่วยสนับสนุนภารกิจจำนวน 20 ตนอยู่เบื้องหน้า หัวหน้าหน่วยที่ 29 ปรากฏตัวขึ้นและกล่าวคำปลุกใจ


"ก่อนอื่น ข้าต้องขอขอบคุณพวกเจ้า ทูตสวรรค์อาสาทั้ง 20 ตนที่มายืนเบื้องหน้า บัดนี้ ข้ากับรองหัวหน้าอิรินะ ได้รับคำสั่งจากสภาทวยเทพโดยตรงให้จับปีศาจจากเผ่าอาคุมะที่เราคิดว่าพวกมันสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว... ตอนนี้เรามีคำสั่งที่จะทำอย่างไรก็ได้เพื่อจับปีศาจตนนั้นมา และหากไม่มีวิธีที่จะควบคุมมันไว้ได้ ก็ต้องสังหารมันในทันทีโดยผู้นำภารกิจครั้งนี้ขอพวกเขาคือรองหัวหน้าหน่วยปีกศักดิ์สิทธิ์ หน่วยที่29 จะเป็นคำให้คำสั่งเเก่พวกเจ้า" หัวหน้าหน่วยกล่าว พร้อมเสียงหนักแน่น


"ขออวยพรให้พวกเจ้าโชคดี แด่ความรุ่งโรจน์ของพิภพเทวะและสภาทวยเทพทั้ง6!!"


 "แด่ความรุ่งโรจน์ของพิภพเทวะและสภาทวยเทพทั้ง6!"


หัวหน้าหน่วยเดินผ่านเด็กสาวและกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและเจ้าเล่ห์แล้วก็เดินจากไป"อย่าให้มันพลาดเหมือนรอบที่แล้วนะ... ท่านรองหัวหน้าอิรินะ..." 


เหล่าทูตสวรรค์ทั้ง 20 ตนที่นำโดยเด็กสาว สยายปีกแล้วพากันบินออกจากพิภพเทวะ เพื่อไปยังโลกมนุษย์


กลับมายังเด็กชายกลับมาถึงห้องของตัวเองเเล้ว


"กลับมาเเล้วหรอจ๊ะ กิระจัง"


"แล้วนี่มันอะไรหรือจ๊ะ กิระจัง?"


"ของที่ข้าเอาไปซ่อมไว้น่ะขอรับ นานมากแล้วข้าพึ่งนึกขึ้นได้เลยไปนำกลับมาน่ะขอรับ"


"แล้วแพงหรือเปล่ากิระจัง!" ท่านป้าถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมคิ้วที่ขมวดสงสัย


"ปะ เปล่าเลยขอรับท่านป้าข้าจ่ายค่าซ่อมไว้แล้วขอรับหายห่วงขอรับ" เด็กชายตอบอย่างลุกลี้ลุกลน


"งั้นหรอจ๊ะ ถ้างั้นมาทานข้าวก่อนเร็ว เดี๋ยวจะเย็นหมดนะ"


"ขอรับท่านป้า"


ทั้งสองป้าและหลานนั่งทานข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขและสงบสุขจนทานเสร็จ


"หืมอ.เก็บในช่องเก็บของให้เองเลยหรอ ไหนดูสิ ดาบของท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ไหนนะ... อะ! อยู่ที่นี่ไง"


เด็กชายพูดด้วยความตื่นเต้นและดีใจ ก่อนจะสวมชุดใหม่


"เอาละ สวมใส่ตามนี้ละนะ!"


ทันใดนั้นร่างของเด็กชาย ปรากฎเสื้อโค้ทสีแดงคอปกยาว มีส่วนฮูทยื่นออก เสื้อในคอกลมสีเขียวมรกต กางเกงยีนส์ รองเท้าผสมผ้าใบบูทสีแดง พร้อมทั้งถุงมือหนังสีเเดงขอบน้ำเงิน ที่ข้างขวามีใต้ถึงมือหนังรอยนูนจากการสวมแหวนที่นิ้วกลาง ภายใต้เสื้อโค้ทสะพายอาวุธปืนเวทย์มนตร์สองกระบอกซ่อนไว้ด้านหลัง


"โห... เหมือนตอนที่พี่เรดให้ใหม่ๆ เลยแฮะ นานมากแล้วที่ไม่ได้ใส่..."


