ความลับของเขาซุกอยู่ในบ้านคุณยายโฮมสเตย์ อัมพวา
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขียนฝันในม่านฝนความลับของเขาซุกอยู่ในบ้านคุณยายโฮมสเตย์ อัมพวา
เพราะโพรเจกต์นิยายซีรีส์ Secret of Celebrity หรือ ‘ความลับของเซเลบบริตี้’ ทำให้ นิชภา นักเขียนนิยายรักพาฝัน จำต้องตกปากรับคำบรรณาธิการคู่บุญเขียนนิยายแก้ต่างให้กับ เวย์ ณัฐนนท์ พระเอกหนุ่มผู้เจอมรสุมข่าวฉาวกับนักแสดงหญิงในวงการ แต่คล้ายกามเทพจะเล่นกลกับทั้งคู่ เมื่อโฮมสเตย์ที่นิชภาเดินทางไปพักผ่อน ณ อัมพวา บังเอิญเป็นบ้านเกิดของณัฐนนท์ การปลอมตัวเป็นสาวเปิ่นเพื่อล้วงลึกข้อมูลของเขาจึงเกิดขึ้น
ท่ามกลางบรรยากาศฝนพรำน้ำชุ่มและวิถีชีวิตอันอบอุ่นเรียบง่ายอัมพวา
เขียนฝันในม่านฝน นวนิยายรักหรรษาเรื่องล่าสุด จากปลายปากกาของ ‘เฟื่องนคร’ หรือ ‘จุฬามณี’ ผู้เขียน ชิงชัง สุดแค้นแสนรัก กรงกรรม ทุ่งเสน่หา วาสนารัก ฯลฯ
ออกจากห้องอัดเมื่อเวลาเกือบห้าทุ่ม ครั้นจะโทรศัพท์กลับไปหา นิชภา ณัฐนนท์ก็รู้สึกว่ามันดึกเกินไป เขาจึงได้แต่คิดว่าพรุ่งนี้ถึงจะโทร.กลับไปหาเจ้าหล่อน และเมื่อถึงห้องพักแล้ว เขาก็รีบอาบน้ำล้มตัวลงนอน แต่ว่ายังไม่ทันจะหลับสนิท โทรศัพท์มือถือที่วางไว้ข้างหมอนก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์จากแม่ของเขา ไม่ใช่สายเรียกเข้าจากคนที่เขารอสายอยู่
“ครับแม่” ณัฐนนท์พยายามสะกดสุ้มเสียงให้เป็นปกติ เพราะช่วงที่บวชเณรหน้าไฟ ตามด้วยบวชพระ อุทิศส่วนกุศลให้กับตาที่เลี้ยงดูเขามา เขาได้อ่านหนังสือธรรมะ แล้วพบประโยคหนึ่งที่บอกว่า พ่อแม่เป็นผู้ที่มีบุญคุณกับเรามากที่สุด เพราะว่าให้กายเนื้อกับเรา แม้ท่านจะไม่ได้เลี้ยงดูเรา เราก็ต้องตอบแทนคุณของท่าน
แม้ท่านไม่ได้เลี้ยงดูเรา แต่ว่าท่านก็ยังทำร้ายเรา ทุกครั้งที่คิดถึงพ่อกับแม่ ณัฐนนท์จะรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา และสายเรียกเข้าจากแม่ในยามวิกาลก็คงจะเป็นเรื่องร้อนๆ อีกแน่ๆ
“นอนหรือยังนนท์” คนที่บ้านเขาไม่มีใครเรียกเขาว่า ‘เวย์’ ชื่อนี้เขาเปลี่ยนก่อนที่พี่ปกป้องจะพาเข้าวงการ
“กำลังจะนอนครับ แม่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือ ยายไม่สบาย แม่จะต้องพายายไปหาหมอ”
“ยายเป็นอะไรหรือครับ”
“ก็อ่อนเพลีย ผอมแห้งแรงน้อย เป็นไข้ ไม่สบาย แม่ว่าจะพายายไปให้หมอตรวจสุขภาพร่างกายเสียหน่อย คือแม่ไม่มีเงิน”
