เป็นเมียน้องแล้ว เป็นเมียพี่อีกคนจะเป็นไรไป

ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด - 2 ฉันไปส่ง โดย อิชง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ครอบครัว,จิตวิทยา,รัก,ดราม่า,นางเอกน่าสงสาร,พระเอกปากร้ายแต่ใจดี,ฝาแฝด,แก้แค้น,ชายหญิง,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ครอบครัว,จิตวิทยา,รัก,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นางเอกน่าสงสาร,พระเอกปากร้ายแต่ใจดี,ฝาแฝด,แก้แค้น,ชายหญิง,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด  โดย อิชง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เป็นเมียน้องแล้ว เป็นเมียพี่อีกคนจะเป็นไรไป

ผู้แต่ง

อิชง

เรื่องย่อ

สารบัญ

ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -0 บทนำ ,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -1 แต่งงานกันนะ?,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -2 ฉันไปส่ง,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -3 คิดอะไรของนาย,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -4 ข้อแม้หรือคุก,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -5 เข้าหอ,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -6 วันเกิด เปิดอ่านฟรี 26/2/68,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -7 สัมผัส Nc,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -8 เกมนี้เพิ่งเริ่ม เปิดอ่านฟรี 26/2/68 ,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -9 ปัจจุบัน (ตอนเสริม),ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -10 ความเจ็บปวดที่ยาวนาน เปิดอ่านฟรี 5/3/68,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -11 ความจริงและสับสน เปิดอ่านฟรี 5/3/68,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -12 สมควรตาย Nc ,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -13 คำสั่ง เปิดอ่านฟรี 12/3/68,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -14 แค้นหรือหึง เปิดอ่านฟรี 12/3/68

เนื้อหา

2 ฉันไปส่ง

ฉันกระตุกมือวาวาเบาๆ เพื่อบอกให้เธอหยุดโต้เถียงกับคนตรงหน้า ก่อนที่ร่างใหญ่จะเอ่ยถามขึ้น

“ในห้อง 6/6 ก็มีใครชื่อ พิง เหมือนยัยนี่บ้างล่ะ?”

“………”

“ถ้าไม่มี งั้นก็แปลว่า ยัยนี่เป็นเมียฉัน”

“ห๊ะ?”

ฉันอุทานออกมาเสียงดัง จนวาวาต้องรีบหันมอง ก่อนที่เธอจะเดินขึ้นมา เอาตัวบังร่างฉันไว้อย่างกล้าหาญ

“นี่ กีต้าร์ ฉันว่านายต้องเข้าใจอะไรผิดแล้วแน่ๆ เลยว่ะ เมื่อก่อนนายไม่เคยแล สายตามอง ยัยพักพิง เลยด้วยซ้ำ แต่พอมาวันนี้ นายบอกว่า ยัยพักพิงเป็นเมียนาย สมองนายผิดปกติอะไรรึเปล่าเนี้ย?”

“ช่างเถอะ กีต้าร์เขาพึ่งออกจากโรงพยาบาลนะ สติ สตัง คงยังไม่ค่อยกลับมาหรอก เรากลับบ้านกันเถอะ วาวา เดี๋ยวแม่ด่าฉันแย่เลย ถ้าฉันกลับค่ำน่ะ”

“เดี๋ยวฉันจะไปส่ง ขึ้นรถเถอะ ฉันไม่ทำอะไรพวกเธอหรอก”

แขนใหญ่กระชากแขนฉันอย่างแรง ก่อนจะรีบลากตัวฉันกับวาวาขึ้นรถ

“โอ๊ย! กีต้าร์เราเจ็บ”

ปึก! ประตูรถหรูปิดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าฉันกับวาวาจะรีบวิ่งหนีออกจากรถไปอย่างไงอย่างงั้น

“บ้านเธออยู่ไหน?”

