ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
รัก,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,เล่าประสบการณ์,ตลก,พล็อตสร้างกระแส,Y2K,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,เจ้าแผนการ,นักธุรกิจ,คนในฝัน,รวยตั้งแต่ยังเด็ก,สร้างตัว,สายเปย์,มาเฟีย,ตัวพ่อ,โรงเรียน,พล็อตไม่ซ้ำใคร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสือเจ้าพระยา | ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า (อ่านฟรี!)ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
เสือเจ้าพระยา ภาคที่ 1 | จับเสือมือเปล่า!
- ที่มาของชื่อเรื่อง -
ซ้ายเด่นสง่าเสือเจ้าพระยา ขวาดาราประดับฟ้าเพริศแพร้ว
สองเพชรงามน้ำหนึ่งเมืองบัวแก้ว ผู้ผ่องแผ้วคู่แคว้นแดนประทุม
………
นิยายเรื่องนี้จะเป็น ‘แนวสร้างตัว’ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องผสมผสานไปด้วยมุกตลก และสอดแทรกไว้ด้วยสาระ โดยที่ได้อิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบนโลก ในภาคนี้จะมุ่งเน้นไปที่การปูพื้นฐานตัวละคร และก็โครงเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยนิยายจะเล่าย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2548 เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีชื่อว่า “เสือน้อย” นับตั้งแต่เจ้าตัวได้เข้ามัธยมต้นในภาคที่ 1 จนกระทั่งเรียนจบมหาลัย ในภาคที่ 5
ผู้เขียนเชื่อว่าท่านนักอ่านนั้น ‘มีลิมิต’ ในการยอมรับนิยายสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นในตอนที่ 24 “คนขี่ควาย” ก็อาจช่วยให้ท่านตัดสินใจง่ายขึ้น แน่นอนหากว่าท่านอ่านเต็มภาคได้ย่อมจะดีที่สุด
“ใครจะไปคิดว่าควายจะเปลี่ยนชีวิตคนได้?” ทองสุขเจ้าควายตัวแสบ ถูกพ่อหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยให้ลูกชายได้ฉุดคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ และมันได้จุดประกายความคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันไปตลอดกาล
♪
บทเพลงที่ใช้เปิดนิยายเรื่องนี้ คือ ‘เพลงบ้าหอบฟาง’ ของวงอัสนี-วสันต์
หอบฟางหอบฟางไปไหน ทำไมถึงต้องหอบฟาง
หอบกันจริงๆจังๆ หอบกันรุงรังหอบฟาง
♪
#พล็อตไม่ซ้ำใคร #นักธุรกิจร้อยล้าน #นักรักตัวพ่อ #มาเฟีย
นิยาย 5 ภาค/เล่ม(จบ) | จำนวน ≈643,202 คำ - [มี E-Book]
[--- อ่านฟรีรวม 150 ตอน! ---]
ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า
(อ่านฟรีทั้งภาค!)
ภาคที่ 2 เสือไว้ลาย
(ฟรีตอนที่ 57-87)
ภาคที่ 3 หน้าเนื้อใจเสือ
(ฟรีตอนที่ 116-131)
ภาคที่ 4 ชาติเสือจับเนื้อกินเอง
(ฟรีตอนที่ 186-207)
ภาคที่ 5 เสือหมอบ
(ฟรีตอนที่ 251-275)
(จบบริบูรณ์)
คำโปรย
เด็กหนุ่มผู้แผ้วถางป่าดงอันรกเรื้อ...
“ใช้สองมือกวาดพงสร้างทางฝัน สองเท้าย่างก้าวพลันสู่จุดหมาย
ขีดเขียนโชคชะตาด้วยใจกายยืนหยัดอย่างผึ่งผายด้วยคุณธรรม”
อุปสรรคนานัปการ…จะหล่อหลอมให้เขา กลายเป็นคนแกร่ง!
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลวิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 32 รจนาเลือกคู่!
