ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองย้อนเวลากลับมาในช่วงแรกของวันสิ้นโลก มิหนำซ้ำยังถูกระบบที่ไม่มีประโยชน์อะไรเกาะติดแถมบังคับให้ไปช่วยชีวิตพระเอกอีก!
ชาย-ชาย,ผจญภัย,แฟนตาซี,ไซไฟ,ข้ามเวลา,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,แฟนตาซี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลกผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองย้อนเวลากลับมาในช่วงแรกของวันสิ้นโลก มิหนำซ้ำยังถูกระบบที่ไม่มีประโยชน์อะไรเกาะติดแถมบังคับให้ไปช่วยชีวิตพระเอกอีก!
ใช้ชีวิตหนีซอมบี้มาห้าปี หลังจากพลาดท่าโดนซอมบี้รุมทึ้ง จู่ ๆ ผมก็ดันย้อนเวลา ตื่นขึ้นมาในช่วงแรกของวันสิ้นโลก ทว่าหนนี้ไม่ได้ตัวคนเดียวแต่กลับพ่วงระบบที่แสนจะพูดมากมาอีกด้วย
จากนั้นผมก็ได้รับรู้ว่าโลกใบนี้เป็นเพียงนิยายเรื่องหนึ่ง หลังจากพระเอกในนิยายตายไป พระเจ้าจึงทำการรีเซตโลกใบนี้ใหม่อีกครั้ง และผมก็คือตัวประกอบดวงซวยที่ถูกเลือกนั่นเอง!
"ถ้าจะย้อนเวลาก็ช่วยย้อนไปไกลกว่านี้อีกสักสองสามปีได้ปะ อย่างน้อยก็ขอเตรียมข้าวของตุนเสบียงก่อนเหอะ"
[ระบบ : ขอโทษทีน้า เพราะนี่คือนิยายวันสิ้นโลกยังไงล่ะ ถ้าย้อนไปไกลกว่านั้นมันก็ไม่สนุกน่ะสิ อิอิ]
“...” อิอิพ่xx
แต่ใครจะไปคิดว่าไอ้คุณพระเอกคนนั้นดันเป็นหมอนั่น คนที่ผมเคยต่อยหน้ามันไปเมื่อปีก่อน!
[ระบบ : นี่นายกล้าทำร้ายเขาเลยเหรอ นั่นพระเอกเลยนะ นายทำได้ไง!!]
"ก็กำลังรู้สึกผิดอยู่นี่ไง"
--------
พระเอก : ทำไมไม่คุยกันดี ๆ แบบเมื่อก่อน
นายเอก : มึงต่อยกูหน่อย ขอเน้น ๆ"
พระเอก : (ง้างมือ)
นายเอก : (นี่มันจะต่อยจริง ๆ เหรอวะ!)
---------
✨รุ่นพี่ปากหมา vs ไอ้ลูกหมาหน้าบึ้ง
🧟🧟🧟🧟🧟🧟
เปิดเรื่องใหม่แล้วค่า มาในตีมวันสิ้นโลก เขียนมันทุกแนวไปเลยแล้วแต่อารมณ์ของแท้ 5555
ถ้าชอบก็ช่วยกันอ่าน+เม้นต์เป็นกำลังใจให้พี่พันไมล์กับหมาเด็กของเขาด้วยนะคะ
“เกื้ออยู่หรือเปล่า กูกลับมารับแล้ว”
ปึง ปึง ปึง!