เรื่องมันต้องลงเอยแบบนี้ และที่แม่ไม่มีเงินเขาก็รู้ว่าเป็นผลมาจากสามีใหม่ของแม่ชอบทำอะไรเกินตัว และเกิดจากการกระทำของตัวแม่เอง แม่ชอบเล่นการพนันเล่นหวยเป็นเท้าแชร์ ใช้ของแบรนด์เนมติดหรูหรา น้องชายน้องสาวต่างพ่อ ก็ไม่ยอมพึ่งพาตัวเอง ทั้งสองคนคิดว่าเขาเป็นบ่อเงินบ่อทองเหมือนกับแม่
“ผมเพิ่งโอนเงินไปให้แม่ไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ แต่ว่า แม่ใช้หนี้ไปหมดแล้ว”
ใช้หนี้ไปหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าหนี้ของแม่เขาหมดแล้ว แต่ว่าหมดเงินที่โอนไปให้แล้วนั่นเอง
“แม่จะเอาอีกเท่าไหร่”
“สามหมื่น”
“เยอะไปหรือเปล่าครับ”
“ไม่เยอะหรอก ค่าน้ำมันรถ ค่าหมอ ค่ายา แล้วแม่ก็ไม่มีเงินใช้ด้วย บอกแล้วไงว่าหมดแล้ว”
“ตอนนี้ แม่อยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่บ้านดำเนิน” บ้านดำเนิน คือ ที่อำเภอดำเนินสะดวก ราชบุรี ซึ่งเป็นที่อยู่ของแม่กับสามีคนปัจจุบัน
“ผมก็นึกว่าแม่อยู่บ้านยาย”
“ตกลงเรื่องเงินว่าไง ที่แม่รู้ว่ายายไม่สบาย เพราะว่าแม่โทร.ไปหายายมา แล้วป้ากุลเขาก็เงอะๆ งะๆ ไม่มีรถ”
“พรุ่งนี้ ผมไม่มีงาน ผมจะพายายไปหาหมอเอง แค่นี้นะครับ คืนนี้ผมง่วงนอนแล้ว ขอตัวก่อนครับ”
วางสายจากชญานุชแล้ว นิชภาก็เดินออกมาช่วยแม่เก็บถ้วยเก็บจานล้าง เพราะว่าตัวเองชอบทำงานตอนกลางคืนแล้วตื่นสายๆ ส่วนแม่กับพ่อจะต้องตื่นแต่เช้าแล้วก็รีบไปทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ บ้านทั้งหลังจึงเงียบสงบ กระทั่งพ่อกับแม่จะกลับเข้าบ้านในตอนค่ำ โดยที่เธอ
จะหุงข้าวไว้รอ หรือนานๆ ทีก็นึกครึ้มใจทำอาหารไว้ให้ด้วย
“แม่ พรุ่งนี้ นุชมันชวนหนู ไปเที่ยวอัมพวา”
“ไปกันอย่างไร ไปกันกี่คน”
“ไปกันสองคน แบบไม่มีใครเขาว่าง เอารถนุชไป” เพื่อนๆ ในแก๊งส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้หญิง หลังจากเรียนจบแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน บ้างก็เรียนต่อ บางก็ติดแฟน จึงไม่มีเวลาให้กันเหมือนเมื่อตอนสมัยที่เรียนหนังสือ แต่นิชภาก็ไม่ได้ถือสาหาความ เพราะตัวเองก็ไม่ค่อยว่างสำหรับเพื่อนๆ อยู่แล้ว ด้วยต้องรีบกลับบ้านมาปล่อยจินตนาการให้โลดแล่นบนไฟล์เวิร์ด
“ไปกี่วัน”
“เสาร์กับอาทิตย์ ค้างหนึ่งคืน อยากไปดูหิ่งห้อยกันน่ะ พักโฮม สเตย์ นุชเขาติดต่อไว้แล้ว”
