ความลับของเขาซุกอยู่ในบ้านคุณยายโฮมสเตย์ อัมพวา

เขียนฝันในม่านฝน - บทที่ 3 นิชภา ภัทรสุขสวัสดิ์ โดย เฟื่องนคร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เขียนฝันในม่านฝน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

เขียนฝันในม่านฝน โดย เฟื่องนคร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความลับของเขาซุกอยู่ในบ้านคุณยายโฮมสเตย์ อัมพวา

ผู้แต่ง

เฟื่องนคร

เรื่องย่อ

เพราะโพรเจกต์นิยายซีรีส์ Secret of Celebrity หรือ ‘ความลับของเซเลบบริตี้’ ทำให้ นิชภา นักเขียนนิยายรักพาฝัน จำต้องตกปากรับคำบรรณาธิการคู่บุญเขียนนิยายแก้ต่างให้กับ เวย์ ณัฐนนท์ พระเอกหนุ่มผู้เจอมรสุมข่าวฉาวกับนักแสดงหญิงในวงการ แต่คล้ายกามเทพจะเล่นกลกับทั้งคู่ เมื่อโฮมสเตย์ที่นิชภาเดินทางไปพักผ่อน ณ อัมพวา บังเอิญเป็นบ้านเกิดของณัฐนนท์ การปลอมตัวเป็นสาวเปิ่นเพื่อล้วงลึกข้อมูลของเขาจึงเกิดขึ้น

ท่ามกลางบรรยากาศฝนพรำน้ำชุ่มและวิถีชีวิตอันอบอุ่นเรียบง่ายอัมพวา

เขียนฝันในม่านฝน นวนิยายรักหรรษาเรื่องล่าสุด จากปลายปากกาของ ‘เฟื่องนคร’ หรือ ‘จุฬามณี’  ผู้เขียน ชิงชัง สุดแค้นแสนรัก กรงกรรม ทุ่งเสน่หา วาสนารัก ฯลฯ

สารบัญ

เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 1 ความลับของเซเลบบริตี้,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 2 เวย์ ณัฐนนท์ ดลสุข,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 3 นิชภา ภัทรสุขสวัสดิ์,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 4 บ้านคุณยายโฮมสเตย์ ณ อัมพวา,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 5 เริ่มทำความรู้จักกัน.....,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 6 เรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจก่อ,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 7 เธอชื่อ 'นิชา' แล้วกัน,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 8 คนเราต้องมีความคิดที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีตามเลขอายุของตน,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 9 บังเอิญจังเลยเนอะ แบบนี้เรียกว่าพรหมลิขิตได้ไหม,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 10 ปลอมตัว...,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 11 เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับนักเขียน,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 12 เป็นแฟนกับนักเขียน ได้ไหมล่ะครับ,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 13 เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับชญานุช,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 14 หัวไม่ใช้เส้นขนาน,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 15 ตราไว้ที่อัมพวา,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 16 ความลับ...ไม่มีในโลก,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 17 ผิดที่ริอ่านเล่นละครตบตาดาราใหญ่,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 18 ทุกชีวิตมีความหลังความลับ,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 19 พระเอกต้องหน้าตาดี นิสัยดี และก็ต้องเป็นคนดีด้วย,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 20 คนที่มวลชนไม่สนใจ นักข่าวก็ไม่สนใจ,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 21 มันเป็น 'ความลับ' อันยิ่งใหญ่ของเขา,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 22 ฝากรักไว้ที่อัมพวา,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 23 สิ้นแสงดาวดุเหว่าเร่าร้อง จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 24 ข่าว ฉาว,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 25 นักเขียนไส้แห้ง,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 26 โลกกลม,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 27 เป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่า เป็นลิขิตจากพระพรหม,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 28 ฉันจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อช่วยเธอ,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 29 ไม่ใช่มืออาชีพ,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 30 ผู้ชายเวลาที่มีความรัก เขาก็พร้อมที่จะให้สิ่งล้ำค่ากับคนที่เขารัก,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 31 หัวใจของเขานี้ มันร่ำร้องบอกว่า,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 32 บุกถึงบ้าน,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 33 พรีเซนเตอร์,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 34 ดอกไม้....แทนความรู้สึก,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 35 ของขวัญวันเกิด,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 36 เพื่อนคู่คิด,เขียนฝันในม่านฝน-บทที่ 37 เป็นตาอีกข้างของผม เป็นมือซ้ายของผม เป็นคนคนเดียวกัน ดูแลกันนะครับ (ตอนจบ)ผ,เขียนฝันในม่านฝน-บทส่งท้าย ตอนพิเศษ

เนื้อหา

บทที่ 3 นิชภา ภัทรสุขสวัสดิ์

“น้องเวย์ครับ พี่พลอยนะครับ” 

