ไม้ประดับแล้วอย่างไร ต่อไปข้าจะเฉิดฉายให้เห็นเป็นบุญตา

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ - ตอนที่ 4 ตัดสินใจ โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ปลูกผัก,ชาย-หญิง,คุณหนูไม้ประดับ,นิยายรักจีนโบราณ,เกิดใหม่,ครอบครัว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ปลูกผัก,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คุณหนูไม้ประดับ,นิยายรักจีนโบราณ,เกิดใหม่,ครอบครัว

รายละเอียด

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไม้ประดับแล้วอย่างไร ต่อไปข้าจะเฉิดฉายให้เห็นเป็นบุญตา

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

เมื่อนักแสดงนางร้ายเบอร์ต้นทั้งนอกจอและในจอต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุจากความประมาทของทีมงาเธอก็ไปแสดงอภินิหารปากแจ๋วจนยมทูตและยมบาลลามไปยังเทพโชคชะตาผายมือเปิดทางให้ได้ไปเกิดใหม่แต่มีเงื่อนไขที่ต้องช่วยเหลือผู้คนเพื่อสั่งสมความดีให้กับดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับที่ตนเองจะไปอาศัยอยู่ในร่างนั้นคือคุณหนูผู้อ่อนแอและค่อนข้างจะโง่เขลา เป็นบุตรสาวที่บิดาหมางเมินแถมยังหาเรื่องจะหย่าขาดจากมารดาของนางอยู่ทุกวี่ทุกวัน

แต่ไหนๆ ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งจะให้มามือเปล่ามันก็ออกจะธรรมดาไปงานนี้นอกจากความมั่นหน้าที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้วเธอยังได้รับระบบผู้ช่วยอัจฉริยะที่ปากแจ๋วๆ พอๆ กันมาเป็นสูตรลัดกลโกงรอบด้านที่จะทำให้การใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ที่ต่างไปจากเดิมนั้นง่ายดายมากยิ่งขึ้น

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1.       ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2.       ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3.       หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 1 ถกเถียงไม่ไถ่ถาม,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 2 ตัวเลือก,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 3 บุตรสาวของข้าใครอย่าได้มารังแก,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 4 ตัดสินใจ,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 5 เปิดตัวระบบผู้ช่วย,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 6 เตรียมการค้าขาย,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 7 เตรียมการโค้งสุดท้าย,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 8 กลิ่นหอมยวนใจ,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 9 ขายดีกว่าที่คิด,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 10 อนุภรรยาผู้อาภัพ,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 11 ขึ้นเขาครั้งแรก ปลดเหรียญอ่านฟรี 3 มีนาคม 68 ติดเหรียญถาวร 10 มีนาคม 68

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ตัดสินใจ

เจี่ยจิ่งอันมองหนังสือหย่าและหนังสือตัดขาดในมือด้วยความรู้สึกที่หลากหลายโดยความรู้สึกเหล่านั้นน่าจะเรียกได้ว่าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเสียมากกว่าแต่เมื่อคิดทบทวนกับสิ่งที่ต้องทนมาเกือบสิบปีการหย่าขาดจากสามีที่พาหญิงอื่นเข้ามาในครอบครัวโดยที่นางไม่ยินยอมนั้นนับว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่ามากที่สุดแล้ว

สตรีหน้าทนผู้นั้นทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ตัวเองมีฐานะเทียบเท่ากับตัวนางผู้เป็นฮูหยินเอกจนมาวันนี้ความอดทนในทุกๆ สิ่งและทุกๆ อย่างหมดสิ้นลงเมื่อสามีไม่ได้เอ่ยถึงบุตรสาวที่กำลังนอนป่วยอยู่แม้แต่ครึ่งคำเอาแต่พูดเรื่องการดูแลร้านค้าทั้งๆ ที่มันก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบโดยตรงของนางด้วยซ้ำไปแต่ที่ดูแลให้เพราะคิดถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับของสามี

อันที่จริงเรื่องการหย่านั้นเจี่ยจิ่งอันก็เตรียมใจและเตรียมการรอมานานปีแล้วทั้งการโยกย้ายทรัพย์สมบัติต่างๆ นอกจากสินเดิมของตนเองแล้วก็ยังมีทรัพย์สินที่ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้เป็นการส่วนตัวไปยังร้านรับฝากเงินในอำเภอบ้านเดิมของมารดาที่นางตั้งใจเอาไว้ว่าจะพาบุตรสาวและคนในปกครองของตนเองไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่นเนื่องจากไม่กล้าและไม่มีหน้าที่จะกลับไปอยู่บ้านเดิมของบิดามารดาด้วยละอายใจ

