รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ยอดสวาทจอมเถื่อน ,อรอร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยอดสวาทจอมเถื่อนลลิลลิตาร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า ผิวแก้มแดงเรื่อด้วยเลือดฝาด เธอรีบเมินหน้าหนีรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าคมเข้ม ยิ่งดวงตาสีน้ำเงินทอแสงที่ออกมาจากใจอย่างชัดเจนมากเท่าไร เธอก็ยิ่งใจสั่นรัวกลัวใจตัวเองจะหลงระเริงไปกับถ้อยคำแสนหวาน ที่เธอต้องเตือนตัวเองว่าอย่าตกหลุมรักผู้ถูกกล่าวหาเด็ดขาด เพราะมันจะไม่เป็นผลดีกับเขาและเธอเลยสักนิด
“รู้ใช่ไหมว่าผมจะลงโทษคุณยังไง”
หญิงสาวกำลังจะอ้าปากถามว่าลงโทษแบบไหน แต่ก็ช้าไปกว่าปากหยักได้รูปที่ฉกลงมาแตะกลีบปากสีชมพูของเธออย่างรวดเร็วจนเธอยืนตัวแข็งเพราะไม่คิดว่าจะโดนจู่โจมเร็วขนาดนี้
“นี่แค่ขั้นพื้นฐานนะ ถ้าดื้อมากกว่านี้ก็จะโดนขั้นสูงขึ้นไปอีก”
คนโดนลงโทษได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งมีมือหนามาแตะแผ่นหลังให้ก้าวเดิน ท่าทีนั้นคล้ายเป็นการบังคับหญิงสาวกลายๆ
“ไปครับ” ลลิลลิตาจึงต้องก้าวตามไปยังด้านนอกของร้าน รถยนต์สปอร์ตคันหรูสีดำจอดอยู่ตรงกันข้ามของฝั่งถนน
“ไป ผมพาข้ามถนน” บอกแล้วก็จูงมือเรียวบางพาเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายไปจนถึงรถ
“พอดีเมื่อเช้าตรงหน้าร้านไม่มีที่จอด ก็เลยต้องจอดตรงนี้ แต่ไม่ต้องกลัวครั้งต่อไปผมจะข้ามมาเอารถคนเดียว แล้วให้คุณยืนรอที่หน้าร้านดีกว่า” มือหนาจัดแจงกดรีโมทเปิดประตูด้านข้างคนขับจนกว้าง
“ไปครับขึ้นรถ”
“เดี๋ยวค่ะ ขอฉันตั้งสติก่อน” ร่างเพรียวต้องยกมือขึ้นเพื่อห้ามชายหนุ่มให้หยุดการกระทำชั่วครู่ หลังรู้สึกว่าตั้งแต่เจอหน้าแซคคิโอ เธอเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนคำสั่งเพียงอย่างเดียว
“เป็นอะไรเหรอนางฟ้า”
“ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นยนต์คอยทำตามคำสั่งคุณ” รวมถึงนายใหญ่ของบ้านกอนซาโล่ที่เธอไม่ได้พูดออกไปให้แซคคิโอฟัง
“โอเค ผมขอโทษ ผมแค่ดีใจที่ได้เจอคุณก็เลยดีใจจนออกนอกหน้าไปนิด”
“ทีนี้ก็ช่วยบอกฉันทีว่าเราจะไปไหนกัน”
“ไปทำความรู้จักกันให้มากกว่าเดิม”
“หมายความว่ายังไงคะ” ลลิลลิตาต้องบังคับเสียงไม่ให้สั่นกับอาการตื่นเต้นเกินเหตุ ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาไม้ไหนกับเธอ เพราะรู้สึกว่าเขาจู่โจมเธอเร็วราวสายฟ้าที่มันสว่างวาบขึ้น เรียกว่าถ้าเธอกำลังวางแผนบัญชาการรบอยู่ แล้วโดนแบบนี้ สถานการณ์ของเธอคงเพลี่ยงพล้ำตั้งแต่ยกแรกเลยทีเดียว
“โธ่ นางฟ้าของผม อย่าคิดมากได้ไหม ผมแค่อยากให้เราสองคนรู้จักกันมากขึ้น บอกตรงๆ เลยว่ากว่าจะตามหาคุณเจอมันไม่ง่ายเลยสักนิด” บอกแล้วก็เผยรอยยิ้มจริงใจให้หญิงสาวพลางผายมือเชิญ ทำให้ร่างเพรียวต้องก้าวขึ้นไปนั่งอย่างไม่มั่นใจตัวเองนักว่าจะทำหน้าที่นางนกต่อได้ดีแค่ไหน
กริ๊ง กริ๊ง
