เป็นเมียน้องแล้ว เป็นเมียพี่อีกคนจะเป็นไรไป

ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด - 3 คิดอะไรของนาย โดย อิชง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ครอบครัว,จิตวิทยา,รัก,ดราม่า,นางเอกน่าสงสาร,พระเอกปากร้ายแต่ใจดี,ฝาแฝด,แก้แค้น,ชายหญิง,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ครอบครัว,จิตวิทยา,รัก,ดราม่า

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นางเอกน่าสงสาร,พระเอกปากร้ายแต่ใจดี,ฝาแฝด,แก้แค้น,ชายหญิง,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด  โดย อิชง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เป็นเมียน้องแล้ว เป็นเมียพี่อีกคนจะเป็นไรไป

ผู้แต่ง

อิชง

เรื่องย่อ

สารบัญ

ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -0 บทนำ ,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -1 แต่งงานกันนะ?,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -2 ฉันไปส่ง,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -3 คิดอะไรของนาย,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -4 ข้อแม้หรือคุก,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -5 เข้าหอ,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -6 วันเกิด เปิดอ่านฟรี 26/2/68,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -7 สัมผัส Nc,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -8 เกมนี้เพิ่งเริ่ม เปิดอ่านฟรี 26/2/68 ,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -9 ปัจจุบัน (ตอนเสริม),ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -10 ความเจ็บปวดที่ยาวนาน เปิดอ่านฟรี 5/3/68,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -11 ความจริงและสับสน เปิดอ่านฟรี 5/3/68,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -12 สมควรตาย Nc ,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -13 คำสั่ง เปิดอ่านฟรี 12/3/68,ตอนนั้นฉันแค่เข้าใจผิด -14 แค้นหรือหึง เปิดอ่านฟรี 12/3/68

เนื้อหา

3 คิดอะไรของนาย

จากนั้น แม่ฉันก็ลุกขึ้นจากโซฟาห้องโถง แล้วเดินขึ้นบันไดไม้ ไปยังชั้น 2 โดยไม่ได้หันกลับมามองฉัน หรือ นายกีต้าร์เลย

“กีต้าร์ ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย?”

“ว่าไง?”

“ออกมาข้างนอก ฉันไม่อยากคุยในบ้าน”

พูดจบ ฉันก็เดินออกจากบ้าน โดยมีคนตัวใหญ่ตามหลังมาติดๆ จนกระทั่งเดินไปถึง หน้าประตูรั้วบ้าน ฉันก็รีบหันหลัง

จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้า อย่างไม่ชอบใจนัก พลางย่นคิ้วใส่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามคนตัวใหญ่ออกไป ด้วยความไม่พอใจ

“นายเล่นอะไรของนายอยู่!”

ร่างใหญ่ ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แต่กลับพุ่งตัวเข้ามา ประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม ราวกับว่าเขาต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง กับตัวฉัน

แขนหนากอดรัดตัวฉันอย่างดุดัน ริมฝีปากเขาขบเคี้ยวบดขยี้ริมฝีปากบางไปมา จนขาของฉันถึงกับอ่อนแรงลง เพราะไม่เคยโดนทำแบบนี้มาก่อน

"อ้า" 

เมื่อริมฝีปากถูกถอดออก ฉันก็รีบใช้หลังมือถูปากตัวเองไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้น 

“โถ่! จูบแค่นี้ ยังแกล้งทำไม่เป็น เธอคิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของเธอเหรอ?”

“นี่…นาย!”

“คืนนี้ฉันจะนอนบ้านเธอ”

“อะไรนะ?”

“ฉันจะนอนบ้านเธอ!”

“มะ…ไม่ได้นะ”

ฉันถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน คนอะไรทำไมหน้าด้านหน้าทนแบบนี้ ทำอย่างกับว่า ฉันเป็นผู้หญิงข้างทาง ที่สามารถพาใครมานอนก็ได้เสียอย่างงั้น

 สายตาดุดันจ้องมองฉัน อย่างไม่หวาดหวั่น จนฉันต้องหลบสายตาคู่นั้น ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรั้วบ้านของตัวเอง อย่างเร่งรีบ

“ออกไป!”

“เธออออ….!”

“ถ้านายไม่ออก ฉันจะแจ้งความ”

“ก็เอาสิ แจ้งเลย!”

“กีต้าร์ ทำไมนายพูดยาก พูดเย็นแบบนี้ว่ะ?”