แม้ในครั้งอดีตนางจะรักสามีมากแต่เมื่อเขากล้าเหยียบย่ำน้ำใจของภรรยาและบุตรสาวคนเดียวเจี่ยจิ่งอันก็ไม่ลังเลเลยที่จะตัดขาดเขาและนางจะไม่มีทางที่จะออกไปตัวเปล่าโดยเด็ดขาดด้วยยังมีบุตรสาวและคนในปกครองที่ยังต้องดูแลอีกหลายชีวิตอะไรที่ควรเป็นของนางเจี่ยจิ่งอันก็ย่อมจะรักษาสิทธิ์เอาไว้อย่างเต็มที่

“ท่านแม่” น้ำเสียงที่แหบแห้งของบุตรสาวเป็นตัวปลุกผู้เป็นมารดาให้ตื่นจากภวังค์โดยเจี่ยฝูอันฟื้นคืนสติมาได้สองวันแล้วและแม้ตัวนางจะยังมีอาการมึนเบลออยู่บ้างแต่โดยรวมก็นับว่าสุขภาพนั้นดีขึ้นจนท่านหมอวางใจและหลังจากนางดื่มยาต้มติดต่อกันไปอีกเจ็ดวันไม่มีขาดก็จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว

“อันอันอยากได้อะไรหรือลูกรัก” มารดาถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดูและพยายามเป็นอย่างมากที่จะซ่อนหยาดน้ำตาเอาไว้ ดูสิบุตรสาวของนางบอบบางถึงเพียงนี้คนใจร้ายพวกนั้นก็ยังไม่คิดที่จะออมมือยังคงรังแกนางได้ลงอีกทั้งยังถึงขั้นตั้งใจที่จะทำให้ตายตกไปเลยทีเดียว

“ลูกหิวข้าวเจ้าค่ะท่านแม่โจ๊กที่กินไปเมื่อเช้าอร่อยนักแต่มันเหมือนจะไม่อยู่ท้องเลย” เด็กสาวที่นั่งเอาหมอนรองหลังพิงหัวเตียงอ้อนมารดาตาใสเวลานี้เธออยากกินข้าวหุงสวยๆ ให้มันอยู่ท้องไม่ใช่โจ๊กเหลวๆ ที่กินเพียงมีกี่คำก็หมดชามยังไม่ทันรู้รสเลยด้วยซ้ำไป

“ท่านแม่เจ้าขาลูกหิวเหลือเกินเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นมารดายังคงมีสีหน้าครุ่นคิดดรุณีน้อยก็ยิ่งออดอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวานจนสุดท้ายแล้วมารดาก็ยอมใจอ่อนบอกให้นางนอนรอจากนั้นก็ไปเข้าครัวด้วยตัวเองด้วยเวลานี้บรรดาคนงานทั้งหญิงชายภายในเรือนหลังเล็กกำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดเก็บข้าวของอะไรที่ทำด้วยตัวเองได้เจี่ยจิ่งอันก็จะทำเองโดยไม่ต้องไปรบกวนผู้ใด

คล้อยหลังมารดาเจี่ยฝูอันก็พรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกนี่คงต้องขอบคุณวิชาการแสดงที่ได้ร่ำเรียนมาหลายปีเมื่อต้องมาอาศัยพึ่งพิงกายเนื้อที่อ่อนวัยกว่าตนเองเสียหลายปีเธอจึงทำได้ไม่มีปัญหาซึ่งอันที่จริงแล้วรัญญาในร่างของเจี่ยฝูอันฟื้นขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่สำลักน้ำในปอดออกมาครั้งแรกแล้วแต่ที่ยังคงนอนนิ่งๆ อยู่เพราะกำลังรอการประมวลผลของร่างกายรวมไปถึงสมองและที่แน่ๆ ก็คือนอนรอให้วิญญาณของตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายนี้เสียก่อน