หลังช่วยแม่ล้างจานเสร็จ นิชภาก็เดินกลับมาพิมพ์ข้อความตอบ ‘ไลน์’ ชญานุชไปว่าตกลง พอนัดหมายกันแล้ว นิชภาก็เดินขึ้นห้องพักไปอาบน้ำชำระร่างกาย โดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ติดมือขึ้นไปด้วย หลังอาบน้ำเสร็จ นิชภาก็เดินลงมาเข้าห้องทำงาน และเมื่อข้อมูลไม่พร้อม นิชภาจึงคว้าหนังสือนิยายที่ซื้อมาเก็บไว้ไปทรุดตัวลงอ่านบนโซฟาสีชมพูแบบไม่มีสมาธิ กระทั่งเห็นว่าเวลาเคลื่อนไปจนถึงเที่ยงคืน หลังจากที่มั่นใจว่าณัฐนนท์คงไม่โทร.กลับมาแน่ นิชภาก็สรุปกับตัวเองว่า หากสองวันนี้ เขาไม่ติดต่อกลับมา เห็นทีว่าเธอคงจะต้องยกเลิกโพรเจกต์นี้
ชญานุชมารับนิชภาตามเวลาที่ได้นัดหมายกันไว้ เพราะถ้ามาสายกว่าเวลาที่นัดหมาย ชญานุชก็รู้ว่าจะต้องถูกบ่นเรื่องไม่รักษาเวลาไปตลอดทาง และขณะที่ขับรถไปยังอัมพวา ฝนก็พรำลงมายกใหญ่ นิชภาที่เป็นผู้โดยสารหันมาหาเพื่อนแล้วก็ถามว่า “นึกอย่างไรอยากจะไปที่นั่นในช่วงหน้าฝน”
“ก็ไม่รู้จะไปไหนนี่”
“แล้วก็ไม่ต้องเหยียบให้เร็วนักล่ะ ถนนลื่น อันตราย”
“มาขับซะเองไหม”
“ไม่ ไม่ใช่รถฉัน”
“ซื้อมาจอด ซื้อมาทำไม”
“ประดับบารมี “
“เปิดเพลงฟังหน่อยซิ”
ว่าแล้ว นิชภาก็กดปุ่มเปิดเครื่องเสียงเพราะคุ้นเคยกับรถของ ชญานุชเป็นอย่างดี เสียงเพลงถูกขับมาที่ลำโพงทั้งสี่ข้าง ทำให้นิชภารู้สึกเพลิดเพลิน แล้วชญานุชก็ขัดจังหวะความเพลิน “ติดต่อพี่เวย์ได้หรือยัง”
“โทร.มาแล้ว แต่ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย บอกว่าจะโทร.กลับมาอีก ก็เงียบฉี่ ฉันว่าถ้าเช้าวันจันทร์ เขาไม่โทร.กลับมา ฉันก็จะโทร.ไปแคนเซิลงานเรื่องนี้แล้ว”
“แล้วเธอทำไมไม่โทร.กลับไปล่ะ” มีเรื่องจะคุยกัน ชญานุชก็กดปุ่มลดความดังของเสียงเพลงลง
“ไม่ คนอย่างฉัน ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกนี่ ถ้าไม่มีเรื่องเขา ก็ใช่ว่าฉันจะไม่มีอะไรจะเขียน ซีรีส์ของฉันยังเหลืออีกห้าหกเรื่อง เขียนได้อีกสองปีอย่างสบายๆ” อันที่จริงนิชภาไม่อยากยกเลิกโพรเจกต์ แต่ว่างานนี้เธอจะต้องวีนเหวี่ยงใส่พลอยพธูเสียหน่อย ว่าเด็กของพี่พลอยทำตัวได้น่าเบื่อมาก และพลอยพธูก็ไม่โทร.กลับมาตามงานของตัวเองเหมือนกัน แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย รอวันจันทร์ก่อนดีกว่า เที่ยวให้สนุก”
ถึงอัมพวา ฝนก็ยังคงตกกระหน่ำ กระทั่งทางโรยหินที่จะเข้าไปยัง ‘บ้านคุณยายโฮมสเตย์’ เจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน พอชญานุชเลี้ยวรถเข้าไป หญิงสาวก็ต้องเบรกอย่างชั่งใจว่าจะขับรถลุยไปต่อดีไหม