ฉันพุ่งตัวเข้าไป ผลักอกร่างใหญ่อย่างแรง จนตัวเซ ก่อนที่เขาจะผลักตัวฉันกลับ จนก้นจ้ำเบ้า

“โอ๊ย!”

“เจ็บเป็นด้วยเหรอ ฉันก็คิดว่าเธอด้านไปทั้งตัวแล้วซะอีก”

“เลว!”

“เฮอะ!”

ใบหน้าร้ายกาจ ที่มีม่านกั้นเป็นความมืด บ่งบอกถึงความเกลียดชั่ง ที่มีต่อฉันอย่างหนักหน่วง แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะอะไร เขาถึงได้เกลียดชั่งฉันขนาดนี้ ทั้งที่ตัวเขาแทบไม่รู้จักตัวฉันเสียด้วยซ้ำ

แขนใหญ่ กระชากตัวฉันลุกขึ้นอย่างแรง จนตัวฉัน ลุกขึ้นชนกับแผ่นอกกว้างตรงหน้าเพราะถูกแรงกระชาก

“พรุ่งนี้ ฉันจะให้ผู้ใหญ่มาขอเธอแต่งงาน”

“ฉันไม่แต่ง ปล่อยมือออกจากแขนฉันได้แล้ว”

มือใหญ่ บีบแขนฉันแรงขึ้น จนฉันต้องรีบสะบัดมือนั่นออกโดยเร็ว เพราะความรู้สึกเจ็บกับแรงบีบ แต่ถึงจะสะบัดแรงเพียงใด มือใหญ่ก็เกาะแขนฉันไม่ปล่อยอยู่ดี

“ถ้าเธอไม่แต่งกับฉัน ชีวิตครอบครัว เพื่อน และทุกคนที่รู้จักเธอ พังแน่ จะลองดูไหม?”

“นี่ กีต้าร์นายบ้าไปแล้วเหรอ นายรู้จักฉันดีขนาดไหนกัน ถึงได้มาขู่คนอื่นให้แต่งงานด้วยแบบนี้?”

“ฉันไม่สนหรอก … เธอจะรักหรือไม่รัก ฉันก็ไม่สนใจ ถ้าพรุ่งนี้ฉันมาแล้วรู้ว่าเธอหนีงานแต่ง ฉันจะเผาบ้านเธอ ทำชีวิตคู่เพื่อนเธอพัง อะไรที่เกี่ยวข้องกับเธอ ฉันจะทำลายให้หมด”

“กีต้าร์!”

“จะลองกับฉันก็ได้นะ เธอเห็นแล้วหนิ ที่โรงเรียนน่ะ เป็นอย่างไง”

พูดจบ เขาก็ปล่อยมือออกจากแขนฉัน อย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้สนใจว่าฉันจะรู้สึกอย่างไรเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายเขายังฝากรอยบีบไว้บนแขนของฉันอีก เป็นรอยใหญ่ จนฉันเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเขาขึ้นมาเสียแล้ว



เช้าวันรุ่งขึ้น

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! 

"พักพิงค์ลูกตื่นได้แล้ว กีต้าร์พาพ่อแม่มาหาน่ะลูก" 

ฉันตาเบิกโพง เมื่อได้ยินเสียงแม่ที่เรียกฉัน จนฉันต้องรีบแปรงฟันล้างหน้า และผลัดวิ่งผลัดเดินลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้มาเห็นกับตาว่า ไอ้บ้านั่น มันพาพ่อแม่มันมาจริงหรือเปล่า 

แต่ฉันก็ต้องผงะ เพราะสิ่งที่ฉันเห็นตรงหน้าคือ เงินสินสอด และ ผู้หญิงผู้ชายวัยกลางคนกำลังนั่งพูดคุยกับแม่ฉันอย่างรื่นเริง ส่วนคนที่ฉันไม่อยากเจอมากที่สุด 

"อ้าว! ที่รัก ตื่นแล้วเหรอคับ" 

อื้ม! ฉันคงไม่ต้องเอ่ยบอกนะ ว่าเขามาหรือเปล่า ในเมื่อเสียงมันชัดเจนขนาดนี้  เสียงทุ้มของร่างใหญ่ ทำเอาผู้ใหญ่ทุกคนถึงกับหันมาหาฉันเป็นตาเดียว 

