ไม้ประดับแล้วอย่างไร ต่อไปข้าจะเฉิดฉายให้เห็นเป็นบุญตา

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ - ตอนที่ 3 บุตรสาวของข้าใครอย่าได้มารังแก โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ปลูกผัก,ชาย-หญิง,คุณหนูไม้ประดับ,นิยายรักจีนโบราณ,เกิดใหม่,ครอบครัว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ปลูกผัก,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คุณหนูไม้ประดับ,นิยายรักจีนโบราณ,เกิดใหม่,ครอบครัว

รายละเอียด

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไม้ประดับแล้วอย่างไร ต่อไปข้าจะเฉิดฉายให้เห็นเป็นบุญตา

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

เมื่อนักแสดงนางร้ายเบอร์ต้นทั้งนอกจอและในจอต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุจากความประมาทของทีมงาเธอก็ไปแสดงอภินิหารปากแจ๋วจนยมทูตและยมบาลลามไปยังเทพโชคชะตาผายมือเปิดทางให้ได้ไปเกิดใหม่แต่มีเงื่อนไขที่ต้องช่วยเหลือผู้คนเพื่อสั่งสมความดีให้กับดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับที่ตนเองจะไปอาศัยอยู่ในร่างนั้นคือคุณหนูผู้อ่อนแอและค่อนข้างจะโง่เขลา เป็นบุตรสาวที่บิดาหมางเมินแถมยังหาเรื่องจะหย่าขาดจากมารดาของนางอยู่ทุกวี่ทุกวัน

แต่ไหนๆ ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งจะให้มามือเปล่ามันก็ออกจะธรรมดาไปงานนี้นอกจากความมั่นหน้าที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้วเธอยังได้รับระบบผู้ช่วยอัจฉริยะที่ปากแจ๋วๆ พอๆ กันมาเป็นสูตรลัดกลโกงรอบด้านที่จะทำให้การใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ที่ต่างไปจากเดิมนั้นง่ายดายมากยิ่งขึ้น

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1.       ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2.       ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3.       หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 1 ถกเถียงไม่ไถ่ถาม,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 2 ตัวเลือก,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 3 บุตรสาวของข้าใครอย่าได้มารังแก,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 4 ตัดสินใจ,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 5 เปิดตัวระบบผู้ช่วย,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 6 เตรียมการค้าขาย,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 7 เตรียมการโค้งสุดท้าย,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 8 กลิ่นหอมยวนใจ,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 9 ขายดีกว่าที่คิด,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 10 อนุภรรยาผู้อาภัพ,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 11 ขึ้นเขาครั้งแรก ปลดเหรียญอ่านฟรี 3 มีนาคม 68 ติดเหรียญถาวร 10 มีนาคม 68

เนื้อหา

ตอนที่ 3 บุตรสาวของข้าใครอย่าได้มารังแก

“ฮูหยินเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะคุณหนูตกน้ำ” เจี่ยจิ่งอันแทบจะเป็นลมล้มพับเมื่อได้ยินสิ่งที่สาวใช้ประจำเรือนวิ่งมาบอกเรื่องสำคัญถึงร้านค้าทำให้นางรีบทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือเพื่อไปหาบุตรสาวคนเดียวให้เร็วที่สุด

“อี๋นั่วเจ้าแยกไปตามท่านหมอให้ข้าที” แม้จะร้อนใจแต่คนเป็นมารดาก็ยังคงมีสติรีบร้องบอกสาวรับใช้ของตนเองโดยด่วน

“ตอนออกมาข้าให้พี่ต๋าฟงไปตามท่านหมอแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน” สาวใช้ตอบอย่างรู้ความถึงแม้นางจะตกใจแต่ก็ยังตั้งสติได้อยู่

เมื่อกลับมาถึงเรือนเป้าหมายของฮูหยินเจี่ยก็คือสระบัวใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังเรือนหลักภาพที่ทำให้คนเป็นแม่แทบจะใจสลายคือบุตรสาวคนเดียวกำลังนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนของสาวใช้ประจำตัวของนางโดยที่มีหญิงสาวอีกกลุ่มหนึ่งยืนจับกลุ่มอยู่ไม่ไกลกันและกลุ่มหญิงสาวที่ว่าก็มีเจี่ยชิงโหรวลูกติดของฮูหยินรองของสามีเจี่ยจิ่งอันรวมอยู่ด้วย