“ครับพี่พลอย มีอะไรกับผมเหรอ” ณัฐนนท์ที่เพิ่งเอนตัวลงนอนบนเตียงซึ่งเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและเอกสารต่างๆ ถดตัวพิงพนักเตียง เมื่อเห็นว่าคนที่โทร.มานี้ จะช่วยให้เขายังคงอยู่ในวงการบันเทิงได้ต่อไป 

แม้พลอยพธูไม่ใช่เสาหลัก แต่ว่าไม้ซีกเล็กๆ นี้ เขาจะมองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะประสบการณ์ชีวิตสอนให้เขารู้ว่า ยามเมื่อล้มแล้ว มีคนอีกหลายๆ คนพร้อมจะข้ามในทันทีเช่นกัน 

และบางคนไม่แค่กระโดดข้ามไปอย่างเดียว ยังมีหยุดเหยียบและกระทืบเขาให้จมดินอีกด้วย 

“คือ เรื่องโพรเจกต์เอาชีวิตพวกดารา นักแสดง คนดังมาเขียนเป็นนิยาย แบบแก้ข่าวให้น่ะ ตอนนี้ มีนักเขียนตัวแม่ในสำนักพิมพ์ของพี่ตกลงทำแล้วนะ” 

“ใครเหรอครับพี่” 

“ชื่อน้องนิชภาจ้า” ครับๆ จ้ะๆ จ๊ะๆ คะๆ ฮะๆ คือสไตล์การพูดอีกแบบหนึ่งของพลอยพธู ถ้ากับผู้หญิงที่เธอต้องงอนง้อ เธอก็จะหวานเข้าใส่ แต่ถ้าเป็นผู้ชาย โดยเฉพาะรุ่นน้องที่คุยด้วยแล้วพลอยให้หัวใจกระชุ่มกระชวยก็จะแสดงตัวออกแมนๆ ถ้าคุยกับคนอาวุโสกว่า พลอยพธูก็จะคุยด้วยน้ำเสียงเป็นทางการ ดูเป็นผู้ดีมีศาสนานำทางชีวิต แต่ถ้าเป็นคนที่พลอยพธูข่มได้ เสียงก็จะแปร๋น มี ‘ย่ะ’ สะบัดๆ ใส่ขึ้นมาเหมือนกัน

“ผมไม่เห็นเคยได้ยินชื่อ” 

“แป่ว!!” 

“ใครหรือครับพี่พลอย” 

“น้องคนนี้เขาเพิ่งเข้าวงการมาได้หกเจ็ดปี แต่แฟนคลับเขาเยอะอยู่นะน้องเวย์ ยอดพิมพ์เป็นหมื่นๆ ก๊อปปี้ต่อเล่มเลยนะ” 

“ผมนึกว่าจะให้พี่จุฬารัศมิ์เขียนเรื่องผม” ก่อนหน้าณัฐนนท์เคยเล่นละครที่มีจุฬารัศมิ์เป็นเจ้าของบทประพันธ์ เขาจึงจำชื่อนักเขียนคนนี้ได้ดีว่าเป็นนักเขียนคุณภาพ เพราะละครเรื่องนั้นคนติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง และก็ทำเกิดเรื่องราวใหญ่โต จนเขาแทบไม่มีที่ยืนในวงการหลังจากที่ละครเรื่องออกอากาศไปจนจบบริบูรณ์!

“คือน้องนิชภา เขาก็ดังนะ เหมือนคลื่นลูกใหม่ แล้วอีกอย่างน้องเขายังวัยละอ่อนอยู่น่ะ น่าจะเข้ากับน้องเวย์ได้ดี"

“ครับ ถ้าพี่คิดว่า ฝีมือเขาถึง ผมจะเชื่อพี่” 

“แล้วน้องเวย์ จะให้น้องนิชภาเขาไปเจอน้องเวย์ได้เมื่อไหร่ คือพี่ต้องบอกก่อนนะว่า งานนี้ พี่มีเดดไลน์ให้กับนักเขียนของพี่ด้วย พี่ให้เวลาพวกเขาทำงานกันคนละแค่ 3 เดือน เพราะช่วงงานหนังสือเดือนตุลาคมนี้ หนังสือชุดนี้ต้องวางแผง” อันที่จริงเรื่องนี้ดูจะกระชั้นชิดไป แต่ว่าถ้าไม่ฟิกซ์เรื่องเวลาไว้ เดี๋ยวไม่ใครก็ใคร ต้องนิ่งนอนใจจนกระทั่งเสียแผนงาน

“ครับ” ณัฐนนท์หยุดครุ่นคิด นึกถึงคิวงานของตน ช่วงฤดูฝนนี้ งานโชว์ตัวตามเวทีกลางแจ้งในต่างจังหวัดน้อยลงอยู่แล้ว 

