รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ยอดสวาทจอมเถื่อน ,อรอร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยอดสวาทจอมเถื่อน“นางฟ้า คิดอะไรอยู่เหรอ” คนเจ้าแผนการถามขึ้นอย่างอ่อนโยน พลางไล้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ลงมาเกะกะแถวผิวหน้า แล้วหยิบเส้นผมให้พ้นจากแก้มและปลายจมูกอย่างแผ่วเบา ทำเอาลลิลลิตานั่งตัวแข็งแทบไม่อยากจะหายใจ
“ผมขอโทษนะที่ทำอะไรรุ่มร่าม แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ เป็นเพราะผมดีใจ ดีใจที่หาคุณเจอ บอกตรงๆ เลยว่าแต่ก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตาพรหมลิขิต แต่หลังจากวันนั้นผมมุ่งมั่นกับคำคำนี้มาก คิดว่าจะต้องทำให้สำเร็จ แล้วในที่สุดผมก็เจอคุณ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมดีใจได้ยังไง ถ้าเป็นเด็กๆ ผมคงลงไปกระโดดโลดเต้นแล้ว”
“ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะดีใจขนาดนี้ แต่คุณหาฉันเจอได้ยังไงคะ”
“ผมบอกรูปร่างหน้าตาให้นักวาดรูปสเก็ตคุณออกมาคร่าวๆ แล้วแจกจ่ายให้นักสืบตามหาทั่วประเทศ ใครหาเจอก่อนมีรางวัลหนึ่งแสนยูโร” ลูกบุญธรรมของเวย์ริงตันโกหกได้อย่างไหลลื่น เพราะแท้จริงแล้วหลังจากที่เขาได้รูปถ่ายกับเบอร์โทร เขาก็ใช้ดาวเทียมตามจากเบอร์โทรศัพท์ของหญิงสาวทำให้เขารู้ว่าลลิลลิตาเป็นลูกของจิมมี่ เซอจิโอตามที่เคยสงสัยไว้ไม่มีผิด
“คุณจำหน้าตาฉันได้ด้วยเหรอ”
“ได้สิ ผมแค่บอกว่าคุณสวยเหมือนนางฟ้า เขาก็วาดออกมาได้เหมือนเปะเลย”
ลลิลลิตาร้อนผ่าวที่แก้มสองข้างเพราะขัดเขินกับคำพูดและดวงตาคมบาดใจที่ดูจะไม่ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงกับเธอเลยสักนิด จนลืมไปว่าคำพูดของชายหนุ่มดูจะขาดความน่าเชื่อถือและความเป็นไปได้ หญิงสาวจึงได้แต่ร้องอ๋ออยู่ในใจ แบบนี้นี่เองที่แดเนียล กอนซาโล่ถึงมั่นใจนักหนาว่าแซคคิโอจะต้องตามหาเธอเจอ
“คุณเก่งนะคะ”
“ต้องเก่งสิ ผมอยากเจอคุณก็ต้องทำให้ได้ ว่าแต่คุณบอกให้ผมเชื่อเรื่องโชคชะตาพรหมลิขิต แล้วคุณคิดบ้างหรือเปล่าว่า ผมจะหาตัวคุณเจอด้วยวิธีไหน” คนถามรอคำตอบด้วยการสบดวงตาคู่สวย แต่คำตอบที่ได้ก็คือ
“ไม่ได้คิดหรอกค่ะ ฉันแค่จำมาจากหนังเรื่องหนึ่ง” ลลิลลิตาต้องหลบสายตาลงพื้นเพราะกลัวจะโดนจับผิด จริงๆแล้ว เรื่องนี้นายใหญ่กอนซาโล่เป็นคนสั่งให้เธอตอบแบบนั้นซึ่งเธอยังคิดว่ามันไม่เข้าท่าเลยสักนิด เพราะมันผิดวิสัยคนเอาแต่ใจ ไม่น่าจะใจเย็นรอ ทั้งที่สามารถเข้าถึงตัวชายหนุ่มได้ก็น่าจะลักพาตัวไปสอบถามเค้นหาความจริงได้ แต่นาโช่กับชิโลห์ก็บอกว่าอดีตบอดี้การ์ดเป็นทหารหน่วยรบพิเศษมาก่อน เรื่องจะคายความลับง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ เลยต้องวางแผนให้รัดกุม
