ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
รัก,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,เล่าประสบการณ์,ตลก,พล็อตสร้างกระแส,Y2K,ย้อนยุค,พระเอกเก่ง,เจ้าแผนการ,นักธุรกิจ,คนในฝัน,รวยตั้งแต่ยังเด็ก,สร้างตัว,สายเปย์,มาเฟีย,ตัวพ่อ,โรงเรียน,พล็อตไม่ซ้ำใคร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสือเจ้าพระยา | ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า (อ่านฟรี!)ช่วยเลิกสนใจหน้าปกเสียที แล้วช่วยดูเนื้อหาที่ผมเขียนหน่อย!
เสือเจ้าพระยา ภาคที่ 1 | จับเสือมือเปล่า!
- ที่มาของชื่อเรื่อง -
ซ้ายเด่นสง่าเสือเจ้าพระยา ขวาดาราประดับฟ้าเพริศแพร้ว
สองเพชรงามน้ำหนึ่งเมืองบัวแก้ว ผู้ผ่องแผ้วคู่แคว้นแดนประทุม
………
นิยายเรื่องนี้จะเป็น ‘แนวสร้างตัว’ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องผสมผสานไปด้วยมุกตลก และสอดแทรกไว้ด้วยสาระ โดยที่ได้อิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงบนโลก ในภาคนี้จะมุ่งเน้นไปที่การปูพื้นฐานตัวละคร และก็โครงเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยนิยายจะเล่าย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2548 เป็นเรื่องราวของพระเอกที่มีชื่อว่า “เสือน้อย” นับตั้งแต่เจ้าตัวได้เข้ามัธยมต้นในภาคที่ 1 จนกระทั่งเรียนจบมหาลัย ในภาคที่ 5
ผู้เขียนเชื่อว่าท่านนักอ่านนั้น ‘มีลิมิต’ ในการยอมรับนิยายสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นในตอนที่ 24 “คนขี่ควาย” ก็อาจช่วยให้ท่านตัดสินใจง่ายขึ้น แน่นอนหากว่าท่านอ่านเต็มภาคได้ย่อมจะดีที่สุด
“ใครจะไปคิดว่าควายจะเปลี่ยนชีวิตคนได้?” ทองสุขเจ้าควายตัวแสบ ถูกพ่อหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยให้ลูกชายได้ฉุดคิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ และมันได้จุดประกายความคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันไปตลอดกาล
♪
บทเพลงที่ใช้เปิดนิยายเรื่องนี้ คือ ‘เพลงบ้าหอบฟาง’ ของวงอัสนี-วสันต์
หอบฟางหอบฟางไปไหน ทำไมถึงต้องหอบฟาง
หอบกันจริงๆจังๆ หอบกันรุงรังหอบฟาง
♪
#พล็อตไม่ซ้ำใคร #นักธุรกิจร้อยล้าน #นักรักตัวพ่อ #มาเฟีย
นิยาย 5 ภาค/เล่ม(จบ) | จำนวน ≈643,202 คำ - [มี E-Book]
[--- อ่านฟรีรวม 150 ตอน! ---]
ภาคที่ 1 จับเสือมือเปล่า
(อ่านฟรีทั้งภาค!)
ภาคที่ 2 เสือไว้ลาย
(ฟรีตอนที่ 57-87)
ภาคที่ 3 หน้าเนื้อใจเสือ
(ฟรีตอนที่ 116-131)
ภาคที่ 4 ชาติเสือจับเนื้อกินเอง
(ฟรีตอนที่ 186-207)
ภาคที่ 5 เสือหมอบ
(ฟรีตอนที่ 251-275)
(จบบริบูรณ์)
คำโปรย
เด็กหนุ่มผู้แผ้วถางป่าดงอันรกเรื้อ...
“ใช้สองมือกวาดพงสร้างทางฝัน สองเท้าย่างก้าวพลันสู่จุดหมาย
ขีดเขียนโชคชะตาด้วยใจกายยืนหยัดอย่างผึ่งผายด้วยคุณธรรม”
อุปสรรคนานัปการ…จะหล่อหลอมให้เขา กลายเป็นคนแกร่ง!