“ถนนลื่นหรือเปล่านุช” นิชภาเริ่มกังวลกับทางที่ต้องวิ่งผ่านทิวมะพร้าวเข้าไปข้างใน
“หรือเราจะเปลี่ยนที่พักกันดี เพราะเขาไม่ได้เก็บเงินมัดจำอะไร
หรอก” ชญานุชปรึกษา
“แล้วเธอนึกอย่างไรถึงจะมาพักที่นี่”
“ก็เซิร์ชเจอ แล้วก็อยากอยู่แบบบ้านๆ มากกว่าพวกรีสอร์ตหรูหรา แล้วบ้านหลังนี้ติดคลอง มีเรือให้เราพายเล่นตอนกลางวัน แล้วก็พาย ชมหิ่งห้อยตอนกลางคืนด้วย ในคลองด้านหลังบ้านมีต้นลำพู หากยืนอยู่ที่ริมคลองในตอนกลางคืนก็เห็นหิ่งห้อยเลย”
“จ้า มีคลอง มีเรือ มีลำพู แล้วถ้าฝนตกอย่างนี้ ทั้งสองวันกับหนึ่งคืนที่อยู่ที่นี่ โปรแกรมหล่อนจะล่มไหม”
ชญานุชไหวไหล่ และพอมองกระจกส่องข้างหลัง ก็เห็นว่ามีรถขับเคลื่อนสี่ล้อคันใหญ่วิ่งตามหลังมารอจะเข้าไปข้างใน ไฟหน้าเปิดสว่างจ้า เพราะฝนตกแรงจริงๆ
“ถอยไม่ได้แล้วนิช อย่างไรก็ต้องเข้าไปข้างในก่อน” ว่าแล้วชญานุชก็ใส่เกียร์เหยียบเร่งน้ำมันพารถค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้า โดยมีรถคันใหญ่ไล่ตามมาห่างๆ
หลังขับรถชิดด้านที่ว่างทางซ้ายของลานดินโรยหินเพื่อปล่อยให้รถคันใหญ่แล่นเข้าไปก่อน ชญานุชก็หยุดครุ่นคิด เพราะเมื่อมองเห็นสภาพตัวบ้านสองชั้นครึ่งอิฐครึ่งไม้ อารมณ์อยากจะอยู่อย่างชาวบ้านๆ ก็เริ่มหายไป
“กลับตัวยังทันนะ” นิชภาก็ไม่เคยลำบากลำบน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่า ชาวบ้านๆ เขาอยู่กันอย่างไร บ้านของปู่ย่าก็อยู่ที่ต่างจังหวัด แต่ว่าเป็นจังหวัดในภาคกลาง ไม่ได้ตั้งอยู่ในสวนมะพร้าวแบบบ้านหลังนี้ ซึ่งมองไปแล้ว
ดูเหมือนจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเสียด้วย
“ฉันว่า เปลี่ยนใจดีกว่า ถ้าเขาโทร.ตาม ก็บอกว่า เราไม่ได้มาเนอะ เพราะว่าฝนตก”
“เขาคงจะเชื่อหรอก”
ยังไม่ทันที่ชญานุชจะกลับรถ รถคันใหญ่ที่แล่นตามมาแล้วแซงไป
จอดใต้โรงจอดรถที่สามารถจอดรถได้ประมาณ 4 คัน หลังจากรถหยุดก็มีชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินอ้อมไปทางฝั่งผู้โดยสาร เขาประคองหญิงวัยชราลงจากรถ แล้วพากันเดินเข้าบ้าน
ชญานุชและนิชภาที่มองเห็นเขาคนนั้นพร้อมกันก็ต้องเบิ่งตากว้างก่อนจะหันมามองหน้ากัน
“พี่เวย์!” ชญานุชหลุดปากออกมาก่อน
“เขามาที่นี่ทำไม” นั่นคือคำถามที่นิชภาถามแล้วชญานุชก็ตอบไม่ได้ เพราะถ้าอยากรู้คำตอบ เธอทั้งสองคนจะต้องไปเช็กอินเข้าพัก