“แม่ใหญ่เจ้าคะเป็นข้าผิดเองที่ไปรบกวนให้น้องสาวเก็บดอกบัวให้โดยที่ไม่รู้ว่านางว่ายน้ำไม่เป็นเจ้าค่ะ” เจี่ยชิงโหรวจีบปากจีบคอพูดซึ่งแค่อ้าปากออกมาเจี่ยจิ่งอันก็รู้แล้วว่านางหาได้มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อยย้ายเข้ามาอยู่จวนสกุลเจี่ยได้หลายปีจนได้เป็นบุตรสาวบุญธรรมใช้แซ่ตามเจ้าของเรือนแล้วเหตุใดสตรีหน้าไม่อายผู้นี้จึงจะไม่ทราบว่าบุตรสาวของนางนั้นว่ายน้ำไม่เป็น

“หว่านเถียนไม่ต้องร้องไห้แล้วช่วยกันพาคุณหนูกลับเรือน ต๋าฟงกำลังไปตามท่านหมอมาอีกสักครู่ก็คงมาถึง” แม้จะปวดร้าวหัวใจและโกรธเกลียดเด็กสาวที่ยืนมองหน้าตนเองอย่างถือดีอยู่มากแค่ไหนแต่สิ่งที่ฮูหยินเจี่ยทำได้ในตอนนี้คือการสงบสติอารมณ์และรีบพาบุตรสาวกลับเรือนไปรักษาให้เร็วที่สุดแม้จะทุลักทุเลไปบ้างด้วยนางและบรรดาสาวใช้ต่างก็เป็นเพียงสตรีแต่ในที่สุดก็สามารถแบกเจี่ยฝูอันกลับมาถึงเรือนได้อย่างปลอดภัย

หลังจากที่เช็ดตัวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าบุตรสาวได้ครู่เดียวท่านหมอที่ฉุนต๋าฟงคนรับใช้ชายของนางรีบไปตามก็มาถึงเรือนพอดีเจี่ยจิ่งอันจึงถอยไปเพื่อให้ท่านหมอทำการรักษาได้โดยสะดวกแต่ระหว่างนั้นนางก็ยังจับจ้องอยู่ที่ร่างของลูกสาวไม่ยอมวางตาคล้ายกับว่ากลัวเจี่ยฝูอันจะหายไป

“คุณหนูเจี่ยจมน้ำนานหรือไม่ มีใครที่เห็นเหตุการณ์บ้าง” ท่านหมอชราจับชีพจรของเด็กสาวด้วยความเคร่งเครียดระหว่างนั้นก็ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปด้วยอย่างละเอียด

“พอคุณหนูถูกผลักตกน้ำข้าก็รีบกระโดดตามลงไปเลยเจ้าค่ะแต่เพราะบ่อบัวนั้นลึกและค่อนข้างมืดมากจึงทำให้ควานหาตัวคุณหนูได้ไม่ง่ายเลย ข้าต้องโผล่ขึ้นมาหายใจถึงสองครั้งกว่าจะหาคุณหนูเจอ” สาวใช้ประจำตัวของเจี่ยฝูอันพูดออกมาพร้อมหยาดน้ำตาที่นองใบหน้านางนึกโกรธตัวเองยิ่งนักที่ไม่พาคุณหนูให้หนีออกมาให้ไกลคนพาลอย่างเจี่ยชิงโหรวในขณะที่มีโอกาสไม่น่าปล่อยให้หญิงใจร้ายคนนั้นได้ลงมือทำร้ายคุณหนูเช่นนี้เลย

“อาจจะยากสักนิดแต่ข้าก็จะพยายามแต่ขอฮูหยินจงทำใจเผื่อเอาไว้บ้างคุณหนูเจี่ยจมน้ำเป็นเวลานานเกินไป” ด้วยร่างกายที่ซีดเผือดของเจี่ยฝูอันในตอนนี้มีชีพจรอ่อนจนแทบจะจับไม่พบทางเดียวที่หมอชราคิดออกคือการฝังเข็มช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดภายในร่างกายถ้าหากนางสามารถฟื้นกลับคืนมาได้ก็คงต้องขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา

ซองเข็มเงินถูกมือที่เหี่ยวย่นไปตามวัยควักออกมาจากล่วมยาจากนั้นท่านหมอชราก็จัดการฝังเข็มลงไปในจุดสำคัญเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตรวมไปถึงกระตุ้นการทำงานของหัวใจและจะปักเข็มเงินเอาไว้เช่นนั้นจนครบเวลาสองเค่อจึงค่อยๆ ถอนเข็มออกอย่างช้าๆ