“เข้าใจคิดนะ ถามจริงๆ เถอะ คุณบอกกับคนอื่นแบบนี้ไปกี่คนแล้ว”
“คุณเป็นคนแรกค่ะ”
“ผมหวังว่าตัวเองจะเป็นคนแรกและเป็นคนเดียวของคุณนะนางฟ้า”
“ค่ะ ขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบาก แต่ฉันต้องเข้าเวรตอนหกโมงนะแซคกี้” ลลิลลิตาต้องเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากโดนจับผิดให้มากกว่านี้ เธอยกข้อมือเรียวบางขยับนาฬิกาดูเพื่อให้ชายหนุ่มรู้ว่าเขาสมควรพาเธอไปส่งที่ทำงานได้แล้ว
“เมื่อกี้ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะมาเป็นเลขาให้ผม”แซคคิโอถามเสียงเรียบกลับไป เพราะถึงอย่างไรเขาได้ลูกไก่ขนงามไว้ในมือแล้ว ไม่มีวันที่จะปล่อยกลับคืนสู่เล้าโดยไม่ได้ถอนขนกินอย่างเด็ดขาด
“แต่ฉันต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้าสามเดือน ไม่อย่างนั้นฉันจะโดนยึดเงินประกัน”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมสั่งเลขาจัดการให้”
ลลิลลิตาเลยได้แต่นั่งอึ้งเพราะไม่ว่าจะแย้งอะไรไป ก็ดูเหมือนว่าเขาเตรียมแก้ไขปัญหาให้เธอเรียบร้อย
“ลงมานี่เถอะ” ร่างสูงใหญ่เดินอ้อมมาเปิดประตูด้านที่หญิงสาวนั่ง จากนั้นจับข้อมือเรียวบางให้ลงมายืน แล้วพาเดินไปตามทางที่ร่มรื่นด้วยร่มเงาของต้นเมเปิ้ลที่ขึ้นอยู่สองข้างทาง
“ผมยังจำได้นะก่อนที่จะถูกยิง ผมเห็นคุณเอาดอกไม้มาวางหน้าหลุมฝังศพ ยังคิดอยู่ว่าต้องเป็นญาติสนิทของคุณแน่ๆ”
“ค่ะญาติ” หญิงสาวตอบเสียงเบาพลางลอบถอนหายใจ เพราะไม่สามารถบอกออกไปได้ว่าหลุมฝังศพที่เธอเอาดอกไม้ไปวางนั้น เธอไม่ได้รู้จักเลยสักนิด แต่มันอยู่ในแผนการเพื่อหลอกล่อเขา แต่อีตาบ้าคนนี้ก็ช่างซักช่างถามช่างสังเกต ช่างสมกับที่เคยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษจริงๆ ลลิลลิตาพึมพำด่าเขาในใจ
“แล้วคุณไม่อยากแนะนำผมให้รู้จักญาติของคุณหน่อยเหรอ”
“อย่าเลยค่ะ ฉันว่าเรากลับกันดีกว่านะคะ ฝนทำท่าจะตกด้วย” คนกลัวฝนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กลุ่มเมฆสีเทาลอยต่ำจนมืดครึ้มด้วยความหนักใจ แต่สิ่งที่ทำให้เธอหนักใจในตอนนี้ก็คือแซคคิโอ ทายาทคนใหม่ของเวย์ริงตัน เขาทำตัวเหมือนกำลังสอบสวนคดีสำคัญเลยทีเดียว
“ยังไม่ตกหรอก ผมอยากให้คุณรู้จักใครบางคนก่อน”
“ใครคะ เอาไว้วันหลังไม่ได้เหรอ”
“วันนี้แหละดีที่สุด มันเป็นวันเริ่มต้นของเรา ผมเลยอยากแนะนำให้คุณรู้จักกับผู้มีพระคุณคนแรกของผม” แซคคิโอยิ้มให้เหยื่ออันโอชะของเขาที่ดูจะงุนงงกับคำพูดของเขาไม่ใช่น้อย
