ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
รัก,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,เล่าประสบการณ์,ตลก,พล็อตสร้างกระแส,Y2K,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,เจ้าแผนการ,นักธุรกิจ,คนในฝัน,รวยตั้งแต่ยังเด็ก,สร้างตัว,สายเปย์,มาเฟีย,ตัวพ่อ,โรงเรียน,พล็อตไม่ซ้ำใคร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสือเจ้าพระยา | ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า (อ่านฟรี!)ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
เสือเจ้าพระยา ภาคที่ 1 | จับเสือมือเปล่า!
- ที่มาของชื่อเรื่อง -
ซ้ายเด่นสง่าเสือเจ้าพระยา ขวาดาราประดับฟ้าเพริศแพร้ว
สองเพชรงามน้ำหนึ่งเมืองบัวแก้ว ผู้ผ่องแผ้วคู่แคว้นแดนประทุม
………
นิยายเรื่องนี้จะเป็น ‘แนวสร้างตัว’ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องผสมผสานไปด้วยมุกตลก และสอดแทรกไว้ด้วยสาระ โดยที่ได้อิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบนโลก ในภาคนี้จะมุ่งเน้นไปที่การปูพื้นฐานตัวละคร และก็โครงเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยนิยายจะเล่าย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2548 เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีชื่อว่า “เสือน้อย” นับตั้งแต่เจ้าตัวได้เข้ามัธยมต้นในภาคที่ 1 จนกระทั่งเรียนจบมหาลัย ในภาคที่ 5
ผู้เขียนเชื่อว่าท่านนักอ่านนั้น ‘มีลิมิต’ ในการยอมรับนิยายสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นในตอนที่ 24 “คนขี่ควาย” ก็อาจช่วยให้ท่านตัดสินใจง่ายขึ้น แน่นอนหากว่าท่านอ่านเต็มภาคได้ย่อมจะดีที่สุด
“ใครจะไปคิดว่าควายจะเปลี่ยนชีวิตคนได้?” ทองสุขเจ้าควายตัวแสบ ถูกพ่อหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยให้ลูกชายได้ฉุดคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ และมันได้จุดประกายความคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันไปตลอดกาล
♪
บทเพลงที่ใช้เปิดนิยายเรื่องนี้ คือ ‘เพลงบ้าหอบฟาง’ ของวงอัสนี-วสันต์
หอบฟางหอบฟางไปไหน ทำไมถึงต้องหอบฟาง
หอบกันจริงๆจังๆ หอบกันรุงรังหอบฟาง
♪
#พล็อตไม่ซ้ำใคร #นักธุรกิจร้อยล้าน #นักรักตัวพ่อ #มาเฟีย
นิยาย 5 ภาค/เล่ม(จบ) | จำนวน ≈643,202 คำ - [มี E-Book]
[--- อ่านฟรีรวม 150 ตอน! ---]
ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า
(อ่านฟรีทั้งภาค!)
ภาคที่ 2 เสือไว้ลาย
(ฟรีตอนที่ 57-87)
ภาคที่ 3 หน้าเนื้อใจเสือ
(ฟรีตอนที่ 116-131)
ภาคที่ 4 ชาติเสือจับเนื้อกินเอง
(ฟรีตอนที่ 186-207)
ภาคที่ 5 เสือหมอบ
(ฟรีตอนที่ 251-275)
(จบบริบูรณ์)
คำโปรย
เด็กหนุ่มผู้แผ้วถางป่าดงอันรกเรื้อ...
“ใช้สองมือกวาดพงสร้างทางฝัน สองเท้าย่างก้าวพลันสู่จุดหมาย
ขีดเขียนโชคชะตาด้วยใจกายยืนหยัดอย่างผึ่งผายด้วยคุณธรรม”
อุปสรรคนานัปการ…จะหล่อหลอมให้เขา กลายเป็นคนแกร่ง!
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลวิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 29 เพื่อนมาเยี่ยม…เสือบอกรัก!
โดยปกติแม่จะขายเฉพาะช่วงตอนเย็นคนเลิกงานเท่านั้น ช่วงกลางวันก็ให้ลูกจ้างเตรียมปรุงอาหารไว้ แต่ในวันนี้ทั้งช่วงเช้ากลางวันเย็น
ดูเหมือนร้านแม่ชบาจะยุ่งอยู่ตลอด แถมยังได้รับแม่ครัวมาเป็นการเฉพาะอีกหลายคน
ดังนั้นแม่จึงแยกบัญชีร้านตามประสานักบัญชี เธอจึงสอนลูกหมี เกี่ยวกับการทำบัญชี เพราะจะคาดหวังให้เจ้าเสือน้อยมันทำคงยากน่าดู แต่ก็ใช่ว่าเธอไม่เคยสอน ตัวเสือน้อยเองก็ทำบัญชีคร่าว ๆ เป็น แต่ไม่ละเอียดแบบเธอ
ส่วนลูกหมีก็ซื้อโน้ตบุ๊กมาใหม่ ใช้ Excel ในคอมช่วยทุ่นแรงได้เยอะ และเสือน้อยเป็นคนแนะนำวิธีนี้มาแก้ปัญหา
……
นักมวยส่วนใหญ่ที่อยู่ก็มีคิวขึ้นชก หรือไม่ก็เตรียมตัวก่อนถึงวันแข่ง เสียงเตะกระสอบทรายดังถี่ ๆ พร้อมเสียง “ชี่” ออกจากปากของนักมวยเป็นระยะ ๆ
กลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนมาเห็นบรรยากาศของจริง ก็ชวนกันตกตะลึง บนเวทีเจ้าเพชรที่พึ่งเลิกเรียนหมาด ๆ ก็พันมือใส่นวมขึ้นชกเป้าล่อกับพี่เลี้ยง โดยมีครูเด่นชัยยืนกำกับอยู่ด้านล่าง
ทุกคนเหมือนไม่สนใจว่ามีกลุ่มคนหน้าใหม่มาเท่าไหร่ ใครที่มีหน้าที่ต่างก็ทำงานของตัวเองไป เสือน้อยเดินพาเพื่อนชมค่ายอย่างกับบ้านของตัวเอง
และเมื่อเห็นเวทีหนึ่งว่างอยู่ พวกเพื่อน ๆ ก็เอ่ยปากอยากลองของสักหน่อย ทางด้านเสือน้อยก็ได้ตะโกนขออนุญาตครูเด่นชัยอยู่สองสามคำ ก่อนจะไปหยิบนวมต่อยมวย กับเป้าล่อมาให้เพื่อน ๆ ลองของ
“มา! เข้ามาทีละคนเดี๋ยวกูถือเป้าล่อให้” เสือน้อยอธิบายวิธีการให้ฟัง หลังจากนั้นพวกเพื่อน ๆ นั้นก็ลองของกันคนละไม่กี่ทีก็หอบหมดแรงลงไปจากเวทีแต่โดยดี
เพื่อน ๆ ก็ถามว่า“ที่นี่เขารับสอนมวยมั้ยวะ?”
“เคยรับอยู่ มีกูคนเดียวนี่แหละที่ไปจ้างครูแกมาสอน ส่วนใหญ่ครูแกจะปั้นนักมวยขึ้นชกเสียมากกว่า พวกเด็กที่บ้านอยู่แถว ๆ นี้ก็มาฝึกเตะต่อยกระสอบทรายแต่เด็ก คนไหนมีแววและมุ่งมั่น ครูเด่นชัยแกก็จะปั้นขึ้นชก”
เปรมถามด้วยคำถามที่อยากรู้มานาน “แล้วมึงเคยขึ้นชกหรือเปล่าวะ?”
เสือน้อยยกยิ้มมุมปาก “เคยสิ!”
จนพวกเพื่อน ๆ อดถามบรรยากาศไม่ได้ เช่นตอนไปชกตื่นเต้นมั้ย เจ็บตัวมากมั้ย?
เขาก็ตอบว่า “เอ่อ…ก็ตื่นเต้นนะ ส่วนไอ้คำว่าเจ็บกับนักมวยเนี่ยมันของคู่กันเลยนะ ถ้ามึงทนเขาต่อยไม่ได้ ร่วงตั้งแต่ยกแรกแล้ว!”
เขายังนึกไปถึงเทอมก่อน ที่ชกกับไอ้หมาหมู่ห้าตัว มีหมักชกเข้ามาที่ท้องและที่ขมับเขา แต่สำหรับเขาแล้วที่ฝึกทนมือทนตีนมาแต่เด็ก จึงไม่มีปัญหาเท่าไรนัก
ทั้งกลุ่มขึ้นมาบนบ้าน ทางแม่บ้านถามไว้แล้วว่าจะกินข้าวที่นี่ดี หรือว่าจะห่อกลับบ้าน? พวกเธอถามก่อนที่เสือน้อยพาเพื่อนไปดูทองสุขและค่ายมวย ทั้งกลุ่มก็ตอบอย่างเกรงใจว่าเอากลับบ้านดีกว่า ดังนั้นแม่บ้านทั้งสองก็มัดใส่ถุงสำรับอาหารที่เตรียมไว้ส่งให้ทุกคนในกลุ่ม ก่อนแยกย้ายกันเดินไป
เสือน้อยติดใจคำพูดของเพื่อน “ที่นี่เขารับสอนมวยมั้ย?” ความจริงแล้วถ้าเปิดสอนมวยให้คนที่อยากเรียนมันก็จะเป็นรายได้พิเศษ แต่อารมณ์ครูเด่นชัยค่อนข้างสุดโต่งไปสักหน่อยถ้าเงินไม่ดีแบบเขา หรือไม่สนิทกันก็จะไม่สอนให้ ไม่ถ่ายทอดวิชาให้
ครูเด่นชัยแกหวัง เงินชกบนเวทีและแทงมวยเสียมากกว่า โดยเฉพาะตอนเขาขึ้นชกยังจำได้ครูเล่นแทงเขาหมดตัว พ่อมาบอกทีหลังทำเอาเขา…ใจหายแวบแต่ปรากฏว่าแกหอบเงินก้อนใหญ่กลับมาทุกที
……
พอตอนเย็น ๆ พ่อผันก็ชวนเสือน้อยคุยเรื่องเกี่ยวกับเหมือนฝัน
บอกว่า “ถ้าชอบก็ลองไปสารภาพเขาเลยถ้าเขาไม่ชอบก็อย่าเสียใจขอเป็นเพื่อนกันไปก่อน เพราะว่าถ้าผู้หญิงไม่มีใจก็ไม่สู้ไปจีบคนอื่นเสียดีกว่า อย่าไปตื๊อผู้หญิงเขาจะรำคาญเอา…ส่วนถ้าเขาบอกว่ายังไม่พร้อมเราก็ไปลองจีบคนอื่นก่อนดีมั้ย? เรียนรู้ที่จะคบหากันก่อน”
พ่อนิยามช่วงนี้ว่า “ลองคบหาดูใจ…ถ้าไม่ถูกใจถูกจริตกันก็บอกเลิกกันด้วยดี และควรพูดกันให้เข้าใจเป็นอย่างแรก ที่สำคัญ เอออย่าลืมหันมามองคนรอบ ๆ ตัวที่ติดต่อด้วยบ่อย ๆ”
พ่อผันพูดปลุกใจเสือน้อยอย่างจริงจัง สอนวิธีรับมือความผิดหวัง
เสือน้อยที่ถูกพ่อปลุกใจ ความจริงเขาก็อยากถามความในใจแบบที่พ่อบอกฟังผู้รู้ไว้ไม่ผิด ถ้าจีบไม่ติดก็ไปลองคบกับคนอื่นดูก็เท่านั้น
วันรุ่งขึ้นเขาจึงโทรไปหาเหมือนฝันนัดกันมาเจอเลย เพราะเขากลัวว่าถ้าผ่านไปอีกหลายวัน ความกล้าที่สะสมไว้จะหมดไป เขาจึงปลุกหัวใจแห่งความกล้าเตรียมคำพูดพรรณนา มานับร้อยพัน พวกมุขเสี่ยว ๆ ที่เคยส่งไปจีบเขาตัดทิ้งไปได้เลย
เสือน้อยนัดเจอเธอที่บ่อน้ำพุตรงหน้าโรงเรียนที่เขาเจอเธอเป็นครั้งแรก…
รอจนเหมือนฝันมาหาตามที่นัดไว้เธอก็พูดขึ้น “เสือเรามาแล้ว! มีอะไรเหรอ?” พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้
เสือน้อยสีหน้ายิ้มแย้ม ทว่าภายในใจรวบรวมความกล้าหัวใจเต้นระรัว มือไม้สั่น จนต้องเอามือไพล่หลังเพื่อกลบเกลื่อน นั่นเป็นเพราะดวงตาอันสุกสกาวคล้ายกับดวงดารา ที่ยืนอยู่ตรงหน้ากำลังจ้องมองมาที่เขา และสะกดตรึงเด็กหนุ่มให้ต้องมนตร์ทุกทีที่ได้เจอะเจอ…
หลังจากมนตร์ที่สะกดค่อย ๆ คลายลง เด็กสาวโบกมือไปมาตรงหน้าเขา เพื่อดูอาการเหม่อลอยของเสือน้อย หลังจากเธอเอ่ยปากทักทาย กว่าเสือน้อยจะได้สติก็นานไม่ใช่น้อย…
“เอ่อ…เรามีเรื่องจะถามเกี่ยวกับเรื่องฝันนั่นแหละ!” เขารวบรวมความกล้าพูดออกไป
เหมือนฝันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่จริงจัง ต่างไปจากปกติของเด็กหนุ่ม จึงพอจะเดาได้คร่าว ๆ ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?