เวลาสองเค่อสำหรับมารดาที่รอคอยการกลับมาของบุตรสาวนั้นคล้ายจะนานปานชั่วกัปชั่วกัลป์แต่เมื่อท่านหมอถอนเข็มออกจนหมดแล้วร่างของเจี่ยฝูอันกลับยังนอนนิ่งไม่มีการไหวติงแต่อย่างใดและแม้ว่าท่านหมอจะถอดใจไปครึ่งหนึ่งแต่ก็ยังหวังลึกๆ ว่ายังพอมีหวังจึงเริ่มต้นคลำชีพจรของนางอีกครั้งอย่างช้าๆ จนสัมผัสถึงการเต้นที่ของเส้นชีพจรที่ยังคงรู้สึกได้และดูเหมือนว่ามันจะเต้นแรงกว่าเมื่อครู่พอสมควร

“แค่ก แค่ก”

ยังไม่ทันที่ท่านหมอจะปล่อยมือตนเองออกจากข้อมือของคุณหนูเจี่ยดรุณีน้อยที่นอนตัวซีดก็สะดุ้งตื่นพร้อมกับไอโขลกเอาน้ำที่ตัวเองสำลักเข้าจมูกเข้าปอดออกมาเสียหมดจนสาวใช้ต้องรีบเอากระโถนมารองพร้อมกับช่วยทำความสะอาดให้

“อันอันลูกแม่”

“แม่เหรอ” เจี่ยฝูอันพูดออกมาเพียงเท่านั้นเด็กสาวก็สลบไปอีกครั้งซึ่งครั้งนี้ท่านหมอตรวจดูแล้วพบว่าชีพจรของนางกำลังกลับมาเต้นสม่ำเสมอจึงขอให้ฮูหยินเจี่ยวางใจได้แต่หลังจากนี้ยังคงต้องมีคนคอยเฝ้าตลอดเวลาอีกทั้งต้องหมั่นดื่มยาต้มต่อเนื่องกันเจ็ดวันเนื่องจากนางแช่น้ำเป็นเวลานานทำให้อวัยวะภายในชื้นไปหมดต้องดื่มยาช่วยบำรุงธาตุหยางในร่างกายให้กลับมามีความสมดุล

“หากมีอะไรผิดปกติฮูหยินเจี่ยให้คนไปตามข้าได้ตลอดเวลา คืนนี้หากคุณหนูตื่นขึ้นมาก็พยายามให้นางดื่มยาเข้าไปให้ได้สักถ้วยและพรุ่งนี้ช่วงยามเหม่าข้าจะมาตรวจอาการให้อีกครั้งหนึ่ง” แม้ว่าคุณหนูเจี่ยฝูอันจะฟื้นขึ้นมาได้แล้วแต่ท่านหมอชราก็ไม่ได้รีบร้อนลากลับเพราะอยากจะอยู่ดูให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายจนเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วยามคุณหนูเจี่ยก็คล้ายจะมีอาการเพ้อเพราะพิษไข้จึงต้องช่วยแนะนำวิธีการเช็ดตัวและรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายมากที่สุด

“หว่านเถียนเจ้าพูดมาว่าบุตรสาวของข้าจมน้ำไปได้อย่างไรกัน” เมื่อได้อยู่กันตามลำพังเป็นส่วนตัวแล้วฮูหยินเจี่ยจึงได้เอ่ยปากถามสาวใช้ที่ทำหน้าที่คอยติดตามบุตรสาวของตนเองด้วยมั่นใจว่าเรื่องนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับเจี่ยชิงโหรวอย่างแน่นอนเพราะเด็กสาวผู้นั้นก็เป็นคนหน้าซื่อใจคดเช่นเดียวกับมารดาของนางช่างเป็นลูกไม้ที่เติบโตใต้โคนต้นเสียจริงๆ

“ฮูหยินเจ้าคะข้าพาคุณหนูออกไปเดินเล่นกันตามปกติไม่รู้ว่าสตรีผู้นั้นมาจากทิศทางไหนมาถึงนางก็บอกว่าอยากได้ดอกบัวที่อยู่กลางสระขอให้คุณหนูไปเก็บมาให้หน่อย เมื่อคุณหนูปฏิเสธและพยายามจะเดินหนีนางก็เข้ามาผลักจากทางด้านหลังทำให้คุณหนูตกลงไปในน้ำเจ้าค่ะ ข้าขอโทษนะเจ้าคะที่ดูแลคุณหนูไม่ดี” หูหว่านเถียนพูดไปร้องไห้ไปเพราะนางทั้งหวาดกลัวและสงสารคุณหนูของนางจับหัวใจนอกจากความรู้สึกเหล่านั้นแล้วนางก็ยังรู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการร้องตะโกนให้คนช่วยจนพี่อี๋นั่วและพี่ต๋าฟงมาได้ยินเข้า