“คุณสเตฟานเป็นผู้ชุบเลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่งตั้งให้ผมเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของท่าน ตอนนี้ท่านอยู่บนสวรรค์เพราะไม่มีอะไรต้องห่วง ลูกสาวสุดที่รักมีผู้ชายที่แสนดีคอยดูแลยิ่งกว่าไข่ในหินจนผมหมดหน้าที่จากตรงนั้นไปเลย” ใบหน้าคมเข้มระบายไปด้วยรอยยิ้มยามนึกถึงว่าที่คุณแม่ซึ่งจะคลอดในอีกสามเดือนข้างหน้า ที่เขาไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมบ่อยนัก เพราะไม่อยากตกเป็นต้นเหตุให้โรมัน เวย์ริงตันกลายเป็นคนขี้หึงเกินเหตุ
“ส่วนผมท่านก็ยังเมตตาแบ่งมรดกให้ผมหลายร้อยล้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าผมเหมือนลูกของท่านคนหนึ่งทั้งที่ผมคิดว่ายังตอบแทนบุณคุณท่านได้ไม่หมดด้วยซ้ำ”
“คุณคงรักท่านมาก”
“แน่นอน ท่านเหมือนพ่อบังเกิดเกล้าของผม ผมเคยบอกท่านไว้ว่าสามารถตายแทนท่านได้ หรือพร้อมจะล้างแค้นให้ท่านถ้ารู้ว่าใครคนนั้นทำร้ายให้ท่านต้องเจ็บปวด” ร่างสูงใหญ่มาหยุดยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพที่ป้ายหินอ่อนสีขาวถูกนำมาติดใหม่อีกครั้ง
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ ถ้าพ่อของฉันมีอันต้องเป็นไปโดยไม่มีความผิด ฉันก็จะตามจัดการคนคนนั้นให้ถึงที่สุด” ลลิลลิตาบอกความนัยเผื่อชายหนุ่มจะคิดได้ว่าเธอเป็นใคร เพื่อที่เขาจะได้คายความลับออกจากปากโดยที่ไม่ต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อเกิดขึ้น
“คุณจะเอาอะไรไปจัดการ ตัวแค่เนี้ย” ใบหน้าคมเข้มที่รกเรื้อไปด้วยหนวดเคราก้มลงถามคนตัวเล็กที่ยืนเคียง
“คุณคงไม่รู้ว่าฉันเคยเป็นนักกีฬายิงปืนสมัครเล่นมาก่อน แถมยังเคยหัดมวยไทยด้วย”
“ว้าว ผมก็เป็นนะมวยไทย แต่คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะลิลลี่ ต่อนี้ไปผมจะคุ้มครองคุณเอง” ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นโอบไหล่บอบบางพลางลูบมือเบาๆ ราวกับจะบอกว่าต่อนี้ไป เขาจะปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยให้อย่างดีที่สุด
“เพราะฉะนั้นถ้าใครข่มขู่หรือทำร้ายคุณ ขอให้บอก ผมจะจัดการให้เอง”
เป็นอีกครั้งที่คำพูดแสนซื่อทำให้ลลิลลิตาต้องสะอึก อยากจะบอกออกไปนักว่าให้เขาเอาไว้คุ้มครองตัวเองดีกว่า เพราะถ้าเขายังไม่ยอมบอกที่ซ่อนของพ่อกับร็อคโค มีหวังได้เจ็บตัวอย่างแน่นอน
“คุณรู้ไหมว่าป้ายบนหลุมฝังศพ เป็นป้ายที่ห้าแล้วเพราะโดนคนมือบอนมาพ่นสีใส่เพื่อเรียกหาความยุติธรรม ผมก็ไม่รู้นะว่าเขาต้องการอะไรกับคนตาย แทนที่จะไปบอกกับคนที่เกี่ยวข้อง”
“เหรอคะ แล้วคุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้มีใครเกี่ยวข้องบ้าง” ลลิลลิตาถามหยั่งเชิง ในขณะที่สีหน้ากับแววตามีแต่ความใสซื่อบริสุทธิ์เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มสงสัยในคำถาม
“ผมก็ยังงงอยู่นะว่า เขาต้องการความยุติธรรมจากใคร เอาไปให้ใคร” พูดแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าคมเข้มส่ายไปมาทำราวกับว่าเป็นเรื่องที่ลึกลับซับซ้อนที่ยากเกินจะคาดเดา