โทรศัพท์ของลลิลลิตาดังขึ้นทำให้เธอต้องรีบหยิบออกจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาดูชื่อ ก่อนจะเป่าลมออกจากปากด้วยความหนักใจ จากนั้นจึงกดรับในขณะที่อดีตบอดี้การ์ดทำไม่รู้ไม่ชี้ด้วยการสตาร์ทรถแล้วขับพาออกจากบริเวณหน้าร้าน ปล่อยให้หญิงสาวได้คุยกับทางปลายสายตามสะดวก
“ลิลลี่ค่ะ”
“ทำตามแผนเดิมนะ ถ้าไม่อยากให้แม่ของแกช้ำใจตายเสียก่อน”
“รับทราบค่ะ” ลลิลลิตาตอบเสียงเบาพลางกดตัดสาย พลางปรายตาดูกระจกด้านข้าง แม้จะมองไม่เห็นว่ามีรถตามมาหรือไม่ แต่เธอก็รู้ว่าต้องเป็นนาโช่กับชิโลห์เป็นคนรายงานให้กับผู้มีอำนาจเหนือชีวิตของแม่เธอ ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรมาขู่ให้เธอทำตามคำสั่งได้หรอก
“มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่านางฟ้าของผม”คนถามเพิ่งจะใส่แผ่นซีดีเข้าไปในเครื่องเล่น เสียงเพลงคุ้นหูดังขึ้นทันที
“Can’Take My Eyes Off you ผมรักเพลงนี้” บอกแล้วก็หันมายิ้มจนเห็นฟันซี่ขาวราวไข่มุก แล้วโยกตัวไปตามจังหวะดนตรีที่ครึกครื้น
“I love you baby And if it's quite all right I need you baby To warm a lonely night I love you baby Trust in me when I say
Oh pretty baby Don't bring me down, I pray Oh pretty baby Now that I've found this day So let me love you baby Let me love you” นักร้องจำเป็นตะโกนร้องเพลงจนดังลั่นอยู่ในรถด้วยท่าทางมีความสุขไปกับบท
เพลงจนลลิลลิตาเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“มีใครเคยบอกไหมว่าเสียงของคุณเวลาร้องเพลงแล้วเป็นแบบไหน”
“คุณจะเป็นคนแรก” นักร้องเสียงทองยังคงฮัมเพลงอย่างมีความสุข
“ฉันว่าคุณน่าจะไปเป็นนักมวยดีกว่า” คำชมนั้นทำให้นักร้องสมัครเล่นหยุดร้องเพลงในทันใด ก่อนจะมีเสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมคำบอกเล่าจากหญิงสาวที่ดูจะอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“พ่อฉันบอกว่าถ้าอยากให้ใครสักคนหยุดร้องเพลง ให้ชมเขาไปว่าเสียงดีแบบนี้น่าจะไปชกมวยดีกว่า”
“พ่อคุณน่าจะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีนะ” คำชมนั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าสวยหวานนั้นจางหายไปแทบจะทันที แต่ชายหนุ่มก็ทำเป็นมองไม่เห็นก่อนจะถามออกไปอีกครั้ง
“ว่าแต่คุณมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
“ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันต้องการความช่วยเหลือคะ”
“สีหน้ากับดวงตาของคุณ มันวิตกกังวลกับบางเรื่อง” แซคคิโอหันไปบอกพร้อมรอยยิ้มพลางเลี้ยวพวงมาลัยรถไปตามถนนหลวงที่คราคล่ำไปด้วยรถยนต์หลากยี่ห้อหลากชนิด
“แต่ผมขอเสียมารยาทหน่อยเถอะ ไอ้ทางปลายสายที่คุณคุยด้วยน่ะ มันสั่งให้คุณทำอะไรเหรอ คุณถึงได้แต่รับทราบคำเดียว เหมือนกับว่าคุณกลัวมันมากอย่างนั้นแหละ”
“เขาเป็นเจ้านายของฉันค่ะ” หญิงสาวจำต้องพูดปด เพราะแท้ที่จริงแล้วทางปลายสายเป็นเจ้านายของแม่เธอมากกว่า
“เหรอ ผมฟังแล้วหงุดหงิดมากเลยที่นางฟ้าของผมโดนข่มขู่ ไม่ชอบเลยบอกตรงๆ เอาเป็นว่าคุณมาทำงานกับผมดีกว่านะ”