เสือน้อยก็คิดอะไรได้นิดหน่อยแต่ก็ช่างมันเถอะ เขาจึงยื่นมาลัยข้อมือที่เตรียมมาให้เธอ
พร้อมพูดขึ้นว่า “เราตั้งใจเลือกมาให้เลย” เขาก็อธิบายว่าทำไมไม่เอากุหลาบให้
ทำไมต้องเป็นมาลัยข้อมือด้วย โดยยังไม่ต้องรอแฟนสาวถาม เสือน้อยก็เล่าให้เธอฟังหมดแล้ว และก็อยากให้เธอรู้สึกเป็นคนพิเศษ เหมือนตอนที่…นางรจนาเสี่ยงทาย
พอเธอได้ยินก็ยกยิ้มมุมปาก พอจะเข้าใจที่เสือน้อยเล่ามาบ้าง ส่วนเธอก็คุยกับเขาอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้มีแก่นสารอะไร เรื่องชายหนุ่มรุ่นพี่เสือน้อยก็ไม่ได้ถาม ก่อนที่จะแยกย้ายไปเข้าแถวของตัวเอง
วันแห่งความรักจึงเต็มไปด้วยสีสัน แทบทุกคนในโรงเรียนต่างมอบของแทนใจให้แก่กัน ใครคนไหนหล่อหน้าตาดีก็จะมีสาว ๆ เอาสติกเกอร์มาแปะให้
โดยเฉพาะพวกรุ่นพี่ผู้ชาย ม.ปลาย มันเป็นปกติมากที่รุ่นน้องสาว ๆ มักแอบชอบรุ่นพี่ ม.ปลาย รุ่นพี่ผู้หญิงก็เป็นเช่นเดียวกัน…
ทางโรงเรียนจะห้ามก็ห้ามไม่ได้ จึงคิดว่าคล้ายเป็นวันปล่อยผีไปวันหนึ่ง เพราะเทศกาล หรือวันแบบนี้มันไม่ได้มีทุกวัน…เพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น!
ในตอนเที่ยงก็คือช่วงเวลาแห่งการวิ่งไปมา ของกลุ่มเด็กสาว ม.ต้น รุ่นพี่คนไหนหล่อก็จะพากันไปกรี๊ดกร๊าด เฮโลพากันไปติดสติกเกอร์
ซึ่งเสือน้อยก็มีคนมาติดบ้างเล็กน้อยสองสามดวง ที่น่าสนใจก็คือไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อน ๆ ในกลุ่มนี่แหละ…ที่ผลัดติดให้กันเอง
มันชั่งชีช้ำเสียเหลือเกิน ถ้าเดินออกจากโรงเรียน โดยเสื้อผ้าเอี่ยมสะอาดหมดจดแบบนี้ คงได้อายกันแย่
ด้วยเพราะกลัวอายกลุ่มเด็กหนุ่ม จึงได้ปลอบประโลมตัวเอง ด้วยการผลัดกันติดให้กัน
เพื่ออย่างน้อยจะได้ให้คนอื่นรู้ว่า “กูก็มีคนสนใจนะเว้ย!” และส่วนมากมักเป็นผู้ชายตกกระป๋องแบบพวกเขาทั้งหลาย
พอเห็นเหตุการณ์ดังนี้จึงตั้งความหวังว่า “พอขึ้น ม.ปลาย ก็จะต้องมีคนมาติดให้พวกเขาแบบนี้ด้วย และต้องเอาดีสักทางให้ได้!” พวกเขาลอบกู่ร้องในใจ
……
ตอนกลางวันของกลุ่มเหมือนฝันกับมะปราง ทั้งคู่เรียกได้ว่าเป็นตัวดึงดูดสายตาชั้นเลิศ สติกเกอร์บนเสื้อติดจนแทบไม่มีที่ว่างแล้ว
มะปรางก็โทรนัดรุ่นพี่คนสนิทมาหา จากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันหวานแหวว ทำเอาเพื่อน ๆ ในกลุ่มแซวอิจฉากันยกใหญ่
จนกระทั่งเธอมอบมาลัยข้อมือที่พึ่งได้มาให้กับรุ่นพี่คนนี้ แถมยังไม่ลืมเล่าเรื่องราวของนางรจนา พอกลับมานั่งรอบกลุ่มกับเพื่อนแก๊งนางฟ้า ทุกคนก็แซวกันนิดหน่อย
มีเพื่อนถามขึ้นว่าเธอจะเอายังไงกับนายเสือน้อย เพราะเหมือนว่าเธอจะสนอกสนใจพี่ธรมากกว่า
ตัวของเหมือนฝันเองก็พยายามฟังอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยเช่นกัน…
เธอก็สารภาพว่าพอลองได้คบดูแล้ว เหมือนจะชอบพี่ธรมากกว่า ส่วนเสือน้อยพอเธอได้คบสักพักก็รู้สึกว่างั้น ๆ ไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนอย่างพี่ธร
“ถ้าไม่ชอบก็บอกเลิกมันไปเลยจะได้ไม่เสียเวลา” เพื่อนในกลุ่มแนะนำและโน้มน้าวเธอ โดยเฉพาะเหมือนฝันที่เป็นคนเชียร์ให้ทั้งคู่จีบกัน
จนเธอตัดสินใจได้ว่าจะบอกเลิกกับเสือน้อย เธอยังจำข้อตกลงของทั้งคู่ได้
“ถ้ามันเป็นไปได้ด้วยดี พวกเราก็คบเป็นแฟนต่อไป แต่ถ้าคบแล้วดูเข้ากันไม่ได้ หรือว่ามะปรางเกิดมีคนใหม่ที่ถูกใจมากกว่าเรา ก็ขอให้บอกเลิกกันด้วยดี และกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้เอาแบบนี้ดีมั้ย!?” ย้อนไปวันตกลงคบกัน เสือน้อยก็พูดทำนองนี้ไว้
จนกระทั่งเลิกเรียนมะปรางจึงได้โทรนัดเสือน้อยมาหาตามลำพัง และได้พูดเข้าประเด็นทันที “นี่เสือน้อยยังจำได้มั้ยวันที่เราตกลงเป็นแฟนกัน...”