ไม่ใช่สิ อันที่จริง ตั้งแต่เกิดเรื่องราวกับสุทธิษา ใส่ความว่าเขาเป็นพ่อของเด็กชายมาวิน แล้วเขาไม่ยอมรับข้อกล่าวหา ขอให้มีการตรวจดีเอ็นเอของเด็กมาวิน งานของเขาก็ซบเซาลง งานละครที่ติดต่อเข้ามาขอยกเลิก งานภาพยนตร์ที่เริ่มถ่ายไปแล้วต้องระงับ งานเพลงที่จะออกวางแผงถูกสั่งเก็บ งานอีเวนต์ต้นสังกัดสั่งให้เขาหยุดพักงาน งานถ่ายแบบเดินแบบเงียบไปหมด เขาเหมือนเป็นจำเลยของสังคม

ตอนนั้นชีวิตของเขามืดมนยิ่งกว่าที่เคยมืดเป็นอย่างมาก

แต่เขาเชื่ออยู่อย่างเดียวว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย พี่ปกป้องผู้จัดการส่วนตัวก็บอกว่า รอให้เรื่องมันซาไปสักพัก เพราะคนไทยลืมง่าย ช่วงที่รอให้คนไทยลืมเรื่องฉาวโฉ่ เขาตัดสินใจบินไปเรียนแต่งเพลง  คอร์สสั้นๆ ที่ประเทศเกาหลีใต้ กลับมาแล้วเขาก็ได้รับข่าวดีจากพี่ปกป้องว่าเขาพ้นมลทินเพราะสุทธิษายอมถอนฟ้องพี่ปกป้อง ที่ออกมาปกป้องเขาในข้อหาหมิ่นประมาทจากการไกล่เกลี่ยของหัวหน้าศาลจังหวัดได้

 และทางพี่ปกป้องก็ยอมถอนฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทที่สุทธิษาทำให้เขาเสียชื่อเสียงเหมือนกัน แต่ว่าความผิดพลาดในครั้งนั้น มันเป็นตราบาปที่ติดอยู่ตรงหน้าผากของเขาไปแล้ว 

แต่เขาก็ต้องเชิดหน้าสู้ต่อไป เพราะชีวิตในวงการบันเทิงนี้มันบันดาลทุกอย่างให้กับเขา 

“สรุปวันให้พี่ได้ไหม พี่จะได้โทร.นัดหมายนิชภาให้” 

“เขามีชื่อเล่นไหมครับ” 

“ชื่อเล่น นิช น้องนิช ชื่อจริง นิชภา นามสกุล ภัทรสุขสวัสดิ์ นามปากกาเดียวกันกับชื่อ ยังไม่เคยมีผลงานนิยายเป็นละคร แต่นิยายของเขาขายดีมาก อ้อ อายุของเขา แค่ 23 ปี เพิ่งพ้นรั้วป.ตรี มาได้แค่ปีเดียว หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ ฐานะทางบ้านดีเป็นทุนเดิม เลยออกจะเชิดๆ เริดๆ หน่อย ข้อมูลแค่นี้พอไหม” 

“เขามีแฟนหรือยังครับ” 

“อันนี้ พี่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เขาก็ไม่ขี้เหร่สักเท่าไหร่นะ เด็กสมัยนี้ อายุเท่านี้ ยังไม่มีแฟน เขาเรียกว่าขึ้นคานได้แล้วมั้ง ใช่ไหม” 

“ถ้าขึ้นคานและเป็นคานทอง มันต้องแบบพี่พลอยครับ” 

“บ้า มาว่าพี่ว่าเชื้อ ถ้าไม่เห็นแก่ความหล่อพี่จะสาปให้เป็นหินซะสามปี” 

“ทุกวันนี้ ผมก็แข็งเป็นหินอยู่แล้วครับพี่พลอย” 

“อะไรที่ว่าแข็ง” 

“หัวใจมันแข็ง มันด้าน มันชา ไปหมดแล้ว” 

“อ้อ น้องเวย์ พี่บอกอะไรหน่อยนะ เพื่อให้งานนี้ บรรลุจุดประสงค์ที่เราวางไว้ เวลาที่ถูกล้วงแคะแกะเกา น้องต้องให้ข้อมูลน้องนิชาอย่างละเอียดนะ ไม่ใช่อ้ำๆ อึ้งๆ กั๊กข้อมูล แล้วเขาก็จะไปต่อไม่ได้” 

“แล้วแบบนี้ มันไม่เสี่ยงเป็นความกันอีกรอบเหรอ” 

“พี่ก็จะช่วยดูพล็อตอีกทีว่านิชภาเขาจะเล่าเรื่องของน้องอย่างไร หรือจริงๆ แล้ว เราอาจจะซูมไปหาส่วนอื่นในชีวิตของน้องก็ได้ เช่นเท้าความถึงอดีตก่อนที่จะมี เวย์ ณัฐนนท์ในวันนี้ ในเชิงสร้างสรรค์ เป็นตัวอย่างให้กับเยาวชน” 