เสียงประกาศ

สวมใส่ "Inferno's Wrath" & "Tempest's Fury" (ปืนเวทย์มนตร์ความโกรธของอัคคี & ปืนเวทย์มนตร์ความโกรธของวายุ)


สวมใส่ "Crimson Abyssal Mantle of Flames" (เสื้อคลุมสีแดงแห่งเปลวอัคคี)


สวมใส่ Astral Keeper Ring (แหวนผู้เก็บรักษาดวงดารา)


"จริงๆ ยังมีสกิลของแหวนด้วยนิ เอาดาบของท่านพ่อกับท่านแม่ใส่แหวนดูละกันเเล้วก็ชุดนี้ด้วย"


เสียงประกาศ

กำลังใส่ไอเท็มระดับ Legendary สามชิ้นลงใน Astral Keeper Ring และกำลังใส่ Aero Vortex Celestia (ดาบแห่งพายุลมสวรรค์) เเละ Flameflare Excalion

(ดาบเพลิงแห่งเอ็กซ์คาลิออน) อีกทั้งยังสามารถสวมใส่ชุดCrimson Tempest Mantle ผ่าน Astral Keeper Ring ได้โดยไม่เสียค่ามานาหรือคอสอื่นๆ


Aero Vortex Celestia (ดาบแห่งพายุลมสวรรค์)


Crimson Tempest Mantle**

(เสื้อคลุมแห่งพายุและเปลวเพลิง)


Flameflare Excalion

(ดาบเพลิงแห่งเอ็กซ์คาลิออน)

ไอเท็มทั้งสามถูกบรรจุลงใน Astral Keeper Ring เรียบร้อยเเล้ว จบการรายงาน..


"อ่ะ..เข้าไปอยู่ในแหวนแล้ว!!... แล้วเรียกใช้ยังไงนิ!?"


เสียงประกาศ

"เรียกใช้งาน Aero Vortex Celestia จาก Astral Keeper Ring"


ดาบธาตุลมปรากฏออกมาจากออร่าที่ลอยออกมาจากแหวน


"อะ ได้แล้ว! เจ๋งดีแฮะ... ท่านป้าดูนี่สิขอรับ"


"โห นี่คือชุดของหลานที่ใส่มาตลอดสินะ ดูน่าเกรงขามมากเลยจ๊ะ"


"จากนี้ผมก็ไปไหนมาไหนได้ด้วยการพกเเค่แหวนแล้วละครับท่านป้า ฮาๆๆ"


"ยินดีด้วยนะกิระจัง!" น้ำเสียงแสดงความยินดีกับหลานชาย


ทั้งป้าและหลานต่างมีความสุขในช่วงเวลานั้น โดยไม่รู้เลยว่าภัยพิบัติอันใหญ่หลวงกำลังมาถึงจากพิภพเทวะ...


"โอมิกะ..อากิระ ครั้งนี้ชั้นจะจับเเกให้ได้..เเละจะชนะเเกเเล้วก้าวข้ามความรู้สึกของตัวเองไปซะ.."เสียงความคิดในจิตใจของเด็กสาวทูตสวรรค์ขณะที่กำลังมุ่งหน้ามายังโลกมนุษย์




____________________________________


ข้อมูลเพิ่มเติมจากตอนที่ 6

"การกลับมาของคำสาป: ความมืดที่ถูกปลดปล่อยและการเผชิญหน้าครั้งใหม่"


คนแคระ (Dwarves)


เป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานที่มักมีรูปร่างเล็กและแข็งแรงกว่ามนุษย์ มีอายุยืนยาวและอาศัยอยู่ในภูเขาหรือถ้ำใต้ดิน พวกเขาชำนาญในการทำอาวุธและเครื่องมือจากเหล็กและโลหะหนัก โดยเฉพาะการตีดาบและการสร้างสิ่งของจากโลหะที่มีความทนทานสูง คนแคระมีวัฒนธรรมที่เน้นการประดิษฐ์และงานช่างฝีมือ พวกเขามักมีความภาคภูมิใจในความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและมีความภักดีต่อครอบครัวและชุมชน นอกจากนี้ คนแคระยังมีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ใช้ขวานหรือขวานขนาดใหญ่เป็นอาวุธหลักในการรบ


______________________________


เวทย์บรรพกาล (Ancient Magic)


มักเป็นเวทย์ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคโบราณ และมีพลังที่ล้ำสมัย โดยมักจะเกี่ยวข้องกับการควบคุมธรรมชาติหรือพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงเวลาและกฎของจักรวาลได้ สถานะของเวทย์บรรพกาลนั้นสูงส่งและเต็มไปด้วยความลึกลับ มักจะถูกใช้โดยผู้ที่มีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับเวทมนตร์ หรือในบางครั้งอาจจะเป็นเวทที่สูญหายไปจากโลกแล้วและถูกค้นพบใหม่ในยุคปัจจุบัน


