ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
รัก,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,เล่าประสบการณ์,ตลก,พล็อตสร้างกระแส,Y2K,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,เจ้าแผนการ,นักธุรกิจ,คนในฝัน,รวยตั้งแต่ยังเด็ก,สร้างตัว,สายเปย์,มาเฟีย,ตัวพ่อ,โรงเรียน,พล็อตไม่ซ้ำใคร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสือเจ้าพระยา | ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า (อ่านฟรี!)ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
เสือเจ้าพระยา ภาคที่ 1 | จับเสือมือเปล่า!
- ที่มาของชื่อเรื่อง -
ซ้ายเด่นสง่าเสือเจ้าพระยา ขวาดาราประดับฟ้าเพริศแพร้ว
สองเพชรงามน้ำหนึ่งเมืองบัวแก้ว ผู้ผ่องแผ้วคู่แคว้นแดนประทุม
………
นิยายเรื่องนี้จะเป็น ‘แนวสร้างตัว’ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องผสมผสานไปด้วยมุกตลก และสอดแทรกไว้ด้วยสาระ โดยที่ได้อิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบนโลก ในภาคนี้จะมุ่งเน้นไปที่การปูพื้นฐานตัวละคร และก็โครงเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยนิยายจะเล่าย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2548 เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีชื่อว่า “เสือน้อย” นับตั้งแต่เจ้าตัวได้เข้ามัธยมต้นในภาคที่ 1 จนกระทั่งเรียนจบมหาลัย ในภาคที่ 5
ผู้เขียนเชื่อว่าท่านนักอ่านนั้น ‘มีลิมิต’ ในการยอมรับนิยายสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นในตอนที่ 24 “คนขี่ควาย” ก็อาจช่วยให้ท่านตัดสินใจง่ายขึ้น แน่นอนหากว่าท่านอ่านเต็มภาคได้ย่อมจะดีที่สุด
“ใครจะไปคิดว่าควายจะเปลี่ยนชีวิตคนได้?” ทองสุขเจ้าควายตัวแสบ ถูกพ่อหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยให้ลูกชายได้ฉุดคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ และมันได้จุดประกายความคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันไปตลอดกาล
♪
บทเพลงที่ใช้เปิดนิยายเรื่องนี้ คือ ‘เพลงบ้าหอบฟาง’ ของวงอัสนี-วสันต์
หอบฟางหอบฟางไปไหน ทำไมถึงต้องหอบฟาง
หอบกันจริงๆจังๆ หอบกันรุงรังหอบฟาง
♪
#พล็อตไม่ซ้ำใคร #นักธุรกิจร้อยล้าน #นักรักตัวพ่อ #มาเฟีย
นิยาย 5 ภาค/เล่ม(จบ) | จำนวน ≈643,202 คำ - [มี E-Book]
[--- อ่านฟรีรวม 150 ตอน! ---]
ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า
(อ่านฟรีทั้งภาค!)
ภาคที่ 2 เสือไว้ลาย
(ฟรีตอนที่ 57-87)
ภาคที่ 3 หน้าเนื้อใจเสือ
(ฟรีตอนที่ 116-131)
ภาคที่ 4 ชาติเสือจับเนื้อกินเอง
(ฟรีตอนที่ 186-207)
ภาคที่ 5 เสือหมอบ
(ฟรีตอนที่ 251-275)
(จบบริบูรณ์)
คำโปรย
เด็กหนุ่มผู้แผ้วถางป่าดงอันรกเรื้อ...
“ใช้สองมือกวาดพงสร้างทางฝัน สองเท้าย่างก้าวพลันสู่จุดหมาย
ขีดเขียนโชคชะตาด้วยใจกายยืนหยัดอย่างผึ่งผายด้วยคุณธรรม”
อุปสรรคนานัปการ…จะหล่อหลอมให้เขา กลายเป็นคนแกร่ง!
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลวิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 3 นี่มันห้องเทพ!