ณัฐนนท์ฟังไอเดียของพลอยพธูแล้วต้องลอบถอนหายใจออกมา เบาๆ 

“ฟังพี่อยู่หรือเปล่าน้องเวย์” 

“ก็กำลังคิดตามไอเดียของพี่ บอกตรงๆ ว่าผมก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่า จะให้น้องนิช เขาเขียนเรื่องของผมออกมาแบบไหน” 

“มันก็มีเรื่องตรงที่เป็นความกับสุทธิษาอยู่ด้วยแหละ ตรงนี้น่าสนใจที่สุด แล้วพี่ก็คุยกับนิชภาไปบ้างแล้วเหมือนกันว่า งานของน้องเวย์ต้องขีดเส้นใต้ตรงเรื่องนั้นสองเส้น แต่ว่าน้องเวย์ต้องเล่านะว่า มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องเวย์ถึงไม่ยอมรับเป็นพ่อเด็ก แล้วทำไมต้องให้น้อง

มาวินตรวจดีเอ็นเอด้วย” 

ก่อนหน้า เขาใช้วิธียืนกระต่ายขาเดียวว่า เคยมีเพศสัมพันธ์กับสุทธิษาจริงๆ แต่ว่าจะให้เขายอมรับเป็นพ่อของเด็กเขาทำไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าใครคือพ่อของเด็ก แม้นวันนี้พ่อของเด็กจะยังไม่ยอมรับกรรมที่ตัวเองได้ก่อไว้ก็ตาม 

“ครับพี่” 

“สรุปมา ว่าจะนัดเจอกับน้องนิชภาเมื่อไหร่” 

“ผมขอเบอร์น้องนิชภาของพี่พลอยดีกว่าครับ ผมขอเป็นคนโทร.ไปหาเขาเองดีกว่า” เมื่อก่อนเขาพกโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว เบอร์เดียว พอเกิดเรื่อง โทรศัพท์มือถือที่มีอยู่ เขารู้สึกไม่อยากให้มันแผดเสียง เขาปิดเครื่อง ให้ปกป้องผู้จัดการของเขาไปจัดการปิดเบอร์ เขาเปิดเบอร์ใหม่และจะให้เบอร์แต่เฉพาะคนที่สนิทสนมมีความปรารถนาดีต่อกันจริงๆ ส่วนใครจะติดต่อพูดคุยเรื่องงาน ก็จะต้องผ่านพี่ปกป้องคนเดียวเช่นกัน 

“พี่พลอยคะ ไม่เห็นพี่เวย์เขาติดต่อมาหานิชสักที” หลังจากที่จบงานเขียนเรื่องล่าสุดไปหนึ่งสัปดาห์ นิชภาก็รอสายจากณัฐนนท์      มาตลอด แต่ทว่าทุกอย่างกลับเงียบเชียบ เงียบจนนิชภาต้องโทร.หา   พลอยพธูคนประสานงาน เพราะถ้าณัฐนนท์ไม่ให้ความร่วมมือโพรเจกต์นี้     นิชภาคิดว่าเธอเองก็จะต้องขอตัวไม่ทำงานนี้ เพราะเสียเวลาทำงานเขียน ซึ่งนิชภาได้วางแผนไว้ว่า ปีหนึ่งที่ไม่ต้องไปเรียนหนังสือแล้ว เธอจะต้องมีงานออกสู่สายตานักอ่านปีละ 4 เรื่อง เท่ากับว่า เธอจะต้องทำงาน 3 เดือนหนึ่งเรื่อง 

และคิวงานที่เธอเทไปให้ณัฐนนท์ก็มาถึงแล้ว

กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ฤดูฝนนี้ เวลาเป็นของเขา แต่จนบัดนี้ ล่วงเดือนกรกฎาคมไปหนึ่งสัปดาห์ มันยังไม่มีคืบหน้า ในมือมีเพียงข่าว ‘คาว’ และประวัติก่อนหน้าของเขาจากอินเทอร์เน็ตที่เธอได้รวบรวมมาทำการบ้านเท่านั้น 

“เอ๊ะ อ้าว เหรอ น้องเวย์ยังไม่ได้โทร.หานิชอีกเหรอ” 

“ถ้าเขาโทร.หา นิชจะโทร.หาพี่พลอยเหรอคะ” แม้ไม่ได้มีคำว่า ‘ถามมาได้’ หลุดปากต่อท้าย แต่พลอยพธูก็แว่วๆ ว่ามันมีข้อความตามหลังประโยคมาด้วย

“โอเค เดี๋ยวขอเวลาพี่ห้านาทีแล้วพี่จะโทร.กลับ” 

