ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
รัก,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,เล่าประสบการณ์,ตลก,พล็อตสร้างกระแส,Y2K,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,เจ้าแผนการ,นักธุรกิจ,คนในฝัน,รวยตั้งแต่ยังเด็ก,สร้างตัว,สายเปย์,มาเฟีย,ตัวพ่อ,โรงเรียน,พล็อตไม่ซ้ำใคร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสือเจ้าพระยา | ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า (อ่านฟรี!)ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
เสือเจ้าพระยา ภาคที่ 1 | จับเสือมือเปล่า!
- ที่มาของชื่อเรื่อง -
ซ้ายเด่นสง่าเสือเจ้าพระยา ขวาดาราประดับฟ้าเพริศแพร้ว
สองเพชรงามน้ำหนึ่งเมืองบัวแก้ว ผู้ผ่องแผ้วคู่แคว้นแดนประทุม
………
นิยายเรื่องนี้จะเป็น ‘แนวสร้างตัว’ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องผสมผสานไปด้วยมุกตลก และสอดแทรกไว้ด้วยสาระ โดยที่ได้อิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบนโลก ในภาคนี้จะมุ่งเน้นไปที่การปูพื้นฐานตัวละคร และก็โครงเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยนิยายจะเล่าย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2548 เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีชื่อว่า “เสือน้อย” นับตั้งแต่เจ้าตัวได้เข้ามัธยมต้นในภาคที่ 1 จนกระทั่งเรียนจบมหาลัย ในภาคที่ 5
ผู้เขียนเชื่อว่าท่านนักอ่านนั้น ‘มีลิมิต’ ในการยอมรับนิยายสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นในตอนที่ 24 “คนขี่ควาย” ก็อาจช่วยให้ท่านตัดสินใจง่ายขึ้น แน่นอนหากว่าท่านอ่านเต็มภาคได้ย่อมจะดีที่สุด
“ใครจะไปคิดว่าควายจะเปลี่ยนชีวิตคนได้?” ทองสุขเจ้าควายตัวแสบ ถูกพ่อหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยให้ลูกชายได้ฉุดคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ และมันได้จุดประกายความคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันไปตลอดกาล
♪
บทเพลงที่ใช้เปิดนิยายเรื่องนี้ คือ ‘เพลงบ้าหอบฟาง’ ของวงอัสนี-วสันต์
หอบฟางหอบฟางไปไหน ทำไมถึงต้องหอบฟาง
หอบกันจริงๆจังๆ หอบกันรุงรังหอบฟาง
♪
#พล็อตไม่ซ้ำใคร #นักธุรกิจร้อยล้าน #นักรักตัวพ่อ #มาเฟีย
นิยาย 5 ภาค/เล่ม(จบ) | จำนวน ≈643,202 คำ - [มี E-Book]
[--- อ่านฟรีรวม 150 ตอน! ---]
ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า
(อ่านฟรีทั้งภาค!)
ภาคที่ 2 เสือไว้ลาย
(ฟรีตอนที่ 57-87)
ภาคที่ 3 หน้าเนื้อใจเสือ
(ฟรีตอนที่ 116-131)
ภาคที่ 4 ชาติเสือจับเนื้อกินเอง
(ฟรีตอนที่ 186-207)
ภาคที่ 5 เสือหมอบ
(ฟรีตอนที่ 251-275)
(จบบริบูรณ์)
คำโปรย
เด็กหนุ่มผู้แผ้วถางป่าดงอันรกเรื้อ...
“ใช้สองมือกวาดพงสร้างทางฝัน สองเท้าย่างก้าวพลันสู่จุดหมาย
ขีดเขียนโชคชะตาด้วยใจกายยืนหยัดอย่างผึ่งผายด้วยคุณธรรม”
อุปสรรคนานัปการ…จะหล่อหลอมให้เขา กลายเป็นคนแกร่ง!
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลวิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 20 เกมชิงบัลลังก์ของจ่าฝูง!
