ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
รัก,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,เล่าประสบการณ์,ตลก,พล็อตสร้างกระแส,Y2K,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,เจ้าแผนการ,นักธุรกิจ,คนในฝัน,รวยตั้งแต่ยังเด็ก,สร้างตัว,สายเปย์,มาเฟีย,ตัวพ่อ,โรงเรียน,พล็อตไม่ซ้ำใคร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสือเจ้าพระยา | ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า (อ่านฟรี!)ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
เสือเจ้าพระยา ภาคที่ 1 | จับเสือมือเปล่า!
- ที่มาของชื่อเรื่อง -
ซ้ายเด่นสง่าเสือเจ้าพระยา ขวาดาราประดับฟ้าเพริศแพร้ว
สองเพชรงามน้ำหนึ่งเมืองบัวแก้ว ผู้ผ่องแผ้วคู่แคว้นแดนประทุม
………
นิยายเรื่องนี้จะเป็น ‘แนวสร้างตัว’ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องผสมผสานไปด้วยมุกตลก และสอดแทรกไว้ด้วยสาระ โดยที่ได้อิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบนโลก ในภาคนี้จะมุ่งเน้นไปที่การปูพื้นฐานตัวละคร และก็โครงเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยนิยายจะเล่าย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2548 เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีชื่อว่า “เสือน้อย” นับตั้งแต่เจ้าตัวได้เข้ามัธยมต้นในภาคที่ 1 จนกระทั่งเรียนจบมหาลัย ในภาคที่ 5
ผู้เขียนเชื่อว่าท่านนักอ่านนั้น ‘มีลิมิต’ ในการยอมรับนิยายสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นในตอนที่ 24 “คนขี่ควาย” ก็อาจช่วยให้ท่านตัดสินใจง่ายขึ้น แน่นอนหากว่าท่านอ่านเต็มภาคได้ย่อมจะดีที่สุด
“ใครจะไปคิดว่าควายจะเปลี่ยนชีวิตคนได้?” ทองสุขเจ้าควายตัวแสบ ถูกพ่อหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยให้ลูกชายได้ฉุดคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ และมันได้จุดประกายความคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันไปตลอดกาล
♪
บทเพลงที่ใช้เปิดนิยายเรื่องนี้ คือ ‘เพลงบ้าหอบฟาง’ ของวงอัสนี-วสันต์
หอบฟางหอบฟางไปไหน ทำไมถึงต้องหอบฟาง
หอบกันจริงๆจังๆ หอบกันรุงรังหอบฟาง
♪
#พล็อตไม่ซ้ำใคร #นักธุรกิจร้อยล้าน #นักรักตัวพ่อ #มาเฟีย
นิยาย 5 ภาค/เล่ม(จบ) | จำนวน ≈643,202 คำ - [มี E-Book]
[--- อ่านฟรีรวม 150 ตอน! ---]
ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า
(อ่านฟรีทั้งภาค!)
ภาคที่ 2 เสือไว้ลาย
(ฟรีตอนที่ 57-87)
ภาคที่ 3 หน้าเนื้อใจเสือ
(ฟรีตอนที่ 116-131)
ภาคที่ 4 ชาติเสือจับเนื้อกินเอง
(ฟรีตอนที่ 186-207)
ภาคที่ 5 เสือหมอบ
(ฟรีตอนที่ 251-275)
(จบบริบูรณ์)
คำโปรย
เด็กหนุ่มผู้แผ้วถางป่าดงอันรกเรื้อ...
“ใช้สองมือกวาดพงสร้างทางฝัน สองเท้าย่างก้าวพลันสู่จุดหมาย
ขีดเขียนโชคชะตาด้วยใจกายยืนหยัดอย่างผึ่งผายด้วยคุณธรรม”
อุปสรรคนานัปการ…จะหล่อหลอมให้เขา กลายเป็นคนแกร่ง!
