ไม้ประดับแล้วอย่างไร ต่อไปข้าจะเฉิดฉายให้เห็นเป็นบุญตา

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ - ตอนที่ 9 ขายดีกว่าที่คิด โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ปลูกผัก,ชาย-หญิง,คุณหนูไม้ประดับ,นิยายรักจีนโบราณ,เกิดใหม่,ครอบครัว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,ปลูกผัก,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คุณหนูไม้ประดับ,นิยายรักจีนโบราณ,เกิดใหม่,ครอบครัว

รายละเอียด

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไม้ประดับแล้วอย่างไร ต่อไปข้าจะเฉิดฉายให้เห็นเป็นบุญตา

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

เมื่อนักแสดงนางร้ายเบอร์ต้นทั้งนอกจอและในจอต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุจากความประมาทของทีมงาเธอก็ไปแสดงอภินิหารปากแจ๋วจนยมทูตและยมบาลลามไปยังเทพโชคชะตาผายมือเปิดทางให้ได้ไปเกิดใหม่แต่มีเงื่อนไขที่ต้องช่วยเหลือผู้คนเพื่อสั่งสมความดีให้กับดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับที่ตนเองจะไปอาศัยอยู่ในร่างนั้นคือคุณหนูผู้อ่อนแอและค่อนข้างจะโง่เขลา เป็นบุตรสาวที่บิดาหมางเมินแถมยังหาเรื่องจะหย่าขาดจากมารดาของนางอยู่ทุกวี่ทุกวัน

แต่ไหนๆ ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งจะให้มามือเปล่ามันก็ออกจะธรรมดาไปงานนี้นอกจากความมั่นหน้าที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้วเธอยังได้รับระบบผู้ช่วยอัจฉริยะที่ปากแจ๋วๆ พอๆ กันมาเป็นสูตรลัดกลโกงรอบด้านที่จะทำให้การใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ที่ต่างไปจากเดิมนั้นง่ายดายมากยิ่งขึ้น

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1.       ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2.       ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3.       หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 1 ถกเถียงไม่ไถ่ถาม,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 2 ตัวเลือก,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 3 บุตรสาวของข้าใครอย่าได้มารังแก,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 4 ตัดสินใจ,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 5 เปิดตัวระบบผู้ช่วย,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 6 เตรียมการค้าขาย,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 7 เตรียมการโค้งสุดท้าย,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 8 กลิ่นหอมยวนใจ,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 9 ขายดีกว่าที่คิด,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 10 อนุภรรยาผู้อาภัพ,เมื่อนางร้ายเกิดใหม่มาเป็นคุณหนูไม้ประดับ-ตอนที่ 11 ขึ้นเขาครั้งแรก ปลดเหรียญอ่านฟรี 3 มีนาคม 68 ติดเหรียญถาวร 10 มีนาคม 68

เนื้อหา

ตอนที่ 9 ขายดีกว่าที่คิด

แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่ระยะนี้บุตรสาวดูจะรู้ความขึ้นรวมถึงกล้าแสดงความคิดเห็น กล้าพูดกล้าทำต่างจากเดิมมากแต่เพราะงานที่ร้านอาหารเล็กๆ วุ่นวายทั้งวันผู้เป็นมารดาจึงคิดเพียงแค่ว่าบุตรสาวน่าจะเติบโตขึ้นไปตามกาลเวลาจึงได้ปล่อยผ่านไปไม่ได้มานั่งตั้งข้อสงสัยหรือว่าซักถาม

การค้าที่เพิ่งเริ่มทำได้ไม่เท่าไหร่กลับสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำกว่าที่คาดเดาเอาไว้ในใจมากนักแต่ด้วยกำลังคนและสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวยวั่นจิ่งอันจึงขอให้บุตรสาวขายเครื่องในตุ๋นแค่เพียงวันละหกหม้อเพื่อที่จะได้ไม่เกินกำลังของตนเองและคนงานซึ่งส่วนนี้วั่นฝูอันก็เข้าใจดีนางจึงหันมาใส่ใจในเรื่องการรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารที่ทุกอย่างจะต้องผ่านการชั่งตวงตามสัดส่วนอย่างแม่นยำเพื่อไม่ให้รสชาติผิดเพี้ยนไปจากเดิม

