ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองย้อนเวลากลับมาในช่วงแรกของวันสิ้นโลก มิหนำซ้ำยังถูกระบบที่ไม่มีประโยชน์อะไรเกาะติดแถมบังคับให้ไปช่วยชีวิตพระเอกอีก!

ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 12 คุยกับพระเอกก็เหมือนสีซอ เพราะมันไม่ฟังอะไรเลย โดย Ferylin79 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ผจญภัย,แฟนตาซี,ไซไฟ,ข้ามเวลา,ซอมบี้,วันสิ้นโลก,แฟนตาซี,ผจญภัย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ผจญภัย,แฟนตาซี,ไซไฟ,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ซอมบี้,วันสิ้นโลก,แฟนตาซี,ผจญภัย

รายละเอียด

ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก โดย Ferylin79 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองย้อนเวลากลับมาในช่วงแรกของวันสิ้นโลก มิหนำซ้ำยังถูกระบบที่ไม่มีประโยชน์อะไรเกาะติดแถมบังคับให้ไปช่วยชีวิตพระเอกอีก!

ผู้แต่ง

Ferylin79

เรื่องย่อ

ใช้ชีวิตหนีซอมบี้มาห้าปี หลังจากพลาดท่าโดนซอมบี้รุมทึ้ง จู่ ๆ ผมก็ดันย้อนเวลา ตื่นขึ้นมาในช่วงแรกของวันสิ้นโลก ทว่าหนนี้ไม่ได้ตัวคนเดียวแต่กลับพ่วงระบบที่แสนจะพูดมากมาอีกด้วย 

จากนั้นผมก็ได้รับรู้ว่าโลกใบนี้เป็นเพียงนิยายเรื่องหนึ่ง หลังจากพระเอกในนิยายตายไป พระเจ้าจึงทำการรีเซตโลกใบนี้ใหม่อีกครั้ง และผมก็คือตัวประกอบดวงซวยที่ถูกเลือกนั่นเอง! 

 

"ถ้าจะย้อนเวลาก็ช่วยย้อนไปไกลกว่านี้อีกสักสองสามปีได้ปะ อย่างน้อยก็ขอเตรียมข้าวของตุนเสบียงก่อนเหอะ"

[ระบบ : ขอโทษทีน้า เพราะนี่คือนิยายวันสิ้นโลกยังไงล่ะ ถ้าย้อนไปไกลกว่านั้นมันก็ไม่สนุกน่ะสิ อิอิ]

“...” อิอิพ่xx

 

แต่ใครจะไปคิดว่าไอ้คุณพระเอกคนนั้นดันเป็นหมอนั่น คนที่ผมเคยต่อยหน้ามันไปเมื่อปีก่อน! 

 

[ระบบ : นี่นายกล้าทำร้ายเขาเลยเหรอ นั่นพระเอกเลยนะ นายทำได้ไง!!] 

"ก็กำลังรู้สึกผิดอยู่นี่ไง" 

--------

       พระเอก : ทำไมไม่คุยกันดี ๆ แบบเมื่อก่อน
       นายเอก : มึงต่อยกูหน่อย ขอเน้น ๆ"
       พระเอก : (ง้างมือ)
       นายเอก : (นี่มันจะต่อยจริง ๆ เหรอวะ!)

---------

✨รุ่นพี่ปากหมา vs ไอ้ลูกหมาหน้าบึ้ง

 

🧟🧟🧟🧟🧟🧟 

เปิดเรื่องใหม่แล้วค่า มาในตีมวันสิ้นโลก เขียนมันทุกแนวไปเลยแล้วแต่อารมณ์ของแท้ 5555 

ถ้าชอบก็ช่วยกันอ่าน+เม้นต์เป็นกำลังใจให้พี่พันไมล์กับหมาเด็กของเขาด้วยนะคะ 

 