อึดใจ ป้าพิกุลของณัฐนนท์ก็ถือร่มมายืนมองรถเก๋งคันที่จอด อยู่ตรงหน้าบ้าน สายตาชะเง้อดูท่าว่ารถคันนั้นจะเอาอย่างไร แล้วป้าพิกุลก็ต้องหลับตานิ่วหน้า เมื่อเสียงฟ้าร้องคำรามก่อนจะฟาดเปรี้ยงลงตรงไหนสักที่
“ฟ้าแรงมากเลยนะแก” นิชภาที่เห็นสายฟ้าแปลบปลาบวิ่งตัดไปบนเมฆครึ้มด้านบนหลิ่วตา ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหูเมื่อมั่นใจว่าฟ้าจะต้องร้องลั่นแน่ๆ
“เอาอย่างไรดีล่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ขับรถเข้าไปในโรงจอดเถอะ”
ชญานุชสรุปก่อนจะเคลื่อนรถไปจอดเคียงกันกับรถของณัฐนนท์ และเมื่อจอดรถแล้ว นิชภาก็บอกว่า “ตอนนี้ เราไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน สำคัญกับพี่เวย์อย่างไร เราอย่าเพิ่งแสดงตัวให้เขารู้เลยนะว่า ฉันคือ นิชภา คนที่โทร.คุยกับเขาเมื่อวาน”
“ทำไมล่ะ”
“อ้าว เธอคิดดูสิ ในประวัติที่ฉันค้นได้จากอินเทอร์เน็ต ไม่มีบอกเลยว่า พี่เวย์เป็นคนอัมพวา จู่ๆ เขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ มันหมายความว่าอย่างไร และถ้าอยากได้ข้อมูลลึกๆ ของเขา ฉันว่าถามคนอื่นน่าจะดีกว่า และดูแล้ว คุณยายที่นั่งรถมากับเขาน่ะ น่าจะเป็นคนสำคัญของบ้านนี้ และเป็นคนสำคัญของเขาเชียวนะ เพราะดูเขาเอาอกเอาใจอย่างมาก”
ภาพที่ณัฐนนท์ลงมาประคองคุณยายผมหยิกดัดเป็นพุ่มแบบชาวบ้านที่อยู่ในชุดผ้าซิ่นสีดำๆ เสื้อลูกไม้สีเทา ทำให้นิชภารู้สึกดีเป็นอย่างมาก
“เธอนี่ล้ำลึก”
“อะ อย่าลืมซิว่าฉันน่ะ นิชภานักเขียนใหญ่แห่งพลอยบุ๊คส์ สแควร์ นะยะ” พอถูกชมนิชภาก็เชิดหน้าไหวไหล่ ชญานุชเบ้หน้า ค้อนให้ ก่อนจะบอกว่า “แล้วหล่อนคิดบ้างหรือเปล่า ว่าถ้าวันหน้า เขาเจอหล่อน เขาจะไม่โกรธที่หล่อนไม่ยอมบอกความจริงในวันนี้กับเขา”
“อ้าว หล่อนก็อย่าลืมนะ ก็เขาผิดนัดฉันก่อน บอกกับฉันเองนี่จะโทร.มา แต่จนบัดนี้ จะยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว ยังไร้วี่แวว และฉันก็มั่นใจว่า จนถึงวันจันทร์ เขาก็ไม่โทร.มาหรอก ต้องให้ฉันโทร.ไปตามตื๊อเขา แล้วถ้าโทร.ไปจะรับสายฉันหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ”
“เขาก็มาธุระของเขาอยู่นี่ไง”
“ไม่รู้ แต่เราอย่าเพิ่งไปบอกอะไรกับเขาเลย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน อีกอย่าง เขาเองก็เป็นดาราดัง หากเราซอกแซกถามป้าคนนั้น เราอาจจะได้ข้อมูลที่เราไม่เคยได้ก็ได้นะ เพราะถ้าถามเวย์ ฉันว่า บางทีเขาอาจจะบอกไม่หมดก็ได้ แกก็รู้นี่ พวกดาราน่ะ ความลับเยอะกันจะตายไป”