เสือน้อยเงยหน้ามอง เขารู้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องทำนองนี้ สำหรับเสือน้อยที่เป็นพวกบ้ากำลัง ถ้าจะพูดถึงใครในห้องที่ชื่นชอบใช้ความรุนแรงคงไม่พ้นเขา หากแต่เขาเรียนรู้ที่จะเก็บงำประกาย ไม่ให้มันเด่นสะดุดตาก็เท่านั้น!
เพราะว่าไม้ที่เด่นเกินพงไพร ย่อมต้องต้านทานรับแรงลมฝน หรือจะกล่าวได้อีกอย่างว่า อย่าเด่นจะเป็นภัย นั้นเหมาะกับเขานักแล
“เอ่อ…ก็พอตัวนะ!” เสือน้อยยิ้มตอบแบบกวน ๆ คนรอบข้างสะดุ้ง บรรยากาศเริ่มระอุขึ้นมาทันที
เสือน้อยลุกขึ้นยืน “กูก็ได้ยินมาบ้างนะว่าพวกมึงไม่ชอบกู…แต่ว่ากูก็อยู่ของกูเฉย ๆ ไปหาเรื่องพวกมึงตอนไหนวะ?”
เปรมตอบ “แค่ไม่ชอบขี้หน้ามึงแค่นี้พอไหม ถ้าจะให้หาเหตุผลก็เป็นเพราะมึงขี้เก๊กอะ!” อีกเหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขาร้องเหมียว ๆ ยั่วอีกฝ่าย อีกฝ่ายไม่สนใจทั้งยังส่งยิ้มกลับคืนมาให้
“และที่กูไม่ชอบที่สุดก็คือ เวลาที่มึงยิ้มบอกตรง ๆ”
เสือน้อยเลิกคิ้วข้างหนึ่งพูด “แค่เนี่ย…?” ภายในใจของเขาก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าตนได้ทำผิดตรงไหน
จึงตอบไปตามสัตย์จริง “กูยิ้มให้พวกมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว ถ้าเอารองเท้าปามันจะเป็นยังไงวะ...พวกมึงบ้าหรือเปล่า?” เขาพยายามอธิบาย
“ถ้าปารองเท้าใส่พวกกู มึงก็คงได้เละคาตีนของพวกกูนี่แหละ!?” น้ำเสียงดุดันของเปรมเริ่มดังขึ้น
“เละคาตีนพวกมึง?” เสือน้อยหัวเราะ “ยังไม่ลองจะรู้ได้ไงวะ…ว่าใครเป็นหมู่ใครเป็นจ่า?”
เสือน้อยไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป “เอาไงดีล่ะ? จะเอาตรงนี้เลยหรือที่ไหนดี พวกมึงเข้ามาพร้อมกันสองคน เลยกูต่อให้” เขาฉีกยิ้มสองมือกอดอก
เพื่อน ๆ ร่วมห้อง ก็สงสัยไอ้หมอนี่มันไปเอาความกล้ามาจากไหน? มันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไร?
เสือน้อยตัดบท “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน...พวกมึงไปเจอกันซอยข้างโรงเรียน เดี๋ยวเรียนเสร็จไปกันเลย!” เสือน้อยหันไปมองเพื่อน ๆ ร่วมห้อง
สองเด็กหนุ่มเมื่อได้ยินดังนั้นจึงโกรธเพราะคำว่า “เข้ามาพร้อมกันสองคน!”
นี่มันไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยนี่หว่า! “ได้...เดี๋ยวมึงเจอกู” ก่อนจะหันไปขู่ใส่เพื่อนร่วมห้อง “ใครปากดีเอาไปฟ้องครู...เจอกูแน่!” วาสุเทพพูดจาข่มขู่
หลังจากได้เวลานัดหมาย ทั้งสองฝ่ายก็เดินตามกันมา ฝ่ายเพื่อนร่วมห้องที่อยากรู้อยากเห็นก็ตามมาด้วยกันเกือบทั้งห้อง เสือน้อยได้บอกให้เพื่อนช่วยยืนกระจาย ๆ ตัวกัน เพื่อที่จะได้บังไม่ให้คนอื่นเห็นเหตุการณ์
เสือน้อยแสยะยิ้ม “มาเลย…เข้ามาพร้อมกันเลยพวกมึงอะ!” เขาบอกพวกมันตามตรง
“นี่มึงพูดเองนะ” จากนั้นเปรมก็พุ่งปรี่เข้าไปหาเสือน้อยก่อน แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกเสือน้อยถีบกระเด็นออกมา
ส่วนทางด้านวาได้เตรียมจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ใบหน้า กลับถูกเสือน้อยเบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงที ก่อนจะถูกสับศอก ย้อนกลับเข้าที่ลำตัวอีกฝ่าย
วาสุเทพจุกจนเอามือกุมท้องไว้ เพราะตอนนี้ตัวเขาแทบจะสำรอกออกมา
“นี่มันเรี่ยวแรงราวกับควายชัด ๆ” มีคนบ่นขึ้น
พอเปรมลุกขึ้นได้ ก็เดินตั้งท่าเข้ามาหาเขา…อย่างพอจะมีชั้นเชิงอยู่บ้าง
แต่เสือน้อยก็กลับรุกเข้าหา ประดุจหมาป่ากระโจนใส่เหยื่อ เขาจับแขนที่พึ่งออกหมัดมาของอีกฝ่ายกำไว้แน่น ก่อนจะปล่อยหมัดเสยเข้าที่ปลายคาง ทำเอาเลือดซึมออกจากจมูกและก็ปาก
ทางด้านวาที่โดนสับศอกไว้ยังไม่ทันหายดี เขาเจ็บจริง ๆ ที่บริเวณชายโครงกระดูก
เสือน้อยยังเตะข้อพับ ที่ขาขวาของอีกฝ่ายอย่างแรงจนร่วงลงไป ตัวเขาเองอารมณ์ไม่ดี และก็เขาไม่เคยปรานีคู่ต่อสู้ จึงได้เตะเข้าชายโครงอีกฟากหนึ่งของวา พร้อมพูดเสียงดังขึ้นว่า “ลุกขึ้นมา!”
……
หนุ่มน้อยเดินวนรอทั้งสองฟื้นตัวอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นทำทีจะลุก จึงกระทืบซ้ำเข้าที่ท้อง ส่วนของเปรมเขาก็จับแขนของอีกฝ่ายขึ้นมา ดึงกระชากจนแขนหลุด เสือน้อยยังไม่ลืมกระทืบซ้ำจนอีกฝ่ายน่วม จนไม่รู้จะน่วมยังไงแล้ว!
ตั้งแต่ต้นจนจบ ดูว่าเหมือนเสือน้อยจะไม่เหนื่อยเลย ซึ่งบรรดาเพื่อนร่วมห้องจึงมองเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
ส่วนทางด้านเสือน้อยนั้น เขาก็จงใจไม่เล่นงานบริเวณใบหน้า เพราะมันมีเหตุผลสำคัญคือ ใบหน้ามันปกปิดไม่ได้ หากบอบช้ำมากจนเกินไป เพราะเดี๋ยวอีกฝ่ายหาทางลงไม่ได้
ก่อนจะก้มลงไปบีบปาก “เอาไงดีนะ นี่จะไปฟ้องพ่อฟ้องแม่มั้ยนะ? อุ๊ย! ถ้ามึงฟ้องก็คือไอ้ลูกแหง่ ว้าย…ไอ้ลูกแหง่…ไอ้ลูกแหง่” เขาได้พูดดักทางอีกฝ่ายไว้