“กรร”
เสียงกระแทกประตูพร้อมทั้งเสียงคำรามที่ดังมาจากด้านในเป็นการบอกว่า ‘สิ่ง’ ข้างในนั้นได้ยินเสียงของผม
ประตูห้องเก็บของเป็นเพียงแค่แผ่นไม้บาง ๆ เหมือนกับห้องพักของผม มันถูกชนจนสั่นไหวไปทั้งบาน คาดว่าอีกไม่นานคงจะต้านไม่ไหวแน่นอน ผมรีบพูด
“กูกลับมาตามสัญญา แต่มึงไม่ใช่ ‘มนุษย์’ แล้ว ไม่ถือว่ากูผิดสัญญานะเกื้อ หลังจากนี้ขอให้โชคดีอย่าไปถูกใครเขาตีหัวเอาล่ะ”
ว่าจบผมก็รีบเผ่นแนบออกมาทันที ประจวบกับที่ประตูถูกกระแทกจนแตก ผมแอบยืนมองเกื้อที่กลายเป็นซอมบี้ค่อย ๆ เดินเยื้องย่างไปตามทิศทางที่มีเสียงคนกรีดร้อง
“ในฐานะเพื่อนร่วมคณะ กูก็ช่วยมึงได้เท่านี้แหละเพื่อน อย่าโกรธกันนะ”
ในระหว่างที่หลบออกจากมหาลัย ผมก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “นี่ระบบ แกบอกว่าโลกนี้เป็นนิยายใช่มั้ย แล้วตอนจบเป็นแบบไหนอะ มนุษย์สามารถผลิตวัคซีนต้านไวรัสซอมบี้ได้ไหม แล้วโลกใบนี้เป็นยังไงต่อ เพราะชาติที่แล้วฉันตายก่อนเลยไม่รู้”
[ระบบเองก็ไม่รู้] ระบบตอบกลับเสียงหงอย
“หา?” ผมเกือบเดินสะดุดเพราะคำตอบของมัน “ไหนว่าเป็นนิยายไง แล้วไม่รู้ได้ไง นิยายมันก็ต้องมีตอนจบดิ นี่อำฉันเหรอ”
[ไม่ได้อำนะ! นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแบบเรียลไทม์ พอพระเอกตายเนื้อหาตอนจบก็เลยไม่มี]
“งั้นใครเป็นคนเขียนนิยาย”
[ไม่รู้...]
“...”
นี่มึงรู้อะไรบ้างเนี่ย
สรุปก็คือไม่มีข้อมูลอะไรเลยสักอย่าง แถมพอรีเซตโลกเนื้อหาดั้งเดิมก็เพี้ยนไปอีก นั่นแปลว่าหลังจากนี้ผมไม่สามารถเดาทิศทางของเรื่องราวต่อจากนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
กูจะบ้า
[เรื่องนี้ช่างมันก่อนเถอะ รีบกลับไปหาธาราดีกว่า ฉันไม่ไว้ใจให้เขาอยู่กับเจ้าพวกนั้นเลย ฮืออ จากกันเมื่อกี้แต่เหมือนนานนับปี]
“เว่อร์ล่ะ” ทำตัวเหมือนแม่ที่ต้องจากลูกไปได้
ระหว่างทางออกไปจากมหาลัย มีซอมบี้ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือพุ่งเข้าใส่ผมเป็นระยะ นั่นจึงทำให้ผมต้องคอยจัดการพวกมันไปด้วย อย่างน้อยกำจัดได้หนึ่งตัวก็เท่ากับลดอัตราการแพร่เชื้อไปได้อีกหนึ่ง
และอีกไม่กี่เมตรผมก็กำลังจะถึงประตูหลังของมหาลัยแล้ว ทว่าดันเจอเข้ากับธาราเสียก่อน ผมพูดอย่างไม่พอใจ “มาทำไม บอกแล้วไงว่าให้รอข้างนอก!”
“เกินสิบนาทีแล้ว” ธาราเสียงแข็ง
ผมเหลือบมองเวลาในมือถือของมันพลางส่ายศีรษะ “แค่สองนาทีเอง”
“แต่สองนาทีนี้สามารถทำให้นายกลายเป็นซอมบี้ได้นะ” ธาราหน้าบึ้ง
[พระเอกของฉันน่ารักจัง รู้จักเป็นห่วงคนอื่นด้วย] ระบบส่งเสียงปลาบปลื้ม [นายก็รีบสำนึกผิดซะสิ!]