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลวิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 30 กระเป๋าแพง เสือยิ้ม
หลายวันต่อมา มะปรางก็ตะล่อมถามเหมือนฝันเกี่ยวกับเสือน้อย
จนเธอจับพิรุธได้ “อย่าบอกนะ ว่านี่แกชอบนายเสือน้อยน่ะ!” เหมือนฝันกระเซ้าเย้าแหย่
พวกเพื่อนสาวในกลุ่มก็ร่วมด้วยช่วยกัน “เค้นเอาความจริง” จนทำให้มะปรางสารภาพออกมา ความจริงแล้วในกลุ่มสาวสวยห้องสอง
คนที่เด่นสะดุดตามีด้วยกันสองคนก็คือเหมือนฝัน และมะปราง พวกเธอเป็นเป้าสายตาตลอดเวลาเดินไปไหนมาไหน
จนเธอสารภาพว่า “อื้อ!” เพื่อนก็แซวกันยกใหญ่ ก่อนถามว่าทำไมไม่ไปสารภาพ เหมือนฝันก็เหมือนจะนึกภาพออกคงติดเพราะเธอสินะ
พอเลิกเรียนเพื่อน ๆ จากไป เหมือนฝันก็ไปพูดเปิดอกกับมะปราง
เธอตกลงเป็นเพื่อนกับเสือน้อย ถ้าวันไหนเสือน้อยกับเธอไม่มีใครจริง ๆ ก็อาจจะเปิดโอกาส ให้ดูใจหรือเป็นแฟนกันได้ ดังนั้นถ้ามะปรางจับไว้ได้อยู่หมัด ก็ไม่ต้องกลัวอะไรเลย ทั้งคู่จึงคุยกันอยู่นานสองนาน
จากนั้นไม่นานมะปรางตัดสินใจได้ จึงโทรศัพท์เรียกเสือน้อยให้มาหา โดยที่อ้างว่า “มีเรื่องจะคุยด้วย”
พอเสือน้อยมาถึงก็เห็นเหมือนฝัน เจ้าตัวจะยิ้มทักทายและขอตัวออกไปซื้อน้ำ…ทว่าแท้ที่จริงแล้ว กลับไปแอบมองอยู่ด้านข้าง
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” เสือน้อยระบายยิ้มถาม
มะปรางอึกอัก ก่อนจะรวบรวมความกล้าค่อย ๆ พูดออกไป “เสือ…เราชอบเสือมาก ๆ และก็ชอบมานานแล้วด้วย!”
เสือน้อยที่ยังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ ทำเอาเด็กหนุ่มตกตะลึงลาน ทำตัวไม่ถูกอยู่เหมือนกัน “พ…พูดจริงอะ แล้วไหงเราไม่เห็นรู้ตัวเลย!?”
“ก็เสือไม่เคยมองเราเลยไง...” เธอบ่นด้วยความน้อยใจ
พอได้ยินดังนั้นเสือน้อยก็เข้าใจ “อย่าลืมมองข้ามความรู้สึกคนใกล้ตัวไปสินะ” พ่อพูดอะไรทำนองนี้ไว้นี่หว่า?
เสือน้อยตั้งสติได้จึงสัพยอกไปว่า “เอ...แล้วเราควรทำยังไงดีนะ?” เขาฉีกยิ้มกว้าง สีหน้าดูกวนโอ๊ยมากเป็นพิเศษ
มะปรางเม้มปากแน่น ทำหน้ามุ่ยก่อนน้ำตาคลอ
พอเสือน้อยเห็นท่าไม่ดีจึงไม่แกล้งแล้วรีบพูดต่อไปว่า
“แค่หยอกนิดเดียวเองงั้นก็ได้ พวกเรามาตกลงกันก่อนลองคบหาดูใจกัน ถ้ามันไปได้ด้วยดีเราก็คบเป็นแฟนต่อไป แต่ถ้าคบแล้ว ดูเข้ากันไม่ได้ หรือว่ามะปรางมีคนใหม่ที่ถูกใจมากกว่าเราก็ขอให้บอกเลิกกันด้วยดี และกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้…เอาแบบนี้ดีมั้ย!?”
เสือน้อยแทบจะลอกคำพูดพ่อมาทั้งดุ้น ความจริงเขาก็ไม่รู้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในเรื่องที่พูดออกไปมากนักก็เขาแค่เด็ก ม.1 นี่นา
“สรุปว่าเราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม” มะปรางยิ้มถาม
“แฟนกับคบหาดูใจที่พ่อบอกมันฟัง ๆ ดูมันก็เหมือนกันนี่หว่า” เสือน้อยคิดในใจก่อนจะตอบตกลง
เสือน้อยพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้าง “ใช่แล้ว…เราเป็นแฟนกัน” ส่วนทางด้านมะปรางดวงตาแดงก่ำ ทำหน้ามุ่ยร้องไห้ออกมา ทำเอาเด็กหนุ่มต้องปลอบใจยกใหญ่…
……
วันต่อมา
พอตกเย็นเสือน้อยก็มารอมะปรางที่ด้านล่างตึก ก่อนจูงมือกันออกไปนอกโรงเรียน เขาพาเข้าไปในร้านทองสุข!
