เหยื่อพยายามวิ่งหนีเสือ...เเต่ใครเล่าจะไปรู้ว่าปลายทางมีราชสีห์ดักรออยู่
รัก,ชาย-ชาย,ผู้ใหญ่,ดราม่า,ยุคปัจจุบัน,โรแมนติก,โรแมนซ์,โรแมนติก ,มาเฟียโหด,มาเฟีย,รักมาเฟีย,รักวัยรุ่น,รักลับมาเฟียร้าย,รักมหาลัย,โรมานซ์,18+,รักดุเดือด,รักต้องห้าม,รักดราม่า,รัก,ดรามา,yaoi ,yaoi,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ลูกไก่ในมือราชสีห์ In the palm of one handเหยื่อพยายามวิ่งหนีเสือ...เเต่ใครเล่าจะไปรู้ว่าปลายทางมีราชสีห์ดักรออยู่
บทนำ
“ว่าไงพี่...!!! ไหงวันนี้หน้าบูดเป็นตูดลิงเลย”
“อย่ามาเสือกไม่เข้าท่า ไม่มีอะไรทำก็ไปหายใจให้ไกลๆ ตีนหน่อย”
“อย่าบอกนะว่า….ต้องใช่แน่เลย โดนหักอกมาอีกแล้วสิท่า”
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าบึ้งตึงหมุนคอหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนากับฝ่ายตรงข้าม พอเห็นเช่นนั้นอีกฝ่ายก็เปลี่ยนเป้าหมายหันไปซุบซิบนินทากับเพื่อนที่ควงแขนเดินมาด้วยกันในตอนแรก ถึงแม้จะได้ยินประโยคสนทนานั้นไม่ชัดเจนแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองกำลังถูกพูดถึงอยู่
ชายหนุ่มผู้ตกเป็นเป้าหันไปมองหน้าเขม้นตาใส่พวกรุ่นน้องปากปีจอด้วยความไม่พอใจ แต่คนนินทาก็ตั้งหน้าตั้งตาพูดโดยไม่ทันสังเกตอารมณ์คนข้างตัว เลยไม่ทันรู้ว่ามีภูเขาไฟลูกใหญ่กำลังปะทุอยู่
ตั้งใจจะเมินเฉยไม่รับเอาเสียงนกเสียงกาพวกนั้นมาบั่นทอนอารมณ์ตัวเอง แต่พอมีคำพูดแทงใจดำกระเด็นใส่หูก็อดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ สุดท้ายก็ปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบครอบงำ เขาลุกขึ้นแล้วเหวี่ยงเท้าออกไปด้านข้างจนสุดแรงทำเอาปากที่กำลังพะงาบพูดไม่ขาดลงไปจูบพื้นปูนหยาบๆ ในคราวเดียว
แม้จะสนิทสนมในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องแต่ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือยังคงปล่อยให้อีกฝ่ายนอนครวญคราวอยู่อย่างนั้นรอจนเพื่อนตัวแสบอีกคนที่หลบรัศมีลูกเตะไปได้ทรุดตัวเข้าไปโกยขึ้นมาจากพื้น ใจจริงก็อยากเดินเข้าไปกระทืบซ้ำให้ตายคาที่หวังว่าปากเน่าๆ พวกนั้นจะไม่มาทำให้รำคาญใจอีก แต่เเล้วก็ปล่อยมันทิ้งไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจเเล้วหอบความหงุดหงิดเดินออกมาจากตรงนั้น
หันซ้ายหันขวาพยายามมองหาสถานที่เงียบสงบสักแห่งเพื่อเอนหลังนอนก่อนวิชาเรียนถัดไปจะมาถึง ใต้ตึกคณะตนเองล้วนมีแต่ความวุ่นวายเนื่องจากอยู่ในช่วงรับน้อง ชายหนุ่มปฏิเสธการเข้าร่วมทุกกิจกรรมทุกอย่างที่จัดขึ้นเพื่อตัดรำคาญ แต่เดิมก็ไม่ใช่คนอินกับการเข้าสังคมคนแปลกหน้าเท่าไหร่อยู่แล้ว จะให้ไปนั่งหัวเราะปรบมือสู้เอาเวลามาหาที่นอนเสียดีกว่า