“บะ….บ้านฉันอยู่ ซอย 3 ถัดไปจากซอยนี้อีก 4 ซอย”

“เค”

ให้ตายเถอะ ฉันไม่รู้ว่าหัวใจฉันเต้นแรงเพราะอะไร เพราะเขาอาสามาส่ง ฉันที่บ้าน หรือเพราะฉันได้นั่งรถเขาครั้งแรก

 หรือเป็นเพราะฉันกลัวเขากันแน่ ในสมองฉันมันตีกันวุ่นวายไปหมด ราวกับว่าคำถามมากมายมันได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไงอย่างงั้น



ณ บ้านของพักพิง

“ขอบคุณนะที่มาส่งพวกเรา?”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นหน้าที่น่ะ”

สายตาเฉียบคมจ้องมองฉัน อย่างเจ้าเล่ห์ แต่ก็ยังยกยิ้มขึ้นอำพรางสายตาดุดัน นั้นเอาไว้ เป็นกับดัก จนวาวาต้องถามขัดขึ้นมา ด้วยความสงสัย

“นายนี่ก็พูดแปลกๆ หน้าที่อะไรของนาย?”

 “ก็หน้าที่ ของคนที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวไง”

ฉันชะงักไปกับคำพูดนั้น ราวกับว่าถูกต้องมนต์สะกด เพราะไม่คิดว่า ชายหนุ่มที่ฉันแอบชอบมานานแสนนาน จะเอ่ยคำนี้ออกมา

“พักพิง มึงหน้าแดงหมดแล้ว ไป รีบเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวแม่ก็ได้ด่ามึงหรอก”

“อ่อ อื้มๆ ได้”

“เราเข้าบ้านก่อนนะ กีต้าร์ วาวา”

“เออๆ เข้าบ้านไปเลยมึงอ่ะ”

ร่างใหญ่ ยกมือขึ้นทำท่าทีโบกมือบ๊ายบายฉัน แต่สายตาเจ้าเล่ห์นั้น บ่งบอกเหมือนเขาจะยังไม่ยอมกลับง่ายๆ อย่างไงอย่างงั้น

แต่แล้ว! เมื่อฉันเดินเข้าบ้านได้เพียง 10 นาที เสียงกริ่งของบ้านฉันก็ดังระรัว ราวกับต้องการให้ฉันรีบไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

ตริ่ง! ตริ่ง! ตริ่ง!!!!!!!!!!!!!!

“ใครน่ะ ยัยพิง เล่นกดกริ่งรัวขนาดนี้ กลัวมาผิดบ้านรึไงกัน!”

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ เดี๋ยวหนูออกไปดูเองค่ะ”

ฉันรีบวิ่งหน้าตั้ง ออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เสียงกดกริ่งนั้นรีบหยุดไป แต่เมื่อฉันเปิดประตูรั้วออกมาแล้ว ฉันก็ถึงกับต้องผงะ เพราะไอ้คนที่กดกริ่งหน้าบ้านฉันรัวๆ เมื่อครู่ ก็คือ กีต้าร์ นั้นเอง

“ทำไมมาเปิดประตูช้าจัง!”

เสียงทุ้มตะเบ็งเสียงใส่ฉันอย่างดุดัน จนฉันสะดุ้งสุดตัว ด้วยความตกใจกับเสียงของคนตรงหน้า

“เออ ฉันขอโทษ ฉันพึ่งออกจากโรงพยาบาลน่ะ อย่าถือสาฉันเลยนะ”

น้ำเสียงเขาอ่อนลงแต่ทว่า กลับแฝงไปด้วยสายตาดุดันจนน่าขนลุก

“เธออยู่บ้านกับใคร?”

“ถามทำไมเหรอ?”

ฉันย่นคิ้วลงเล็กน้อยด้วยความสงสัย ก่อนที่คนตัวใหญ่ จะเริ่มขยับตัวเข้ามาในพื้นที่บ้านของฉัน

“อะไรของนายเนี้ย?”

“นี่หน้าบ้านเธอเหรอ ฉันขอเข้าไปดูข้างในหน่อยนะ”

“เฮ้ย!”

