ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
รัก,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,เล่าประสบการณ์,ตลก,พล็อตสร้างกระแส,Y2K,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,เจ้าแผนการ,นักธุรกิจ,คนในฝัน,รวยตั้งแต่ยังเด็ก,สร้างตัว,สายเปย์,มาเฟีย,ตัวพ่อ,โรงเรียน,พล็อตไม่ซ้ำใคร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสือเจ้าพระยา | ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า (อ่านฟรี!)ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
เสือเจ้าพระยา ภาคที่ 1 | จับเสือมือเปล่า!
- ที่มาของชื่อเรื่อง -
ซ้ายเด่นสง่าเสือเจ้าพระยา ขวาดาราประดับฟ้าเพริศแพร้ว
สองเพชรงามน้ำหนึ่งเมืองบัวแก้ว ผู้ผ่องแผ้วคู่แคว้นแดนประทุม
………
นิยายเรื่องนี้จะเป็น ‘แนวสร้างตัว’ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องผสมผสานไปด้วยมุกตลก และสอดแทรกไว้ด้วยสาระ โดยที่ได้อิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบนโลก ในภาคนี้จะมุ่งเน้นไปที่การปูพื้นฐานตัวละคร และก็โครงเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยนิยายจะเล่าย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2548 เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีชื่อว่า “เสือน้อย” นับตั้งแต่เจ้าตัวได้เข้ามัธยมต้นในภาคที่ 1 จนกระทั่งเรียนจบมหาลัย ในภาคที่ 5
ผู้เขียนเชื่อว่าท่านนักอ่านนั้น ‘มีลิมิต’ ในการยอมรับนิยายสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นในตอนที่ 24 “คนขี่ควาย” ก็อาจช่วยให้ท่านตัดสินใจง่ายขึ้น แน่นอนหากว่าท่านอ่านเต็มภาคได้ย่อมจะดีที่สุด
“ใครจะไปคิดว่าควายจะเปลี่ยนชีวิตคนได้?” ทองสุขเจ้าควายตัวแสบ ถูกพ่อหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยให้ลูกชายได้ฉุดคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ และมันได้จุดประกายความคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันไปตลอดกาล
♪
บทเพลงที่ใช้เปิดนิยายเรื่องนี้ คือ ‘เพลงบ้าหอบฟาง’ ของวงอัสนี-วสันต์
หอบฟางหอบฟางไปไหน ทำไมถึงต้องหอบฟาง
หอบกันจริงๆจังๆ หอบกันรุงรังหอบฟาง
♪
#พล็อตไม่ซ้ำใคร #นักธุรกิจร้อยล้าน #นักรักตัวพ่อ #มาเฟีย
นิยาย 5 ภาค/เล่ม(จบ) | จำนวน ≈643,202 คำ - [มี E-Book]
[--- อ่านฟรีรวม 150 ตอน! ---]
ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า
(อ่านฟรีทั้งภาค!)
ภาคที่ 2 เสือไว้ลาย
(ฟรีตอนที่ 57-87)
ภาคที่ 3 หน้าเนื้อใจเสือ
(ฟรีตอนที่ 116-131)
ภาคที่ 4 ชาติเสือจับเนื้อกินเอง
(ฟรีตอนที่ 186-207)
ภาคที่ 5 เสือหมอบ
(ฟรีตอนที่ 251-275)
(จบบริบูรณ์)
คำโปรย
เด็กหนุ่มผู้แผ้วถางป่าดงอันรกเรื้อ...
“ใช้สองมือกวาดพงสร้างทางฝัน สองเท้าย่างก้าวพลันสู่จุดหมาย
ขีดเขียนโชคชะตาด้วยใจกายยืนหยัดอย่างผึ่งผายด้วยคุณธรรม”
อุปสรรคนานัปการ…จะหล่อหลอมให้เขา กลายเป็นคนแกร่ง!