สารบัญ

ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 1 วันสิ้นโลกอีกครั้ง นั่นแปลว่าผมต้องเหนื่อยอีกแล้ว!,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 2 ผมไม่ใช่สไปเดอร์แมน แต่ก็ต้องเป็นเพราะสถานการณ์บังคับ,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 3 ความซวยกับผมคือของคู่กัน,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 4 คนเรามันก็ต้องมีเรื่องที่ทำแล้วรู้สึกละอายทีหลังบ้างนั่นแหละ,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 5 จู่ ๆ คุณพระเอกก็เป็นโรครักความสะอาดเฉยเลย,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 6 แค่รู้ว่าตัวเองหน้าตาดีก็พอใจแล้ว,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 7 เสียดายจริง ๆ ที่ไม่มีซอมบี้,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 8 ทำไมพระเอกในนิยายวันสิ้นโลกถึงไม่ตรงปกแบบนี้,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 9 มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 10 ปากเก่งแบบนี้อยู่ให้รอดนาน ๆ แล้วกัน,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 11 เหมือนว่าสาวน้อยคนนั้นจะอยากสร้างฮาเร็ม,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 12 คุยกับพระเอกก็เหมือนสีซอ เพราะมันไม่ฟังอะไรเลย,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 13 คนมันจะเลว ต่อให้ย้อนเวลาอีกกี่ครั้งก็ยังเลวไม่เปลี่ยน,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 14 เรื่องที่เราคิดว่าไม่สำคัญบางทีมันอาจจำเป็นสำหรับคนอื่นก็ได้,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 15 ตัวประกอบแบบผมดันมารับเคราะห์แทนพระเอกซะแล้วล่ะ,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 16 เหมือนว่าผมจะเปลี่ยนเส้นเรื่องอีกแล้วล่ะ,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 17 การปฏิบัติจริงคือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 18 เป็นผู้ชายก็ต้องชมว่าหล่อดิ,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 19 คนเก่งก็ยังมีวันพลาดได้,ผมเป็นผู้ช่วยของพระเอกในวันสิ้นโลก-ตอนที่ 20 นายช่วยทำให้เขาสบายใจบ้างเหอะ

เนื้อหา

ตอนที่ 12 คุยกับพระเอกก็เหมือนสีซอ เพราะมันไม่ฟังอะไรเลย

 

“เดี๋ยวกูไปเองพอดีมีของที่อยากได้ด้วย แชมป์ไปกับกู มึงไม่เคยสู้กับซอมบี้มาก่อนถือโอกาสนี้ไปลองก็ดี ส่วนธาราก็อยู่กับแทนและริสา เผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้ปกป้องพวกเขาได้” ผมจัดแจงเสร็จสรรพ

“แต่ว่า” ธาราทำท่าจะแย้ง ทว่าก็ต้องเงียบไปเมื่อผมมองหน้ามันนิ่ง ๆ

“ยังไงก็ได้” แชมป์เลิกคิ้วพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

ผมผ่อนลมหายใจออกมาที่ตกลงกันได้ง่ายกว่าที่คิด การที่ผมเลือกให้แชมป์มากับตัวเองหนึ่งก็เพื่อให้ธาราได้พัก สองก็เพื่อสั่งสอนไอ้เด็กเวรที่เอาแต่งอมืองอเท้าไม่เคยช่วยสู้เลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนที่ไม่เอาแทนมาด้วยก็เพื่อเอาไว้เป็นไม้กันหมาให้แชมป์รู้สึกว่าธาราไม่ได้อยู่กับริสาสองคนก็เท่านั้น

‘ในเมื่อพอฉันเข้ามาแทรกเนื้อเรื่องก็เปลี่ยน ถ้าฉันแทรกมันทุกเหตุการณ์ที่น่าจะเป็นอันตรายต่อธารา แบบนี้เนื้อเรื่องก็น่าจะเปลี่ยนเหมือนกันใช่มั้ย’ ผมคุยกับระบบในใจ

[คิดว่านะ ระบบเองก็ไม่รู้เหมือนกัน] 

“ให้เวลาเตรียมตัวสิบนาที กูลงไปรอข้างล่างนะ” ผมพูดกับแชมป์จบก็คว้าเป้ของตัวเองขึ้นมา จากนั้นส่งสายตาให้ธาราเดินตามออกไปนอกห้อง

ผมเดินนำธาราลงไปชั้นสองในมุมที่ค่อนข้างลับตาคน ก่อนจะล้วงกระเป๋าเพื่อหาของที่ต้องการ

“มีอะไรเหรอ” ธาราถามอย่างสงสัย

“แบมือ” ผมหยิบเวเฟอร์ออกมาหลายชิ้นยื่นให้มัน หลังจากที่ธาราแบมือรับไปแบบงง ๆ แล้ว ผมก็จัดการฉีกช็อกโกแลตยัดปากมันทันที “กินเข้าไป เผื่อกูกลับมาช้าจะได้มีแรง”

“...” ธารายืนมองผมนิ่งโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

เมื่อเห็นสายตาของไอ้เด็กหน้าหล่อ ผมที่กำลังจะกินส่วนของตัวเองก็ชะงักไป รู้สึกเก้อกระดากนึกว่ามันกำลังด่าที่ผมไม่แบ่งขนมให้คนอื่นด้วย ผมเสตาหลบ พูดพึมพำเสียงเบา “มึงจะด่าก็ด่าออกมาเลย แต่กูไม่อยากให้ไอ้พวกนั้นที่วัน ๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่หลบข้างหลังแล้วก็แบมือขออาหารแบบนี้ กูไม่ได้พ่อพระขนาดนั้นหรอก”

“แล้วพันไมล์เอามาให้ฉันทำไม” ธาราถามเสียงนิ่ง ในแววตาแฝงนัยน์บางอย่างที่ผมเองก็มองไม่ออก