ผมมองอีกฝ่ายอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “โอเค กูขอโทษ”
สีหน้าของธาราอ่อนลง ดึงแขนผมที่เต็มไปด้วยเลือดซอมบี้ให้เดินตาม “ไปกันเถอะ”
หลังออกมาจากมหาลัยก็เจอเข้ากับสามคนที่รออยู่ แชมป์รีบพูด “ไปซะนาน นึกว่าไม่รอดแล้วนะ”
“...” ธาราตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“พูดอะไรเนี่ยแชมป์” ริสาหยิกแขนเพื่อนตัวสูงทีเล่นทีจริง ก่อนจะหันมาทางผม “พี่พันไมล์ไม่ต้องไปสนใจนะคะ แชมป์เขาก็แค่หยอกเล่น”
ผมยิ้มบาง “พี่ไม่ถือสาหรอก”
เพราะอีกไม่นานพวกนายก็จะโดนฉันสลัดทิ้ง ส่วนใครจะตายหรือใครจะรอดก็ตัวใครตัวมันแล้วล่ะนะ
“รีบไปกันเถอะ ถึงกลางทุ่งนาจะไม่มีซอมบี้ แต่ถ้ามืดแล้วก็อันตรายอยู่ดี” ผมพูดอีกครั้ง จากนั้นก็เดินนำหน้าพวกรุ่นน้องไปทันที
ธาราก้าวยาว ๆ ตามมาเดินด้านข้าง “ทำไมกับริสาถึงแทนตัวเองว่าพี่ล่ะ”
“ก็น้องน่ารัก แถมอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงก็ต้องพูดเพราะ ๆ หน่อยดิ” ผมตอบ ดวงตาไม่ละไปจากทุ่งนาตรงหน้า
“นายพูดเพราะ ๆ กับฉันบ้างสิ” ธาราเซ้าซี้
ครั้งนี้ผมเหลือบตามองไอ้เด็กหล่อด้านข้างพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทางกวนโอ๊ย “มึงเรียกกูพี่ก่อน”
“ไม่” ธาราตอบแบบไม่คิดสักนิด
“เห็นปะ แล้วยังจะถามอีก” ผมสะบัดหน้าไปมองถนนต่ออย่างไม่คิดจะสนใจมันอีก
ธาราเงียบไปพักหนึ่งจนผมคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่ามันดันพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียได้
“พี่พันไมล์”
“เชี่ย!” ผมสะดุ้งจนเผลอสะดุดเท้าตัวเองหน้าเกือบทิ่มลงไปในนาข้าว โชคดีที่คนด้านข้างรีบคว้าเอวเอาไว้ได้ทันเวลา
“เดินดี ๆ สิ” ธาราว่าเสียงต่ำ
“มึงเรียกชื่อกูเหมือนเดิมเหอะ ไม่ชินว่ะ” ผมพูดพลางลูบขนแขนที่ลุกพรึบขึ้นมา
“ทำไมพี่พันไมล์พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมเคารพพี่มากเลยนะ พี่ช่วยพูดเพราะ ๆ กับผมทีสิ” ธาราแสยะยิ้มเหมือนชอบใจที่เห็นผมเสียอาการ
ผมกดเสียงต่ำ ยิ้มเหี้ยมใส่อีกฝ่าย “ไอ้ธารา”
“โอเค พันไมล์ว่ายังไงก็ยังงั้นแหละ เรียกแบบนี้ก็ดี เหมือนเพื่อนกันเลยเนอะ” ธารายกสองมือขึ้นเป็นการยอมแพ้
“เพื่อนหน้ามึงสิ” ผมเบะปากอย่างหมั่นไส้ รู้สึกคันไม้คันมืออยากตบกะโหลกคน แต่ก็ติดที่ตัวเองเคยมีคดีมาก่อนเลยไม่กล้าทำอย่างที่คิด
“ทั้งสองคนคุยอะไรกันอยู่คะ ริขอคุยด้วยได้ไหม”
จู่ ๆ ริสาที่อยู่ข้างหลังก็เดินแทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างผมกับไอ้ธารา มือเล็กจับไปที่แขนของอดีตน้องรหัสด้วยท่าทางออดอ้อน