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลวิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 43 มีเหย้าก็ต้องไปเยื่อน
เสือน้อยที่มีความสุขกำลังบรรเลงเพลง พร้อมชวนเธอร้องเพลงกันอยู่สองคน โดยไม่มีใครมาคั่นกลาง ไม่มีใครเข้ามาแทรก
ทำให้เสือน้อยอดนึกถึง ละครเรื่อง ‘สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย’ ที่เติ้ลตะวัน กับนุ่น วรนุชเล่นไว้ ชื่อของไอ้หรั่งกับบทละครสุดโรแมนติก มันยังตราตรึงฝังใจเสือน้อยจวบจนทุกวันนี้
เขาเองก็คิดว่าตัวเองได้รับอิทธิพลจากละครเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ใจหนึ่งเขามีความคิด อยากจะชวนเธอให้อยู่จนถึงตอนกลางคืน ยามที่พระจันทร์ลอยอยู่กลางฟากฟ้า
เขาหมายมั่นจะพาเธอไปเหยียบดวงจันทร์ เต้นรำคลอเคลียกันอยู่เพียงแค่สองต่อสอง
เสือน้อยพอนึกได้ดังนั้น จึงบอกเล่าความคิดของตนให้เหมือนฝันฟัง ทำเอาเด็กสาวอายใบหน้าแดงระเรื่อ
แน่นอนว่าเธอต้องเคยดูละครเรื่องนี้อยู่แล้ว ในบางครั้งเธอหรือว่าพวกผู้หญิงหลาย ๆ คน ก็ยังคิดฝันว่าตัวเองคือ ‘นุ่น วรนุช’ จากในละคร
แต่กลับมาที่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อพลบค่ำแล้ว คงถึงเวลาที่ต้องได้จากลา
เสือน้อยจึงเลียนเสียงพูดหวาน ๆ คล้ายดีเจในคลื่นวิทยุ เขากระแอมดัดเสียงเล็กน้อยให้ดูนุ่มนวล “ก่อนจากกันไปในวันนี้ขอฝากเพลงความหมายซึ้ง ๆ กินใจ ให้ท่านผู้ฟังไว้อีกหนึ่งบทเพลง…”
“เรียนเชิญท่านรับฟัง ‘เพลงหวานใจ’ ของวงบางแก้วครับ” ตัวเขาเองเตรียมซ้อมเพลงนี้ไว้ตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว
สองมือของเสือน้อยก็บรรเลงเมโลดี้ เสียงร้องก็ดังออกจากปากของเด็กหนุ่ม และพอได้ยินแล้ว ไพเราะเสนาะหูเป็นอย่างมาก เสียงของเด็กหนุ่มมีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว สามารถเอาดีด้านนักดนตรีได้สบาย ๆ
♪ “เข้านอนเร็ว ๆ นะหวานใจ ไม่สบายไปฉันคงเหงา เดี๋ยวไม่เจอกัน ในตอนเช้าของวันใหม่ จะอยู่อย่างไร พรุ่งนี้…” ♪
เหมือนฝันก็เหนียมอาย เธอทำตัวไม่ถูกเช่นกันได้แต่นั่งยิ้มหวาน สองมือจับผ้าเช็ดหน้าบิดไปมา…ตอนนี้เธอเขินแทบจะแย่อยู่แล้ว!
“ร้ายนักนะไอ้เสือ!” แม่ชบายิ้มขณะเดียวกันก็หมั่นไส้
นกแก้วที่นอนหมอบเท้าคางอยู่กับพื้นขาก็แกว่งไปแกว่งมา ฟังเพลงที่พี่ชายร้องอย่างมีความสุข เธอหันไปมองป้าของตนพลางพูดขึ้น “ป้าหนูอยากเรียนดนตรีบ้างจัง!”