พลอยพธูวางสายไปแล้ว นิชภาจึงมองเวลาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พลางเลื่อนดูรูปของเวย์ ณัฐนนท์ ดลสุข ที่ตัวเองได้ก๊อปปี้ไฟล์จากอินเทอร์เน็ตมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์พีซี 

ใบหน้าของเขาได้รูป ตาโต คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ผมหนา ไรผมสวย และเขาสูงถึง 185 เซนติเมตร หนัก 70 กิโลกรัม บางรูปที่ถอดเสื้อหรือไม่กลัดกระดุมก็จะเห็นขนหน้าอกดกดำ ไหล่หนา กล้ามแขนเป็นมัดๆ ดูเซ็กซี่เป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกที่เขาจะมีสาวกและแฟนคลับตามกรี๊ดกร๊าดยกป้ายไฟให้ และไม่แปลกที่ความหล่อของเขา จะทำให้คนอิจฉาริษยา จนเรื่องนั้นกลายเป็นกระทู้เดือด มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อ เรื่องที่

เขาถูกใส่ความว่าเป็นพ่อของเด็กชายมาวิน

“นิชภา ได้เวลากินข้าวเย็นแล้วลูก” ในขณะที่เลื่อนหน้าเมาส์คลิกดูรูปอยู่ในห้องสมุดที่กลายเป็นห้องทำงานของตน ซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้านเดี่ยวสองชั้น เสียงของแม่ชภาภัคที่อยู่ในครัวก็ดังขึ้น 

“ค่ะ” นิชภาตอบสั้นๆ แล้วก็ตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่ว่าโทรศัพท์ที่วางลงบนโต๊ะ ก็ดังขึ้นเสียก่อน นิชภารีบคว้าโทรศัพท์มาดูหน้าจอ 

“เบอร์ใคร” นิชภาพึมพำเบาๆ แล้วก็นึกได้ว่าน่าจะเป็นเบอร์ของ ‘พี่เวย์’ คนที่พลอยพธูบอกว่าจะโทร.ไปตามจิกมาให้เธอ นิชภาจึงยืดตัวตรงขึ้นมาทันที ใจเต้นโครมครามขึ้นมา แม้ในมหาวิทยาลัย จะมีดารานักแสดงนักร้องเดินกันให้เกลื่อนกลาด แต่นิชภาก็หาได้สนใจคนเหล่านั้น เพราะยามใส่ชุดนิสิต-นักศึกษา ทุกคนเท่าเทียมกันหมด และเธอเองก็ไม่คิดจะข้องเกี่ยวกับคนเหล่านั้นด้วย แต่ครั้งนี้นิชภากดรับสายแล้วดึงโทรศัพท์มาแนบหู ก่อนจะเดินไปหยุดที่หน้าต่าง มองออกไปนอกบ้านเห็นว่าพ่อนิพัทธ์กำลังเช็ดทำความสะอาดรถที่จอดเรียงกันอยู่สามคัน

“สวัสดีครับ ผมเวย์ครับ” 

เป็นเสียงของเวย์จริงๆ ด้วย นิชภาอยากจะร้องกรี๊ดขึ้นมา เพราะเสียงของเขาที่คุ้นๆ หูจากเพลง ละคร หรือรายทางทีวี บัดนี้มันเหมือนมากระซิบอยู่ที่ใบหูของเธอนั่นเอง 

“สวัสดีค่ะ เอ่อ ดิฉัน นิชภาค่ะ” ความประหม่าและไม่ได้คิดมาก่อน ทำให้นิชภาไม่รู้จะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าอะไรดี 

“ครับ คุณนิชภา”

“เอ่อ” นิชภาไปแทบไม่ถูก เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอทำงาน แล้วต้องได้ข้อมูลจากคนต้นเรื่อง 

ใช่แล้วก่อนหน้า นิยายของเธอเกิดจากจินตนาการล้วนๆ พระเอกของเธอคือชาวต่างชาติที่ไม่รู้เหมือนกันว่ามีตัวตนหรือเปล่า แต่บัดนี้ ‘เวย์’ นึกถึง ดวงตา คิ้วเข้ม จมูก ริมฝีปากของเขา นิชภาที่เคยมีความมั่นใจอยู่ในตัวเองเต็มร้อย ก็รู้สึกว่าความมั่นใจเหือดหายไปเสียเฉยๆ  จากที่เคยโทร.ไปวีน เหวี่ยง ใส่พลอยพธู นิชภาไม่รู้จะเริ่มต้นกับเขาอย่างไรเหมือนกัน

“ขอโทษด้วยที่โทร.กลับมาช้า พอดีช่วงนี้ผมยุ่งงานในห้องอัดเสียง”

“ค่ะ” 

“แล้วจะอย่างไรต่อไปครับ” 