“ก็ได้ งั้นลงจากรถ ป้าชะเง้อมองใหญ่แล้ว”
เมื่อสองสาวลงจากรถ ด้วยมารยาทก็ต้องยกมือไหว้คนที่ถือร่มชะเง้อชะแง้มองดูอยู่
“สวัสดีค่ะ หนูที่จองห้องพักที่นี่ไว้ค่ะ เพิ่งมาถึง” ชญานุชที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นตะโกนนำทางไปพร้อมกับอธิบาย ส่วนนิชภาที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวตามสไตล์ยกมือไหว้อย่างเดียว
“อ๋อๆ” ว่าแล้วนางพิกุลก็เดินกางร่มตากฝนเข้ามายังชายคาโรงจอดรถ
“มาถึงซะบ่ายเลย ป้าก็รออยู่ตั้งแต่เช้า”
“ก็ฝนตกตลอดทางเลย ทำความเร็วไม่ได้ แล้วรถก็ติดด้วยค่ะ”
“เข้าบ้านกันก่อน ยืนอยู่ตรงนี้ โดนละอองฝน เอากระเป๋าเข้ามาเลย”
อันที่จริงชญานุช ยังไม่อยากเอากระเป๋าสัมภาระที่เตรียมมาเข้าไป เพราะถ้าในบ้านบรรยากาศไม่โสภาอารมณ์เหมือนรูปที่ลงไว้ในอินเทอร์เน็ต เธอก็อาจจะจ่ายเงินค่าที่พัก ห้องหนึ่งที่นอนสองคนพร้อมอาหารเช้าวันพรุ่งนี้ หัวละ 500 บาทนั้นไป แล้วก็ออกไปหานอนรีสอร์ตหรูๆ ข้างนอกแทน
“เดี๋ยวค่อยมาเอาก็ได้ค่ะ”
ป้ากุลเดินไปหยิบร่มที่แขวนไว้กับเสาโรงจอดรถมายื่นให้สองคัน นิชภากับชญานุชจึงกางร่มเดินตามป้ากุลเข้าไปยังใต้ชายคาต่อยื่นออกมาจากตัวบ้าน
เดินเข้าไปใต้ชายคาที่ต่อเติมออกมาจากตัวบ้านในภายหลังแล้ว นิชภาก็มองไม่เห็นว่าณัฐนนท์และคุณยายคนเมื่อกี้อยู่ตรงไหน แต่ว่าเมื่อมองเข้าไปในบ้านที่ปูกระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม ก็พบโทรทัศน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าตู้โชว์ที่อยู่ด้านข้าง และในตู้โชว์ก็มีของสะดุดตาของนิชภาอยู่อย่างหนึ่ง คือนิยายฉบับเก่าเก็บเรียงไว้เป็นระเบียบ นิชภาอยากปรี่เดินเข้าไปดูว่ามีผลงานของใครบ้าง
“ฉันเดาว่า เธอเลือกที่นี่ก็เพราะตู้หนังสือนี้ใช่ไหม” นิชภากระซิบถามชญานุชที่สายตาก็อยู่กับตู้หนังสือในบ้านเช่นกัน
“ถูกต้องแล้วจ้า แหม นี่เปล นั่นหนังสือ อารมณ์ฉัน ก็แค่นี้แหละ อย่างอื่น ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรหรอก”
เมื่อรู้สึกพอใจกับความสะอาดของมุมรับแขกในบ้าน และมุมนั่งเล่นใต้ชายคานี้แล้ว ชญานุชก็ตัดสินใจว่า คืนนี้คงจะพักค้างที่นี่แน่นอน
“เข้าไปดูห้องกันก่อนดีกว่า” ป้าพิกุลที่รับร่มจากสองสาวไปกาง