พอเห็นสาวสวยตรงหน้าเกริ่นมาแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี...ไม่ดีมาก ๆ แต่ก็ยังพยักหน้าตอบไป “จำได้แม่นเลย...”
“คือว่าเราคิดว่าเราไม่ได้ชอบเสือมากขนาดนั้น พอได้ลองคบกันแล้ว...เอ่อ” เธอเว้นช่วงไว้ครู่หนึ่งก่อนพูดต่อว่า “ตอนนี้เรามีคนที่ชอบ...และรู้สึกดีกับเขา...มากกว่าเสือน่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ
“เราพอจะเข้าใจ…ว่าแต่ตรงไหนที่ทำให้เราเสียคะแนนไปเหรอ?” เสือน้อยอยากรู้เรื่องนี้จริง ๆ เขาก็หมั่นไปเอาใจโทรไปแทบทุกวัน วันก่อนยังคุยกันปกติดีอยู่เลย
ในใจของเธอก็ครุ่นคิดถึงเหตุผลต่าง ๆ นานา ที่มีส่วนสำคัญก็เป็นคำพูดจากปากคน...
มันก็มีหลายเรื่องที่ในใจเธอได้ยินได้ฟัง “อุ๊ย! ดูแฟนเธอสิ ยืนเป็นมาสคอตหน้าโรงเรียนอีกแล้ว”
บางคนก็พูดว่า “นี่...มะปราง เราฝากเสือน้อยสั่งข้าวเหนียวหมูปิ้งมาให้หน่อยสิ!” ส่วนใหญ่จะแซว เรื่องแฟนของเธอเป็นลูกจ้างเดินขายของ
มันทำให้เธอรู้สึกอายจนต้องหาทางพูดเบี่ยงประเด็น เวลาที่มีคนมาคุยอะไรทำนองนี้กับเธอ ส่วนใหญ่เธอมักไประบายกับเพื่อน ๆ ถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ
ทว่าเธอไม่สามารถพูดกับเสือน้อยได้ เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจเขาขนาดนั้น
ตอนเด็ก ๆ เธอรู้ว่าเสือน้อยเป็นพวกหัวโจก แต่ก็คอยปกป้องผู้หญิงด้วยอย่างสุดชีวิตด้วยการชกกับรุ่นพี่เพื่อปกป้องยัยลูกหมี…จึงทำให้เธอรู้สึกดีกับเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อีกส่วนหนึ่งก็เพราะคนที่เข้ามาวิ่งในหัวใจเธอคนใหม่ เขาดูตื่นเต้นเร้าใจ พูดจาดูดีหวานหู ถูกใจเธอเป็นอย่างมาก อีกทั้งพี่เขายังเอาใจเก่งด้วย
เธอรวบรวมความคิดก่อนจะตอบว่า “มันเป็นเรื่องของความรู้สึกน่ะ เราก็อธิบายไม่ถูก แต่ตอนอยู่ใกล้กับพี่เขา เรารู้สึกมีความสุขมาก ๆ” มะปรางสังเกตเห็นความผิดหวัง ผ่านสายตาของเสือน้อย
“ก็ได้เราเข้าใจ แล้วเราเคยพูดไว้แล้วนี่ ถ้าเกิดมีคนใหม่ที่ถูกใจมากกว่าเรา ก็ขอให้บอกเลิกกันด้วยดี” เสือน้อยทวนคำพูดที่พ่อเคยสอนไว้
ทว่าตอนที่พูดกับตอนที่ทำ…มันเป็นคนละเรื่องกันเลย พอเสือน้อยประสบพบเจอกับมันด้วยตัวเองจึงเข้าใจ ความรู้สึกโหวงเหวงที่ก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ ความผิดหวัง โศกเศร้า มีพวกอารมณ์ต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาในใจของเขาไม่หยุด
แต่ก็ลุกขึ้นยืนพูดกันอยู่หลายประโยค ก่อนที่จะโบกมือแยกย้ายกันไปอย่างเป็นทางการ พอเสือน้อยมองเห็นเธอจากไปพักหนึ่ง แต่ก็มองไปเห็นว่าเธอลืมสมุดไว้ด้วยความเป็นห่วงจึงรีบวิ่งตามไป กลัวว่าเธอจะไม่มีการบ้านส่ง หรือมีงานสำคัญในอยู่สมุด
แต่วิ่งตามไปได้ไม่นานก็พบเธอ กำลังเดินอยู่กับรุ่นพี่คนนั้นที่เขาได้เจอเมื่อเช้า
เสือน้อยกัดฟันเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ใจไม่อยากไปเลยจริง ๆ เขาจึงตะโกนไล่หลัง ทำให้ทั้งคู่หันมามอง
มะปรางหันมามองเสือน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เห็นเพียงรอยยิ้มสาดสะท้อนออกมาเท่านั้น ก่อนมือข้างหนึ่งของเขาจะยื่นสมุดให้กับเธอ...
ขณะที่กำลังยื่นให้ เขาก็พลางเหลือบตาไปเห็นมาลัยข้อมือ ที่ชายหนุ่มรุ่นพี่ถืออยู่
เขาคิดขึ้นในใจ “นั่นมันของเราที่ให้มะปรางไปเมื่อเช้านี่หว่า?”
สายตาของเขาหยุดที่มาลัยก่อนหันไปมองมะปราง ด้วยสายตาเฉยเมย ปะปนไปด้วยสายตาลุ่มลึก…ก่อนที่จะหมุนตัวจากไป
เพราะเสือน้อยไม่รู้จะโกรธหรือขำตัวเองดี ถ้าขำก็ขำที่ดันมอบมาลัยข้อมือให้เธอเอาไปเลือกคู่เสี่ยงทาย ตัวเขาต้องการสื่อให้เห็นว่าเธอถูกเขาเลือก…แต่เจ้ากรรมเธอก็ดันเอามาลัยข้อมือแทนใจไปให้รุ่นพี่คนนั้นเสียนี่!
“ส่งต่อกันเป็นไม้วิ่งผลัดเลยนะพวกเอ็ง” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แบบนี้สินะ...รจนาเลือกคู่!” เขาขำในใจ ไอ้นั่นน่ะสังข์ทอง ส่วนเขาคือเป็นตัวประกอบเท่านั้น...เขาหัวเราะในใจ
เพลงตัวประกอบพี่กวาง AB Normal ก็ดังขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว คล้ายประชดชีวิตในวันนี้ของเขา
วันนี้เขาไม่มีอารมณ์ทำอะไรแล้วจึงกลับบ้านเร็วผิดปกติ ส่วนเรื่องราวที่พยายามขายมาทั้งวันอย่างรจนาเลือกคู่ ก็กลายเป็นว่าสำเร็จเป็นไปตามเป้า แต่มันเป็นสำหรับคนอื่นนะไม่ใช่ตัวเอง
พอถึงบ้านเสือน้อยก็ทำตัวไม่ถูก จึงได้เดินไปหาเจ้าทองสุข ก่อนไปนอนเปลในบ้านสวน เจ้าควายรู้งานจึงเดินไปคลอเคลียให้กำลังใจ
เขาก็ลูบหัวมันลูบเขามันไปพลาง ๆ พอได้เวลาอาหารพี่นางก็ยกมาให้มันกิน ส่วนเขาก็ขึ้นบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ
……
ที่ศาลาริมน้ำคีย์บอร์ดตัวหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะพร้อมหนังสือคีย์ เสือน้อยที่อารมณ์เปลี่ยวเหงา นั่งบรรเลงเพลงไปมา บางครั้งก็ร้องเพลงไปด้วย
จนพ่อเดินมาเห็น จึงนั่งคุยกันเพราะอารมณ์ผิดปกติของลูกชายเขานั้นดูไม่ยาก “เป็นไงเรา...มีอะไรไหนเล่ามาให้ฟังสิ!?”
เสือน้อยก็ไม่มีอะไรปิดบังและมีคำถามในใจ ที่ต้องการถามพ่ออยู่จึงเล่าเรื่องออกไปจนหมดเปลือก...
พ่อผันได้ฟังก็ยิ้ม ๆ น่าสนใจ “รจนาเลือกคู่หรือ?” เขาอาจเก็บเป็นแรงบันดาลใจไว้วาดภาพได้
จากนั้นพ่อก็พูดถึงเรื่องที่เสือน้อยสงสัยเรื่อง “ถ้าไปไม่รอด ก็ยังแยกย้ายกันไปด้วยดี”
พ่อผันบรรยายว่า “กับความรักแค่ ม.1 มันก็แค่นี้เอง มันเปรียบเหมือนต้นกล้าที่ยังต้องผ่านการรดน้ำ ดูแลไล่แมลง ต้องผ่านลมผ่านฝนอีกมาก กว่าจะเจริญเติบโต เอ็งยังต้องเจออีกมากเสือน้อยเอ๊ย!”
นี่คือประสบการณ์ของพ่อผันในตอนเรียน
“แต่อย่างน้อยเลิกกันไปก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ต้องเกลียดกัน ตอนเจอหน้าก็จะไม่รู้สึกผิด ต้องหาทางหลบหน้าให้มันเหนื่อย สามารถยิ้มให้กันเมื่อยามพบหน้า อย่างน้อยเอ็งก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร”
ซึ่งเป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่เขาตั้งใจถ่ายทอดให้ลูกอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“เอ็งน่ะยังอ่อนเยาว์นักเรื่องประสบการณ์ด้านความรัก จำต้องเตรียมใจให้ดี ในมุมมองของผู้ใหญ่ความรักในวัยเด็กอายุ 13-14 มันก็เท่านี้เอง มันก็แค่ความรักประเดี๋ยวประด๋าว เป็นความรักแบบฉาบฉวยอยู่ได้ไม่นาน คิดหรือว่าจะรักกันไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย ถือว่ามันเป็นแค่เพียงประสบการณ์ที่ต้องพบเจอในชีวิต”
เขาถึงนิยามมันว่า “ปั๊บปี้เลิฟ หรือ ความรักแบบเด็ก ๆ พอได้เจอใครดีกว่าถูกใจกว่าก็ไปไง”
“ส่วนเรื่องที่ว่ามะปรางเอามาลัยข้อมือของเอ็งไปให้คนอื่นนั้น…จะว่าผิดมั้ยมันก็ผิด แต่ด้วยอายุเท่านี้เอง เธออาจจะแค่ลืมนึกในส่วนนี้ไปก็เท่านั้น ลืมใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นที่มีให้ ประเดี๋ยวเอ็งก็เจอคนที่ชอบคนใหม่เองแหละน่า” พ่อตบไหล่ให้กำลังใจ
“อย่าไปคิดมากเลยมา ๆ เดี๋ยวพ่อร้องเพลงปลอบ” ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบกีตาร์โปร่งตัวโปรดมานั่งข้างลูกชาย กีตาร์ตัวนี้มีลายเซ็นของพี่ป้อมอัสนีกับพี่โต๊ะวสันต์อยู่ครบ
พ่อยิ้มอ่อนโยนพร้อมถามขึ้นว่า “เอายัง?”
เสือน้อยถาม “เพลงอะไรล่ะพ่อ?”
“อารมณ์แบบนี้มันก็ต้องเพลงเธอปันใจสิวะ!” พ่อพูดพลางดีดกีตาร์ตั้งสายอยู่ครู่หนึ่ง
เสือน้อยยิ้มเจื่อนพี่ป้อมอีกแล้วเหรอ? เขาเหลือบไปมองปิ๊กกีตาร์หลากสี…ที่ห้อยอยู่บนคอมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันเกิดฉลองคบหนึ่งขวบปี มันก็อยู่ติดตัวเขามาโดนตลอด
จนเขาจึงเรียกมันว่า ‘หลวงพ่อปิ๊ก’ หลังจากนั้นพ่อผันก็เริ่มเกากีตาร์ร้องเพลงนำ
♫ “หัวใจสลาย เมื่อเธอเดินไปกับเขาไม่คำนึงถึงเรื่องราว” ♫
ส่วนเสือน้อยก็เล่นคีย์บอร์ดเสริม เมื่อถึงท่อนฮุกก็ตะโกนร้องประสานเสียงกันดังลั่นที่ศาลาริมน้ำ
♪ “ถ้าจะมาไม่มาทั้งใจก็กลับไปเสียดีกว่า...” ♪
ทำเอาเด็กหนุ่มลืมความทุกข์ ความเศร้าเพราะว่าได้ระบายมันออกไปกับเสียงเพลงแล้ว
ตำนานที่ยังมีชีวิต! 5555 ปล.ขอหญ้าให้ม้าหน่อยจ้า ม้าหิวหนม!