ลักษณะของเวทย์บรรพกาล

พลังอำนาจที่เหนือธรรมชาติ: สามารถควบคุมพลังทางธรรมชาติ, สสาร, หรือแม้กระทั่งอำนาจของกาลเวลา


การเปลี่ยนแปลงโลก: บางเวทย์อาจจะสามารถทำลายหรือสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้ตามความต้องการ


ความรู้ลึกลับ: เวทย์เหล่านี้มักจะซ่อนเร้นไว้ในตำนานหรือเป็นคำสอนที่เหลือจากยุคบรรพกาล ที่มีเพียงบางคนเท่านั้นที่สามารถศึกษาหรือใช้งานได้


การใช้งานที่ยากลำบาก: เพื่อใช้เวทย์เหล่านี้ จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะในการควบคุมพลังที่ยากลำบาก มิฉะนั้นอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้


ตัวอย่างเวทย์บรรพกาล:


การควบคุมเวลา: การย้อนเวลาในบางช่วง หรือหยุดเวลาชั่วคราว


การสร้าง/ทำลายสสาร: สามารถสร้างหรือทำลายวัตถุสิ่งของ หรือแม้แต่ภูมิประเทศ


การเรียกพลังโบราณ: การใช้พลังจากเทพหรือวิญญาณจากอดีตเพื่อช่วยในการทำภารกิจบางอย่าง


_____________________________________


ชื่อปืนคู่:

"Inferno's Wrath" & "Tempest's Fury" (ความโกรธของเปลวอัคคี & ความโกรธของวายุ)

ปืนคู่ที่มีพลังทั้งไฟและลม สามารถปล่อยกระสุนที่มีพลังทำลายล้างสูง เพิ่มการโจมตีทั้งระยะใกล้และระยะไกล

วัตถุส่วนผสมจาก

"Crimson Fang" & "Abyssal Claw" (เขี้ยวสีแดง & กรงเล็บแห่งความมืด)


ปืนคู่ที่ทำจากโลหะพิเศษ แข็งแกร่งและมีความเร็วสูงในการยิง เหมาะกับนักรบที่มีพลังแห่งการทำลาย


"Blaze Reaper" & "Storm Reaper" (ยมทูตแห่งเปลวเพลิง & ยมทูตแห่งวายุ)


ปืนคู่ที่ได้รับพลังจากทั้งไฟและลม ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างพลังทั้งสองได้ตามต้องการในการต่อสู้


"Pyroclasm" & "Zephyr's Kiss" (การระเบิดแห่งไฟ & จูบแห่งลม)


ปืนที่มีการระเบิดแรงและความเร็วในการยิงสูง กระสุนที่ยิงออกมาจะมีคุณสมบัติทั้งไฟและลมตามสภาพแวดล้อม


"Emberstrike" & "Whirlwind" (การโจมตีของเถ้าถ่าน & พายุหมุน)


ปืนคู่ที่สามารถสร้างพลังไฟและลมได้ในเวลาเดียวกัน การยิงจะสร้างผลกระทบที่กว้างขวางและมีอำนาจในการทำลายสูง


___________________________________________


ชื่อชุด:

"Crimson Tempest Mantle"

(เสื้อคลุมแห่งพายุและเปลวเพลิง)

รายละเอียดชุด:


พลังเสริม:

เพิ่มพลังโจมตีไฟและลมขึ้น 25%


เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 20%


เพิ่มการหลบหลีก 20% เมื่ออยู่ในสถานะลอบเร้น


เพิ่มพลังชีวิต 10% เมื่อชุดสวมใส่ครบชุด


คุณสมบัติพิเศษ:

Elemental Affinity: ชุดนี้เสริมพลังของทั้งธาตุไฟและลม ทำให้สามารถใช้และควบคุมทั้งเปลวไฟและกระแสลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ


Tempest Inferno: เมื่อ HP ต่ำกว่า 50% ชุดจะปลดปล่อยพลังจากทั้งไฟและลมในการโจมตีเพิ่มความรุนแรงในการโจมตี 50% เป็นเวลา 10 วินาที


Flame Wind's Veil: ชุดเสริมความสามารถในการพรางตัว ทำให้มองเห็นได้ยากขึ้น 25% ในสภาพแวดล้อมที่มีทั้งความร้อนและลมหรือพายุ


คุณสมบัติเฉพาะ:


Elemental Instinct: เพิ่มสัญชาตญาณในการรับรู้การโจมตีล่วงหน้า 2 วินาที โดยสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวจากทั้งกระแสลมและแรงความร้อน


Cyclone Blaze Regeneration: เพิ่มอัตราฟื้นฟู HP ภายใน 30 วินาทีเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีทั้งลมหรือพายุและไฟ


(=^・ェ・^=)