“เอ่อ อย่างไรต่อ ก็คุณเวย์ จะให้ นะนะ นิช เข้าพบแล้วสัมภาษณ์เรื่องราวทั้งหมดได้เมื่อไหร่ล่ะคะ” ในที่สุดนิชภาก็หาสรรพนามระหว่างเธอและเวย์จนได้ ‘นิช’ สรรพนามนี้ เธอใช้ยามที่คุยกับคนที่มีอายุมากกว่า เขาอายุมากกว่าเธอ 7 ปี ปีนี้อายุของเธอจะเต็ม 23 ปี อายุของเขาก็กำลังจะเต็ม 30 ปี เขาเป็นพี่ชายของเธอ 

“คุณนิชภาสะดวกตอนไหนล่ะครับ” 

“เอ่อ สะดวกทุกตอนเลยค่ะ คือ นิชไม่ได้ทำงานประจำ นิชเขียนนิยายอย่างเดียว ทำงานที่บ้านค่ะ” 

“บ้านคุณนิชภาอยู่แถวไหนครับนี่” 

“ดอนเมืองค่ะ” 

“อืม ผมไม่มีบ้านหรอกนะ ผมอยู่คอนโดย่านสาทร แล้วเราจะเจอกันที่ไหนดีนะ” 

ไม่มีคำตอบจากนิชภาในทันที เพราะเธอก็ไม่รู้จะนัดหมายกับเขาตรงไหนเหมือนกัน ถ้าจะนัดที่ร้านกาแฟย่านซอยอารีย์ เขาจะสะดวกไหม 

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะโทร.หาแล้วกันครับ ขอตัวก่อนนะครับ ผมยังติดงานอยู่” 

ณัฐนนท์วางสายลง นิชภาเดินกลับมายังโต๊ะคอมพิวเตอร์แล้ววางโทรศัพท์ลง ก่อนใช้มือข้างขวาตบปากตัวเองเบาๆ

“ทีอย่างนี้แล้วง้างปากไม่ค่อยจะออก มันน่าตบให้ฟันหักนักเชียว” นิชภาพึมพำเบาๆ โดยหารู้ไม่ว่าที่หน้าประตูห้องที่แง้มอยู่ คุณแม่ชภาภัคยืนจับประตูดูอยู่ ใบหน้ายิ้มกริ่มจนลูกสาวคนเดียวรู้สึกเขินขึ้นมา

“เป็นอะไรหรือคะคุณลูกสาว” 

“คุณแม่” 

“บ่นอะไรพึมพำๆ คนเดียว ซ้อมบทละครเหรอ” 

“เปล่าหรอกค่ะ หนูกำลังโมโหตัวเองอยู่” ว่าพลางนิชภาก็เดินออกไปหาแม่ที่เปิดประตูกว้างขึ้น นิชภาเดินเลยออกจากห้อง โดยมีคุณแม่เดินตาม แล้วทั้งคู่ก็ไปหยุดยืนอยู่ด้วยกันที่โต๊ะอาหารซึ่งจัดไว้รอท่าแล้ว “พี่เวย์โทร.กลับมาแล้วค่ะ แต่นิชไม่กล้าสรุปธุระ เขาก็เลยวางสายไป” 

“อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ” 

“ก็ เขินค่ะ ไม่เคยคุยกับดาราสักที” 

“ดาราก็คนเหมือนเรานี่แหละ ไม่มีอะไรหรอกลูก” 

“หนูรู้ค่ะ แต่หนูไม่เคยใกล้ชิดดารานี่คะ แล้วหนูก็ไม่เคยกรี๊ดกร๊าดดาราด้วย คุณแม่ก็รู้” 

ใช่แล้ว ชีวิตของนิชภามีแต่ตัวหนังสือ หนัง ละคร และเพลง     นิชภาเพียงตามข่าวคราวไว้ให้พอรู้สึกไม่เชยจนคุยกับใครไม่รู้เรื่อง และอีกอย่าง ชีวิตก็เพิ่งพ้นวัยเรียนมาด้วย ประสบการณ์ทางโลกจะว่าน้อยนักก็ยังได้

“เป็นความผิดของแม่กับพ่องั้นสิ” 

“อ้าว พ่อเข้ามาก็ผิดเลยเหรอครับ คุณแม่ คุณลูกสาว” พ่อนิพัทธ์ที่รดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วเดินเข้ามาได้ยินพอดี

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณพ่อ” 

“แล้วเรื่องมันเป็นอย่างไร มาอย่างไรล่ะ เล่าให้พ่อรู้หน่อยซิ” 

นิพัทธ์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลูกสาว แต่ว่าสายตามองไปบนโต๊ะอาหาร 

“ล้างมือก่อนไหมคุณ” แม่บ้านร้องบอกเพราะรู้ใจว่าหิวโซมาแบบนี้เดี๋ยวมีจกกับข้าวบนโต๊ะกินเล่นก่อน 