เสียงกลองเฮฮาดังมาจากทุกทิศทุกทาง กว่าจะมาเจอลานกว้างไร้ผู้คนอย่างที่ต้องการก็เกือบโดนเเดดเผาจนตัวไหม้ ใต้ตึกครุเป็นเป้าหมายที่ไม่เลว ทั้งเงียบแถมมีลมพัดคลายร้อนอยู่ตลอด เขาไม่รอช้ารีบหาจับจองเสาต้นใหญ่เเล้วปล่อยกายนอนราบไปกับพื้นก่อนจะหลับตาลงอย่างสบายใจ
“ในที่สุดก็ได้อยู่เงียบๆ คนเดียวสักที”
ชีวิตปีสี่ที่แสนน่าเบื่อในเขตมหาลัยไม่มีอะไรให้ทำมากนักนอกเสียจากการเข้าร่วมกิจกรรมไร้สาระและการนั่งอ่านหนังสือข้ามคืนยัดความรู้ทั้งหมดใส่สมองที่เต็มไปด้วยขี้เลื่อยเพื่อนำไปสอบที่กินเวลาไม่กี่ชั่วโมง ออกจากห้องสอบมาเวลาผ่านไปเท่าไหร่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
การปลีกตัวออกมาจากสังคมเพื่อนร่วมชั้นน่าวุ่นวายคือกิจวัตรที่แอบทำทุกครั้งเมื่อมีโอกาส มีสถานที่เงียบสงบ เย็นสบายเขาก็สามารถนอนเหมือนคนตายไปได้ตลอดทั้งวัน
“น้องๆ มาเร็ว ตั้งแถวร่วมกันตรงนี้!!”
ยังไม่ทันลืมเสียงน่ารำคาญของพวกปากหมาหน้าซื่อเมื่อครู่ เสียงน่าหนวกหูใหม่ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเบี้ยวหน้ายกมือสองข้างขึ้นประกบข้างหูปิดกั้นเสียงรบกวนทำลายประสาทที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานหลังจากเสียงพูดคุยจบลงเสียงฝีเท้านับสิบก็ย้ำตามมาติดๆ
คิดว่าปีนี้คณะครุศาสตร์จะยกเลิกการรับน้องซะอีก ช่วงเปิดเทอมใหม่แบบนี้คือฝันร้ายประจำปีของเขาเลยก็ว่าได้
เสียงรุ่นพี่ช่างพูดกระจายไปทั่วเขตตึกคณะผ่านเครื่องขยายเสียงและลำโพงหลายตัว เสียงพูดคุยจากนักศึกษาปีหนึ่งหน้าใหม่นับร้อยจอแจกึกก้องไปทั่วลานกว้างทำลายความสงบในหัวชายหนุ่มลงในพริบตา ชายหนุ่มทนฝืนข่มตาหลับลงหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีทางที่จะฝันหวานได้หากลำโพงพวกนั้นยังทำงานอยู่
“พวกน่ารำคาญ แกเจอดีแน่”
ความหงุดหงิดที่สะสมมาตั้งแต่ตอนแรกสร้างอารมณ์ฉุนเฉียวชั่ววูบ ชายหนุ่มแบกอารมณ์โกรธหนักเดินตรงเข้าไปท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาครุศาสตร์ที่กำลังเตรียมตัวทำกิจกรรมบางอย่าง เขาไม่สนใจว่าจะมีใครขวางหน้า ไม่แยแสว่าตนเองกำลังจะเข้าไปทำลายบรรยากาศสนุกสนานนั้น คิดเพียงแค่อยากไปชกหน้ารุ่นพี่ที่ถือไมค์ให้หนำใจแล้วกลับไปนอนต่อก็เท่านั้น
สายตามองตรงไปยังลานด้านหน้า มือปัดรุ่นน้องที่ยืนขวางให้พ้นทาง ใช้เวลาไม่นานก็เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าต้นกำเนิดเสียงทำลายสมอง มือเงื้อขึ้นเหนือหัวเตรียมพุ่งใส่เป้าหมายตรงหน้าอย่างไม่ลังเล แต่ยังไม่ทันได้ทุ่มแรงใส่หน้ายียวนนั้นข้อศอกก็ถูกมือปริศนาคว้าเอาไว้ก่อนจะถูกใครบางคนดึงไปด้านหลังจนเขาเกือบเสียหลักล้ม
เหตุการณ์ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวายจนตาลายมองแทบไม่ทัน มารู้ตัวอีกทีตอนถูกจับบังคับให้นั่งลงกับพื้นโดยชายตัวเล็กคนหนึ่ง ดูจากสีหน้าท่าทางเริงร่าน่าหมั้นใส้นั้นคาดว่าอีกฝ่ายคงตาถั่วจนไม่ทันสังเกตความขุ่นเคืองของชายแปลกหน้าตรงหน้าตนเองเลยสักนิด
“ขอมือหน่อยครับ...”