“ไม่เป็นไรเลยเรื่องนี้หากจะมีคนผิดแน่นอนว่าต้องไม่ใช่เจ้า เอาล่ะไปพักผ่อนเถอะวันพรุ่งนี้เจ้าค่อยเข้ามาเฝ้าคุณหนูก็ได้คืนนี้ข้าจะดูแลนางเองไม่ต้องเป็นห่วงหรอกถึงจะให้กลับไปที่ร้านสมุนไพรข้าก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว” บุตรสาวนอนเจ็บเป็นตายเท่ากันแบบนี้มารดาอย่างนางจะสามารถทิ้งเจี่ยฝูอันให้ห่างสายตาไปได้อย่างไรกันอย่างน้อยๆ ก็อยากจะขอดูให้เห็นกับตาว่าเมื่อลูกฟื้นตื่นขึ้นมาแล้วนางยังสบายดีความกังวลใจที่มีจึงจะลดน้อยถอยลง

“ไปเถิดเจ้าเองก็ต้องพักผ่อน ขอบใจมากนะหว่านเถียนที่ช่วยน้องเอาไว้” เมื่อเห็นสาวใช้ของบุตรสาวยังคงนั่งนิ่งนางจึงบอกย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงอันที่จริงฮูหยินเจี่ยไม่ได้นับว่าคนสนิทที่อยู่รอบตัวนั้นเป็นเพียงแค่สาวใช้หรือคนงานที่ต้อยต่ำทุกๆ คนสำหรับนางนั้นคือครอบครัว คือญาติพี่น้องอย่างมารดาของหูหว่านเถียนเองก็เป็นเพื่อนเล่นในวัยเยาว์ที่เติบโตมาด้วยกันจะมองนางเป็นอื่นได้อย่างไร

หลังจากที่ในห้องเหลือกันเพียงสองแม่ลูกเพราะฮูหยินเจี่ยให้ทุกๆ คนออกไปทำงานทำการตามหน้าที่ของตนเองเรียบร้อยแล้วส่วนตัวเองก็แค่นั่งรอให้บุตรสาวฟื้นคืนสติจะได้ป้อนยาที่ท่านหมอสั่งเอาไว้ให้ดื่มและหลังจากที่เจี่ยฝูอันตื่นขึ้นมาอีกสองครั้งและได้ดื่มยาไปครั้งละหนึ่งชามเล็กๆ นางก็นอนหลับยาวไปอีกสองคืนซึ่งนั้นทำให้ทั้งมารดาและท่านหมอต่างก็เป็นกังวลใจจนเกือบจะไม่เป็นอันกินอันนอน

“อันอันลูกรักเจ้าไปเที่ยวเล่นที่ไหนกันกลับมาหาแม่ได้แล้วลูก” ฮูหยินเจี่ยได้แต่พูดกับร่างที่ยังมีลมหายใจแต่กลับนอนนิ่งไม่ไหวติงของบุตรสาวที่แม้ว่าท่านหมอจะมาตรวจแล้วบอกว่าชีพจรของนางนั้นมีความสม่ำเสมอมากขึ้นกว่าเมื่อหลายวันก่อนอีกทั้งหน้าตาผิวพรรณก็กลับมามีเลือดฝาดไม่ขาวซีดแล้วแต่นางยังคงกังวลใจและนางก็ยังไม่วางใจนอกจากจะได้เห็นว่าเจี่ยฝูอันฟื้นขึ้นมาด้วยตาของตนเองเสียก่อน

“ฮูหยินเหตุใดเจ้าจึงไม่ไปดูแลที่ร้านขายสมุนไพร ฮูหยินรองบอกข้าว่าเจ้าไม่ได้ออกจากเรือนเป็นเวลาหลายวันแล้ว” บุตรสาวป่วยก็ว่าทุกข์ใจมากพอแล้วแต่นี่สามีผู้โง่งมของนางที่ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรภายในเรือนกลับมาจากการไปดูแลที่ดินก็ตั้งใจมาโวยวายจะเอาความกับนางท่าเดียว