พูดไปแล้วก็แปลก พอเข้าห้องเสียงจอแจที่ดังมาตลอดทาง ก็เงียบเป็นเป่าสาก
กลับรีบแย่งที่นั่งกันเสียอย่างนั้น พวกใส่แว่นหนาเตอะ เด็กเรียนกลับแย่งกันนั่งหน้าห้อง จับจองเสมือนทำเลทองที่มีค่า เสียงเก้าอี้ลากไปมาชุลมุนวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง
ส่วนตัวเขาเองนั้นเลือกที่นั่งเป็นด้านหลังสุด ติดกลับประตูทางออก นี่เป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถมแล้ว
ส่วนด้านหลังห้องกลับไม่วุ่นวายเท่าไหร่นัก แต่ว่าบรรยากาศภายในห้องค่อนข้างจะคับคั่ง ซึ่งมันห่างไกลจากตอนประถม ที่มีเพื่อนร่วมห้อง 20-30 คน เพราะในห้องนี้คนเพิ่มมาเกือบเท่าตัว!
เพียงสักพักหนึ่งคุณครูที่เดินออกไปทำธุระ ก็ได้เดินกลับเข้ามา
เป็นครูสาวอายุราว ๆ สามสิบกว่าปี ใบหน้าผ่องใส ทาลิปสติกสีส้มอ่อน ๆ รวมเข้ากับเครื่องประดับน้อยชิ้น ใส่เสื้อสีมงคลประจำวัน ทำให้เธอดูดีมีระดับไปอีกแบบ
สายตาของเธอไต่ระดับกวาดมองนักเรียนไปทั่วห้อง ซึ่งตอนนี้นั่งเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่จะแนะนำตัวเอง “สวัสดีค่ะนักเรียน ครูชื่อวันเพ็ญนะคะ และเป็นครูที่ปรึกษาของพวกเธอด้วย ดังนั้นสิ่งแรกที่เราจะทำกันในวันนี้ไม่ใช่การเรียน หากแต่เป็นการแนะนำตัว และก็เตรียมตัวเลือกหัวหน้าห้อง ในอีกสองวันถัดไปโดยการลงคะแนนเสียง”
ครูวันเพ็ญพูดต่อไปว่า “ดังนั้นวันนี้ครูจะไม่ขานชื่อตามลำดับ แต่จะใช้ความสมัครใจแทน เริ่มจากการแนะนำตัวเองให้เพื่อน ๆ รู้จัก เช่นว่า จบมาจากโรงเรียนอะไร ชื่อจริง ชื่อเล่นนามสกุล ชอบกินอะไร กิจกรรมยามว่าง ฯลฯ”
“ส่วนใครที่อยากจะเป็นหัวหน้าห้องก็อย่าลืม นำเสนอตัวเองดี ๆ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักล่ะ” ครูวันเพ็ญพูดชวนให้บรรยากาศผ่อนคลาย ดูเป็นกันเอง เพื่อจะได้คลายความตื่นเต้นของนักเรียนใหม่
“เริ่มจากใครดีเอ่ย?” ครูวันเพ็ญถามความสมัครใจ ไม่นานเด็กที่นั่งอยู่หน้าห้องก็ทยอยยกมือกันขึ้น ครูจึงสุ่มเลือก เริ่มจากบริเวณริมหน้าต่างเป็นคนแรก
เด็กสาวรูปร่างบอบบางคนหนึ่งลุกขึ้นยืนพร้อมหันไปมองเพื่อน ๆ “สวัสดีค่ะคุณครู”
ก่อนที่จะหันไปทางเพื่อน ๆ ในห้องพร้อมแนะนำตัวเอง “เราชื่อกมลา ถิ่นไกล กมลาที่แปลว่า เทพีแห่งความรุ่งเรือง จบมาจากโรงเรียนเทศบาลเมืองปทุมค่ะ ชื่อเล่นเรือง ปกติชอบเล่นกีฬาวอลเลย์บอล”
ครูวันเพ็ญปรบมือชอบใจ “เชิญคนต่อไปจ้ะ”
เด็กชายอ้วนตุ้ยนุ้ยคนถัดไปก็ลุกขึ้น แนะนำตัวเอง “ผมชื่อวรุณ งามเด่น ...วรุณแปลว่าเทวดาแห่งสายฝน จบมาจากโรงเรียนวัดเทียนถวาย ชื่อเล่นน้ำครับ”