และถึงแม้ในใจของดรุณีน้อยนั้นอยากจะขยายกิจการของตัวเองในวันนี้พรุ่งนี้แต่นางก็มิอาจจะกระทำการหุนหันพลันแล่นได้ด้วยร้านอาหารนั้นมันต้องดูผลประกอบการในระยะยาวตอนนี้จึงคิดว่าตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินทุนเตรียมเอาไว้เผื่อแผนการในอนาคตเพราะวั่นฝูอันไม่ได้คิดว่านางจะขายแค่เครื่องในหมูตุ๋นเพียงอย่างเดียวอยู่แล้วหากจะเปิดร้านใหม่หรือขยับขยายกิจการนางต้องขายอาหารที่หลากหลายมากขึ้น

โดยเท่าที่วั่นฝูอันแอบคิดๆ เอาไว้ในใจมันก็ต้องมีครบทั้งอาหารหวานคาว อาหารหลักที่จะรับประทานได้สามมื้อสามมื้อโดยไม่เบื่ออีกทั้งของว่าง ขนมหวานและเครื่องดื่มก็ล้วนแต่สำคัญและจำเป็นดังนั้นนางจึงต้องใช้เวลาเตรียมการให้รัดกุมและรอบคอบโดยสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คงจะไม่พ้นเงินทุนที่ต้องเก็บออมสำรองไว้อีกมาก

“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะคุณชายเหลยเช้านี้จะรับอะไรดีเจ้าคะ” วั่นฝูอันเอ่ยทักทายชายหนุ่มที่เป็นลูกค้าประจำอันดับหนึ่งของร้านเพราะนอกจากเขาจะมาซื้ออาหารแทบจะทุกวันแล้วในแต่ละครั้งก็ยังซื้อกลับไปเป็นจำนวนหลายสิบห่อจนกระทั่งตอนนี้รู้งานสามารถเตรียมภาชนะมาใส่อาหารกลับไปที่ร้านตำราพอดีกับจำนวนคนงานได้แล้วหรือถ้าไม่มีปิ่นโตมาคุณชายเหลยหลงลู่ก็จะนำหม้อมาใส่เองแล้วให้คนงานไปตักแบ่งรับประทานด้วยกันวิธีการนี้นั้นก็จะทำให้มีเครื่องในหมูตุ๋นเหลือให้คนงานนำมาแบ่งปันกันแจกจ่ายกลับบ้านได้อีกด้วยร้านของนางนั้นไม่ได้ตักกับข้าวให้แบบตระหนี่ถี่เหนียว

“วันนี้ขอเป็นบะหมี่สิบห้าชามและแป้งย่างสิบชิ้นนะขอรับคุณหนูวั่น วันนี้ข้านำหม้อมาเองด้วย” คุณชายเหลยหลงลู่ส่งหม้อกระเบื้องเคลือบที่ช่วยกันถือมากับคนงานให้คุณหนูคนงามแห่งร้านเครื่องในหมูตุ๋นจากนั้นก็หลบไปนั่งรอที่ด้านข้างเช่นทุกวันเพื่อไม่ให้เป็นการเกะกะขวางทางลูกค้าคนอื่นๆ

“คุณชายเหลยรอสักครู่นะเจ้าคะ” ลูกค้ารายใหญ่มาทั้งทีวั่นฝูอันแม้จะดีใจแต่ก็ยังคงต้องเก็บอาการเอาไว้แล้วเริ่มตักอาหารอย่างคล่องแคล่วโดยบะหมี่ และเครื่องในตุ๋นนางตักใส่หม้อที่คุณชายเหลยเตรียมมาตามจำนวนที่สั่งส่วนเครื่องเคียงนั้นก็ตักใส่ปิ่นโตสามชั้นจะมีแต่แผ่นแป้งย่างเท่านั้นที่จัดใส่กระดาษฟางแล้วห่อให้มิดชิดเพื่อป้องกันลม

“น้องเล็กเหตุใดวันนี้เจ้ามาที่ร้านขายอาหารเร็วนักเล่าพี่ว่าจะฝากเจ้าซื้ออาหารกลางวันให้เจ้าหน้าที่แต่ก็มาไม่ทัน” ระหว่างที่นั่งรออาหารคุณชายใหญ่เหลย เหลยจื่อลู่ก็เดินเข้ามาทักทายน้องชายคนเล็กที่วันนี้ออกมาสั่งอาหารกลางวันเร็วกว่าทุกวันเพราะปกติเขาจะมาฝากน้องชายสั่งอาหารในยามที่ออกมาตรวจตราความเรียบร้อยภายในตัวอำเภอ