“ก็มึงเป็นน้องกูนี่นา” อีกอย่างผมก็อยากชดเชยให้ธารากับเรื่องที่เคยทำไม่ดีใส่ด้วย

“เกิดก่อนไม่กี่เดือนฉันไม่นับ” ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มบาง

“ไอ้เด็กเวร นับบ้างก็ได้” ผมหมั่นไส้ไอ้เด็กนี่จนเกือบจะยกนิ้วกลางให้มันอยู่แล้ว แต่ก็เกรงใจความเป็นพระเอกเลยไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิด

[นี่ขนาดเกรงใจยังด่าเช้าด่าเย็นขนาดนี้ ถ้าไม่เกรงใจคงหยุมหัวธาราไปแล้วมั้ง] ระบบค่อนแคะ แสดงจุดยืนว่าอยู่ฝั่งพ่อพระเอกเต็มที่

‘แล้วหยุมได้เปล่าล่ะ’

[ไม่ได้!]

‘เหอะ’ ผมกระตุกยิ้มอย่างหมั่นไส้

“ยิ้มอะไรน่ะ” ธาราถามอย่างสงสัย คงเพราะเห็นผมอยู่ ๆ ก็ยิ้มออกมาคนเดียว

“แค่นึกเรื่องตลกขึ้นมาเฉย ๆ ไม่มีอะไรหรอก” ผมตบไหล่ของอดีตน้องรหัสสองสามครั้ง จากนั้นก็ทำสีหน้าจริงจัง “เก็บอาหารไว้ดี ๆ อย่าใจอ่อนแบ่งของที่กูอุตส่าห์เอาให้มึงไปให้คนอื่นล่ะ แล้วก็ระวังตัวด้วย เพื่อนมึงมันไว้ใจไม่ได้สักคน”

ธาราเองก็ทำสีหน้าจริงจังเช่นกัน อีกฝ่ายจับมือผมที่อยู่บนบ่าตัวเองมากุมเอาไว้แน่น “นายนั่นแหละที่ต้องระวังตัว”

“รู้แล้วน่า กูกลับก่อนฟ้ามืดแน่นอน” ผมเม้มปากเล็กน้อย ชักมือออกมาจากฝ่ามือธาราช้า ๆ

ไอ้เด็กนี่มันยังไง มากงมากุมมือทำตัวเป็นพระเอกอ่อนโยนอะไรวะ ขนลุก!

[อิจฉาอะ] 

‘หุบปากนะ’

“ถ้าหกโมงนายยังไม่กลับมา ฉันจะออกไปตาม” ธาราพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาแน่วแน่

“จะไปทำบ้าอะไร ตอนกลางคืนมันอันตราย กูไม่ตายง่าย ๆ หรอก ยังไงกูก็ต้องกลับมาหามึงอยู่แล้ว” ผมยังต้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้เจ้าเด็กบ้านี่อยู่นะ จะมาตายง่าย ๆ ได้ไง

“...” ธาราไม่พูดอะไรออกมา เอาแต่ยืนจ้องหน้าผมอยู่แบบนั้นจนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูดังมาจากชั้นบน

ผมกำหมัดชกไปที่แผงอกคนตรงหน้าเบา ๆ “เอาเป็นว่ากูไม่ตายแน่นอน แล้วก็ไม่ต้องตามออกไป โอเคไหม”

“...” ธาราก็คงยังไม่ตอบอะไรเป็นการบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ยอมรับคำสั่งนี้

บทจะดื้อมันก็ดื้อจริง ๆ วุ้ย

“กูไปล่ะ” ผมขี้เกียจพูดอะไรต่อ ยกมือโบกลาจากนั้นก็หมุนตัวเดินลงไปข้างล่าง

ครั้งนี้แชมป์เตรียมตัวมาค่อนข้างดี ที่หลังสะพายกระเป๋าเป้ ในมือมีแท่งเหล็กขนาดหกสิบเซ็นอีกหนึ่งอัน คาดว่าคงจะหาได้จากในร้านนี้นั่นแหละ

ผมเอ่ยชมพลางเลิกคิ้ว “เตรียมพร้อมดีนี่นา”

“ผมไม่ใช่ไอ้ธาราที่ต้องให้พี่ตามดูแลตลอดเวลาหรอกนะ” แชมป์เผยรอยยิ้มมั่นใจออกมา

“...” แล้วมันจะกัดธาราที่ไม่อยู่ตรงนี้ทำไมวะ

ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งอยู่ในถนนสายหลักของเขตสอง แน่นอนว่าผู้คนต้องหนาแน่นอยู่แล้ว ไม่ต้องสืบเลยว่าซอมบี้มันจะเยอะขนาดไหน ผมจึงเดินนำไอ้เด็กตัวโตไปออกทางประตูหลังแทน

ด้านหลังของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นซอยแคบ ๆ ซอยหนึ่งพอให้คนเดินผ่านได้เท่านั้น แต่ก็ไม่คิดว่าทันทีที่เปิดประตูออกไป พวกผมจะเจอซอมบี้ทีเดียวถึงสองตัว!