ครูผายมือเชื้อเชิญคนต่อไป “ผมชื่อสุริยา ดวงเด่น…สุริยาที่แปลว่า...พระอา…” ก่อนจะเปลี่ยนคำในจังหวะสุดท้าย “แปลว่าเทพพระอาทิตย์ ชื่อเล่นยา จบมาจากโรงเรียนบัวแก้วเกสรครับ”
พอคนแรก ๆ เริ่มแนะนำตัวยังไง คนต่อมาก็พากันพูดเลียนแบบ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยไปถึงได้มีคำว่า เปิดก่อนได้เปรียบ
ส่วนครูวันเพ็ญนั้นสอนวิชาภาษาไทย ตัวครูที่ยิ่งได้ฟังชื่ออันไพเราะเสนาะหู ของแต่ละคนก็ยิ่งถูกอกถูกใจเป็นอย่างมาก
“ผมชื่อวาสุเทพครับ เป็นอีกชื่อหนึ่งของพระนารายณ์ ชื่อเล่นชื่อวา” เด็กหนุ่มผิวดำคล้ำพูดขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะลืมแนะนำนามสกุลไป ดันเน้นไปที่ความหมายของชื่อจริงกับชื่อเล่น
“ผมเทวัญ แปลว่าหมู่เทพครับ ชื่อเล่นวันครับ”
จนพักหลัง ๆ เริ่มลืมเรื่องชื่อโรงเรียน พากันหันมา ‘อธิบายสรรพคุณ’ ความหมายของชื่อตัวเองกันเสียแล้ว
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เด็กหนุ่มที่นั่งชิดอยู่ประตูหลัง ก็แทบอยากจะวิ่งหนีออกจากห้อง ปรากฏว่าผ่านไปครึ่งห้องกว่าแล้ว นึกว่าพวกเด็กเทพจะหยุดหรือจบลงเพียงแค่นี้ แต่ทว่าไอ้คนหลัง ๆ นี่มัน…
“ผมชื่อสมบัติ ความหมายก็ตามตัว แต่ครอบครัวตั้งให้เพราะชอบ ลุงสมบัติ เมทนี ครับ และก็อยากให้ผมหล่อเหมือนลุงสมบัติตอนหนุ่ม ๆ” เขากอดอกพูดอย่างภูมิใจ
“ส่วนชื่อเล่นบัดครับ” ก่อนเด็กหนุ่มจะนั่งลง
“คนต่อไป เชิญจ้ะ” ครูสาวกล่าว
เพื่อน ๆ ในห้องก็กลั้นยิ้ม บางคนก็หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
เด็กหนุ่มที่นั่งชิดประตูหลังหันขวับมามอง ตาแทบถลนออกจากเบ้า เขาแอบบ่นในใจ “มึงเอาแบบนี้เลยหรือ!?”
เสียงปรบมือของครูวันเพ็ญดังขึ้นอีกครั้ง ไม่ธรรมดาจริง ๆ เธอดูกระตือรือร้นมาก แววตาดูคาดหวังกับชื่อคนต่อไป…
พอเห็นบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย ดูเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น คนถัดไปก็ใจชื้นลุกขึ้นพร้อมความมั่นใจยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ทุกคนต่างเริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปากกันบ้างแล้ว…
“ผมสมชาย สีทอง ชื่อเล่นชายครับ” เด็กหนุ่มลังเลครู่หนึ่งก่อนบอกว่า “พ่อผมชอบ พี่เต๋าสมชาย เลยตั้งชื่อนี้ให้ และชอบดูหนังเรื่อง ‘โลกทั้งใบให้นายคนเดียว’ มาก ๆ”
“หา!” เสียงอุทานเบา ๆ ดังขึ้นจากเด็กหนุ่มเจ้าเก่า
“มึงยกชื่อหนังมาเลยเหรอวะไอ้เวร! อีกพักคงไม่มี…ไม้ เม่น นุ้ย ป้อน มาเหรอ?” เขากัดฟันกรอด อดบ่นพึมพำในใจไม่ได้
ครูวันเพ็ญนึกถึงประโยคเด็ดของหนังที่ดังจนกลายเป็นตำนานแห่งยุคสมัย ‘เราไม่ได้รักใครง่าย ๆ อย่างที่นายคิดนะ!’