ก่อนจะได้ยินคำถามดังขึ้น “เหมือนฝันมีคนในใจอยู่แล้วหรือยัง?”
เธอก็ยิ้มจาง ๆ ไม่ผิดจากที่เธอคาดไว้นัก เหมือนฝันยิ้มตอบไปว่า “เรายังไม่มีหรอก...มีแต่คนมาจีบน่ะ!”
“แล้วคิดจะมี...อื้ม...คนสนิท คนดูใจหรือแฟนบ้างหรือยัง?” เด็กหนุ่มเน้นเสียงตรงคำว่าแฟน
เหมือนฝันตอบด้วยความจริงใจ...และออกมาจากใจเธอ “คนสนิทถ้าหมายถึงเพื่อน ๆ ก็มีอยู่แล้ว...ส่วนคนดูใจยังไม่มี ยิ่งแฟนก็ยิ่งไม่มี!” เธอพูดจาฉะฉาน
เสือน้อยถามต่ออีกว่า “แล้วถ้าเราจะขอฝันเป็นแฟนล่ะ?” เขาเริ่มรุกต่ออย่างรวดเร็ว
เหมือนฝันยิ้มจาง ๆ ดวงหน้าแสดงออกว่าเขินอายอยู่ใช่ย่อย “ต...ตอนนี้เรายังไม่พร้อมมีแฟน แต่ถ้าถามว่ามีคนที่ชอบมั้ย...ก็มีอยู่แต่ว่า...”
เสียงแผ่วเบาก็แทรกขึ้น “แต่…ไม่ใช่เราใช่มั้ย?” เสือน้อยยิ้มเจื่อน เขาเตรียมใจที่จะรับความผิดหวังมาไว้แล้ว เธอเป็นถึงดาวเด่นมีคนมารุมล้อมมากมาย แล้วทำไมต้องมาเลือกเขาด้วย
“ใช่!” เธอปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา…ทั้งเหตุผลจากที่บ้านของเธอเองก็ตาม หรือคนในใจก็ตามแต่ เธอหุบยิ้มไปนานแล้วก่อนก้มหน้าปฏิเสธ
“เอ่อ...มันคงจะดีกว่าที่เราจะเป็นเพื่อนกันไปก่อน…ฝันว่าดีมั้ย?” เสือน้อยยังไม่ลืมคำกำชับของพ่อ เพราะว่าวันนี้กับวันพรุ่งนี้มันอาจต่างกันไปก็ได้ อย่าได้เสียความเป็นเพื่อนไปเปล่า ๆ
เสียงสดใสดังขึ้นมาจากเธออีกครั้ง และเงยหน้าสบตาเด็กหนุ่ม “ดีเลย! เราสองคนเป็นเพื่อนกันก่อน...”
แต่เธอก็ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เพื่อไม่ให้เพื่อนชายตรงหน้า เสียใจมากนัก “ส่วนถ้าเสือจะไปจีบใครก็ตามแต่ ถ้าวันไหนเราทั้งคู่ไม่มีใคร...ไม่แน่เราอาจจะได้เป็นแฟนกันก็ได้ ใครจะไปรู้ใช่ไหม?” เธอคลี่ยิ้มสดใสออกมา
เสือน้อยยิ้มรับ “ดีเลย เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรก็ปรึกษาเราได้นะ!” เขาชวนเดินไปคุยไป คุยเรื่องโน้น คุยเรื่องนี้จนไปส่งเธอที่โต๊ะนั่งประจำ
เหมือนฝันหันมามอง แล้วถามว่า “ผิดหวังมั้ย?”