“เรื่องนี้ก็ไปอ้อนขอลุงหนูเอาโน่นแน่ะ ไอ้เสือน้อยมันก็เรียนมาจากลุงผันนั่นแหละ” แม่ชบาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่สายตามองไปยังหนุ่มสาวที่กำลังหวานซึ้งกันอยู่ที่ศาลาริมน้ำ
จากนั้นแม่ก็อาสาขับรถไปส่งที่บ้าน อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้สาวน้อยได้ปฏิเสธเด็ดขาด
ระหว่างทางก็ชวนคุยเรื่องประสาผู้หญิง ถามเรื่องอื่น ๆ ไปเรื่อย ด้วยเป็นคนคุยสนุก คุยเก่งทั้งคู่จึงเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว
……
ส่วนเสือน้อยที่อาบน้ำประแป้ง ก็นอนหลับกอดหมอนข้างอารมณ์ดี ยังไม่ลืมส่ง SMS ไปบอกฝันดีด้วย
ช่วงนี้อะไร ๆ เขาก็มักคิดถึงเหมือนฝันไว้ก่อน รูปถ่ายแปะอยู่บนกระดานที่เตรียมมาเป็นพิเศษ เป็นรูปที่ให้ไอ้เข้มแอบถ่ายแบบเผลอ ๆ โดยไม่ให้เจ้าหล่อนรู้ตัว จากนั้นก็ปิดไฟนอน แถมยังหลับฝันดีตลอดคืน
พอเช้าวันรุ่งขึ้น ตัวเขาก็รีบตื่นไปยืนขายหมูปิ้งตามปกติ แต่พอขายเสร็จเขาก็รีบวิ่งห้อไปหาเหมือนฝัน เขาทำอย่างนี้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็มีขาดบ้างหากช่วงไหนยุ่ง ๆ แต่ว่าก็จะโทรไปบอกเธอก่อนเสมอเช่นกัน
ทางด้านเหมือนฝันเอง ตั้งแต่ที่ไปเยี่ยมบ้านเสือน้อย เธอก็เปิดใจรับเด็กหนุ่มเข้ามาเต็มหัวใจ เธอยังหลงใหลในลีลาท่าเต้น พร้อมทั้งเสียงเพลงขับกล่อมในตอนท้ายของวัน เหมือนฝัน เล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวฟังอยู่เช่นกัน
แม่ของเหมือนฝัน ก็ได้ถามถึงเสือน้อยอยู่เหมือนกัน วันก่อนตอนแม่ชบาขับรถมาส่งก็ยังสวัสดีทักทายกันอยู่ครู่หนึ่ง
แม่ยังกระเซ้าเย้าแหย่ให้พาแฟนมาพบพ่อแม่บ้าง ไปเยือนบ้านเขาแต่ไม่ยอมชวนเขามาบ้าน เดี๋ยวจะเสียมารยาทเอา
แม่พยายามหว่านล้อมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนวันหนึ่งเธอก็ยอมตกปากรับคำ
นึก ๆ ไปแล้วเธอก็คลี่ยิ้มออกมา ลูกสาวโตเป็นสาวจนมีพวกหนุ่ม ๆ มาติดพันเสียแล้ว เธอนึกย้อนกลับไป ตอนที่เหมือนฝันพึ่งเกิด ที่ตั้งชื่อนี้
ก็เป็นเพราะว่าทั้งเธอ และสามีกว่าที่จะมีลูกได้จำเป็นต้องไปหาหมอทำทุกวิถีทาง และใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะประสบผลสำเร็จ
ดังนั้นพอตั้งท้องก็เลยรู้สึกว่า “เป็นเหมือนฝันเลยที่เธอกับสามีได้มีลูก…”
เหมือนฝันเองก็เคยถามที่มาที่ไปของชื่อเสือน้อย
ส่วนเสือน้อยก็ย่อมอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงชื่อว่าเหมือนฝัน ขณะนี้ทั้งคู่ดูเหมือนว่าโลกใบจะกลายเป็นสีชมพู พวกเขาก็เปิดใจคุยกันแทบทุกเรื่อง…และเมื่อมีมา ย่อมมีไป
วันหนึ่งเหมือนฝันก็มาบอกเสือน้อยว่า พ่อกับแม่ของเธอชวนไปกินข้าวที่บ้าน จึงทำเอาเด็กหนุ่มหัวใจเต้นตึกตักดังระรัว ตอนนี้เองเสือน้อยเริ่มเข้าใจความประหม่า ตอนเหมือนฝันไปที่บ้านเขาขึ้นมาบ้างแล้ว
จึงแอบไปปรึกษาพ่อกับแม่ทันทีที่กลับบ้าน เสือน้อยรู้สึกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก จึงได้พ่อกับแม่ช่วยปลอบใจ ทั้งยังเตรียมเอากระเช้าของขวัญไว้ให้ เอาไปฝากบ้านโน้นด้วยเลย เสือน้อยยังซักซ้อมเหมือนจริงกับพ่อผัน
แม่ชบาก็ยิ้มขำมองดูไปคล้ายกระต่ายตื่นตูมเสียก็ไม่ปาน ในใจด่าขำ ๆ ว่า “เจ้าเสือโง่เอ๊ย!”