จนฉันทำตัวแทบไม่ถูก จึงทำได้เพียงเดินลงบันไดบ้านอย่างเชื่องช้า ก่อนจะรีบยกมือไหว้พ่อแม่ของกีต้าร์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างนอบน้อม 

"ซะ...ซะ...สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า" 

"ตายจริง! เดี๋ยวเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรียกพ่อกับแม่ดีกว่านะลูก" 

ร่างเล็กผิวพรรณสะอาด กับอีกคนท่าทีสุขุมบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ทั้งคู่ต้องเป็นผู้ดีมากๆ เป็นแน่แท้ แต่ทำไมกีต้าร์ในเมื่อก่อน ถึงถูกปล่อยให้เดียวดายกันนะ 

ทั้งที่ดูตอนนี้ ก็เหมือนกับว่า พ่อแม่ของเขาก็ดูจะรักเขามากอย่างไงอย่างงั้น หรือฉันคิดมากไปเองกันนะ  

"ยัยพักพิงค์ มานั่งนี่เร็ว" 

"อ๋อ คะ...ค่ะ แม่" 

ฉันรีบขยับสาวเท้า เดินไปนั่งกับผู้เป็นแม่ อย่างหวั่นเกรง เพราะทำตัวไม่ถูกกับการเจอคนมาสู่ขออะไรแบบนี้ 

"ว่าแต่ สินสอดที่นำมามอบให้ พอไหมคะ คุณแม่ยาย" 

"อุ้ย! เรียกกันแบบนี้เลยเหรอคะ เขินจัง" 

ฉันเห็นท่าทีที่แม่พูดคุยกับ พ่อแม่ของกีต้าร์ มันทำให้ฉันรู้ว่า ความสุขของแม่คงไม่จำเป็นต้องเป็นฉันก็ได้สินะ เพราะสิ่งที่แม่แสดงออกมา มันบ่งบอกฉันอย่างชัดเจน ว่าแม่พร้อมยกฉันให้กีต้าร์ 

เพราะถ้าแม่สนใจความรู้สึกของฉัน สักนิด เมื่อคืนแม่คงไม่เดินหนีฉัน ขึ้นห้องนอนแล้วเงียบไปหรอก ที่ผ่านมาแม่เหนื่อยกับฉันมามากแล้ว ถ้าแม่มีเงินขนาดนี้ แม่คงจะมีความสุข และได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการสินะ 

"นี่เป็นสินสอด 9 แสนบาท แค่ค่ามาสู่ขอนะคะ ส่วน เพิ่มเติมมากกว่านี้ คุณแม่ยายเรียกมาได้เลยค่ะ ดิฉันพร้อมมาก พอดีอยากได้ลูกสะใภ้แล้วน่ะค่ะ คิคิ" 

"อุ้ย! ตายจริง เรื่องสินสอดทองหมั้น ลูกๆ เขารักกันแล้ว อีกอย่างฉันก็เลี้ยงลูกสาวฉันมาเป็นอย่างดี ฉันไม่ขอมากมายหรอกค่ะ แค่ซัก 2 ล้านก็พอแล้ว" 

ใบหน้าของแม่กีต้าร์ยกยิ้มขึ้น สายตาชำเลืองมองฉันอย่างเอ็นดู ก่อนจะยื่นใบเอกสารอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า 

"ฉันให้ 20 ล้านเลยค่ะ" 

"อะไรนะคะ 20 ล้าน!" 

แม่ฉันตาเบิกโพงด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่า จะได้ค่าสินสอดมากมายขนาดนี้ 

"แต่ ฉันมีข้อแม้ค่ะ เมื่อแต่งงานแล้ว พักพิงค์จะไม่สามารถกลับมานอนที่บ้านได้อีก และถ้ามาหาคุณแม่ ก็ต้องให้กีต้าร์มาด้วยทุกครั้ง มาได้แค่ สัปดาห์ละ 1 ครั้งต่อวันเท่านั้น และห้ามนำเรื่องที่บ้านของฝ่ายสามี ไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด อ๋อ! แล้วที่สำคัญเมื่อจดทะเบียนสมรสแล้ว พักพิงค์จะไม่สามารถหย่าได้อีกตลอดชีวิต" 

"อะไรนะคะ" 

ฉันรีบเอ่ยขึ้น ด้วยความเดือดดาล เพราะถ้ามีข้อแม้ขนาดนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับขังฉันไว้เลยสักนิด