มะปรางเธอรู้อยู่แล้วว่าเสือน้อยทำงานพาร์ทไทม์ จากคำบอกเล่าของเพื่อน ๆ ทั้งเธอเองก็เคยแวะมาซื้อของในร้านเป็นประจำ คอยดูเสือน้อยทำงานใส่ผ้ากันเปื้อนยิ้มต้อนรับลูกค้า
ส่วนเสือน้อยเอง เขาไม่อยากอวดกับใครทำนองว่า “ฉันมีเงินนะ! ฉันรวยนะโว้ย!” มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลยจริง ๆ จะมีแค่บางครั้งซึ่งก็คุยโวเป็นครั้งเป็นคราวบ้างก็เท่านั้น!
หลายวันหลังจากนั้น ความหวานที่ทั้งคู่เติมให้กันมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
มะปรางก็เหมือนว่าได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากความเงียบเหงา อารมณ์ที่เก็บซ่อนมานานปี ตลอดเวลานั่งชิดเสือน้อยไม่ห่างเวลาอยู่กันสองต่อสอง ความเร่าร้อนของเธอส่งผ่านสายตาและท่าทาง
ด้วยเป็นคนสวยมีเสน่ห์อยู่แล้ว พอความเก็บกดที่มีไว้ในใจหายไปก็ทำให้มะปรางดูดีและมีสง่าราศีมากกว่าแต่ก่อนมากถึงมากที่สุด ตัวเธออารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
รอยยิ้มที่ผลิบานของเธอมองดูแล้วมีเสน่ห์กว่าแต่ก่อนอีก ทำให้เสือน้อยและคนรอบข้างของเธอสัมผัสได้
ทว่าทั้งคู่ก็ไม่ได้ทำตัวติดกันแจ เวลาอยู่โรงเรียนก็ต่างคนต่างอยู่ เจอกันบ้างบางวัน ส่วนตอนอยู่นอกโรงเรียนนั้น ก็เจอกันได้ไม่นานส่วนมากเธอจะมาทักทายเสือน้อยที่ร้านทองสุข ก่อนจากไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม
และโดยมากมักเป็นการโทรศัพท์หากัน คุยกันตอนกลางคืนเสียมากกว่า โทรคุยกันยาว ๆ ก่อนผล็อยหลับไปก็มี
……
ณ โรงหนังในฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต
เสือน้อยนั่งรอมะปรางอยู่หน้าโรงหนัง วันนี้มีหนังดังเข้าฉายวันแรก ทำให้คนเนืองแน่นเต็มลานหน้าโรงหนัง เสือน้อยที่ได้ชวนมะปรางตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว และความจริงเธอก็อยากดูเรื่องนี้เช่นกัน
วันนี้เธอใส่เสื้อผ้าแต่งตัวดูดี ตามสมัยนิยมชุดที่สวยที่สุด เมื่อวานในตู้เสื้อผ้าของเธอ ถูกหยิบออกมาลองใส่อยู่หลายตัว เธอพยายามทำตัวให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ กว่าจะได้นอนเกือบเที่ยงคืนแน่ะ ‘เพราะนี่คือเดทแรกของเธอกับเขา’
เสือน้อยมองดูหญิงสาวเธอดูสวยสมวัย รูปร่างเริ่มได้สัดส่วนตามอายุที่มากขึ้น เสือน้อยเชื่อว่าถ้าเป็นอย่างนี้อีกสี่หรือห้าปี ตัวเธอคงสวยหุ่นดีไม่แพ้พี่ปานหม้ายสาว ที่เขาไปซื้อกิจการร้านเกม
ดังนั้นเขาจึงสาวเท้าเดินเข้าไปออดอ้อนทันทีที่เห็นเธอ และเริ่มชวนเธอคุยกัน ชมกันอยู่หลายประโยคก่อนจับมือกัน เดินเข้าไปซื้อตั๋วหนัง พร้อมขนมนมเนย
พอถึงโรงหนังแน่นอนว่า ต้องเลือกหนังรัก หรือไม่ก็หนังผีอยู่แล้ว!