โดยภาพที่คนอื่นมองจะเห็นเพียงแค่เจี่ยฝูอันนั้นนอนหลับไปเฉยๆ แต่จริงๆ แล้วแม้ร่างกายจะนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแต่โสตประสาทของนางยังทำงานอยู่ตลอดเวลาโดยยังคงได้ยินและได้ฟังทุกอย่างที่มีคนเข้ามาพูดในห้องรวมถึงพฤติกรรมน่ารังเกียจของบิดาเจ้าของร่างด้วยนี่ดีแล้วที่มารดาตัดสินใจหย่าได้เสียทีมิเช่นนั้นครั้งนี้นางนี่แหละจะอ้อนวอนขอให้มารดาหย่าขาดจากบิดาผู้โง่งมคนนั้นด้วยตนเอง

เมื่อครั้งที่ดวงวิญญาณถูกดึงมาเข้าร่างของเจี่ยฝูอันนั้นรัญญามั่นใจว่าเธอทันได้เห็นวิญญาณของเด็กสาวเจ้าของร่างอยู่แวบหนึ่งซึ่งเพราะอะไรไม่รู้เธอถึงได้ตะโกนออกไปว่าไม่ต้องเป็นห่วงโดยที่ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะมีโอกาสได้ยินมันหรือเปล่าแต่นั่นมันก็เป็นสิ่งที่เธอตั้งใจจะบอกกับวิญญาณของเจ้าของร่างให้รับรู้จริงๆ ว่าต่อจากนี้ไปไม่ต้องห่วงอะไรแล้วเธอจะใช้ชีวิตเป็นเจี่ยฝูอันให้ดีและทำให้นางเป็นหญิงสาวที่ผู้คนทั้งเมืองต้องอิจฉาในความสามารถและความร่ำรวยให้จงได้

เวลาผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วยามมารดาก็กลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งพร้อมถาดที่มีอาหารกลิ่นหอมชวนรับประทานมันมีทั้งผัดผักใส่เต้าหู้และน้ำแกงใสใส่ไข่ที่หน้าตาดูน่ากินไม่แพ้กลิ่นหอมเลย

“วันนี้ทุกคนยุ่งมากจึงไม่มีเวลาออกไปซื้อเนื้อสัตว์พวกเราจึงต้องกินไข่กันไปก่อน อดทนได้หรือไม่ลูกรัก” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงอันที่จริงนางควรจะปรุงน้ำแกงไก่หรือน้ำแกงปลามาบำรุงร่างกายเจี่ยฝูอันแต่สิ่งที่มีอยู่ในเรือนตอนนี้มีเพียงแค่ผัก ไข่ และเต้าหู้เท่านั้นเอง

“ลูกกินได้เจ้าค่ะท่านแม่ เรือนของเรายังถูกตัดเงินและอาหารอยู่นี่นาลูกเข้าใจดีเจ้าค่ะ” เจี่ยฝูอันยิ้มหวานหลังจากที่มองอาหารในถาดจนเต็มตาแล้วแม้ว่ามันจะเป็นอาหารง่ายๆ ที่ใช้วัตถุดิบบ้านๆ เพียงไม่กี่อย่างแต่ทั้งหน้าตาและกลิ่นหอมนั้นบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา

และเหตุผลที่ทำให้เรือนของมารดานั้นมีวัตถุดิบในการปรุงอาหารไม่กี่อย่างก็เพราะราวๆ ครึ่งปีมานี้ท่านพ่อตัดเงินเดือนของท่านแม่และตัดค่าใช้จ่ายภายในเรือนไปกว่าครึ่งอีกทั้งยังตัดวัตถุดิบในการปรุงอาหารที่จะส่งมาที่เรือนทุกๆ วัน เนื้อสัตว์ที่เคยได้กินกันก็เหลือเพียงเต้าหู้ขาวเพียงไม่กี่แผ่นแต่ยังดีที่พี่ต๋าฟงสามีของพี่อี๋นั่วคนงานในเรือนเลี้ยงไก่ไข่เอาไว้คนทั้งเรือนจึงยังไม่เป็นโรคขาดสารอาหารด้วยไม่สามารถนำเงินเก็บที่มีไปซื้อเนื้อสัตว์มากินกันอย่างเปิดเผยได้

อันที่จริงมารดาของเจี่ยฝูอันนั้นมีเงินมากพอที่จะไปหาซื้ออาหารมาปรุงกินกันในเรือนอยู่แล้วแต่เพราะว่าไม่อยากทำตัวให้ผิดสังเกตจึงทนอยู่กันไปทั้งแบบนี้ด้วยหากภรรยารองของท่านพ่อรู้ว่ามารดาของนางมีเงินก็จะมาหาเรื่องมาริบไปเป็นของตัวเองอีกจนได้เนื่องจากนางเคยทำมาแล้วเมื่อตอนที่ท่านย่าตายแต่ก็ไม่ได้อะไรไปเลยเพราะท่านแม่ไหวตัวทันโยกย้ายทรัพย์สมบัติที่ท่านย่ามอบให้ส่วนหนึ่งไปไว้ที่ร้านฝากเงินตั้งนานแล้ว