“แต่ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย ผมอยากให้คุณรู้จักนายท่านมากกว่า” ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพ มือก็ยังกุมมือเรียวบางไว้แน่น
“นายท่านครับ ผมพาคนรู้ใจมาแนะนำให้นายท่านรู้จัก เธอชื่อลลิลลิตา ภานุศรีหรือลิลลี่ เธอช่วยชีวิตผมจากคนร้ายได้อย่างหวุดหวิด ไม่อย่างนั้นผมคงตามไปเจอนายท่านบนสวรรค์แล้ว” อดีตบอดี้การ์ดผายมือมาทางร่างเพรียวที่ยืนนิ่ง หญิงสาวแทบทำอะไรไม่ถูกกับคำแนะนำตัวเธอต่อหน้าหลุมฝังศพ
“ทำความเคารพนายท่านซะสิ” ร่างสูงใหญ่หันมาสั่งเสียงเรียบ แต่หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกบังคับกลายๆ แต่เมื่อเขาค้อมศีรษะลงคำนับหลุมฝังศพอย่างนอบน้อม ทำให้ลลิลลิตาต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ยินดีที่รู้จักค่ะท่าน” ลลิลลิตาค้อมศีรษะลงอย่างจริงใจ ถือโอกาสขอโทษที่ก่อนหน้านี้เธอต้องรับหน้าที่พ่นสีสเปรย์ใส่ป้ายหินอ่อน โดยมีนาโช่คอยดูต้นทาง
แซคคิโอมองภาพหญิงสาวทำความเคารพหลุมฝังศพด้วยความพอใจ เพราะเขาเคยสัญญาไว้ว่าจะหาคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาคำนับขอโทษให้ได้ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นมือพ่นสีสเปรย์ที่แท้จริง แต่อย่างน้อยลลิลลิตาก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อยู่ดี
“ถ้านายท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะต้องยิ้มแล้วบอกว่าเพื่อนของแกน่ารักมากแซคกี้” อดีตบอดี้การ์ดบอกด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ทำราวกับว่าเขากำลังมีความสุขกับช่วงเวลานี้ที่สุด
“ขอบคุณนะคะท่าน” หญิงสาวหันไปบอกกับป้ายหลุมฝังศพอีกครั้งทำให้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นด้วยความขบขัน
“ขำอะไรคะ”
“ขำที่คุณพูดกับป้ายหลุมฝังศพ”
“หมายความว่ายังไง ก็คุณบอกให้ฉันทำความเคารพท่าน แล้วคุณเองก็ยังพูดแนะนำเป็นตุเป็นตะ ทีนี้จะมาหัวเราะเยาะฉันทำไม” ลลิลลิตาถามเสียงแหว ยกมือขึ้นเท้าเอวด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะปรายตาค้อนด้วยความหมั่นไส้
“เปล่าๆ ผมไม่ได้หัวเราะเยาะคุณ แต่ผมขำดีใจที่คุณยอมทำตามผม”
“ฮึ! ช่างเป็นข้อแก้ตัวที่แย่มากๆ” หญิงสาวต่อว่าเสียงสะบัดก่อนจะถามออกไป
“ถ้าอย่างนั้นเราจะกลับกันได้หรือยัง”
“ยัง ผมมีอะไรจะบอกคุณต่อหน้านายท่านของผม”
“คุณไม่มีคนอื่นให้บอกเหรอแซคกี้” ลลิลลิตาถามออกไปอย่างเหลืออด เพราะเมฆฝนเริ่มมืดครึ้มมากขึ้น แล้วเธอเองก็ไม่ชอบอยู่ในสุสานตอนมืดๆ ค่ำๆ เพราะมันแลดูน่ากลัวกว่าปกติ