ฉับพลันที่ซอมบี้ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็วิ่งมาทางนี้ทันที

“ฮื่อ!” 

ผมหันไปพูด “มึงจัดการ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวกูช่วย”

“ได้ดิ” แชมป์แสยะยิ้มกว้าง เดินถือท่อนเหล็กตรงเข้าไปฟาดใส่ซอมบี้ผู้โชคร้ายแบบไม่แม้แต่จะหยุดคิด

ทั้งที่ใช้แค่แท่งเหล็กธรรมดา แต่แรงที่ฟาดลงไปมันรุนแรงเสียจนคอของซอมบี้ขาดหล่นลงบนพื้น เลือดสีแดงพลันพุ่งออกมาราวกับห่าฝน อาบย้อมแชมป์ที่ยืนใกล้ ๆ จนแดงฉานไปทั้งตัว

“ทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย ตีหัวสิ ฟันคอไปมันก็ไม่ตายหรอกนะ!” ผมตะโกนด้วยความหงุดหงิด ดีนะที่เมื่อกี้ไม่ได้เข้าไปใกล้ ไม่งั้นคงเปื้อนเลือดไปกับมันด้วย

“กรร! ฮื่อ!”

เป็นอย่างที่ผมพูด ซอมบี้ที่แม้จะโดนตัดคอไปแล้วแต่ถ้าสมองยังอยู่ดีมันก็ยังคงมีชีวิตต่อได้ และถึงมันจะไม่มีขาแล้ว ทว่าก็ยังคงพยายามกลิ้งเข้ามาเพื่อกัดมนุษย์ตรงหน้าให้ได้

“ฮ่า ๆ สนุกว่ะ” แชมป์หัวเราะลั่น นอกจากจะไม่ตีศีรษะของซอมบี้แล้ว ยังใช้ท่อนเหล็กฟาดใส่คอของอีกตัวจนมันมีสภาพเหมือนกับตัวเมื่อกี้อีก

“อยากกัดกูเหรอ” แชมป์ยื่นขาไปใกล้ปากพวกซอมบี้ที่กลิ้งอยู่บนพื้น พอเห็นพวกมันจะงับขาตัวเองก็รีบชักออกทันที จากนั้นใช้เหล็กเขี่ยหัวของซอมบี้เล่นไปมาราวกับว่ากำลังตีกอล์ฟยังไงยังงั้น

[ไอ้หมอนี่มันโรคจิตปะเนี่ย]

ผมเองก็คิดแบบเดียวกับระบบ หัวคิ้วจึงขมวดแน่นอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก “มึงจะเลิกเล่นได้ยัง อย่าลืมว่าเราต้องไปหาของกินมาให้พวกริสานะ”

ผมเอ่ยชื่อริสาเพื่อเป็นการเตือนสติที่เหมือนจะหลุดของแชมป์ให้กลับมา และมันก็ได้ผลอย่างที่คิด อีกฝ่ายพึมพำด้วยรอยยิ้มเหี้ยม “เออใช่ ไอ้ธาราก็ยังอยู่กับริสาด้วยนี่นะ ต้องรีบแล้ว”

แชมป์พูดจบก็ตรงเข้าไปกระทืบหัวของซอมบี้จนแตกคาเท้าเหมือนเหยียบลูกโป่งใส่น้ำ ช่างง่ายดายเสียจนผมถึงกับชะงักไป

[นั่นกะโหลกเลยนะเฮ้ย กระทืบทีเดียวแตกแบบนี้แรงต้องเยอะขนาดไหนกัน น่ากลัวมาก นายรีบหาของแล้วรีบกลับเถอะ]

‘ฉันก็คิดงั้น’

 

ตลอดเส้นทางบนถนนสายเล็กแห่งนี้มีซอมบี้อยู่เรื่อย ๆ มันไม่ได้เยอะเหมือนฝั่งถนนหลัก แต่ก็สมกับที่เป็นเมืองใหญ่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นจริง ๆ เพราะแม้แต่ตามซอกหลืบก็ยังมีซอมบี้ให้เห็นอยู่ตลอด

มันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ครั้งนี้ไม่เหมือนกับชาติที่แล้วเลยแม้แต่นิดเดียว ในชาติก่อนกว่าซอมบี้จะล้นเมืองก็ผ่านไปแล้วหลายวัน ช่วงแรกนั้นผู้รอดชีวิตมีมากกว่าซอมบี้ด้วยซ้ำ ทว่าในตอนนี้ผมกลับไม่เห็นเงาของคนที่รอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว