ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
รัก,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,เล่าประสบการณ์,ตลก,พล็อตสร้างกระแส,Y2K,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,เจ้าแผนการ,นักธุรกิจ,คนในฝัน,รวยตั้งแต่ยังเด็ก,สร้างตัว,สายเปย์,มาเฟีย,ตัวพ่อ,โรงเรียน,พล็อตไม่ซ้ำใคร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสือเจ้าพระยา | ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า (อ่านฟรี!)ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
เสือเจ้าพระยา ภาคที่ 1 | จับเสือมือเปล่า!
- ที่มาของชื่อเรื่อง -
ซ้ายเด่นสง่าเสือเจ้าพระยา ขวาดาราประดับฟ้าเพริศแพร้ว
สองเพชรงามน้ำหนึ่งเมืองบัวแก้ว ผู้ผ่องแผ้วคู่แคว้นแดนประทุม
………
นิยายเรื่องนี้จะเป็น ‘แนวสร้างตัว’ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องผสมผสานไปด้วยมุกตลก และสอดแทรกไว้ด้วยสาระ โดยที่ได้อิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบนโลก ในภาคนี้จะมุ่งเน้นไปที่การปูพื้นฐานตัวละคร และก็โครงเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยนิยายจะเล่าย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2548 เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีชื่อว่า “เสือน้อย” นับตั้งแต่เจ้าตัวได้เข้ามัธยมต้นในภาคที่ 1 จนกระทั่งเรียนจบมหาลัย ในภาคที่ 5
ผู้เขียนเชื่อว่าท่านนักอ่านนั้น ‘มีลิมิต’ ในการยอมรับนิยายสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นในตอนที่ 24 “คนขี่ควาย” ก็อาจช่วยให้ท่านตัดสินใจง่ายขึ้น แน่นอนหากว่าท่านอ่านเต็มภาคได้ย่อมจะดีที่สุด
“ใครจะไปคิดว่าควายจะเปลี่ยนชีวิตคนได้?” ทองสุขเจ้าควายตัวแสบ ถูกพ่อหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยให้ลูกชายได้ฉุดคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ และมันได้จุดประกายความคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันไปตลอดกาล
♪
บทเพลงที่ใช้เปิดนิยายเรื่องนี้ คือ ‘เพลงบ้าหอบฟาง’ ของวงอัสนี-วสันต์
หอบฟางหอบฟางไปไหน ทำไมถึงต้องหอบฟาง
หอบกันจริงๆจังๆ หอบกันรุงรังหอบฟาง
♪
#พล็อตไม่ซ้ำใคร #นักธุรกิจร้อยล้าน #นักรักตัวพ่อ #มาเฟีย
นิยาย 5 ภาค/เล่ม(จบ) | จำนวน ≈643,202 คำ - [มี E-Book]
[--- อ่านฟรีรวม 150 ตอน! ---]
ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า
(อ่านฟรีทั้งภาค!)
ภาคที่ 2 เสือไว้ลาย
(ฟรีตอนที่ 57-87)
ภาคที่ 3 หน้าเนื้อใจเสือ
(ฟรีตอนที่ 116-131)
ภาคที่ 4 ชาติเสือจับเนื้อกินเอง
(ฟรีตอนที่ 186-207)
ภาคที่ 5 เสือหมอบ
(ฟรีตอนที่ 251-275)
(จบบริบูรณ์)
คำโปรย
เด็กหนุ่มผู้แผ้วถางป่าดงอันรกเรื้อ...
“ใช้สองมือกวาดพงสร้างทางฝัน สองเท้าย่างก้าวพลันสู่จุดหมาย
ขีดเขียนโชคชะตาด้วยใจกายยืนหยัดอย่างผึ่งผายด้วยคุณธรรม”
อุปสรรคนานัปการ…จะหล่อหลอมให้เขา กลายเป็นคนแกร่ง!
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลวิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 41 ผู้เฒ่ามาเยือน
วันรุ่งขึ้นแม่ชบาก็พานกแก้วเดินดูตามที่ต่าง ๆ
ส่วนตัวเธอที่เป็นคนมีเส้นสายอยู่มากมาย แม่ค้าร้านขายของชำใช่ว่าจะไม่รู้จักเลย
กลับรู้จักมากมายแต่คราวนี้ เสือน้อยมันต้องการรายละเอียดยิบ จึงพากันไปปรึกษาเพื่อนแม่ค้าที่รู้จักกันมานาน สอบถามไปสอบถามมาก็ได้วิธีหาของและการตั้งราคา
“คิดยังไงล่ะแม่ชบา ถึงจะเปิดร้านสะดวกซื้อเนี่ย?” ผิงแม่ค้าร้านขายของชำ ที่รู้จักกันมานมนานก็เปิดปากถาม
“ลูกชายมันอยากทำธุรกิจน่ะพี่อีกอย่างปากแม่ค้าร้านขายของชำแถวบ้าน แม่แต่ตัวของฉันเองก็ยังทนฟังไม่ได้เลย...จึงมารบกวนพี่นี่แหละ” ชบาพูดเสียงหวาน
“เอาเถิด มีอะไรก็มาถามฉันได้วงการนี้อยู่มานานรู้จักหมดแหละที่ซื้อที่ขาย ลู่ทางทำมาหากินคนกันเองไม่มีปัญหาอะไร” พี่ผิงที่เคารพรักของเธอ รู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้ว แบะสนิทกันเพราะพี่ผิงไปฝากท้องร้านเธอบ่อย ๆ
จากนั้นแม่กับพ่อ ก็แยกกันไปตามหาคนให้ลูกชาย พวกผู้จัดการที่ตกงานหรือย้ายกลับบ้านก็ใช่ว่าจะไม่มี
“ป้าจ๋า! ทำไมต้องไปตามใจพี่เสือด้วยล่ะ? ถ้าเกิดเปิดแล้วขาดทุนขึ้นมาป้าก็เสียตังค์ไปเปล่า ๆ นะ” นกแก้วพูดเสียงอ่อนด้วยความเป็นห่วงป้าของเธอ
“แล้วใครบอกล่ะว่าเป็นเงินป้า? ก็พี่เสือเขาก็พูดอยู่ไม่ใช่เหรอว่าจะใช้เงินของเขาเอง และที่ป้ามาหาข้อมูลให้เนี่ยป้า…ก็คิดเงินนะรู้มั้ย?”
“พี่เสือเนี่ยนะออกเงิน หักจากเงินเก็บที่ป้าให้ไว้เหรอ? แบบนั้นมันก็เท่ากับเงินป้าน่ะสิ!” เธอย่นจมูกพูดด้วยน้ำเสียงไม่เห็นด้วย
ทว่าชบากลับลูบหัวเธอพร้อมพูดว่า “เงินพี่เสือเขาจริง ๆ หนูเห็นแบบนั้นนะพี่เสือเขามีเงินเยอะกว่าป้าอีกนะจะบอกให้?”
นกแก้วส่ายหน้า “หนูไม่เชื่อหรอก หนูเห็นแต่พี่เสือถ้าไม่อยู่ค่ายมวย พี่เสือก็นอนเลี้ยงควาย ป้าเองก็ชอบด่าพี่เสือไม่ใช่เหรอว่า…ไอ้เสือโง่!”
แม่ชบายิ้มเจื่อนโดนหลานย้อนถาม พอเห็นพฤติกรรมของลูกชายตัวดีก็พอจะเข้าใจนกแก้วที่พึ่งมาอยู่ใหม่ จึงได้เริ่มอธิบายเหตุการณ์เป็นลำดับ ๆ ให้เธอฟังไป
“นี่ไอ้พวกธุรกิจที่หนูเห็นว่ามีคนถีบจักรยานส่งอาหารตามห้างร้านต่าง ๆ พี่เสือเขาก็เป็นคนคิดนะ ธุรกิจร้านเกม ร้านถ่ายเอกสารพี่เสือเขาก็เป็นคนคิด แถมออกเงินเองด้วย แล้วหนูเห็นที่ดินที่กำลังก่อสร้างนั่นมั้ย? นั่นพี่เสือของหนูก็จ่ายตังค์เองนะ...”