“เคยมี แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เอาน่าเดี๋ยวเดียวเอง” น้ำเสียงออดอ้อนกับแววตาสดใสทำให้หญิงสาวต้องสูดหายใจจนลึก แล้วบอกตัวเองว่าอย่าได้คิดหลงใหลกับหน้าตาท่าทางที่หล่อเหลาราวเทพบุตรของอดีตบอดี้การ์ดนั่นเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เธอเจ็บปวดและทำงานได้ไม่เต็มที่
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกสิ จะได้กลับ ฝนก็จะตกแล้วด้วย”
“โอเค ผมตั้งใจว่าจะตอบแทนความดีของคุณให้ถึงที่สุดนะนางฟ้า เหมือนที่คุณโรมิโอตอบแทนให้ผม”
“หมายความว่ายังไงคะ แล้วคุณโรมิโอตอบแทนอะไรคุณ” ลลิลลิตาถามด้วยความสงสัย หลังเริ่มรู้สึกว่าถูกชายหนุ่มรุกหนักและเธอเป็นฝ่ายล่าถอยเข้ามุมแทน
“ผมจะแต่งงานกับคุณนางฟ้า”
“อะไรนะ ไม่นะ!” ลลิลลิตาอุทานเสียงสั่น เธอถอยหลังหนีด้วยความตกใจแต่มือหนาก็รั้งข้อมือไว้แน่น
“ทำไมต้องปฏิเสธด้วย ในเมื่อโชคชะตาพาเราสองคนให้มาเจอกันแล้ว คุณพูดเองไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ เอ้ย ใช่ฉันพูดเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องแต่งงานกัน”
“แต่ผมอยากตอบแทนบุญคุณที่คุณช่วยชีวิตผมเอาไว้” แซคคิโอพูดหน้าตาเฉย แววตาสีน้ำเงินเข้มมองสบดวงตาสีน้ำตาลอย่างจริงใจ แต่มุมปากปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพียงครู่ ก่อนจะเลือนหายไปในชั่วพริบตาบอกตัวเองว่าในตอนนี้เขาอยากรู้ที่สุดว่านางฟ้าแสนสวยจะหาทางหนีทีไล่อย่างไร
ฮึ! เล่นกับใครไม่เล่น มาคิดล่อลวงเขา ดูกันไปว่าใครกันแน่ที่จะต้องคายความจริงออกมาก่อน
“การตอบแทนไม่จำเป็นต้องแต่งงานนี่คะ”
“ผมว่าถ้าตอบแทนด้วยเรื่องอื่นมันธรรมดาไป ดูอย่างคุณโรมัน เวย์ริงตันสิ ผมช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขายังตอบแทนผมด้วยการชุบเลี้ยงให้ผมเป็นน้องบุญธรรมเขา มีสิทธิ์มีเสียงในการบริหารงานอย่างเต็มที่รวมไปถึงเรื่องเงินทองด้วย”
“แต่ฉันไม่ได้เรียกร้อง” ลลิลลิตาเริ่มใจไม่ดี รู้สึกว่าผิดแผนการที่แดเนียล กอนซาโลวางไว้ นี่ถ้าเขาจับเธอแต่งงานด้วย เธอคงเป็นบ้าสติแตกเพราะทนไม่ได้ที่จะได้ผู้ชายที่ทำร้ายพ่อของเธอมาเป็นสามี
“ไม่ได้เรียกร้องก็ไม่เป็นไร ผมจัดให้เอง” คนใจดีจูงข้อมือเรียวบางให้เดินออกจากบริเวณหลุมฝังศพ ใบเมเปิ้ลสีส้มถูกลมพัดปลิวจนร่วงลงพื้น บางส่วนที่พื้นก็เริ่มลอยปลิวเมื่อกระแสลมเริ่มแรงขึ้น
“สงสัยฝนจะตก”
“ก็ใช่น่ะสิ เพิ่งจะรู้หรือไง”ลลิลลิตาหันไปต่อว่าด้วยความโมโห เธอเดินแกมวิ่งไปยังรถสปอร์ตคันหรูโดยมีร่างสูงใหญ่วิ่งตาม ลมแรงจนฝุ่นผงฝุ่นละอองลอยปลิวพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่นตามด้วยสายฝนที่ตกพรั่งพรูเป็นสายสีขาว ทำให้หนุ่มสาวทั้งสองที่เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถถึงกับตัวเปียกโชกและหนาวสั่น