“คุณ!” ลลิลลิตาเองก็ตกใจไม่น้อยที่ชายหนุ่มตัดสินใจฉับพลันโดยไม่ถามความสมัครใจเลยสักนิด แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ทำตามอำเภอใจ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอจะต้องทำเกี่ยวกับทายาทคนใหม่ของเวย์ริงตัน มีคนคอยออกคำสั่งอยู่ก่อนแล้ว
“เรียกผมว่าแซคกี้ ก็ได้”
“ค่ะ แซคกี้”
“ตกลงมาทำงานกับผมนะ ผมกำลังต้องการเลขาที่รู้ใจ” ชวนอย่างเดียวไม่พอ มือหนายังเลื่อนมากุมมือเรียวบางที่หญิงสาววางไว้บนตักอีกด้วย
“ฉันว่าเป็นเลขาที่รู้งานอย่างเดียวก็พอมั้ง”
“ไม่ๆ ผมว่าแค่รู้งานใครๆ ก็ทำได้ แต่รู้ใจมีคนเดียวเท่านั้น” แซคคิโอถือวิสาสะยกมือเรียวบางขึ้นจุมพิตอย่างอ่อนโยน ทำเอาว่าที่เลขาตกใจ รีบจะดึงมือออกแต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อเขายังกุมไว้แน่น
“นางฟ้า รู้ไหมว่าผมดีใจที่สุดที่หาคุณเจอ” น้ำเสียงที่พูดทุ้มนุ่มน่าฟังเสียจนลลิลลิตาหายใจไม่ทั่วท้องกับสัมผัสแสนอ่อนโยนและคำพูดที่แสดงถึงความจริงใจอย่างเห็นได้ชัด
“ปล่อยมือเถอะค่ะ คุณขับรถจะไม่สะดวก”
“ลิลลี่ คุณคือนางฟ้าของผม รู้ไหมว่าผมเฝ้ารอวันนี้มานานแค่ไหน ถึงมันจะแค่หนึ่งเดือนที่ผมใช้เวลาตามหาคุณ แต่ผมก็รู้สึกว่ามันยาวนานราวกับชั่วชีวิตของผมเลย”
ยิ่งฟัง ลลิลลิตายิ่งหายใจไม่ทั่วท้อง โอเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเขาทำเหมือนกับว่ากำลังตกหลุมรักเธออย่างหัวปักหัวปำ ทั้งที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วนี่ถ้าเขารู้ว่าเธอไม่ได้คิดจริงจังกับเขา นอกจากจะหลอกให้เขาคายความลับเรื่องของคนทั้งสองที่หายตัวไป เขาจะเจ็บช้ำเสียใจมากน้อยแค่ไหนหรืออาจเจ็บแค้นเคืองขุ่นจนไม่อาจให้อภัยกันได้
“นางฟ้าของผม”
ลลิลลิตาถึงกับสะดุ้งตื่นจากความคิด เมื่อมือหนายกขึ้นสัมผัสแก้มอย่างอ่อนโยน เธอเหลียวมองไปรอบๆ บริเวณที่รถแล่นมาจอดซึ่งมีทิวของต้นเมเปิ้ลปลูกเรียงรายไปตามสองข้างทางของถนนลาดยาง บนเนินสูงเป็นป้ายสลักชื่อเหนือหลุมฝังศพ แสงสีส้มอ่อนกำลังจะลาลับขอบฟ้าแล้วมีสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำเข้ามาแทนที่ ก้อนเมฆสีเทาลอยเกลื่อนราวกับจะมีพายุฝนตามมา
“สุสานแกรนเด้ คุณมาที่นี่ทำไมคะ”
“ผมอยากมารำลึกความหลัง ผมจำมาตลอดเลยว่าวันนั้นคุณเหมือนนางฟ้าที่มาช่วยชีวิตผมไว้ได้ทัน ทำให้ผมคิดว่าจะตอบแทนบุญคุณคุณยังไง แต่พอถามที่อยู่เพื่อจะติดต่อกลับ คุณกลับบอกให้ผมเชื่อในโชคชะตาและพรหมลิขิต แล้วผมจะหาคุณเจอ” คำพูดที่ดูแสนซื่อกับน้ำเสียงสุภาพแสนอ่อนโยนของอดีตบอดี้การ์ดหนุ่มทำให้ลลิลลิตานิ่งอึ้งทำอะไรแทบไม่ถูก แม้เมื่อปากหยักได้รูปโน้มลงมาประกบกลีบปากสีชมพูอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน เธอก็ยังหลับตาพริ้มยอมให้ร่างสูงใหญ่ได้รั้งเธอให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแทน
“ลิลลี่ จูบของคุณหวาน หอมเหมือนดอกลิลลี่ไม่มีผิดเลย” ร่างสูงใหญ่กระซิบบอกอยู่ตรงกลีบปากสีหวานด้วยความพึงพอใจในจูบแรกที่ได้จากหญิงสาว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉาบอยู่ในดวงตาเพียงชั่วครู่ก่อนเลือนหายเมื่อบอกตัวเองว่าเขาจะต้องได้มากกว่าจูบนั่นก็คือความสาว!