นกแก้วอ้าปากกว้าง ทำท่าไม่เชื่อที่ป้าชบาเล่าให้ฟัง…
“เอาน่ะอยู่ ๆ ไปเดี๋ยวก็รู้เอง หนูก็ไปอ้อนขอความรู้พี่เขาหน่อยสิ เชื่อป้านะลูก!” แม่ชบาหยิกแก้มเธอยู่ยี่ไปมา สำหรับเธอแล้วนกแก้วก็เป็นเหมือนลูกคนหนึ่งสายเลือดเดียวกัน
ซึ่งชื่อนกแก้วก็เป็นเธอเองที่เป็นคนตั้งให้ จึงรู้สึกผูกพันมากเป็นพิเศษ
เพราะปวดสมองเถียงชื่อลูกชายของเธอกับสามีในโรงพยาบาลตอนคลอด ดังนั้นพอมีโอกาสแก้ตัวกับน้องสาว เธอจึงไม่พลาดโอกาสอันดีงาม
……
หลังจากเปิดเทอมสอง ได้ไม่กี่วันก็มีคนที่คาดไม่ถึงมาเยือนบ้าน
เสือน้อยที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเก้าอี้ไม้ วันเสาร์ส่วนใหญ่เช้า ๆ เขาจะมานอนรับแดดรับวิตามินดีเสียหน่อย ส่วนยัยนกแก้วตัวแสบก็ยังนอนสายไม่ตื่นตามเดิม
พ่อกับแม่ก็ยังนอนอยู่ เสือคิดว่าเมื่อคืนคงเล่นจ้ำจี้กันจนดึกละมั้ง? เขาคิดหวังว่าตัวเองจะมีน้องเร็ว ๆ นี้เสียแล้ว
หลังจากเสือนอนแอ้งแม้งได้หลายสิบนาที ก็มีผู้เฒ่าสองคนเดินขึ้นมาบนบ้าน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ‘ปู่เพิ่ม’ กับ ‘ย่าทับทิม’ ของเสือน้อยนั่นเอง
กลิ่นน้ำหอมของสองผู้เฒ่าฟุ้งมาแต่ไกล เสือทำท่าเหมือนแมวได้กลิ่นผิดปกติ ทำจมูกฟุดฟิด แต่ก็ไม่สนใจยังคงนอนต่อไป
เพราะเดี๋ยวมีอะไรพี่แม่บ้านก็คงเรียกเขาเอง จนเสียงเดินคล้ายกับโจรย่องเบาค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ เสือน้อยที่ได้กลิ่นน้ำหอมฟุ้งก็ลืมตาขึ้น จากนั้นเด็กหนุ่มก็ตาโตลุกวาว คลี่ยิ้มออกมากว้าง ตะโกนเสียงดัง “ปู่ย่า!”
เสือน้อยกระโจนลุกขึ้นกอดเพราะคิดถึงพวกเขาจริง ๆ จากนั้นก็จับมือปู่ย่าสองคนมานั่งข้าง ๆ ครู่ต่อมาสองแม่บ้าน ก็ยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมาบนบ้าน พวกเธอจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่สองผู้เฒ่ากลับบ้านก็หลายปีแล้ว
เสือน้อยก็ชวนคุยตามที่คิดถึง แต่ไม่ลืมแซวด้วย “นี่ถ้าปู่กับย่า กลับมาช้าอีกสักหลายปีคงได้อุ้มเหลนแล้วมั้ง?”
ปู่พูดหยอกล้อ “อ่าว! ถึงฤดูแล้วหรือ?”