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลวิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 50 เมื่อพีเนื้อหอม เมื่อผอมเนื้อเหม็น
ทุกวันนี้ร้านมีคนเข้ามาซื้อไม่ขาดสาย รับพนักงานเยอะ เพราะร้านเขาเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ปัญหาจุกจิกกวนใจก็ถูกแก้ไขด้วยคนมีฝีมือทั้งสี่คน ส่วนลูกจ้างพนักงานประจำตอนนี้มีมากถึงสิบคน ที่สลับเปลี่ยนหมุนเวียน สัปดาห์ก่อนเสือน้อยยังเรียกประชุมกันอยู่ครู่ใหญ่
พี่เล็กหนึ่งในผู้บริหารร่วมกับอีกสามคน ก็ค่อย ๆ สร้างระบบที่เป็นของตัวเองขึ้นมา
หากขาดส่วนไหน หรือขาดตกบกพร่องตรงจุดไหน พวกเขาก็จะสามารถแก้ได้ทัน จึงเกิดการทำงานเป็นทีม จนกระทั่งเสือน้อยมาเห็นยอดขายแล้ว จึงประเมินว่าจะเปิดสาขาใหม่ โดยให้ทั้งสี่คนช่วยกันนำเสนอทำเลที่คิดว่าดี
แต่เสือน้อยไม่ต้องการให้ไปเปิดชนกับรายใหญ่ เพราะนอกจากดึงลูกค้ากันเอง ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา…เว้นเสียแต่ว่าเปิดเพื่อสร้างแบรนด์
ทั้งสี่คนประเมินร้านสะดวกซื้อ ‘ระฆังทอง’ เสนอให้เช่าตึกแถวเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ต้องมีการออกแบบที่ดี เพราะถ้าออกแบบไม่ดีจะทำให้พื้นที่แคบไม่มีประสิทธิภาพ
เสือน้อยก็ผงกศีรษะเห็นด้วย “เดี๋ยวทุกคนก็ลองไปเลือกทำเล มาให้ผมดูหน่อยนะ ส่วนการออกแบบนั้นไม่ต้องห่วง ผมมีสถาปนิกประจำตัว อีกสามวันค่อยมาประชุมระหว่างนี้ถ้าช่วงไหนใครหยุดก็ขี่รถออกไปดูที่ดูทางเสียบ้าง
……
เสือน้อยต้อนเจ้าทองสุขเข้าคอก ล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะไปดูโรงเรียนกวดวิชาใหม่ เขาขี่จักรยานเสือหมอบคันใหม่ที่พึ่งซื้อมาหยก ๆ
ที่ซื้อมาก็เพราะเขาชอบชื่อที่จักรยานมีคำว่า ‘เสือ’ แค่นี้เท่านั้น
ที่โรงเรียนกวดวิชาช่วงนี้ปิดเทอมจึงทำให้คนสัญจรไปมาบางตา
ดังนั้นทำให้งานก่อสร้างต่อเติมเป็นไปได้ด้วยดี ลุงประเมินแล้ว เพียงแค่ปรับมุมของห้องเรียน การจัดวางแอร์ใหม่ ๆ ส่วนข้อเสนอที่น่าสนใจของเขาก็คือลิฟต์ เดินสี่ชั้นคงไม่ไหวลิฟต์แยกจากตัวอาคารด้านหลังยังมีพื้นที่เหลือพอ