“ปล่อยเถอะค่ะ” คนถูกกอดพยายามผลักไสตัวเองออกจากอ้อมแขนที่ดูจะทรงพลังอำนาจอย่างมาก เพราะทำเธอแทบหมดแรงอ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งโดนลนไฟจนหลอมละลาย
“นางฟ้าของผม”
“เรียกฉันว่าลิลลี่เถอะค่ะ”
“ไม่ คุณเป็นนางฟ้าของผม จะให้ผมเรียกอย่างอื่นทำไม” คนพูดหน้าบึ้งแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างเพรียวออกจากอ้อมแขน พลางกดจมูกลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลไหม้ที่นุ่มราวแพรไหมด้วยอารมณ์พิศวาสที่เริ่มคุกรุ่นขึ้น
“แต่” พูดได้แค่นั้นปากก็ถูกประกบปิดแล้วลิ้นร้อนชื้นก็แทรกเข้ามาอย่างเร่าร้อน
“ลิลลี่ คุณคือนางฟ้าของผม” เสียงทุ้มกระซิบบอกอยู่ตรงกลีบปากที่เขาขบเม้มแระเล็มอย่างอ่อนหวาน ก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะเลื่อนมาซุกไซ้อยู่ตรงซอกคอขาวผ่องกำลังจะเลื่อนลงไปยังเนินอกสล้างที่มือหนาเพิ่งจะปลดกระดุมเม็ดบนออก ก็ถูกมือเรียวสวยผลักออก
“อย่า!” ลลิลลิตาห้ามเสียงสั่น เธอแทบหายใจหายคอไม่ทันเมื่อเขาประกบปากลงจูบแบบไม่ให้เธอได้ตั้งตัวทัน อยากจะบ้าตายจริงๆ นี่แค่เจอกันวันแรกเขาก็จู่โจมเธอถึงขนาดนี้ แล้วถ้าวันต่อๆ ไปล่ะเธอจะหนีเขาพ้นไหม เขาจะจับเธอขึ้นเตียงเลยหรือเปล่า หญิงสาวได้แต่นึกระแวงจนอยากจะร้องไห้เพราะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นแผนที่วางไว้คงล้มเหลวไม่เป็นท่า แล้วแม่ก็คงจะผิดหวังที่เธอยังตามหาพ่อไม่เจอ นางนกต่อแสนสวยจึงฝืนใจโอนอ่อนผ่อนตามแบบคนไม่เคยถูกจูบเลยสักครั้ง
แซคคิโอนึกฉงนกับจูบของหญิงสาวที่ดูเหมือนว่าจะเงอะๆ งะๆ ไม่ประสีประสาเลยสักนิด ราวกับว่าไม่เคยจูบกับใครมาก่อน อีกทั้งอาการปัดป้องราวกับไม่ต้องการให้เขาถูกเนื้อต้องตัวมากไปกว่านี้ ทำให้เขาเริ่มมองว่า นี่คือมารยาสาไถยของผู้หญิงที่ไม่จริงใจและต้องการมาหลอกล่อให้เขาตายใจ เขาอยากจะเตือนออกไปนักว่าถ้าคิดผิดก็ให้คิดใหม่ คนอย่างเขาถ้าใครกล้ามาลูบคม เขาก็จะทำให้คนคนนั้นกลายเป็นคนตายซากกลับไปเลย