เธอพูดกลั้วหัวเราะ “แหม่…เล่นเอาเสียครูนึกถึงตอนที่ยังเด็ก ๆ เลยนะ” พอเธอพูดเสร็จก็ส่งรอยยิ้มเป็นกำลังใจให้สมชาย
“ไอ้นี่มันเล่นใหญ่จังวะ” เสียงบ่นเบา ๆ จากด้านหลังของเขาดังขึ้น…
เด็กหนุ่มเองก็แอบพยักหน้าเห็นด้วย “มีมาทั้งเทพบุตรเทพธิดา แถมยังมีพระเอกนางเอกอีก…โอ้โฮ คราวนี้มึงยังบอกชื่อหนังเสียด้วยนะ!” เขาบ่นพึมพำในใจ
“เราชื่อเมธาวี ยืนยาว แปลว่านักปราชญ์ มีชื่อเล่นว่าเมย์ เราเป็นคนแถวนี้มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ” เธอพูดเกริ่น ๆ เสมือนพร้อมเป็นหัวหน้าห้อง ทั้งยังแฝงนัยยะ ว่าตนเป็นเจ้าถิ่นที่ดี มีอะไรให้ช่วยก็บอก
จวบจนเกือบจะวนมาถึงเขาแล้ว เวลาเหมือนจะเดินช้าลง…อีกแล้ว
ดูท่าตอนนี้เหมือนว่า ‘ตัวของนาฬิกา’ มันจะไม่ค่อยเป็นใจให้เขาเสียเท่าไหร่นัก ตอนนี้ตัวเขาก็อยากจะขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำเสียจริง ในตอนนี้เหงื่อผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเต็มหน้าค่าตา ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อน
เมื่อคนด้านข้างแนะนำตัวเสร็จ ทุกคนก็หันไปมองเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง ที่ยังไม่ยอมลุกยืนขึ้นแนะนำตัว
คนรอบข้างที่นั่งใกล้ ๆ เห็นเขาเหงื่อไหลไคลย้อยออกมา คล้ายว่าเขาจมอยู่ในอาการเหม่อลอย ความจริงตั้งแต่พี่เต๋า จนกระทั่งเมย์ ตัวเขาเองไม่ได้ฟังชื่อคนที่แนะนำตัวอีกเลย…
กลายเป็นว่ายิ่งนานยิ่งเด่นสะดุดตา ครูวันเพ็ญส่งสัญญาณให้เพื่อนด้านข้างสะกิดเขาเสียหน่อย
เด็กหนุ่มที่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวก็ผงะลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน จนทำให้เป้ากางเกงของเขากระแทกเข้ากับโต๊ะ ทำเอาตัวเขาบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด ส่วนทางเพื่อน ๆ ที่อยู่ในห้อง ก็ยิ่งส่งเสียงหัวเราะกันยกใหญ่
“นี่กูกลายเป็นตัวฮาประจำห้องไปเสียอย่างนั้น!?” เขาจุก จนแทบพูดไม่ออก
หลังจากที่ทนฝืนความเจ็บปวดได้นิดหน่อย เขาจึงกัดฟันกรอดรวบรวมความกล้าที่มีมาตั้งแต่เกิด…อีกครั้ง
เพียงแต่ว่าดูเหมือนมันจะถูกใช้ไปในตอนเช้าเสียเยอะแล้ว นั่นจึงทำให้เขาต้องพูดแบบตะกุกตะกัก
“เอ่อ.... สวัสดีครับทุกคน ผมเด็กชาย...เสือ...น...นะ..น้อยครับ นามสกุล ร่มไม้เย็น ชื่อเล่นก็...สะ....เสือน้อยเหมือนกันครับ” เสียงเขาแผ่วลงอย่างชัดเจน เมื่อถึงประโยคหลัง ๆ
เพื่อนในห้องก็หัวเราะดังลั่น บางคนก็หัวเราะคิกคักแบบเบา ๆ แต่ที่แน่ ๆ เด็กหนุ่มได้ยินเสียงแว่วออกมาเป็นระยะ เพราะหลาย ๆ คนต่างก็คิดว่าไอ้หมอนี่มันตลกจังแฮะ
ครูวันเพ็ญก็เช่นกันเธอกลั้นหัวเราะ ก่อนจะสวมบทบาทครูพูดขึ้นว่า “ชื่อก็น่ารักดีออก แถมยังน่าเอ็นดูด้วยไม่เห็นต้องอายเลย” เธอส่งยิ้มให้กำลังใจ
ก่อนจะพูดต่อว่า “เชิญนั่งได้แล้วจ้ะ!”
เสือน้อยเมื่อได้ยินก็โล่งใจ คล้ายคนกลั้นฉี่มานานได้ไปปลดทุกข์ จึงรีบนั่งลงส่วนมือขวาไม่ลืมปาดเหงื่อบนหน้าผาก จนน้ำเหงื่อไหลออกมาเต็มมือเต็มข้อศอก
เขาบ่นอุบในใจ “ไอ้บ้าเอ๊ย! ชื่อแต่ละคน ถ้าไม่ใช่เทพเจ้า ก็เป็นพระเอก หรือความหมายดี ๆ ทั้งนั้น มีแค่เราเด่นสะดุดตาอยู่คนเดียวเลย!”