ส่วนพวกระบบไฟลุงถิ่นก็ติดต่อหาคนมาทำให้ เพราะต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ออกแบบไว้
คาดว่าอีกสองเดือนกว่าก็เสร็จแล้ว เสือน้อยมองตึกไปมาพอนึกถึงแบบก็ดูเหมือนจะมีที่ว่างเยอะเป็นพวกที่ว่างให้คนมาเรียนนั่งเล่น ถ้างั้นทำไมไม่เอาอะไรมาขายเลยล่ะ คนนั่งรอก็กินไป? ดูเหมือนต้องคุยกับลุงถิ่นหน่อยเสียแล้ว ความคิดผุดขึ้นในหัวของเสือน้อย
……
การประชุมในอีกสามวันถัดมา มีผู้บริหารชุดแรกทั้งสี่คน
รวมทั้งลุงทนายความดำรง และลุงถิ่นพร้อมพนักงานของลุงอีกสามคน
เสือน้อยนั่งอยู่บนโต๊ะประธานการประชุม เหลือบมองรอบ ๆ ก่อนจะเริ่มประชุมขึ้นดื้อ ๆ ไม่มีกล่าวนำอะไรทั้งนั้น
เขาหันไปมองลุงถิ่น “ตอนนี้ผมต้องการขยายสาขาให้มากขึ้น ทางชุดผู้บริหารแนะนำให้เช่าตึกหนึ่งคูหาเอาก็พอ ลุงมีความเห็นว่าไงบ้างครับ”
ลุงถิ่นตอบ “ไม่มีปัญหานะ เซเว่น บิ๊กซี โลตัส เขาก็ทำกัน มันอยู่ที่ว่าเราจะจัดสรรพื้นที่ภายในอย่างไรก็เท่านั้น”
“งั้นเดียวผมจ้างลุงเพิ่มก็แล้วกัน ว่าแต่ลุงไหวหรือเปล่าลูกน้องด้วย น่าจะขยายสี่ถึงห้าสาขาได้…ถ้าประเมินทำเลผ่าน” เสือน้อยถาม
“ไหวอยู่แล้วคนที่ตกแต่งโรงเรียนกวดวิชาของเอ็งอยู่ก็ชุดหนึ่ง อีกชุดก็ดูโรงงานร่วมกับไอ้สิน ยังมีคนเหลืออีกถ้าไม่พอก็เดี๋ยวจ้างเพิ่ม…” ลุงถิ่นรับปากอย่างเป็นจริงเป็นจัง
“แบบเดิมใช้ซ้ำได้นะลุง เอ่อปกติแล้วไอ้ชั้นอื่นๆ เนี่ยเราเอาไว้ทำอะไรดี ปกติบางตึกสองชั้น ไปจนถึงสี่ชั้น ผมอยากให้ลุงช่วยคิดตรงนี้หน่อย หรือใครมีความเห็นอย่างไงก็บอกกันหน่อย”
“ถ้าชั้นบน ๆ ไม่อยู่ก็เปิดให้คนเช่าเสียเลย เวลาเดินเข้าเดินออก ก็เดินผ่านหน้าร้านนั่นแหละ” ช้างได้เสนอขึ้น
“หรือไม่ผมว่าเจรจาเช่าแค่ชั้นล่างได้มั้ย? ในกรณีที่ทำได้นะ”
จากนั้นทุกคนก็สุมหัวคิด กันอยู่นานสองนาน…
“เออใช่ลุง…ผมคิดว่าอยากเปลี่ยนแบบโรงเรียนกวดวิชาชั้นหนึ่งสักเล็กน้อย” เสือน้อยได้พูดขึ้น
“เอ็งจะเอาร้านสะดวกซื้อ…ใส่เข้าไปด้วยใช่มั้ย?” ลุงถิ่นพูดขึ้นราวกับเดาใจเขาออก