และถ้าอีกฝ่ายทำอย่างนั้น ศักดิ์ศรีที่ได้สั่งสมมาก็คงจะมลายหายหมด และคนก็จะเลิกคบพวกเขาอีกด้วย
เสือน้อยก็ยิ้มหันไปมองเพื่อน ๆ รอบข้าง “เห็นว่ามีบางคนไม่ชอบใจกู ไม่สู้เข้ามาทีเดียวเลยดีกว่ามั้ย? มันจะได้ไม่ต้องเสียเวลานัดชกกันใหม่” เขายังไม่สาแก่ใจจริง ๆ เพราะอีกฝ่ายมันกระจอกเกินไป อวดดีเกินไป
จึงพยายามหาเหยื่อใหม่ ๆ ก่อนชี้ไปที่เพื่อนร่วมกลุ่มของไอ้สองตัวนี้ “มึงอะ…ไอ้สาม เอามั้ย? เข้ามาเลย กล้า ๆ หน่อยสิวะเพื่อน!?” เสือน้อยโบกมือเชื้อเชิญ พร้อมทำสีหน้าดูถูก
เมื่ออยู่ท่ามกลางสายตาเพื่อน ๆ ย่อมทำเอาเด็กหนุ่มทำสีหน้าไม่ถูก จึงเกิดอาการหัวร้อนขึ้นมาทันที วางกระเป๋าก่อนพุ่งเข้าใส่ พยายามที่จะลากอีกฝ่ายให้ลงนอนปลุกปล้ำบนพื้นให้จงได้
แต่ดันถูกเข่าของเสือน้อยกระทุ้งเข้าที่ท้องน้อย จนลอยตัวขึ้นมาเล็กน้อย สามทนไม่ไหวจึงสำรอกออกมาทันที
หลังจากรออีกฝ่ายอ้วกเสร็จเสือน้อยก็เตะเข้าที่น่องอย่างแรง จนอีกฝ่ายร้องโหยหวน และยังไม่ลืมแถมให้อีกสองคนที่อยู่ตรงนั้น…
“ใครฟ้องพ่อฟ้องแม่ ฟ้องครูเป็นลูกหมาบ๊อก ๆ” เสือน้อยมองสามคนนั้น และหันไปมองเพื่อน ๆ ของสามคน ก่อนบอกว่า “ต่อไปนี้ใครข่มขู่ไถตังค์เพื่อนโดนกูแน่! ใครโดนแกล้งมาบอกได้เลย…เดี๋ยวไอ้เสือน้อยคนนี้ปกป้องเอง”
เสือน้อยไม่ลืมซื้อใจเพื่อนในห้องที่ถูกแกล้งมาหลายสัปดาห์ ตัวเขาได้ตบอกสัญญาบอกเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนที่จะพาเพื่อน ๆ ร่วมกลุ่มเดินจากไป และปล่อยให้ทั้งเจ้าสามคนนอนจมกองอ้วกอยู่ตรงนั้น
……
เช้าวันรุ่งขึ้นเสือน้อยที่ไม่เคยกลัวการมีเรื่อง จึงมาเรียนปกติกลับกลายเป็นทั้งสามคน ที่กลัวหัวหดอีกทั้งยังเจ็บไปทั้งตัว จึงได้อ้างพ่ออ้างแม่บอกไม่สบายขอลาป่วย
สายตาของบรรดาเพื่อน ๆ ที่จับจ้องเสือน้อย ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นความเคารพยำเกรงอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่นับถือบูชาการใช้กำลังยิ่งแล้วใหญ่ กลุ่มทั้งกลุ่มของเปรม-วาก็สลายตัวกระจัดกระจาย
สมชายหลังจากเห็นเสือน้อย ที่ต่อยเพื่อนร่วมห้องสามคนเสร็จก็เดินจากไป จึงอดนึกถึงคำของเพื่อนอย่างไอ้เข้มที่พูดเอาไว้ไม่ได้
ในวันนั้นเข้มพูดว่า “นี่มึงรู้ไหมที่โรงเรียนเก่าของกู ทั้งพวกครูรวมไปถึง ‘พระครู’ และเพื่อนร่วมโรงเรียนรู้จักไอ้เสือแม่งแทบทุกคน พระครูที่โรงเรียนบอก ประโยคหนึ่งที่จำขึ้นใจกูได้เลย…แค่มันไม่ไปหาเรื่องใครก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว!”