ย่าก็แทรกขึ้นขัดคอตาเฒ่าข้างกาย “เจ้าตัวดีไปติดสาวบ้านไหนเล่า? อย่าผลีผลามไปทำเขาท้องเข้าล่ะลูก” ย่าจับแขนด้วยความเป็นห่วง สายตาแฝงไปด้วยความเมตตา…
เสือน้อยตอบกลับปู่ไปว่า “ก็ใกล้ถึงฤดูแล้วครับ ส่วนลูกสาวบ้านไหนปู่ย่าอยู่ ๆ ไปเดี๋ยวก็ได้เจอ” เสือน้อยหยอดคืนปู่ไปหนึ่งที ส่วนประโยคหลังหันไปมองยิ้มให้กับย่า
แต่พอเห็นสองผู้เฒ่าทำท่าเลิ่กลั่ก เสือน้อยจึงจับพิรุธได้ว่า “อย่าบอกนะว่าแค่แวะมาน่ะ ปู่ย่า? เดี๋ยวนะนี่บ้านไม่ใช่โรงแรมจะอยู่นาน ๆ หน่อยไม่ได้หรือ?” เขาบ่นอย่างน้อยใจ
อย่างน้อยมีผู้ใหญ่อยู่ติดบ้านไว้ก็ดีกว่า ทั้งให้ลูกหลานได้ดูแล ทั้งยังเป็นสถานที่หลบภัยให้เวลาเสือน้อยก่อเรื่องอะไรมา!
“ก็ปู่กับย่าวางแผนไว้แล้วนี่ลูก และที่กลับมาเนี่ยก็เห็น เจ้าผันมันโทรไปบอกว่าเดี๋ยวนี้ เอ็งอู้ฟู่ใหญ่แล้ว ปู่ก็เลยมาดูกับตาเสียหน่อยน่ะ” ปู่พูดไปพลางลูบหัวหลานรัก แต่เสือน้อยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก!
เสือน้อยนึกขึ้นได้ จึงตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน “พ่อจ๋า แม่จ๋า…ปู่ย่ากลับมาแล้ว! ตื่นเร็ว!!”
เสือน้อยตะโกนดังลั่น พอพ่อผันกับแม่ชบาที่นอนกอดกันอยู่ได้ยืน ก็ตื่นเต้นดีใจพ่อแม่กลับบ้านเสียที” จึงรีบแต่งเนื้อแต่งตัวพากันวิ่งออกมาหา
ส่วนนกแก้วก็วิ่งพรวดออกมานานแล้ว เสือน้อยจึงแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ “จริง ๆ แล้วเขาเคยคุยผ่านโทรศัพท์เล่าให้ปู่กับย่าฟัง”
ย่าก็เหมือนจะเอ็นดูหลานสาวคนนี้ ยัยนกแก้วตัวแสบก็ได้แต่พูดออดอ้อน รอจนพ่อแม่มาถึงก็กอดทักทายกันอยู่พักใหญ่ ถามสารทุกข์สุกดิบ…
ชวนกันนั่งคุยกันอยู่นานสองนาน ปรากฏว่าปู่ย่าแค่แวะมาพักสักอาทิตย์เดียว ประเดี๋ยวก็ขึ้นเหนือต่อ ลงมาเพราะอยากเห็นหน้าลูกหลานเฉย ๆ พอได้ยินดังนั้น ก็ทำเอาทุกคนยิ้มเจื่อนกันหมด
พ่อผันก็อดบ่นไม่ได้ แม่ชบาก็เช่นกัน สองผู้เฒ่าก็เตรียมใจรับฟังคำบ่น ของครอบครัวเอาไว้แล้ว แม่ชบาพูดขึ้นว่า “เงินเหลือเยอะมั้ยจ้ะ ขาดเหลืออย่าลืมบอกฉันนะจ๊ะพ่อแม่” ผันสามีก็พยักหน้าเห็นด้วย
เสือน้อยยิ่งตบอกเสียงดัง “มีอะไรต้องกลัว ประเดี๋ยวหลานรัก จัดการให้เอง!”