“เอาไว้ถ้าลูกแข็งแรงดีเมื่อไหร่เราจะออกไปจากเรือนสกุลเจี่ยกันนะลูกรัก เราจะไปอยู่ที่บ้านเดิมของท่านยายด้วยกัน”

“แล้วเหตุใดเราจึงไม่ไปอยู่กับท่านตาท่านยายเล่าเจ้าคะ” เจี่ยฝูอันถามออกมาด้วยแววตาใสซื่อซึ่งอันที่จริงแล้วนางแค่อยากจะเก็บข้อมูลเพิ่มด้วยตัวของเจี่ยฝูอันคนใหม่นั้นไม่ได้รู้ความเป็นมาและความสัมพันธ์ของครอบครัวท่านแม่มากเท่าไหร่นัก ที่รู้อยู่ก็เพียงแค่ว่าบ้านท่านตาท่านยายอยู่ที่เมืองข้างๆ กันเดินทางด้วยรถม้าสี่ห้าวันก็ถึงแล้วและบ้านของท่านตาท่านยายก็มีอาชีพทำการเกษตรแต่ก็ไม่ได้ทำเองทั้งหมดเพราะไร่นานั้นมีมากมายจึงมีการจ้างคนงานมาทำงานในที่ดินของตนแทนต่างกับทางท่านพ่อที่แบ่งที่ดินให้คนอื่นเช่า

“แม่ไม่กล้ากลับไปหาท่านตาท่านยายของเจ้าหรอกอันอัน ที่ผ่านมาใครๆ ก็ห้ามไม่ให้แม่แต่งงานกับพ่อเจ้าจนวันนี้ที่ครอบครัวไม่อาจเป็นครอบครัวได้อีกต่อไปแม่จะมีหน้าที่ไหนกลับไปหาตากับยายเจ้าในเมื่อก่อนหน้านี้เป็นแม่เองที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ” เจี่ยจิ่งอันนั้นเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของสกุลวั่นอีกทั้งยังเป็นน้องคนเล็กสุดในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คนครอบครัวจึงทั้งรักและเลี้ยงดูนางมาอย่างประคบประหงมไม่ต่างจากไข่ในหินแต่เป็นนางเองที่ตัดสินใจออกเรือนมากับบุรุษที่เป็นรักแรกทั้งๆ ที่ครอบครัวห้ามปรามเมื่อในวันนี้หย่าขาดกับสามีแล้วจะมีหน้ากลับไปพึ่งพาบ้านเดิมของตนเองได้อย่างไรกัน

“ท่านแม่ไม่ต้องเศร้าไปนะเจ้าคะลูกจะเป็นคนช่วยท่านแม่ทำงานหาเงินดูแลครอบครัวของเราเอง” ดรุณีน้อยอายุแค่เพียงสิบห้าหนาวสัญญากับมารดาทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องโลกภายนอกเลยแม้แต่น้อยในหัวเล็กๆ ของเจี่ยฝูอันนั้นมีแต่ความรู้ในตำราที่ท่านแม่มักจะเสาะหามาให้อ่านแต่คนภายนอกกลับมองว่านางเป็นเพียงเด็กสาวโง่เขลาเบาปัญญาที่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนเหตุเพราะเมื่อครั้งยังเด็กนางไม่ยอมพูดออกมาเลยสักคำจนกระทั่งมีอายุได้เกือบสามหนาวจึงยอมพูดคำว่าแม่ออกมาเป็นคำแรก

แม้ใครต่อใครจะมองว่านางโง่เขลาหรือว่าเป็นเพียงบุตรสาวด้อยปัญญาของพ่อค้าสมุนไพรแต่สำหรับมารดาและท่านย่านั้นเจี่ยฝูอันเป็นดั่งเทพธิดาที่สวรรค์ประทานมาให้ทั้งสองคนจึงทุ่มเททุกอย่างให้นางอย่างเต็มที่โดยเฉพาะในเรื่องของการศึกษาที่แม้จะไม่ได้ถึงขั้นจ้างอาจารย์มาสั่งสอนแต่ด้วยความที่มารดาเจี่ยจิ่งอันนั้นมีความรู้เพราะถูกพี่ชายทั้งสามคนสั่งสอนมาเป็นอย่างดีนางจึงเป็นอาจารย์สอนให้บุตรสาวเขียนอ่านด้วยตนเองและไม่ว่าจะมีตำราอะไรที่มีความรู้หรือที่ใครเขาว่าดีนางก็ไปเสาะหามาให้ลูกสาวได้ศึกษา