พอนึกถึงพ่อที่เคยเปรย ๆ ว่าชื่อเขาจำง่ายไม่เหมือนใคร แม่ก็บอกในทำนองเดียวกันว่าน่ารักจะตาย พร้อมหยิกแก้มเขาเมื่อครั้นวัยละอ่อน เมื่อคิดถึงตรงนี้ดูเหมือนจะเป็นยาทำใจ ซึ่งทำให้เขาหายจากอาการหดหู่และยืดอกขึ้น พร้อมยิ้มเจื่อนสู้สายตาของทุกคน…
เสือน้อยมองเห็นบางคนยิ้มตาใสใส่เขา ตัวเขาก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ส่งกลับคืน เสียงหัวเราะเริ่มจางหาย ส่วนทางครูวันเพ็ญจึงพูดต่อไปว่า “เชิญคนต่อไปเลยจ้ะ”
เสือน้อย ใช้ผ้าเช็ดหน้าเริ่มซับเหงื่อบนหน้าผากซ้ำอีกครั้ง!
คนชื่อเมย์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าหัวเราะคิกคักเสร็จก็แซวขึ้นว่า “นี่เสือน้อย ใครเป็นคนตั้งชื่อให้เธอเหรอ?” เมย์หันมาแอบกระซิบถาม
ครั้นเสือน้อยเมื่อได้ยินคำถามนี้เขาก็ตอบไปตามตรง “พ่อเป็นคนตั้งให้น่ะ”
นึกย้อนกลับไปยันตอนเกิดที่พ่อแม่เล่าให้ฟัง ว่าทำไมพ่อ…ถึงต้องตั้งชื่อนี้ให้กับเขา!
……
ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีก่อน ในปีพุทธศักราช 2535
ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บ้านทรงไทยสวยงามยกใต้ถุนสูง ออกแบบตามฉบับบ้านใกล้ริมแม่น้ำ
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งดูอายุราว ๆ เกือบจะสามสิบกว่าปี รูปร่างสูงโปร่ง มองเผิน ๆ คล้ายพี่ป้อม ของวงอัสนี-วสันต์ กำลังนั่งวาดภาพอยู่
ในมือถือพู่กันคอยแต่งแต้มสีสัน ส่วนรอบด้านเต็มไปด้วยถาดสีน้ำต่าง ๆ ที่ผสมไว้...
ใช่แล้วเขาเป็นจิตรกรฝีมือดีคนหนึ่ง แถมยังมีชื่อเสียงในวงการไม่น้อยเลย
ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เคยผ่านการรับงานวาดภาพจิตรกรรมฝาผนัง ตามโบสถ์ต่าง ๆ มาเยอะแยะ เรียกได้ว่ามีงานมาไม่ขาดสาย ‘ขัดกับคำว่าศิลปินไส้แห้ง’ ที่ชาวบ้านมักเอามานินทาไปไกลโข…
สายตาของชายหนุ่มคอยเหลือบไปมองด้านข้างอยู่เป็นระยะ ๆ ในบ้านมีแม่บ้านสูงวัยอยู่คนหนึ่ง เธอกำลังช่วยนวดเท้าให้กับหญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอด เพราะในช่วงนี้อารมณ์ของหล่อนขี้หงุดหงิดนักแหละ
ด้วยเพราะท้องโตใกล้คลอดอยู่เต็มที เธอจึงใช้สิทธิ์ลาคลอดของบริษัทมาได้เดือนกว่า ๆ แล้ว
จากนักเขียน : ความรู้สึกประมาณว่า พออ่านข่าวแล้วเจอชื่อคนในข่าว ในพาดหัว และพยายามที่จะสะกด จนแล้วจนรอดก็ได้แต่คิดในใจว่า “สรุปมันอ่านว่าอะไรวะ?”
และผมเชื่อว่าท่านนักอ่านหลาย ๆ คนก็เคยประสบพบเจอ…ซึ่งในบางครั้งยังสะกดชื่อแปลก ๆ ไม่ถูกเลย
ปล.ใครมีชื่ออ่านยาก…ยกมือขึ้น! ฮึฮึ