“เดินทางกลับมาเหนื่อย ๆ เดี๋ยวให้ปู่กับย่าไปพักผ่อนก่อนเถอะน่ะพ่อแม่” เสือน้อยพูดแทรกขึ้น
วันนี้ทั้งวันแม่ชบาก็ทำกับข้าวสุดฝีมือ นกแก้วก็มาคอยช่วยด้วย ส่วนพ่อผันก็รอ “พ่อแม่ตัวเองตื่น” เขามีเรื่องจะคุยกันเยอะแยะเลยแหละ
มื้อเย็นก็คุยกันอย่างสนุกสนาน ปู่กับย่าบอกว่าที่เมืองเหนืออากาศดีมาก อยากชวนลูกให้ไปอยู่ด้วยเลย ส่วนเรื่องเงินทองพวกแกอยู่วัดปฏิบัติธรรม เงินทองไม่ได้ใช้อะไรเลย
แต่เสือน้อยพูดแทรกว่า “มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าพอจะใช้แล้วไม่มี
คราวนี้เขาพูดขึ้นในฐานะผู้สืบสันดานโดยตรง ไม่อนุญาตให้ปู่กับย่าปฏิเสธเด็ดขาด…เสือน้อยพูดพรรณนา จนปู่ย่าปฏิเสธไม่ได้ เพราะเจ้าตัวเล่นเอาเรื่องกตัญญู ศีลธรรมพูดจ้อไม่ยอมหยุด ก่อนทั้งคู่จะยอมรับเอาไว้
เสือน้อยก็ดีใจเขาก็บอกว่า “เดี๋ยวปู่ย่าก่อนจะกลับประเดี๋ยว ไอ้เสือน้อยคนนี้ จะพาไปเปิดบัญชี และทำบัตรเอทีเอ็มใหม่ด้วยเลยดีกว่า!”
จากนั้นปู่กับย่าก็เล่าเรื่องที่ปฏิบัติธรรมให้ฟัง อีกทั้งยังได้เล่าไปถึงเรื่องนายเม่นที่ได้มาขอซื้อภาพวาดของผัน โดยช่วยดูแลตามสมควรตามที่เอ็งฝากฝังเขาไว้ แถมยังชวนไปกินข้าวด้วยกันอยู่บ่อย ๆ ที่บ้านเขา ปู่ย่าผลัดกันพูดบรรยาย
พอถึงคราวเสือบรรยายบ้าง ก็คุยโวบอกปู่ย่าว่าช่วงนี้ทำอะไรอยู่ เรียนเป็นอย่างไงบ้าง แถมชี้เจ้าควายทองสุขให้ดูปู่ย่าก็หัวเราะชอบใจ
ช่วงเวลาดี ๆ ก็มักจะล่วงเลยผ่านไปไวเสมอ
จนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ หลังจากที่ปู่กับย่าบินขึ้นเหนือ เสือน้อยยังอดหยอดไปสองสามคำ หลายวันก่อนเขาพาปู่กับย่าไปเปิดบัญชีใหม่ ทั้งยังกดเงินสดให้ปู่กับย่าติดตัวไว้เพิ่มด้วย…
พ่อผันก็ขับรถไปส่งที่สนามบินดอนเมืองด้วยความไม่เต็มใจเท่าไรนัก
พอปู่ย่าจากไปพ่อผันก็ดูเหมือนจะคิดถึงอยู่เนือง ๆ หลายวันหลังจากนั้น ก็ยังโทรถามเช้าโทรถามเย็น
เขายังไม่ลืมโทรไปขอบใจ ‘เม่น’ เศรษฐีเมืองเหนือที่ได้ช่วยดูแลพ่อแม่ของเขา
ทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันเรื่องภาพวาดที่ซื้อมา เขาบอกช่วงนี้ปล่อยของให้คนอื่นได้ราคามาดีเชียวล่ะ ยังไม่ลืมขอซื้อภาพวาดจากผันรูปใหม่
พ่อผันก็ตกปากรับคำ “ถ้าได้คิวเดี๋ยวผมโทรไปหาคุณเองเลย!”