เพราะพ่อแนะนำมา และในวันนี้เสือน้อยย่อมเลือกดูหนังผีระหว่างอยู่ในโรงหนัง
ทั้งคู่ก็นั่งเคียงชิดใกล้ พอถึงฉากสำคัญ เช่นผีโผล่ ผีหลอก จังหวะที่ทำให้คนดูไม่ทันตั้งตัว มะปรางตกใจหันมากอดแขนของเขาเอาไว้แน่น…
เมื่อเนินอกของมะปรางแนบแน่นกับแขนของเด็กหนุ่ม ทำเอาเสือน้อยเลือดลมสูบฉีด เผลอคิดจินตนาการเตลิดไปไกล
“นี่สินะทำไมต้องดูหนังผี! พ่อขอบคุณคร้าบ!” เขาคิดในใจทันที หัวใจเต้นตึกตักดังระรัว
มะปรางพอเห็นแฟนเธอมีอาการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า จึงได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ รู้อยู่แก่ใจ เธอจึงปล่อยแขนเสือน้อยออก ตอนหลังพอถึงฉากตื่นกลัวก็ใช้มือปิดตาเสียมากกว่า สำหรับเธอแล้วไว้ตัวสักหน่อยไม่เห็นจะเป็นอะไร
วันนี้เรียกได้ว่า เธอได้แก้เผ็ดเจ้าเสือน้อยโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ที่ปล่อยให้เธอทนทรมานใจอยู่นานสองนาน หากรู้ถึงความคิดของเสือน้อย ที่ความคิดเตลิดเปิดเปิงเธอคงหัวเราะชอบใจ
หลังจากดูหนังเสร็จก็พากันแวะซื้อของกินของใช้ บ้านมะปรางฐานะปานกลาง พ่อแม่ของเธอทำอาชีพพนักงานบริษัท จึงสบายมากสำหรับเธอ เพราะอาชีพพ่อแม่มั่นคง ตำแหน่งกับเงินเดือนก็สูงขึ้นตามวัย และสายงาน
ดังนั้นเมื่อเป็นเดทแรกก็ทำให้ทั้งคู่พกเงินมาเยอะหน่อย ค่าตั๋วหนังเสือน้อยเป็นคนออก ส่วนค่ากินอาหาร ไอติม ขนม ฯลฯ
เธอเสนอให้หารสอง ทำให้เสือน้อยมีมุมมองที่ดีต่อเธอมากยิ่งขึ้น หลังจากเดินเที่ยวกันจนเย็น ก็ต่างพากันนั่งรถเมล์กลับบ้านด้วยกัน
……
ในระหว่างที่เสือน้อยยุ่ง ๆ อยู่ เพราะเขากำลังเตรียมการกับธุรกิจใหม่ จึงได้วิ่งวุ่นไปทั่ว ทั้งโรงเรียน
เขาหาเครือข่ายจากพวกพ้องเพื่อนฝูงทั้งเก่าและใหม่ จึงไม่ได้ไปเจอมะปรางในช่วงเวลาตอนอยู่ในโรงเรียนมากนัก
ทำให้เขาพลาดพลั้ง และเปิดโอกาสให้คนอื่นค่อย ๆ เดินเข้ามาในหัวใจของมะปราง…
เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ใกล้จะปิดภาคเรียนแล้ว
เสือน้อยรู้สึกว่าเวลาเหมือนผ่านไปไวเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะด้วยเขาต้องทำงานรัดตัว คอยวิ่งวุ่นไปทั่วทั้งโรงเรียน ทั้งติดต่อคนมากมาย ยังดีที่ว่ามีคนที่ไว้ใจได้ ช่วยเขาดูแลงาน ที่วางระบบไว้
หลังจากเสือน้อยเริ่มไม่ค่อยแวะเวียนมาหามะปราง ก็มีรุ่นพี่ ม.4 คนหนึ่ง เข้ามาจีบเธอ ไม่รู้ว่าเขาไปได้ MSN หรือเบอร์โทรศัพท์มาจากไหน หลังจากตะล่อม ๆ ชวนคุยด้วยอยู่หลายวัน รุ่นพี่คนนั้นจึงนัดเจอเธอที่โรงเรียน
พอเห็นหนุ่มรุ่นพี่ที่สูงโปร่ง หน้าตาเริ่มคมเข้มขึ้นตามวัย แววตาลุ่มลึก ดูมีเลศนัยคล้ายจะเชิญชวนให้เธอ ค่อย ๆ เดินเยื้องย่างเข้าไปค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น
และที่มากไปกว่านั้นก็คือคำป้อยอ คำหวาน ที่พูดอย่างมีชั้นเชิง ทำเอาสาวน้อยหลงเคลิ้มไปตามประสา ยิ่งนานวันเธอยิ่งรู้สึกชอบรุ่นพี่คนนี้