และอีกประโยคหนึ่ง “อยู่ ๆ กันไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละ เออแต่เตือนพวกเอ็งก่อนนะ อย่าไปหาเรื่องมันจะดีที่สุด!”
เขาจึงโทรไปหาไอ้เข้มถามเรื่องเกี่ยวกับเสือน้อยในทันที และพอเข้มได้รู้ข่าวก็หัวเราะร่าดูไม่ยี่หระ แถมยังไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม สมชายพยายามชวนถามโน่นนี่ แต่เข้มก็ตอบส่ง ๆ
สิงหา : วันนี้มึงว่าพวกมันจะมาเรียนหรือเปล่า?
เอส : ถ้ามันมาไหวก็แปลกแล้ว…
ต่าย : แล้วถ้ามันไปฟ้องพ่อฟ้องแม่ขึ้นมาจะทำยังไง?
เสือน้อย : สามรุมหนึ่ง มึงคิดว่ายังไงอะ? ไหนจะเรื่องไถตังค์เพื่อนอีก แกล้งเพื่อนอีก วัวสันหลังหวะ ทำได้แค่รอโดนเชือดเท่านั้น
สี่หนุ่มครุ่นคิด...
สมชาย : และพวกมันกลับมาเรียนจะทำยังไงกับพวกมัน?
เสือน้อย : เอ่อ...ต่างคนต่างอยู่ หรือไม่ก็ดูท่าทีของมันก่อน
......
หลายวันต่อมาพ่อพาเพื่อนที่เป็นสัตวแพทย์มาบ้าน ขอให้ช่วยสอนพวกเขาเลี้ยงควาย เสือน้อยเคยเจอหน้าลุงแกมาก่อน เป็นเพื่อนเก่าพ่อชื่อลุงพุ้ยเปิดคลินิกรักษาสัตว์อยู่...
ลุงพุ้ยก็มาตรวจอาการเจ้าควายเบื้องต้น ลุงเองก็รับตรวจดูแลวัวควายให้ฟาร์มใหญ่ ๆ อยู่แล้ว สำหรับแกแล้วแค่นี้เรื่องจิ๊บ ๆ ยิ่งไปกว่านั้น
พอเพื่อนบอกว่าโดนเชิดเงินไปจึงสงสารเห็นใจ จึงมาถ่ายทอดประสบการณ์เลี้ยงควายให้ เช่น ควายชอบที่แฉะ ชอบกินอะไร ควรให้มันกินอะไร ฯลฯ
ลุงพุ้ยก็พูดแนะนำว่าถ้าเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงก็ให้ดูแลแบบนี้ แต่ถ้าหากจะเลี้ยงมันเพื่อขุนก็จะกลายเป็นอีกแบบเลย และทิ้งท้ายด้วยว่า “หากมีอะไรก็โทรไปถามแกได้ตลอด…”
หลังจากตรวจอาการควาย และให้คำแนะนำคนทั้งครอบครัว และแม่บ้านทั้งสอง แถมลุงก้านด้วยที่มานั่งฟังเอาความรู้ เอาประสบการณ์
แม่บ้านทั้งสองพี่แหม่มกับพี่นาง ดูเหมือนจะมีงานเพิ่มขึ้นมาใหม่ และนี่รวมไปถึงช่วยเลี้ยงควายด้วย
แม่บ้านทั้งสองนั้นมีรายได้เสริมเสมอ ทั้งช่วยแม่เตรียมอาหารไปขาย และเตรียมวัตถุดิบไปทำอาหาร แม่ชบาจะแยกรายได้ส่วนนี้ออกจากเงินเดือนประจำ
เธอคิดว่าไม่ควรเอาเปรียบลูกจ้างเหมือนครั้งที่เธอเคยโดน