เสือน้อยหันไปสบตา “แน่นอนผิดหวัง...แต่ไม่มาก คงเพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะสมหวังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ตอนนี้การพูดจาของเสือน้อยลื่นไหลกว่าแต่ก่อนมาก ตอนคุยก็มีสอดแทรกความคิดของตัวเองตลอดทาง
ทั้งคู่พูดเรื่อง ‘ดูใจกันไปก่อน’ เสือน้อยยังเล่าติดตลกว่าพ่อแนะนำมาแบบนี้ อย่าปิดกั้นตนเอง
เหมือนฝันก็ถามต่อว่า “ถ้าสมมติได้เป็นแฟนกันแล้ว เราทั้งคู่จะออกมาในรูปแบบไหน?”
เสือน้อยก็ตอบไปตามที่ใจคิดพร้อมแนวทาง “พ่อบอกว่าเราทั้งคู่เป็นความรักแบบปั๊ปปี้เลิฟ เป็นความรักแบบเด็ก ๆ ที่ยังไม่มั่นคงอะไรทำนองนั้นเช่นว่า…” เขาก็บรรยายไปเรื่อย
เหมือนฝันก็สัมผัสได้กลาย ๆ ว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงต่างหาก เพราะตลอดทางตั้งแต่รู้ว่าถูกปฏิเสธเขาก็ไม่มีท่าทีอะไรมาก กลับเปิดใจพูดในส่วนที่เธออยากรู้ ซึ่งที่เสือน้อยหรือพ่อเขาสอนมา ตรงกับครอบครัวเธอมาก
“พ่อแม่คงเหมือน ๆ กันหมดสินะ!” เธอแอบคิดในใจ
“งั้นเราไปก่อนนะ…ไว้เจอกัน!” เสือน้อยโบกมือลา
“อย่าหายหน้าไปล่ะ! เจอก็เข้ามาทักเราได้นะ...” เธอไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไปจึงพูดดักทางไว้ก่อน ทางด้านเด็กหนุ่มก็ยิ้มและพยักหน้ารับ
คนที่เธอชอบก็คือนายพี ถ้าจะให้ระบุเพราะนายพีคือสเปคของเธอเลย ส่วนนิสัยก็คงต้องดู ๆ ใจกันไปก่อน...
เสือน้อยพอรู้คำตอบก็โล่งใจ เหมือนกับว่าก้อนหินที่วางกดทับอยู่ในหัวใจ ก็พลันสลายหายไป เป็นความสบายอย่างบอกไม่ถูก ถ้าปล่อยคำถามนี้ไว้ มันคงจะทำให้เขาอึดอัดจนทำอะไรไม่ถูก
ครู่ต่อมาก็เดินมาเจอมะปรางที่โรงอาหารพอดี จึงถือโอกาสชวนนั่งโต๊ะเดียวกันเลย
เสือน้อยพูดไปกินไปจนกระทั่งมาถึง ‘เรื่องที่วันนี้สารภาพรักกับเหมือนฝัน’ พอมะปรางได้ยินก็อึ้ง
ก่อนที่เธอจะถามขึ้นว่า “สำเร็จมั้ย?”
พอเห็นหน้าเสือน้อยที่มีรอยยิ้มประดับประดา เธอก็คิดไปต่าง ๆ นานา แสดงว่าสำเร็จแล้วหรือ?
แต่ผลปรากฏว่า “ไม่สำเร็จ” เสือน้อยหัวเราะแก้เขิน หลังจากนั้นก็บอกเล่าเหตุการณ์ให้มะปรางฟัง
มะปรางพูดขึ้น “คนที่ฝันมันชอบน่าจะเป็นนายพีห้องแปดนั่นแหละ!”
เสือน้อยตกตะลึงแต่ไม่มากนัก หากแต่ก็บ่นอุบ “ไอ้กุ๊ยพีเนี่ยนะ?”
เขาอดส่ายหน้าไม่ได้…สงสัยหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งสินะ!