“เพราะร้านของคุณหนูวั่นขายดีเมื่อข้าจัดการเปิดร้านตำราเสร็จแล้วจึงรีบมาซื้อไปเก็บไว้ก่อนขอรับพี่ใหญ่ เอาหม้อมาใส่เองด้วยเวลาจะกินก็อุ่นให้ร้อนสักนิดรสชาติยิ่งดีขึ้นไปอีก” พี่ชายน้องชายแม้จะอาศัยอยู่ในเขตจวนนายอำเภอเหมือนกันแต่ก็ใช่ว่าจะมีเวลาได้พูดคุยกันบ่อยนักเพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่ให้ต้องรับผิดชอบแต่จะได้แวะพูดคุยกันมากหน่อยก็เมื่อตอนที่คุณชายใหญ่เหลยออกตรวจความเรียบร้อยในตัวอำเภอประจำวันนั่นแหละ

“เป็นเช่นนั้นเองสินะ ตอนนี้ยังพอมีเวลาข้าให้คนกลับไปนำหม้อมาใส่อาหารบ้างดีกว่า” เจ้าหน้าที่ของอำเภอนั้นมีอยู่หลายสิบคนแต่ก็ใช่ว่าจะได้พักกินอาหารกลางวันพร้อมกันเสียเมื่อไหร่ในบางครั้งจึงจำต้องกินอาหารที่เย็นชืดจนแทบจำรสชาติเดิมไม่ได้วิธีการที่น้องชายบอกจึงนับว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี

“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะคุณชายใหญ่เหลย เป็นข้าที่เสียมารยาทฟังพวกท่านสนทนากันไม่ต้องให้คนกลับไปนำหม้อมาก็ได้เจ้าค่ะมันเป็นการเสียเวลาค่ะยืมของที่ร้านค้าไปก่อนก็ได้” วั่นฝูอันใจกว้างกับลูกค้าของตนเองเสมอและคุณชายใหญ่เหลยก็มิใช่คนแรกที่นางให้ยืมภาชนะใส่อาหารเพราะไม่ว่าจะเป็นร้านรวงละแวกนี้หรือว่าเป็นบ้านเรือนนางก็ให้ยืมหม้อและชามใส่อาหารอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะนายช่างก่อสร้างที่มีคนงานเยอะๆ นางก็ให้พวกเขาหยิบยืมอยู่เป็นประจำ

“ต้องรบกวนท่านแล้วคุณหนูวั่นเอาไว้ครั้งหน้าที่มาซื้ออาหารข้าจะนำหม้อมาคืนพร้อมนำภาชนะของที่ว่าการอำเภอมาด้วย” เหลยจื่อลู่ขอบคุณดรุณีน้อยเจ้าของร้านขายอาหารจากใจจริง

ยิ่งมาเห็นแบบนี้บุตรชายคนโตของนายอำเภอยิ่งเข้าใจแล้วว่าเหตุใดร้านอาหารเล็กๆ ที่เปิดขึ้นหน้าเรือนสกุลวั่นจึงมีกิจการรุ่งเรืองขึ้นทุกวันแม้จะเปิดมาได้ไม่ทันจะเต็มหนึ่งเดือนดีนอกจากอาหารจะมีรสชาติอร่อยแล้วก็น่าจะเป็นน้ำใจและอัธยาศัยของเจ้าของร้านนี่แหละที่มัดใจลูกค้าเอาไว้ได้

การเปิดร้านค้าหน้าเรือนของตนเองนั้นไม่ได้มีข้อห้ามหรือกฎหมายอะไรมาบังคับใช้เพียงแต่เจ้าของร้านเองก็ต้องรักษาความสะอาดและไม่ตั้งร้านออกมารุกล้ำพื้นที่ถนนซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรของส่วนรวมและการที่เหลยจื่อลู่ต้องออกมาตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นระยะเพราะว่ามีร้านค้าไม่น้อยที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ผลประโยชน์ของตนเองซึ่งสิ่งเหล่านั้นกลับไม่เคยเกิดขึ้นที่ร้านค้าของสกุลวั่นเลยแม้แต่ครั้งเดียวนอกจากจะไม่เคยตั้งร้านล้ำออกมาที่ถนนแล้วโต๊ะเก้าอี้ยังเก็บเข้าไปภายในเรือนและทำความสะอาดหน้าร้านอยู่ทุกๆ วันอีกด้วย