“ก็แค่ชำเลืองดูน่ะว่าวันนี้ แม่ทำอะไร ตกลงว่าไง มีเรื่องอะไรกัน” 

ปกติแล้วครอบครัวนี้ ไม่มีอะไรปิดบังกัน นิชภาจึงต้องเปิดปากเล่าถึงเรื่องที่ณัฐนนท์ ดลสุข ดารานักร้องยอดนิยม คนที่พลอยพธูให้เธอหยิบบางส่วนบางเสี้ยวชีวิตของเขามาเขียนเป็นนิยายให้พ่อแม่รับรู้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องนัดสัมภาษณ์เขาแล้ว แต่ว่าลูกสาวคนเดียวที่ถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหินดันเกิดอาการเคอะๆ เขินๆ พ่อดารารูปหล่อขึ้นมาเสียจนปากหนักสมองตื้อไปหมด ก็จะให้ซักถามอะไรเขาล่ะ ก็ประเด็นแรงๆ ที่เคยเป็นข่าวอื้อฉาวของเขามันคือเรื่อง ‘เซ็กซ์’ ซึ่งนิชภาจะว่าเหมือนรู้ ก็ไม่ได้รู้จริงๆ จังๆ มันก็ได้แต่อ่านและก็ได้ยิน ได้ฟังมาเท่านั้น หนังโป๊คลิปเอ็กซ์ นิชภายังไม่เคยเปิดดูเสียด้วย และประสบการณ์ตรงจากการมีแฟนก็ไม่เคยมีสักครั้งเดียว 

“ก็ตั้งจิตคิดว่าเขาเป็นพี่ชายของเราสิลูก เราปรารถนาดีกับเขา คิดช่วยเหลือเขา เราช่วยเหลือกัน มันก็จะได้ไม่เคอะเขิน”

หลังจากผู้เป็นพ่อไปล้างมือ มื้อเย็นของบ้านก็เริ่มต้นขึ้น โดยบ้านนี้โต๊ะอาหารเป็นแบบโต๊ะกลม จึงไม่มีใครอยู่หัวโต๊ะ ทุกคนมีสิทธิ์หมุนกับข้าวมาที่จานของตน และก็พร้อมจะหมุนอาหารที่ตนไม่ชอบไปให้ฝั่งตรงกันข้าม 

“แต่หนู ไม่เคยมีพี่ชาย” 

ด้วยพ่อเป็นคนต่างจังหวัด นานๆ เธอจะได้กลับไปเยี่ยมปู่ย่าเสียที ลูกพี่ลูกน้องกันก็ไม่ได้สนิทสนมเท่าไหร่นัก ญาติข้างแม่ ก็ไม่ได้อยู่ในย่านนี้ และลูกของลุงกับป้าก็มีแต่ลูกสาวเหมือนกัน แถมเธอเองดันไปจบจากโรงเรียนมัธยมสตรีล้วนเสียอีก ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ก็คบอยู่แต่กับเพื่อนผู้หญิง และคณะที่เรียนก็หาผู้ชายแท้ๆ ทำยาได้ยากมาก

“หรือว่าเราจะให้ลูกลองหางานทำดีไหมคุณ แม่ว่าลูกเราเริ่มจะมีปัญหาทางพัฒนาการเสียแล้ว” 

“ไม่ใช่ค่ะคุณแม่ แม่ก็รู้ว่าพี่เวย์เขา เป็นผู้ชายธรรมดาซะที่ไหน” 

“แม่ก็บอกไปแล้วว่า ดาราก็คนเหมือนกัน ไม่มีอะไรหรอกลูก พอได้เจอเขาแล้ว เดี๋ยวลูก ก็รู้เองว่าแม่พูดถูกไหม” 

“แล้วเมื่อไหร่จะเอารถออกไปขับ” ผู้เป็นพ่อเปลี่ยนเรื่องคุยหลังจากที่วันนี้ช่วยปัดฝุ่นที่เกาะอยู่บนรถคันใหม่ของลูกสาว ที่ซื้อมาเพราะโครงการรถคันแรกของรัฐบาล

“หนูว่าหนูนั่งแท็กซี่น่ะดีอยู่แล้วค่ะ อันที่จริงเราก็ไม่น่าออกมาเลยเนอะ รถของคุณพ่อคุณแม่ก็มีอยู่แล้ว” 

“อย่าไปคิดว่าไม่ควรจะออก ออกมาแล้วก็ต้องใช้ ขับไปไหนมาไหนบ้างจะได้ไม่กลัวถนน” 