วางตากไว้ที่พื้นร้องบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน ชญานุชกับนิชภาถอดรองเท้าแล้วก็เดินตามเข้าไป พบว่าทางซ้ายมือหลังผนังตู้หนังสือมีห้องนอนสองห้อง ส่วนห้องน้ำคงจะใช้ภายนอกเพราะก้นห้องมีประตูปิดไว้ น่าจะเป็นทางเดินออกไปด้านหลังบ้าน
ป้าพิกุลเปิดประตูห้องแรก เผยให้เห็นเตียงนอนขนาด 6 ฟุต ใช้ผ้าปูที่นอนสีชมพู พร้อมกับมีผ้านวมพับไว้ที่ปลายเตียง มีหมอนใบใหญ่ใช้ปลอกหมอนสีเดียวกับผ้าปู ส่วนหน้าต่างทำจากไม้แซมกระจก ม่านลายดอกเล็กๆ สีทึมๆ ดูแล้วน่าจะตัดเย็บเองถูกรวบชายไว้ ด้านบนหน้าต่างมีแอร์ติดอยู่หนึ่งเครื่อง ที่ข้างผนังห้องมีโต๊ะสี่เหลี่ยมสูงเท่าโต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมกับเก้าอี้ไม้สองตัว บนเก้าอี้มีผ้าขนหนูสีขาวหม่นๆ สองผืน มุมห้องด้านในมีตู้ใส่เสื้อผ้าขนาดเล็กๆ หนึ่งหลัง
“บ้านนี้ทั้งหมดกี่ห้องคะ”
“เป็นห้องแบบนี้ ข้างล่างมีสองห้อง ใช้ห้องน้ำข้างนอก ตรงที่ติดกับครัว เปิดประตูออกไปเจอ แล้วบนบ้านก็จะมีห้องโล่งๆ บนระเบียงหลังบ้านด้านบนมีห้องน้ำสามห้อง เอาไว้รับแขกแบบหมู่คณะมากันเป็นครอบครัวใหญ่ๆ”
“แล้วเจ้าของบ้าน พักกันที่ไหนคะ”
จากที่สังเกตในบ้านไม่มีรูปถ่ายของเจ้าของบ้านติดอยู่เลย ไม่มีแม้แต่รูปของณัฐนนท์ด้วย
“ป้ากับยาย พักห้องโถงใหญ่ที่ติดกับครัวด้านหลังกัน”
“ป้าชื่ออะไรคะ”
“ป้าชื่อพิกุล ยายชื่อปี ชื่อจริงยายจำปี”
“เอ่อ เมื่อกี้ หนูเห็น พี่เวย์ มากับยายจำปี เป็นอะไรกันคะ” ชญานุชเข้าเรื่องที่ตัวเองสนใจทันที
“อ๋อ นนท์ เป็นหลานยายจำปี เป็นลูกของน้องสาวป้าน่ะ”
“หลานยาย โอ้วววว นี่ก็คือบ้านยายของพี่เวย์เหรอคะ”
“อืม ใช่ บ้านนี้ เป็นบ้านตากับยายของเวย์ ของนนท์ คนที่นี่จะ
เรียกเขาว่านนท์น่ะ”
“แล้วไม่เห็นมีรูปพี่เวย์ติดตามบ้านเลย”
“เขาไม่ยอมให้ติด เขาบอกว่า ให้ขายแต่บริการ ไม่ต้องเอาตัวเขามาขาย แล้วเขาก็ไม่ค่อยได้มาที่นี่หรอก”
ชญานุชกันนิชภาสบตากันทำนองว่า เห็นไหมล่ะ ถ้าไม่เข้ามาล้วงตับก็ไม่มีทางรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของนายณัฐนนท์อย่างลึกซึ้งหรอก และเมื่อดูแล้ว คุณป้าพิกุลคนนี้ พร้อมจะเปิดเผยเรื่องราวของหลานชาย ชญานุชก็รีบซักไซ้ทันที
“เมื่อกี้ พี่เวย์พายายจำปีไปไหนมาคะ”
“พาไปหาหมอ ยายไม่ค่อยแข็งแรง คนอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว สามวันดีสี่วันไข้”
“แล้วป้าอายุเท่าไหร่ ยังดูสาวอยู่เลย”
“ป้าก็ห้าสิบกว่าๆ ยังไม่หกสิบ”
“แล้วพ่อแม่พี่เวย์อยู่ที่ไหนคะ”