เธอจึงให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ในโรงเรียนที่สนิทด้วย ช่วยกันสืบประวัติของชายหนุ่มรุ่นพี่คนนี้ เพราะนอกจากที่เธอรู้แค่ว่า พี่เขาชื่อ ‘ธร’ เรียนอยู่ ม.ปลาย ดูเหมือนเธอจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากสักเท่าไหร่นัก…
ความช่ำชองในการจีบหญิงของรุ่นพี่รายนี้ เหนือกว่าเสือน้อยไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า หากเปรียบเป็นมวยแล้ว คงห่างชั้นกันหลายขุม กระดูกคนละเบอร์ น้ำหนักคนละขนาด
ใกล้จะถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ‘วันวาเลนไทน์’ วันสำคัญของหนุ่มสาวที่จะบอกรัก และมอบกุหลาบให้แก่กัน
เพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ที่คุยกับพี่ธร เธอก็เผลอใจตกหลุมรักรุ่นพี่คนนี้เข้าไปแล้วทั้งหัวใจ
แน่นอนว่าเธอย่อมรู้เกี่ยวกับเรื่องของพี่เขามากขึ้นไปโดยปริยายจากการคุยกัน และได้ยินได้ฟังมาจากคนอื่นผสมเข้าไปด้วย
เรียกได้ว่าความรักของเธอกับเสือน้อย เหมือนนกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ!
ในระหว่างที่รุ่นพี่กำลังตามจีบมะปรางอยู่นั้น เสือน้อยก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะตอนนี้เขาจับโอกาสธุรกิจใหม่ได้แล้ว
และนั่นก็คือการขายกระเป๋านักเรียน! อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่รู้อะไรเลยก็เพราะคู่ได้ปิดบังไว้
‘เรื่องขายกระเป๋า’ เขาได้รับแรงบันดาลใจ มาจากพี่ ม.2 ที่ไปขอซื้อต่อกระเป๋าแบบเก่าของพี่ ม.3 ซึ่งพี่แกกำลังจะเรียนจบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและจะไปเข้าสายอาชีวะ
ด้วยเป็นเพราะทางโรงเรียนกำหนดให้ทุกคน ใช้กระเป๋าแบบเดียวกันหมด จึงทำให้เด็ก ม.1-2 และม. 4-5 ใช้เป็นกระเป๋ารุ่นใหม่ที่ผลิตออกมาได้สองปีแล้ว
ส่วนของรุ่นพี่ ม.3 กับ ม.6 เป็นกระเป๋าโรงเรียนรุ่นเก่า
พอเสือน้อยนั่งคิดทบทวนก็ถึงบางอ้อ เรื่องพวกของสะสม ของเก่ายิ่งเวลาผ่านไปมูลค่ายิ่งแพงเขารู้ดี และประสบพบเจอมากับตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพ่อของเขาเอง ซึ่งทางเสือน้อยได้นั่งฟังสองคนนี้คุยกัน สรุปตกลงกันที่ราคา 900 บาท รุ่นน้องคนนั้นยังเอากระเป๋าตัวเองส่งให้รุ่นพี่แทนกระเป๋าใบเก่า เรียกได้ว่าสลับกันใส่กันกลับบ้าน…
สำหรับโรงเรียนนี้แล้ว ความแตกต่างของกระเป๋ามันบ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง เหมือนได้รับการสืบทอดมรดกอะไรทำนองนั้นจากพี่สู่น้อง
กลายเป็นว่าใครที่มีกระเป๋าเก่าสะพายมาเรียน ย่อมเจ๋งกว่าแจ๋วกว่าคนอื่น ยิ่งกับโรงเรียนที่มีประวัติความเป็นมายาวนานยิ่งแล้วใหญ่
เสือน้อยจึงไปกว้านซื้อกระเป๋าจากรุ่นพี่ทั้งหลาย แน่นอนว่าเขาเลือกเอาเฉพาะสภาพดี ๆ โดยมีไอ้เข้มเป็นลูกมือเป็นช่างกล้องถ่ายภาพ
เพราะว่าเขานึกถึงตอนที่พ่อขายภาพ หรือนึกถึงพ่อเวลาเดินไปซื้อของเก่าสะสม ถ้ามีประวัติความเป็นมา ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นไปอีก…