เมื่อคนตัวใหญ่พูดขึ้น เขาก็รีบเดินตรงดิ่งไปยังในบ้านของฉันอย่างรวดเร็ว โดยที่ฉันยังไม่ทันได้ ตั้งตัวเลยสักนิด

เมื่อร่างใหญ่ เปิดประตูจะเข้าบ้านฉันปุ๊บ เขาก็ถึงกับหยุดชะงักลง ตรงหน้าประตูบ้านในทันที ก่อนจะรีบเปลี่ยนท่าที เป็นนอบน้อมแทน

“สวัสดีครับ คุณแม่”

“หวัดดีจ้า”

แม่ฉันรับไหว้ พร้อมกับเอ่ยสวัสดีตอบกลับไปแบบมึนงง ก่อนที่คนตัวใหญ่ จะรีบแนะนำตัวเพิ่มเติม

“สวัสดีครับ ผมชื่อเปีย…เอ้ย! ….. ผมชื่อ กีต้าร์ครับ เป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกับพิงค์ และเป็นแฟนของพิงค์ครับ”

“ฮะ!....กีต้าร์นายพูดอะไรออกมาน่ะ!”

สายตาของแม่ เหลือบแลมองฉันอย่างรวดเร็ว ราวกับจะถามคำถามอะไรกับฉัน

“อ่ะ…. งั้นเข้ามาก่อน มาดื่มน้ำดื่มท่าก่อนนะลูก”

“ครับ คุณแม่”

“แม่!!!!”

ร่างใหญ่ เดินเข้าบ้านฉันอย่างนอบน้อม ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา ในห้องโถงของบ้าน อย่างนิ่งเงียบ ฉันจึงรีบเดินไปเอาน้ำมาให้เขากับแม่ของฉัน อย่างไม่ค่อยพอใจนัก 

“ว่าไงเราอ่ะ พักพิงค์?”

“มะ….แม่มันไม่ใช่นะ คือ กีต้าร์เขาเป็นแค่เพื่อน”

ปากฉันเร่งพูดออกมา แต่ขาของฉันก็รีบตรงไปนั่ง กอดขาของผู้เป็นแม่อย่างรีบร้อน เพื่อให้ท่านเชื่อคำพูดของฉันเป็นความนัย

“อะไรกัน! พักพิงค์ไหนเธอบอกว่า เธอจะแต่งงานกับฉัน เราจะเปิดตัวกันและกันไง”

“กีต้าร์ มันจะมากไปแล้วนะ!”

“เอาเถอะๆ! สรุป แกกับพ่อหนุ่มนี่คบกันนานหรือยัง?”

“เราไม่ได้คบกันนะแม่!”

“เราคบกันมาสักพักใหญ่แล้วครับ”

ฉันย่นคิ้วลงด้วยความหงุดหงิดใจ ก่อนจะกัดฟันกรามจองมองใบหน้าหล่อเหลา ที่ยกยิ้มเยาะเย้ยฉัน อย่างภาคภูมิใจ

“ที่ผมเข้ามาพบคุณแม่วันนี้ เพราะผมต้องการจะมาพูดเรื่องแต่งงานระหว่างผมกับพักพิงค์น่ะครับ”

“หา?”

“ครับผม”

“แต่พ่อหนุ่ม เธอพึ่งมาพบฉันเองนะ”

“ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิครับ อย่างไงในอนาคตเราก็ต้องเจอกันบ่อยอยู่แล้ว ถ้าคุณแม่ไม่ว่าอะไร วันเสาร์นี้ ผมจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอพักพิงไว้เลยนะครับ”

ฉันสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินร่างใหญ่พูดขอแม่ฉันออกมาอย่างไม่ลังเล จนแม่ฉันเองก็อึ้งไปด้วย เพราะอยู่ดีๆ ก็มีคนมาขอลูกสาวไปแบบนี้ 

“เอางั้นเลยเหรอ?”

“แม่ ไม่นะ หนูไม่แต่งนะแม่”

ฉันเขย่าขาของผู้เป็นแม่อย่างรีบร้อนใจ เพื่อขอให้ท่านช่วยฉัน แต่ก็นะ สายตาของชายตรงหน้ากลับแผ่รังสีความต้องการตัวฉัน จนเกินต้าน ส่งผ่านมายังตัวฉัน จนน่าขนลุก

“เอาล่ะๆ พวกแกก็จบ ม.6 กันแล้ว เรื่องแบบนี้ แม่ว่าให้พวกแกคุยกันเองจะดีกว่า”