เสือน้อยเดาะลิ้น “เอาเรื่อง ใช่เลยลุงผมอยากได้แบบเวลาคนนั่งรอเรียน ก็มาซื้อของกินอีกอย่างตึกนั้นก็ไม่ต้องเช่าไม่เสียตังค์ ลุงแก้ช่วยแบบให้ผมทีก็แล้วกันนะ เอาเป็นแบบร้านมีที่นั่งก็ได้ แต่ทางเข้าออกโรงเรียนยังต้องมี และต้องเข้าออกสะดวกเหมือนเดิม”
“ได้ตามนั้น เดี๋ยวลุงให้ลูกน้องร่างแบบส่งให้”
“ลุงดำรงครับ ผมว่าไอ้ไฟส่องสว่างทางเดินมันมืดไปหน่อยนะ อยากให้ลุงประสานงานกับเทศบาลหน่อยว่าเพิ่มความถี่ของหลอดไฟได้มั้ย ถ้าเขาไม่ทำเดี๋ยวสมัยหน้าไม่ต้องเลือก ผมมีวิธีการจัดการ” ช่วงนี้ฐานเสียงเขาเยอะ เอาแค่กระจายข่าวในโรงเรียนอีกฝ่ายก็ซวยแล้ว
“มีอีกเรื่องผมว่า…การตลาดตอนนี้ของเรามันเบาไปนะ ใครมีความเห็นอย่างไงบ้าง” เสือน้อยถาม
“ขึ้นป้ายโปรโมต กลางสี่แยกไปเลยดีมั้ย?” พี่เล็กเสนอความเห็นขึ้น
“เอ...น่าสนใจ” เสือน้อยลูบคางคิดไปมา “ไอ้ตึกสามสี่ชั้นนั่น ทำเป็นป้ายใหญ่ ๆ เอาไว้ให้คนมาลงโฆษณาด้วยดีมั้ย?” นึกอะไรขึ้นได้เขาก็พูดไปเรื่อย ๆ
ตอนนี้มีแต่พี่เล็กคนเดียวที่คอยจดคำแนะนำ ส่วนอีกสามคนยังอ่อนประสบการณ์กว่าอย่างเห็นได้ชัด
“อืม...ผมเคยเห็นป้าย LED ตอนไปอนุสาวรีย์ชัยฯ ถ้าเราทำแบบนั้นได้ ก็เท่ากับโปรโมตทั้งกิจการของเรา และเผื่อว่าให้คนมาลงโฆษณาด้วย”
เพราะป้ายโฆษณาแบบนี้ไม่เหมือนพวกป้ายไวนิลตายตัว ที่เจ้าไหนมาก็เห็นลงโฆษณาเดี่ยว ๆ แถมไม่เคลื่อนไหว ส่วนป้าย LED กลับสลับโฆษณาไปมาได้ ลงทุนครั้งเดียวน่าจะคุ้มกว่า
“ลุงหน้าตึกกวดวิชาติดป้าย LED ดีมั้ย? ส่วนป้ายตรงสี่แยกเราติดต่อซื้อมันเลยก็แล้วกัน เรื่องนี้วานให้ลุงดำรงไปจัดการให้หน่อยนะครับ”
เขาลูบคางครุ่นคิดไปมา ป้ายโฆษณาคือแหล่งรายได้หลักในอนาคตเหมือนกันนะ!
……
ระหว่างหลายเดือนมานี้ยัยนกแก้วตัวแสบไปกลับบ้านปากคลองรังสิต ก็เที่ยวโพนทะนาวีรกรรม พร้อมกับความมั่งคั่งของบ้านฝั่งโน้นเป็นประจำ ทำให้พวกญาติวัยเดียวกันฟัง บางครั้งก็ไปคุยโม้กับผู้หลักผู้ใหญ่
กลับกลายเป็นว่าญาติทั้งหลายเมื่อได้ยินความอู้ฟู่ ของบ้านแม่ชบาก็แห่แหนกัน พามาหยิบยืมเงินกันไม่ขาดสาย เสือน้อยก็ปวดหัวมากเขาไม่อยากรับหน้า ได้แต่บอกปัดไปว่ามีงานให้ทำแลกเงินอย่างเดียว!