ส่วนมากแม่บ้านทั้งสองจึงอยากช่วยเตรียมวัตถุดิบ ช่วยแม่ชบารอบหนึ่งก่อน ส่วนลูกน้องแม่ที่ร้านก็แยกเป็นอีกชุด พวกเธอจึงรู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดี
แม่ชบาเตรียมกับข้าวไว้รับรองแขกเหรื่อ อย่างถึงใจเสมอ เรื่องของธรรมเนียมไทยแท้ ที่ต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อ เธอไม่เคยขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย
ลุงพุ้ยกินอาหารเสร็จก็ชมจากใจจริง “แม่ชบานี่ก็รสมือไม่ตกจริง ๆ สงสัยต้องหาข้ออ้างมาตรวจควายเสียบ่อย ๆ แล้ว”
พ่อผันก็หันไปพูด “เอาจริง ๆ นะโว้ย มาหากูได้เลยกูเหงา ๆ อยู่ช่วงนี้” เขาอยากให้เพื่อนมาจริง ๆ อย่างน้อยก็แค่แวะมาหากัน
พุ้ยก็พูดขึ้น “กูเห็นมึงออกต่างจังหวัดเป็นประจำ เที่ยวไปหาคนโน้นทีคนนี้ที วันก่อน ‘ไอ้ทบ’ ยังโทรมาบอกกูอยู่เลยว่ามึงไปหามันถึงโรงเรียนจปร.”
“กูก็ออกไปหาแรงบันดาลใจไงเพื่อน ส่วนทางไอ้ทบก็เพราะคิดถึงมัน แถมมันอยู่แต่โรงเรียนจปร. นาน ๆ ทีมันถึงจะกลับมาบ้าน และยิ่งช่วงนี้แม่ของมันก็ป่วยกระปอดกระแปด มันยังฝากคนไปดูเลย แถมยังฝากน้องสาวถ้าที่บ้านมีอะไรฉุกเฉิน ก็ให้กูช่วยเหลือหน่อยเท่าที่ทำได้!”
พุ้ยผงกศีรษะรับ “เออ…มันก็มาฝากฝังกูไว้เหมือนกัน มีอะไรก็ช่วย ๆ กัน เพื่อนไม่ทิ้งกันโว้ย!” ก่อนที่พุ้ยจะเกี่ยวคอผันเพื่อนสนิทสมัยมัธยมมากอดคอ
ผันหันไปพูดกับพุ้ย “เอาอย่างนี้สิ ถ้ามึงอยากกินของดี ๆ แบบนี้ ต่อไปก็แวะมาเดือนละครั้ง หรือไม่ก็สองเดือนครั้ง แล้วแต่มึงเลยเพื่อน”
ผันตบที่ไหล่เบา ๆ ยิ้มด้วยความจริงใจที่สะท้อนผ่านแววตา หลังคุยกันอยู่นานพุ้ยก็ได้ขอแยกย้ายกลับบ้านไป
เสือน้อยมานั่งนอนเปลที่บ้านสวน เขาได้ตั้งชื่อให้บ้านที่ได้มาหลังนี้ใหม่เจ้าทองสุขก็เดินช้า ๆ มานั่งนอนข้าง ๆ มือหนึ่งก็ลูบหัวมันไปพลาง อีกมือก็เปิดการ์ตูนอ่าน
เจ้าทองสุข ก็เริ่มอยู่ดีกินดี ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ว่าง ๆ ลุงก้านก็จะพามันไปเที่ยวออกกำลังกาย บางทีพี่นางก็จะมาอาบน้ำให้มัน อย่างมากก็ฉีดน้ำ
นาน ๆ จึงจะถูตัว ส่วนมากเสือน้อยจะเป็นคนทำเอง เพราะว่าเจ้าควายตัวนี้ มันติดเสือน้อยอย่างกับกะละแม และยิ่งถ้าได้เจอกับแม่ชบาก็ยิ่งวิ่งเข้าไปออดอ้อนยกใหญ่