“มือ...? พูดบ้าอะไร”
อีกฝ่ายไม่รีรอขอความร่วมมือซ้ำสอง ร่างกายผอมบางขยับเข้ามาใกล้แล้วยึดมือ
ชายหนุ่มไปครอง เพราะมัวแต่ตกใจจึงไม่ได้แสดงอาการขัดขืนใดๆ พอหันมองสถานการณ์รอบๆ ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนล้วนนั่งจับคู่กับรุ่นพี่เพื่อทำกิจกรรมน่ารำคาญอย่างการเป่ายิ้งฉุบ เพิ่งบ่นอยู่แท้ๆ ว่าเกลียดกิจกรรมทำลายประสาทนี้มากแค่ไหนคิดไม่ถึงว่าจะโดนคนแปลกหน้าลากมานั่งกลางวงแบบนี้ได้ง่ายๆ
รุ่นพี่เริ่มประกาศเริ่มเกม ชายร่างบางพลันขยับเดินหน้าเข้ามาใกล้แล้วโน้มตัวมาข้างหู กระซิบบางอย่างกับชายหนุ่มด้วยท่าทีมีพิรุธ ไม่น่าเชื่อเลยว่าตัวเขาจะยอมเป็นเด็กดีนั่งเฉยโดยไม่คิดขยับหนี
“ช่วยออกกระดาษให้หน่อยได้ไหมครับ ถ้าแพ้ผมต้องถูกบังคับให้ลุกขึ้นเต้นแน่เลย”
“.......”
ตอนแรกก็ไม่คิดจะทำตามคำพูดของอีกฝ่าย แต่พอได้เวลามือกลับขยับไปเองโดยอัตโนมัติ รู้ตัวอีกทีมือก็แบอยู่ตรงหน้าในขณะที่เด็กหนุ่มหน้าใสยื่นกรรไกรสองนิ้วมาข่ม
“ขอบคุณครับ ผมชนะพี่แล้ว”
รอยยิ้มสดใสและน้ำเสียงแสดงความดีใจเกิดขึ้นพร้อมกันบนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ดวงตาเล็กจิ๋วนั่นเป็นประกายสะท้อนแสงราวกับกระจกเงา ริมฝีปากเรียวเล็กอ่อนโยน องค์ประกอบเหล่านั้นทำให้ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ สายตาเอาจ้องมองใบหน้างดงามนั้นไม่กระพริบตาราวกับเวลาและโลกทั้งใบถูกหยุดไว้กระทันหัน
เพียงแค่ไม่ต้องลุกขึ้นเต้นก็ดีใจใหญ่โตเสียขนาดนั้น เพื่อแลกกับการได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้งเขาจึงต้องยอมเป็นผู้แพ้ซ้ำซากในอีกหลายเกมถัดมา
-----
ขอเสียงคนที่เข้ามาอ่านเเล้วดองไว้อ่านตอบจบเรื่องหน่อยจ้า
❤️