แม่ชบาก็พากันโดนญาติมาร้องขอหยิบยืมเงิน ปฏิเสธจนไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไงแล้ว เธอปวดหัวจนปิดท่าเรือเป็นการชั่วคราวขึ้นป้ายว่า “ชำรุด…อยู่ระหว่างซ่อม”
ยัยนกแก้วตัวดีพอกลับมาจากบ้านแม่ชม้อยกับพ่อเลี้ยงคนใหม่ ก็โดนแม่ชบาดึงหูพร้อมบ่นอย่างหนัก อยู่หลายประโยคแม่ชบาขู่ว่า “เดี๋ยวไอ้เสือน้อยมันจะมาคุยด้วยแน่ะ!”
ทำเอาเจ้าหล่อนน้ำตาคลอ กอดป้าไม่ยอมปล่อย ถ้าไม่มีป้าหนุนหลัง เธอก็อยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้ เพราะบ้านหลังนี้อยู่ดีมีสุข อีกทั้งยังมีของให้กินตลอด ๆ เธอเองก็เป็นขาใหญ่คุมเพื่อน ๆ ผู้หญิงละแวกนี้
ถ้าลูกพี่อย่างเธอเสียหน้าโดนไล่ออกจากบ้านขึ้นมามีหวังศักดิ์ศรีที่สะสมมาก็มลายหายไปพอดี
ชบาก็โกรธเธอเช่นกัน แต่พอเห็นหลานร้องไห้ กลัวว่าจะกระทบกระเทือนใจ จึงอยากจะนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ตอนเสือน้อยมันดุด่า เธอกลัวว่าจะทำน้องเสียขวัญไปกันใหญ่
ไม่นานเสือน้อย เมื่อได้รับข่าวจากแม่ เขาก็เดินขึ้นมาบนบ้าน หลังจากที่วิ่งวุ่นหลบหน้าญาติมิตรอยู่ ความอัดอั้นตันใจที่โดนพวกญาติ ‘พยายามไถตังค์’ ปากนั้นบอกว่ายืม แต่เทพผีที่ไหนจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะได้คืน
เสือน้อยไม่ชอบวิธีการนี้จึงเบี่ยงประเด็นว่า “ให้ยืมคงไม่ได้ แต่ผมพอจะหางานทำให้ได้อยู่ แต่ต้องมีความสามารถในการทำด้วยนะ”
เสือน้อยเห็นแม่นั่งอยู่ข้าง ๆ นกแก้ว มองจากสีหน้าก็ดูออกว่าพยายามจะกล่อมเขาไม่ให้ดุน้อง แต่เขาก็ตัดบท “แม่ช่วยไปดูโรงเรียนกวดวิชาหน่อยสิ เสือไม่มั่นใจว่างานมันจะออกมาดีมั้ย?”
แม่ชบาขมวดคิ้ว มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าเจ้าลูกชายตัวดีต้องการกันเธอออกไปจากตรงนี้ ทว่านกแก้วก็กอดแขนเธอร้องไห้โฮ จนตาแดงก่ำไม่ยอมปล่อย แม่ชบาก็จนใจสบตามองลูกชาย
แต่เสือน้อยกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ “วันนี้ไม่โดนพรุ่งนี้ก็ต้องโดน ถ้าพรุ่งนี้โดนอาจหนักกว่าก็ได้นะ” เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ ระหว่างรอแม่ชบาตัดสินใจ
แม่ชบาพูด “อย่าพูดกระแทกแดกดันน้องมากนักนะลูก” พร้อมส่งสัญญาณขอร้องผ่านสายตา
เสือน้อยไม่รับปากอะไร ก่อนจะรอแม่เดินจากไป เขาก็หันมาพูดกับนกแก้ว “นี่ยัยตัวแสบก่อเรื่องอะไรไว้ รู้บ้างมั้ยฮะ?”