สองคุณชายแห่งสกุลเหลยทอดสายตามองไปที่ร้านอาหารเล็กๆ ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันด้านคุณชายเหลยจื่อลู่นั้นกำลังคิดชื่นชมในวิธีการจัดการร้านค้ารวมถึงการจัดระเบียบลูกค้าแต่ทางด้านเหลยหลงลู่กับกำลังชื่นชมในความขยันขันแข็งและความใจเย็นของแม่ค้าตัวเล็กที่แม้นางจะยืนสับเครื่องในหมูตุ๋นจนมีเหงื่อผุดขึ้นตามไรผมแต่รอยยิ้มบางๆ กลับไม่เคยจางไปจางใบหน้าจิ้มลิ้มของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย

และไม่ว่าลูกค้าจะมาสอบถามอะไรนางก็ตอบกลับไปด้วยความใจเย็นหรือแม้แต่การพูดคุยกับคนงานนางก็เรียกพวกเขาด้วยความสนิทสนมไม่ถือตัวนับว่าเป็นคุณหนูในห้องหอแบบที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนเลยในชีวิต

หลังจากที่ลูกค้ารายใหญ่กลับไปแล้วยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่ลูกค้าในช่วงเช้าจะบางตาลงวั่นฝูอันจึงจะได้นั่งพักขาที่ยืนมาตลอดสองชั่วยามของนางได้แต่จังหวะที่ตัวเองกำลังนั่งเล่นอยู่ที่พื้นที่ว่างเล็กๆ หลังโต๊ะขายอาหารพลันสายตาของคุณหนูวั่นก็ไปสบเข้ากับสายตาของขอทานน้อยเนื้อตัวมอมแมมคนหนึ่งเข้า

“ขอทานน้อยวันนี้เจ้าได้กินข้าวหรือยัง” จากที่ตั้งใจจะนั่งพักวั่นฝูอันก็ดีดตัวขึ้นยืนและส่งเสียงถามขอทานน้อยแบบที่ไม่เบาและไม่ดังเกินไปนัก

“ข้า ข้ามิใช่ขอทานน้อย ข้าแค่ออกมาหางานทำขอรับคุณหนู” เด็กชายตัวผอมบางในเสื้อผ้าชุดเก่าตอบออกมาแม้จะหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยแต่เพราะสตรีผู้นี้ไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่ดุร้ายถามหรือว่าไล่เขาทำให้เด็กชายยอมเปิดปากสนทนากับคนแปลกหน้า

“ขออภัยด้วยนะข้าไม่ได้ตั้งใจ ว่าแต่เจ้ากินอะไรหรือยังเด็กน้อยหากยังไม่ได้กินก็มานั่งตรงนี้มากินข้าวกันก่อนแล้วค่อยคุยกันดีหรือไม่” เมื่อเห็นว่าเด็กชายส่ายหน้าเป็นคำตอบวั่นฝูอันจึงไม่ลังเลเลยที่จะเอ่ยปากชวนพร้อมกับกวักมือเรียกเด็กชายตัวผอมให้มากินข้าวก่อนจากนั้นจึงค่อยสอบถามว่าเขาจะมาหางานอะไรทำทั้งๆ ที่ตัวก็ผอมบางเพียงเท่านี้

“ข้าไม่มีเงินขอรับ กินไม่ได้” เด็กชายยังคงปฏิเสธถึงแม้ว่ากลิ่นหอมของอาหารในหม้อจะหอมยั่วยวนใจเขามากแค่ไหนก็ตาม

“กินได้สิก็ข้าไม่ได้จะคิดเงินเจ้า มาเร็วข้าวร้อนๆ ราดเครื่องในหมูตุ๋นของข้าอร่อยนะ” แต่เหมือนว่าพูดกันอยู่นานสองนานเด็กชายตัวน้อยก็มิมีทีท่าว่าจะขยับเข้ามาใกล้วั่นฝูอันมากกว่านี้นางจึงตัดสินใจเดินออกไปหาแล้วรีบคว้ามือมอมแมมของเด็กชายมาจับเอาไว้ก่อนที่เขาจะทันได้วิ่งหนี