ก่อนหน้าผู้เป็นพ่อพาลูกสาวไปหัดขับรถ พาไปทำใบขับขี่ และให้ขับยามเมื่อไปนอกบ้านด้วยกัน ส่วนขับเข้าเมือง แม้ว่ามันจะดูเสี่ยงเพราะการจราจรคับคั่ง แต่คนเป็นพ่อก็ไม่ได้หวงห้ามแต่อย่างใด เพียงแต่เตือนว่า อย่าขับรถเร็วและอย่าประมาท ทั้งนี้ที่เขาต้องฝึกลูกสาวให้ช่วยเหลือพึ่งพาตัวเองได้ เพราะรู้ว่า ‘ลูกสาวคนเดียว’ ถ้าไม่ยอมให้ตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองแล้ว วันหนึ่งข้างหน้า หากไม่มีพ่อแม่ จะอยู่อย่างลำบาก

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ ถ้าพี่เวย์ยังไม่ติดต่อมา หนูขับไปห้างก็ได้ เดินเล่นสักครู่แล้วก็กลับ ดีไหมคะ” 

“ดีมาก เปิดหูเปิดตาบ้าง อยู่แต่บ้าน เดี๋ยวความคิดตีบตันหมด” ผู้เป็นแม่แสดงความคิดเห็น 

“อินเทอร์เน็ต มันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตหรอกลูก ลูกเข้าใจที่พ่อพูดนะ” นิพัทธ์เปรยขึ้นมาเบาๆ เพราะนึกเป็นห่วงลูกสาวที่ชีวิตประสบความสำเร็จเพราะอินเทอร์เน็ต กับคนกลุ่มหนึ่ง กับเว็บไซต์ส่วนตัว กับโปรแกรมเฟซบุ๊กที่มีแต่แฟนคลับ มีแต่คนแปลกหน้าที่ไม่ได้รู้จักกันลึกซึ้งเข้ามาชื่นชมกับความสำเร็จ

นิชภาที่เอื้อมมือไปตักผัดผักรวมที่แม่ตั้งใจทำให้เป็นพิเศษ เพราะเห็นว่าลูกสาวตั้งใจงดเนื้อสัตว์ก่อนวันเกิดหนึ่งเดือน และหลังจากวันเกิดไปแล้วอีกหนึ่งเดือน ชะงักมือครุ่นคิดในสิ่งที่พ่อพูด 

“หนูไม่เข้าใจที่คุณพ่อพูดค่ะ” 

“พ่อเขาหมายถึงว่า พ่ออยากให้หนูมีสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่น่ะ

พ่ออยากให้หนูมีปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆ มากกว่าคนในโลกไซเบอร์” 

อันที่จริง ชภาภัคอ่านหนังสือที่ลูกสาวเขียนทุกเรื่องทุกเล่ม จึงได้รู้ว่ามิติของตัวละครที่ลูกสาวปล่อยออกมาเป็นเช่นไร และที่ตัวละครเป็นอย่างนั้น เพราะว่าลูกสาว มีประสบการณ์ทางโลกแค่ไหน แต่จะบอกกับลูกตรงๆ ก็กลัวจะเสียกำลังใจ และอีกอย่างเธอกับสามียอมรับว่าวันนี้ นิชภาถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตระดับหนึ่ง 

ถามว่าพอใจกับลูกสาวคนนี้ไหม เธอพอใจ แต่ถามว่าห่วงไหม เธอรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวเป็นอย่างมาก กลัวว่าจะมีปัญหายามเมื่อเข้าสู่สังคมใหญ่ หรือเมื่อแม่กับพ่อจากไป ลูกสาวจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ด้วยความลำบาก เพราะ ‘อุดมคติ’ กับ ‘ชีวิตจริง’ มันต่างกัน 

“ค่ะ”

“เข้าใจที่พ่อกับแม่พูดใช่หรือเปล่า” นิพัทธ์มองหน้าลูกสาวแววตาเปี่ยมไปด้วยความอารี

“เข้าใจค่ะ หนูจะพยายามปรับปรุงตัวเองเพื่อความสบายใจของคุณพ่อ” 

“พ่อกับแม่พอใจที่ลูกเป็นอยู่ แต่พ่อกับแม่ก็อดเป็นห่วงหนูไม่ได้ เพราะชีวิตของเรา ไม่ได้มีแค่เราสามคนเพียงเท่านี้ อยู่กันแบบนี้ตลอดไปนะ ลูก”

“ค่ะ คุณพ่อ”

และยังไม่ทันที่นิพัทธ์กับชภาภัคจะชวนลูกคุยต่อ โทรศัพท์ 

มือถือของนิชภาที่อยู่ในห้องก็ดังขึ้น ด้วยณัฐนนท์บอกว่าจะโทร.กลับมาอีกรอบ นิชภาจึงขอตัวลุกจากโต๊ะอาหารไปรับสายที่คิดว่า เป็นของเขา ‘ณัฐนนท์ ดลสุข’