นกแก้วก้มหน้าก้มตาตอบเสียงสะอื้น “รู้…หนูผิดไปแล้ว พี่เสืออย่าโกรธหนูเลยนะ ก็หนูไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะเอาไปพูดกันต่อนี่…”
เสือน้อยส่ายหน้าจากนั้นก็เทศนา ยัยนกแก้วไปชุดใหญ่ พักใหญ่เลยด้วย โดยจากนี้เป็นต้นไป นกแก้วจะต้องคอยรับหน้าญาติ ๆ ฝั่งโน้นโดยจะแกล้งร้องไห้ ข่มขู่ ใช้วิธีไหนก็ได้ให้พวกฝั่งโน้นกลับไปแต่โดยดี แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น
“พี่เสือจะไม่ไล่หนูออกจากบ้านเหรอ?” นกแก้วหันมาสบตามอง
มือขอเสือน้อยจะวางลงบนหัวเธอลูบไปมา “ไม่ไล่หรอก…แต่ว่าก็ต้องดูวิธีแก้ปัญหาของนกแก้วต่อจากนี้ด้วยนะ”
จากนั้นนกแก้วก็ร้องโฮยกใหญ่ พร้อมกับดังโผเข้ากอด “เธอกลัวแล้วจริง ๆ กลัวพี่เสือไม่รัก กลัวป้าไม่รัก กลัวลุงไม่รัก ถ้าไม่มีสามคนนี้เธอคงใช้ชีวิตแบบมีความสุข เช่นนี้ไม่ได้!”
แม่ชบาที่แอบอยู่ด้านล่าง พอได้ยินหลานรักร้องเสียงดัง ก็ตกใจรีบวิ่งขึ้นไปดูด้วยท่าทีตกอกตกใจกลัวว่าเจ้าเสือน้อยจะทำหลานสาวเตลิดไปกันใหญ่ แต่พอมองเห็นนกแก้วกอดเสือน้อยก็พอจะเข้าใจ เพราะเสือน้อยหันมายิ้มกว้างให้คนเป็นแม่อย่างเธอ
จากวันนั้นเป็นต้นมา นกแก้วก็ต้องงัดมารยาร้อยเล่มเกวียน ที่ป้าชบาของเธอถ่ายทอดให้คอยพูดดักทางญาติ ๆ พูดซ้ำ ๆ จนหลายคนยอมรามือกลับไปมือเปล่า คล้ายหุ่นนกแก้วที่พูดแต่ประโยคเดิม ๆ ส่วนญาติที่อยากได้งานทำพี่เสือน้อย หรือไม่ก็ป้าชบาจะรับหน้าแทนเธอ
แต่ก็มีญาติฝั่งลุงผันมาเยี่ยม นกแก้วจึงเรียกลุงมารับแขกแทน
พอลุงเห็นหลานชายสวมเครื่องแบบมาก็ทำให้เขาดีใจมากนัก “กว่าจะโผล่หัวมาได้นะเอ็งไอ้มอส” ผันกอดหลานชายไป ก่อนจะถามไถสารทุกข์สุกดิบครู่หนึ่ง จึงกวักมือเรียกนกแก้วให้โทรตามเสือน้อยมาหา
เสือน้อยพอมาถึงเห็นรุ่นพี่ลูกน้องฝั่งพ่อ ‘ปู่เพิ่ม’ มีน้องชื่อว่า ‘ปู่พวง’
ลูกชายรุ่นเดียวกับพ่อผัน มีชื่อว่ากอหญ้า
ส่วนลุงกอหญ้าก็มีลูกชื่อ ‘มอส’ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเสือน้อย
ตัวเสือน้อยไม่ได้เจอมานานได้ฟังแต่ข่าว จากพ่อที่ชอบโทรคุยกับญาติ ๆ
เสือน้อยทักทายปราศรัยตามมารยาทอันพึงมี คุยกันอยู่นานสองนานไล่ลำดับโคตรเหง้ากันก่อน ความจริงเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่ไม่เป็นไรสายเลือดเดียวกันผมนับเป็นพี่หมดนั่นแหละ
เสือน้อยตีสนิท “นี่…พี่พึ่งย้ายมา สภ.เมืองเหรอ โอ๊ย…สบายสงกรานต์งานเยอะ!”
ตัวละครใหม่ที่จะอยู่กันไปยาว ๆ ‘พี่มอส’