นิชภาไม่ได้คิดจะยั้งคำถามของเพื่อนแต่อย่างใด ทั้งที่รู้ว่าเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่ทันที่ป้าพิกุลจะตอบคำถาม ที่ลานหน้าบ้านก็มีรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามา ฝนเหือดเม็ดแล้ว เสียงเครื่องยนต์จึงดังกระหึ่มเข้ามาในตัวบ้าน ป้าพิกุลมองผ่านหน้าต่างกระจกออกไปแล้วก็เปรยเบาๆว่า “แม่ของเวย์มาพอดีเลย ตกลงหนูสองคนเอาห้องนี้ใช่ไหม” ป้าพิกุลรีบสรุปเพราะว่าจะต้องออกไปรับหน้าน้องสาว
“เอาไง นิช”
“แล้วแต่เธอแล้วกัน ห้องก็โอเคนะ แต่ต้องไปใช้ห้องน้ำข้างนอกใช่ไหมป้า”
“ใช่ๆ ห้องน้ำ เดินออกไปเลี้ยวซ้าย เปิดประตูออกห้องน้ำอยู่ซ้ายมือ มีสองห้อง มีเครื่องทำน้ำอุ่น โถเป็นชักโครก ไปดูก่อนได้”
“โอเคค่ะ หนูพักห้องนี้แล้วกัน แต่หนูเปิดแอร์ได้เลยใช่ไหมคะ
ตอนนี้มันอ้าวๆ” ชญานุชสรุป
“ถ้าจะไม่เอาแอร์ เดี๋ยวป้าเอาพัดลมตั้งโต๊ะ มาให้ก็ได้นะ”
“ขอแอร์ดีกว่าค่ะ”
“งั้นป้าขอตัวก่อน”
“ค่าห้อง จ่ายเลยหรือเปล่าคะ”
“เดี๋ยวค่อยว่ากัน อ้อ ในครัวมีน้ำดื่มนะ มีตู้เย็น บ้านนี้แขกที่มาพัก สามารถทำกับข้าวกินได้เอง คือทำตัวให้เหมือนกับอยู่บ้านตัวเองได้เลย แล้ววันนี้ก็น่าจะมีหนูสองคนแค่นี้แหละ”
“แล้วบ้านนี้ ปกติอยู่กันกี่คนล่ะคะ”
“ก็สองคน ยายกับป้า แม่ของนนท์เขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก เขาอยู่ดำเนินสะดวกกับแฟนใหม่ของเขา”
คำว่า ‘แฟนใหม่’ ทำให้นิชภาตาลุกวาว เป็นข้อมูลใหม่ๆ ที่ได้เพิ่มเข้ามา ถ้าถามจากปากของณัฐนนท์ คงไม่ได้เรื่องนี้แน่ๆ
“ป้าขอตัวก่อนนะ ตามสบายเลย”
ป้าพิกุลออกจากห้องไปแล้ว ชญานุชก็เดินไปกดปุ่มเปิดแอร์จากรีโมตที่ติดไว้ใกล้ๆ กับสวิตช์ไฟ
“ไม่มีโทรทัศน์” นิชภานึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยออกมาเบาๆ
“แหม โฮมสเตย์นะยะ โทรทัศน์จอใหญ่ก็อยู่ข้างนอก บ้านพักแบบนี้เขาอยากให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าของบ้านจ้า”
หลังเปิดแอร์ ชญานุชก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียง แล้วก็ล้มตัวลงนอนตะแคง ส่วนนิชภายังใช้สายตามองผ่านหน้าต่างกระจกไปยังรถคันที่เพิ่งเข้ามาจอด นิชภาเห็นใบหน้าแม่ของณัฐนนท์ หลังเปิดประตูรถลงมาแม่ของเขาก็เดินโหย่งเท้าเข้ามาในชายคาบ้าน โดยมีป้าพิกุลออกไปรับหน้า
แล้วณัฐนนท์ล่ะ ตอนที่เขาเจอกับแม่ เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร นิชภาอยากรู้อยากเห็นเสียจริง