“แล้วฮูหยินรองของท่านพี่ไม่ได้บอกหรือเจ้าคะว่าบุตรสาวของนางผลักบุตรสาวของข้าตกน้ำนอนไม่ฟื้นมาสามวันแล้ว ดูเสียให้เต็มตาเจ้าค่ะบุตรสาวข้านอนไม่ได้สติอยู่ตรงนี้ข้าที่เป็นมารดาจะเอาจิตใจที่ไหนไปดูแลร้านค้าแต่ก็แปลกจริงคนที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในเรือนและโรงน้ำชาหรูหราจะไปรู้เรื่องการค้าดีกว่าคนที่ออกไปทำงานทุกวันได้อย่างไรถึงข้าไม่ได้ออกไปด้วยตัวเองก็ยังมีคนของข้าและหลงจู๊ที่ดูแลอยู่เจ้าค่ะไม่ต้องกลัวว่าจะเสียผลประโยชน์หรอก”

เมื่อสามีมาถึงก็ไม่ไถ่ถามตั้งหน้าตั้งตาจะตำหนินางอย่างเดียวเจี่ยจิ่งอันก็คิดว่าไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเกรงใจกันอีกต่อไปแล้วอีกทั้งฟางเส้นสุดท้ายที่นางมีมันก็ขาดสะบั้นไปแล้วเรียบร้อยเช่นเดียวกัน

“ข้าแค่มาถามเจ้าเหตุใดจึงต้องพาดพิงไปถึงฮูหยินรองเช่นนั้นนางมาจากครอบครัวที่ทำการเกษตรจะค้าขายไม่เป็นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเหตุใดเจ้าไม่ทำใจให้กว้างสักหน่อยเล่าฮูหยิน” เจี่ยอ้ายชางแก้ตัวให้ภรรยารองอย่างโง่งมโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าไม่ว่าตนเองจะพูดอะไรออกมามันเหมือนยิ่งเป็นการใช้คมมีดกรีดซ้ำๆ ลงมาที่หัวใจของภรรยาเอกจนมันแหว่งวิ่นไม่มีชิ้นดี

“หากนางหาเงินไม่เป็นก็ควรสอนให้นางทำเจ้าค่ะขนาดเรื่องใช้เงินไม่มีใครสอนนางก็ยังใช้จ่ายสบายมือใช้แบบไม่คิดหน้าคิดหลังเงินทองค่าใช้จ่ายในเรือนก็ปะปนกันให้ยุ่งไปหมด...”

“พอๆ ข้าไม่ได้จะมาฟังเจ้าว่าร้ายให้ฮูหยินรองเอาเป็นว่าหากอันอันหายดีแล้วเจ้าก็กลับไปดูแลที่ร้านด้วยก็แล้วกัน” เหมือนจะรู้ตัวว่าสู้ฮูหยินเอกไม่ได้เพราะสิ่งที่นางพูดมาล้วนแต่เป็นความจริงทั้งหมดทั้งสิ้นฮูหยินรองเจี่ยฮุ่ยเจียงนางค้าขายไม่เป็นแต่นางกลับใช้เงินมือเติบอีกทั้งคนเป็นสามีกลับเข้าใจไปว่าเพราะนางลำบากมาตั้งแต่ยังเล็กชีวิตนี้เมื่อมีโอกาสได้สุขสบายจึงอยากจะใช้เงินแบบไม่มีขีดจำกัดบ้างมันก็ไม่มีอะไรเสียหายเพราะสมบัติที่เขามีใช้ทั้งปีทั้งชาติมันไม่มีทางหมดไปอยู่แล้ว

“ท่านพี่ ข้าเขียนหนังสือหย่าที่ท่านต้องการให้แล้วนะเจ้าคะขอให้ท่านนำหนังสือตัดขาดของข้าและอันอันมาแลกเปลี่ยนกันหลังจากลูกฟื้นตัวแล้วข้าก็จะไปจากเรือนสกุลเจี่ยอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” อันที่จริงหากเจี่ยจิ่งอันมีแรงกำลังนางอยากจะพาลูกออกไปจากที่นี่ตั้งแต่วันนี้เสียด้วยซ้ำแต่เพราะความกลัวว่าบุตรสาวจะเป็นอันตรายจึงได้รั้งรอเอาไว้ก่อนแม้มันจะเป็นความกล้ำกลืนฝืนทนอยู่มากก็ตาม