……
ธุรกิจที่เสือน้อยวางแผนไว้ ก็เริ่มพอจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว
ทั้งงานก่อสร้าง ทั้งการรับสมัครพนักงานเพื่อที่จะเตรียมคนเอาไว้…
ส่วนที่จะเสร็จก่อนคงเป็นร้านสะดวกซื้อที่อยู่แค่หน้าบ้านนี่เอง เขาเปิดเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง และเหตุผลที่ฟังดูบ้า ๆ บอ ๆ เช่น ด้วยเหตุผลเพราะเบื่อปากของแม่ค้าร้านขายของชำแถวบ้าน
แต่ความจริงแล้วเขาต้องการที่กระจายสินค้า เหมือนที่คิดไว้ในตอนไปเดินบูทงานเมืองทอง ส่วนเหตุผลอื่น ๆ แค่เอามาเสริมให้มันดูเยอะขึ้นก็เท่านั้น!
แต่จะสร้างทั้งทีเผื่อไว้ ในอนาคตขยายสาขาได้ใครจะไปรู้? เสือน้อยจึงเลือกสร้างให้ดี ๆ ไปเลย แน่นอนทีมก่อสร้างเดิมงานล้นมือ
พ่อผันจึงไปขวนขวายหาบริษัทใหม่ผ่านทางลุงสิน เพราะคนในวงการเดียวกันย่อมรู้จักกัน เสือน้อยก็ฟังมาบ้างพวกรับเหมาก่อสร้างงานชุ่ย ๆ ชอบทิ้งงาน ดังนั้นเรื่องพวกนี้เสือน้อยระมัดระวังเป็นพิเศษ
“เขาว่าฟังผู้รู้ ดูผู้เฒ่า นั้นได้ผลนักแล” เสือน้อยก็ต้องสืบเสาะคนที่ไว้ใจได้ ไม่ใช่เอาแค่สั่งอย่างเดียว
ผู้นำที่ดีเสือน้อยเรียนรู้มาว่า ต้องลงมือทำให้ลูกน้องเห็น ต้องซื้อใจลูกน้องได้ ลูกน้องจึงจะทำงานถวายหัว
เหมือนเช่นหลักการปกครองคนในสามก๊ก ผู้นำขี้ระแวง ผู้นำโง่เขลาแต่มีอำนาจ ผู้นำพาลูกน้องไปทำเรื่องโง่ ๆ เสือน้อยดูผ่านในละครและนำมาใช้ในชีวิต
ลุงถิ่นสถาปนิกใหญ่ย่อมหนีไม่พ้นรับงานเสือน้อย
สำหรับลุงถิ่นแล้ว แกต้องเข้ามาสำรวจพื้นที่ด้วยตนเองก่อน และค่อยกลับไปร่างแบบที่บริษัทพร้อมลูกน้อง เสือน้อยเพียงแค่บอกสิ่งที่อยากได้ พร้อมความเรียบหรูดูแพง แบบที่เข้าถึงได้ สีต้องไม่ไปตรงกับคู่แข่ง
ทั้งยังให้ออกแบบโลโก้ แถมช่วยดูชื่อให้ด้วย ตั้งยังไงให้มันดังให้มันโดน หลังจากที่โยนงานและมอบหมายงานเสร็จสิ้น เสือน้อยก็เข้าสู่วิถีประจำวัน
นี่แหละนิยายแนวผม เน้นทำมาหากินสักนิดสักหน่อย…. เอาจริง ๆ ก็ไม่หน่อยแทบทั้งเรื่อง!