“...” ธาราเงียบไปอย่างไม่คิดจะตอบคำถาม
“ปัญหาไร้สาระของผู้ชายน่ะ” ผมเป็นฝ่ายตอบแทน
ริสาทำปากยื่น “เอ๋ เสียดายจัง ริน่าจะเป็นผู้ชายเนอะ จะได้คุยกับพวกพี่ ๆ ได้ ดูสิทั้งกลุ่มมีริเป็นผู้หญิงคนเดียว ริเหงาอะ”
[โอ๊ย! แม่คุณ สตอมาทั้งสวน เดินข้างหลังก็ออเซาะเจ้าพวกนั้น พอเห็นทางนี้กำลังสนุกก็อยากมาร่วมด้วย นี่หล่อนจะเหมาหมดทั้งกลุ่มเลยหรือไง] ระบบส่งเสียงแหลมปรี๊ดออกมา
“พรืด” ผมหลุดขำจนธารากับริสาหันมามอง “เปล่า ๆ แค่นึกเรื่องตลกขึ้นมาน่ะ”
หลังจากสาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวมาแทรกกลาง ผมกับธาราจึงไม่ได้คุยอะไรกันอีก แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของเธอคืออดีตน้องรหัสสุดหล่อคนนั้น แต่ไม่ว่าจะชวนคุยยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ตอบเลยแม้แต่คำเดียว
นี่ก็เย็นชาโคตร!
[ดี ไม่ต้องไปคุยกับหล่อนหรอก เดี๋ยวจะซวยเอา] ระบบเองก็เห็นดีเห็นงาม
เมื่อเป้าหมายหลักไม่สนใจ ริสาที่หน้าเริ่มเจื่อนจึงหันมาทางผมแทน “พี่พันไมล์คะ เราจะเดินกันไปถึงไหนเหรอ ริเริ่มเหนื่อยแล้วค่ะ”
เฮ้ย! เพิ่งเดินมาได้ไม่นานเองนะเว้ยทางยังอีกโคตรไกล แม้จะบ่นในใจ แต่ผมก็ทำเพียงยิ้มตอบ “ต้องเดินไปถึงถนนใหญ่เลยล่ะ อดทนหน่อยนะ พี่มีน้ำริสาจะเอาไหม”
หญิงสาวรีบพยักหน้า พลางปาดเหงื่อ “เอาค่ะ”
ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะหยิบน้ำในเป้ให้เธอ ธารากลับยื่นขวดน้ำของตัวเองให้แทน “เอานี่ไปก็ได้”
ริสารีบพยักหน้าด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้ม “ขอบคุณนะธารา”
อ่า ถ้าจำไม่ผิดนั่นมันขวดที่ใช้ล้างมือให้ผมปะวะ ผมเหลือบสายตามองใบหน้านิ่ง ๆ ของธาราแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“...”
[หล่อนจะรู้ไหมว่าได้น้ำล้างมือของนายไป หึหึ]
ผมพูดกับระบบในใจ ‘ดูแกไม่ชอบเธอนะ’
[ชอบก็บ้าแล้ว ทำท่าทางเหมือนชอบธารา แต่จริง ๆ ก็อ่อยไปทั่ว]
ประโยคนี้ทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่น ‘ฉันไม่หล่อเหรอ ทำไมเธอถึงไม่อ่อยฉันล่ะ’
ตั้งแต่ในห้องเรียนจนกระทั่งออกเดินทางมาด้วยกัน ริสาคุยกับผมแทบจะนับคำได้ นี่มันทำให้ผมเสียเซลฟ์พอสมควรเลยนะ
[โอ๊ย ชีจะไปอ่อยนายได้ไงล่ะ ก็ธาราเล่นเกาะติดนายยิ่งกว่าขี้ปลาทองแบบนี้ ระหว่างหนุ่มหล่อที่รู้จักมานาน กับหนุ่มหล่อที่ไม่ค่อยได้เจอกันชีก็ต้องเลือกอย่างแรกอยู่แล้ว]
ผมพยักหน้าอย่างโล่งอก ‘โอเค แค่รู้ว่าตัวเองหล่อฉันก็พอใจแล้ว ขอบใจนะระบบ!’
[...]