พอถึงวันนัดมาถึงวันนัด ทั้งวันเสือน้อยไม่เป็นอันเรียน เขาดูกระวนกระวาย ดูไม่สงบนิ่งเหมือนอย่างปกติที่สนุกสนานปล่อยมุกเล่นมุกตลกเฮฮา จนเพื่อน ๆ ร่วมในกลุ่มจับสังเกตก็ได้ แต่เสือน้อยก็ไม่ยอมปริปากบอกว่าเป็นอะไร
พอตกเย็นหลังจากลงจากรถแท็กซี่เสร็จ เสือน้อยก็มองไปที่บ้านเดี่ยวสองชั้น สภาพใหม่เอี่ยม ดูเหมือนได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี
แตกต่างจากบ้านด้านข้างอย่างชัดเจน ในหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในตัวเมืองไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก
เสือน้อยหิ้วกระเช้าของขวัญที่พ่อแม่เตรียมไว้ให้มาด้วย ตอนเช้าเขาเอาไปฝากไว้ที่ร้านทองสุข เหมือนฝันที่ลงมาจากแท็กซี่ด้วยเช่นกัน ก็ยืนดูเสือน้อยตื่นตัว เธอแอบยิ้มหัวเราะในใจ แต่ก็ตีหน้านิ่ง!
เสือน้อยทวนคำพูดของพ่อกับแม่ ทั้งคู่บอกให้ไม่ต้องลนลาน หรือทำอะไรมาก และไม่ต้องกระวนกระวาย เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีที่สุด จึงทำให้เขาลดอาการประหม่าลงไปได้พอสมควร!
ไม่นานเหมือนฝันก็กดกริ่ง บอกสัญญาณว่ากลับมาแล้ว ซึ่งปกติแล้วเธอจะเปิดประตูเข้าบ้านไปเลย ทว่าวันนี้มีคนพิเศษมาด้วย เมื่อเห็นอาการประหม่าของเสือน้อย เหมือนฝันก็หัวเราะในใจ จนบางครั้งหลุดขำออกมาไม่ได้จริง ๆ
เสือน้อยเดินตามเหมือนฝันเข้าไปในบ้าน จนเห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารวางเรียงรายอยู่เป็นระเบียบ ดูท่าพ่อแม่ของเธอจะใส่ใจมากเป็นพิเศษกับอาหารมื้อนี้!
ไม่นานก็เห็นหนุ่มใหญ่วัยสามสิบเกือบสี่สิบกว่า ๆ เดินออกมา เขาวางมาดนิ่ง หน้าตาและใบหน้าก็เย็นชา เป็นแบบนี้ทำให้เสือน้อยเดาทางไม่ถูกไปใหญ่ ปกติแล้วเขาก็คิดว่าตัวเองสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ดีพอสมควร
แต่ทว่า เสือน้อยที่ตื่นตัวก็ลุกขึ้นเตรียมกล่าวทักทาย “สวัสดีครับคุณพ่อ…ผ…ผม” ยังพูดคำว่าผมไม่ทันเสร็จก็ได้ยินเสียงพูดตัดบทดังขึ้นมาแทน
“หือ…ใครพ่อแก?” คุณพ่อวางมาด ทำเสียงเข้มใส่ทันทีที่เจอ
เสือน้อยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “แล้วคุณพ่อ...เอ๊ย...คุณลุงจะให้ผมเรียกว่าอะไรดีล่ะครับ”
“เรียกฉันว่าคุณอาก็พอ ถ้าจะให้ดีเรียกคุณมิ่งจะดีมาก ฉันยังไม่อยากนับญาติกับใคร!” ระหว่างนั้นคุณมิ่งก็ลูบหนวดไปพลาง ๆ
เสือน้อยแก้ตัวใหม่อีกรอบ เขายิ้มแห้ง ๆ “เอ่อ....สวัสดีครับคุณอามิ่ง!” เขาเรียกรวบไปเลยทีเดียว...
“นี่แกย้อนฉันเหรอ?” คุณอามิ่งพูดเสียงเข้ม
“เปล่าครับคุณอามิ่ง” เสือน้อยพูดลนลาน มือโบกไปมาเป็นพัลวัน
เหมือนฝันเดินไปข้าง ๆ พ่อของเธอ ก่อนกระซิบที่หูพ่อเธอเบา ๆ “พ่อเลิกเก๊กเสียงได้แล้วน่า! หนูเห็นแล้วเจ็บคอแทน!”
ขณะนั้นเองก็มีหญิงสาวสวย เดินเข้ามาพร้อมอาหาร มองดูแล้วน่าจะเป็นพี่สาวอายุราว ๆ ยี่สิบกว่าปี
เสือน้อยก็ลุกขึ้นยืนกล่าวสวัสดีมือไม้อ่อน “สวัสดีครับ…พี่” ก่อนหันไปมองทางเหมือนฝัน ทำทีว่าให้ช่วยแนะนำ แต่เธอดันหลุดขำออกมาเสียนี่!