แต่แล้วช่วงเวลาอันสงบสุขของสองแม่ลูกหมดลงเมื่อฮูหยินรองหรือภรรยาใหม่ของบิดาก้าวขาเข้ามาถึงเรือนโดยที่นางมาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าให้สาวใช้และคนงานของตัวเองมาตรวจดูว่าฮูหยินเอกยักยอกสมบัติอะไรของเรือนสามีติดตัวออกไปบ้างหรือเปล่าซึ่งนอกจากจะไม่พบอะไรนอกจากตำราเป็นหีบๆ ที่นางมองว่าไร้ค่าแล้วก็เห็นจะมีแต่สินเดิมของเจี่ยจิ่งอันนี่แหละที่ทำให้นางต้องอิจฉาตาร้อน

“ข้าก็ได้แต่หวังว่าวันที่ย้ายออกไปจะไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดซุกซ่อนอยู่ในหีบเหล่านี้นะเจ้าคะ” ถึงแม้จะไม่พบอะไรแต่ว่าเจี่ยฮุ่ยเจียงก็ยังไม่วายทิ้งถ้อยคำเอาไว้ให้อดีตฮูหยินเอกต้องระคายหูซึ่งเป็นสิ่งที่นางทำมาโดยตลอดตั้งแต่ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ภายในเรือนสกุลเจี่ย

“อย่าเอานิสัยส่วนตัวมาตัดสินคนอื่นเช่นนี้สิฮูหยินรองตัวข้ามิได้มีนิสัยชอบลักกินขโมยกินเช่นเจ้าเพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลใจไปอะไรที่มันไม่ได้เป็นสมบัติของข้าข้าย่อมไม่มีทางไปแตะต้อง หากไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเสียเถิดที่นี่ยังมีงานอยู่อีกมากไม่สะดวกให้คนนอกมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในเรือน” อดีตฮูหยินเอกตอบกลับด้วยวาจาที่เชือดเฉือนทำเอาฮูหยินรองที่ยืนเชิดหน้าชูคออยู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีด้วยความขุ่นเคืองใจ

“ปากดีไปเถิดข้าจะคอยดูน้ำหน้าของพวกเจ้าว่าจะไปได้รอดกันสักกี่น้ำอย่าได้ซมซานกลับมาพึ่งพาสกุลเจี่ยอีกนะเจ้าคะหากคิดจะหยิ่งผยองจองหองแล้วก็จงเอาตัวให้รอดด้วย”

“คงไม่ต้องให้คนอย่างเจ้ามาสั่งสอนพวกข้าก็ไม่มีทางกลับมาเหยียบที่นี่หรอก อ้อ แล้ววันหนึ่งหากสกุลเจี่ยมีปัญหาก็ไม่ต้องนึกถึงข้าและท่านแม่นะเจ้าคะเพราะพวกเราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” เจี่ยฝูอันที่นั่งเงียบฟังมานานแล้วคันปากอดไม่ได้จริงๆ ที่จะเอ่ยวาจาเชือดเฉือนออกมาบ้างคนบางคนมันจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้มีปากเอาไว้พูดแค่คนเดียว

“นังเด็กบ้า นังเด็กปัญญาอ่อน” เมื่อสู้ไม่ได้ก็มีแต่จะสาดวาจาที่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำที่สุดออกไปแต่นอกจากเจี่ยฝูอันจะไม่ได้มีท่าทีสลดหรือหวาดกลัวนางเช่นทุกครั้งวันนี้บุตรีคนเดียวของอดีตฮูหยินเอกยังกล้าสบตาท้าทายนางอีกด้วย

“แล้วคนดีๆ ที่ไหนเขาจะมายืนชี้หน้าด่าเด็กปัญญาอ่อนถ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน ในเมื่อข้าปัญญาอ่อนฮูหยินรองที่พูดคุยกับข้ารู้เรื่องก็คงปัญญาอ่อนไม่ต่างกันเท่าไหร่กระมัง”