“จะกลัวอะไรข้าไม่ใช่ยักษ์ใช่มารมาล้างมือให้สะอาดเสียก่อนจากนั้นค่อยกินข้าวเข้าใจหรือไม่” แม้เนื้อตัวของเด็กชายจะค่อนข้างสะอาดแต่มือและเท้าของเขากลับมอมแมมนักวั่นฝูอันจึงพามาล้างมือที่ถังน้ำหลังร้านโดยสาธิตวิธีการล้างมือด้วยสบู่ให้เด็กชายทำตามจากนั้นก็ให้เขาไปนั่งรออาหารที่โต๊ะ

“พี่สาวขอรับ ข้าขอนำข้าวไปกินที่บ้านได้หรือไม่” เมื่อเห็นข้าวสวยพูนถ้วยราดมาด้วยเครื่องในหมูตุ๋นสับดูน่ากินหัวใจของเด็กน้อยพลันคิดถึงพี่สาวและมารดาที่ยังนอนป่วยอยู่ในเรือนที่ไม่ต่างจากบ้านร้างของตนเองจึงไม่อาจทำใจกินข้าวชามนี้คนเดียวได้

“ข้าวชามนี้เป็นของเจ้าถ้าอยากได้ข้าวกลับไปที่บ้านข้าก็จะให้แต่ต้องกินข้าวชามนี้ให้หมดก่อนเป็นการแลกเปลี่ยน ข้าชื่อวั่นฝูอันเป็นเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอกข้าเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น” คุณหนูวั่นยื่นข้อเสนอให้เด็กชายท่ามกลางความแปลกใจของคนงานของตัวเองและบรรดาลูกค้าแต่เป็นเพราะเสียงเล็กๆ ของจิ๊ดริดที่ดังอยู่ข้างในหูบอกกับนางว่าเด็กชายคนนี้ต้องการความช่วยเหลือบวกกับแววตาที่ดูไม่มีพิษมีภัยของเขานางจึงตัดสินใจลองเสี่ยงดูต่างหาก

จะว่าไปแล้วตัวของวั่นฝูอันนั้นก็ไม่ได้คุยกับจิ๊ดริดบ่อยเท่าไหร่นักตั้งแต่เปิดร้านอีกทั้งเจ้าระบบผู้ช่วยรุ่นทดลองของนางก็อยู่แบบเงียบๆ คล้ายจะไม่มีตัวตนจนบางครั้งนางก็ลืมไปว่ามีมันอยู่แต่จะมีครั้งนี้นี่แหละที่มันร้องเตือนว่าเด็กชายกำลังต้องการความช่วยเหลือวั่นฝูอันจึงอยากจะลองเสี่ยงดูสักตั้งแม้จะยังไม่รู้ว่าผลตอบแทนจากการช่วยเหลือครั้งนี้นั้นมันจะได้อะไรกลับคืนมาก็ตาม

“ขอบคุณคุณหนูวั่นขอรับ ข้าชื่อเติ้งอวี้ฉางบ้านข้าอยู่ในตรอกฝั่งตะวันออกของอำเภอขอรับ” เมื่อคุณหนูผู้นี้ใจดีกับเขาโดยไม่รังเกียจเด็กชายจึงวางใจและยอมบอกเล่าที่อยู่ของตนเองไปทั้งนี้เพื่อให้นางได้มั่นใจว่าตนเองไม่ใช่ขอทานน้อยและไม่ได้คิดจะมาลักขโมยอะไรเลยจริงๆ

“กินข้าวของเจ้าเสียอวี้ฉางเดี๋ยวพี่สาวจะกลับมาคุยด้วยนะกินเสร็จแล้วก็นั่งรออยู่ตรงนี้อย่าไปไหนเล่า” เพราะมีลูกค้าทยอยเข้ามาในร้านเพิ่มขึ้นวั่นฝูอันจึงต้องกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อแต่ระหว่างที่นางขายอาหารนางก็ถามเจ้าจิ๊ดริดไปด้วยถึงเรื่องความเป็นมาของเด็กชายตัวเล็กแม้ว่าจะไม่ได้เรื่องอะไรมากมายเท่าไหร่ก็ตามแต่ก็ดีว่าที่นางไม่ได้รับรู้อะไรเลย