“เจ้ากรรม…เออใช่จำไม่เห็นได้ว่าเธอมีพี่สาว?” เสือน้อยคิดขึ้นมาได้
เหมือนฝันหลุดหัวเราะร่าเสียงดัง ใช้มือป้องปากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแนะนำว่า “นี่แม่เราเอง…แม่ขวัญ!”
ส่วนแม่ก็ยืนระบายยิ้ม...ผู้หญิงมีอายุคนไหนบ้าง ที่ไม่อยากให้คนชมว่าสวยหรือดูเด็กเธอเองก็อดป้องปากหัวเราะเหมือนลูกสาวไม่ได้
ส่วนคุณอามิ่งที่ตอนนี้หนวดกำลังกระตุก พูดเสียงเข้ม “ปากหวานเชียวนะเอ็ง!”
เสือน้อยที่ยิ้มแก้เขินทำตัวไม่ถูกก่อนจะพูดว่า “คุณแม่ดูเด็กมาก! ผมนึกว่าพี่สาวจริง ๆ นะครับ” เขายืนยันเสียงแข็ง
“ขอบใจจ้ะพ่อหนุ่มน้อย…มาสิเชิญกินข้าวกัน” เธอยิ้มดูมีเสน่ห์ ไม่แปลกเลยเหมือนฝันสวยได้ใครมา โบราณว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
“พอดีพ่อแม่ของผม ฝากกระเช้าของขวัญมาให้…คุณน้ากับคุณอาน่ะครับ” เสือน้อยประคองส่งกระเช้าให้คุณอามิ่ง ก่อนจะเริ่มกินข้าวกัน
อามิ่งก็ทำได้แต่เพียงวางมาดตีหน้านิ่ง “ขอบใจนะ”
หลังจากที่กินไปได้ไม่นานแม่ขวัญก็ชวนคุย “เหมือนฝันบอกว่า เห็นเสือน้อยขายของกิน หน้าโรงเรียนทุกวันเลย ใครจ้างหรือทำเองเหรอจ๊ะ?”
เสือน้อยคิดคำตอบในใจครู่หนึ่ง พอกลืนข้าวเสร็จก็ตอบว่า “จ้างตัวเองขายครับ” ทุกคนก็ฟังผ่าน ๆ ไม่ได้คิดอะไรได้ยินคำว่าจ้างก็เป็นพอ
แม่ขวัญก็ถามสืบประวัติต่อ “แล้วที่บ้านทำมาหากินอะไรกันหรือลูก?”
เสือน้อยก็ตอบไปตามความจริง ทั้งยังเสริมอีกว่า “ตอนเด็ก ๆ ผมเนี่ย…ช่วยแม่ขายของแลกค่าจ้างเป็นประจำเลยครับ”
จากนั้นก็ถามถึงเรื่องเรียน อนาคตโน่นนี่นั่น ส่วนเสือน้อยก็ตอบแบบเท่าที่คิดออก
“ก็พ่อแม่บอกให้เป็นตัวของเราเองนี่เนอะ” เขายึดหลักการนี้ไว้
“แล้วนี่จะกลับบ้านยังไง ให้คุณอามิ่งหรือน้าไปส่งดีมั้ย?” แม่ขวัญถาม
“อันที่จริงถ้าค่ำเกิน…หารถกลับไม่ได้ก็คงต้องเรียกคนมารับ หรือขอร้องให้คุณน้าคุณอาขับรถไปส่งนี่แหละครับ แต่ถ้าอยู่ช่วงหัวค่ำ แท็กซี่น่าจะมีอยู่ไม่น่าจะมีปัญหาครับ” เขายิ้มหวานตอบตามจริง
หลังจากคุยกันอยู่นานสองนาน สรุปแล้วคุณอามิ่งก็ได้รับบทเป็นคนขับรถจำเป็นพาเสือน้อยกลับบ้าน
ก่อนกลับสองสามีภรรยาปรึกษากันว่า “ตอนเหมือนฝันไปบ้านโน้น แม่เขายังขับรถมาส่งลูกเราเลย จะได้ดูไม่เสียมารยาท นี่คุณไปส่งด้วยตัวเองดีกว่านะ” จึงเป็นที่มาทำให้เสือน้อยนั่งเกร็งอยู่บนรถ
เพราะตลอดทางคุณอามิ่งก็ไม่ลืมเก๊กลูบหนวด แถมทำเสียงเข้มใส่ ทำเอาเสือน้อยได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
เข้าทางตามตรอกออกตามประตู! มันร้าย!