รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ยอดสวาทจอมเถื่อน ,อรอร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยอดสวาทจอมเถื่อน“นางฟ้า มีอะไรให้ผมช่วยไหม” คำถามของคนบ้าทำให้คนที่นั่งนิ่งต้องส่ายหน้าปฏิเสธความช่วยเหลือทั้งหมด
“โอเค ถ้าอย่างนั้นแม่คุณทำงานอะไร”
“คนรับใช้”
“ไม่สบายด้วยใช่ไหม” คนอยากรู้ถามไปจากเบาะด้านหน้า
“ค่ะ สุขภาพไม่ค่อยดี” ลลิลลิตาบอกเสียงสั่นด้วยความสงสารมารดาที่ป่วยมาหลายปี โดยไม่ได้รับการรักษาเท่าที่ควร เพราะเธอเองก็เพิ่งเรียนจบ ถึงจะทำงานสองแห่งเงินที่ได้ส่วนหนึ่งแบ่งพาแม่ไปหาหมอ อีกส่วนก็ต้องแบ่งไปเสียค่าเรียน ทำให้แม่ได้ยาไม่ต่อเนื่อง
“ได้หาหมอตรวจบ้างไหม”
“ตรวจบ้าง แต่แม่ไม่ค่อยอยากจะไปหาหมอเพราะกลัวต้องเสียเงินเยอะ”
“ให้ผมจัดการเรื่องนี้นะ ไหนๆ ท่านก็จะเป็นแม่ยายผมแล้ว”
ลลิลลิตาแทบจะกรีดร้องหรือโผนเข้าข่วนคนพูดให้เป็นรอย เพราะเขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติทั่วไป
“นะ เราไปรับแม่แล้วพาท่านไปโรงพยาบาลด้วยกันดีกว่า”
“ไม่ต้อง ขอบคุณ ฉันจัดการเองได้ แล้วก็เลิกพูดเรื่องที่คุณจะแต่งงานกับฉันเสียที”
“เลิกพูดทำไม ในเมื่อผมไม่คิดจะเปลี่ยนความตั้งใจ”
“แต่ฉันไม่คิดจะแต่งงานกับคุณ เข้าใจไหม” ว่าที่เจ้าสาวเอ็ดเสียงแหวด้วยความโมโหที่เขายังไม่ยอมจบเรื่องแต่งงาน
“คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ถึงคิดจะแต่งงานกับฉันทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง คุณจะมั่นใจได้ยังไงว่าฉันเป็นคนดี เป็นคนที่คุณรักหรือคนที่คุณจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต”
“ก็เหมาะกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ คุณก็ไม่รู้จักผมดีเช่นกัน แต่เราจะเรียนรู้กันไป เริ่มต้นไปด้วยกันเหมือนเพลง“We’ve Only Just Begun” ของคาร์เพนเตอร์เพลงเก่า แต่ความหมายดี เป็นเรื่องของคนสองคนที่พร้อมจะออกไปเผชิญโลกกว้าง ท่ามกลางพระอาทิตย์ที่ฉายแสงสาดส่องเขาสองคนจะเริ่มต้นไปด้วยกัน” แซคคิโอบอกเสียงทุ้ม เขาจำได้ว่าโรมัน เวย์ริงตันใช้เพลงนี้เป็นเพลงเต้นรำของคืนฉลองวิวาห์ของคนทั้งสอง และโรมันยังพูดถึงเพลงนี้ว่าใช้มันบอกเล่าความในใจที่มีต่อเจ้าสาวคนสวยของเขา
“จะบอกให้ว่า ผู้มีพระคุณคนที่สองของผมก็ไม่ได้รู้จักกับเจ้าสาวมาก่อนด้วยซ้ำ แต่เขาก็พร้อมจะเรียนรู้กันไป”
“แต่ฉันไม่คิดจะแต่งงานกับคุณ” ลลิลลิตายังยืนยันเสียงแข็ง
“แล้วคุณบอกให้ผมเชื่อเรื่องโชคชะตาพรหมลิขิตทำไม รู้ไหมว่ามันหมายถึงคุณต้องการให้ผมตามหาเพื่อที่จะพิสูจน์ความหมายของมัน และเมื่อผมทำสำเร็จนั่นก็หมายความว่าชะตาของเราทั้งสองต้องกัน เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรปฏิเสธผม!” แซคคิโอพูดไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริง เพราะในครั้งแรกที่เขายังไม่รู้ความจริงว่าลลิลลิตาเป็นลูกของจิมมี่นั้น เขาคิดจะสานความสัมพันธ์ไปถึงขั้นแต่งงาน เพราะเชื่อว่าโลกหมุนวนมาพร้อมกับผู้หญิงของเขาแล้วและเขาจะพาเธอเดินไปด้วยกันบนเส้นทางแห่งความรัก
“แต่ฉันไม่ได้หมายถึงการแต่งงาน”
“แล้วคุณทำไปเพื่ออะไร มีเป้าหมายอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม” อดีตบอดี้การ์ดถามเสียงขุ่นจนร่างเพรียวสะดุ้งทำให้เขารู้สึกตัว
ลลิลลิตาเกือบจะหลุดปากบอกไปแล้วว่าใช่ เป้าหมายของเธอก็คือกำลังตามหาพ่อ และเขาคือผู้ต้องสงสัยคนเดียวที่กำความลับเกี่ยวกับการหายตัวของพ่อเอาไว้
“นางฟ้าของผม ฟังนะ สิ่งแรกเลยที่ผมอยากแต่งงานกับคุณก็เพราะคุณช่วยชีวิตผม อย่างที่สองผมสะดุดตาคุณตั้งแต่แรกเห็นในวันนั้นแล้ว ถ้าไม่โดนยิง ผมก็จะเดินไปทำความรู้จักกับคุณ ผมถึงได้พยายามอ้อนวอนให้คุณอยู่กับผมก่อน เพราะผมมีอะไรจะบอกกับคุณเยอะแยะไปหมด แต่คุณก็พูดอยู่คำเดียวว่าถ้าผมเชื่อในโชคชะตาพรหมลิขิต ก็ให้หาคุณให้เจอ มันไม่ได้เป็นการทิ้งท้ายหรอกเหรอว่าถ้าผมหลงรักคุณ ผมต้องหาคุณให้เจอ เพื่อเราจะได้แต่งงานกัน”
หญิงสาวลำคอตีบตันเพราะก้อนสะอื้นที่แล่นมาจุกอยู่แถวลำคอ เป็นเพราะคำพูดที่แสดงออกถึงความรักที่เขามีต่อเธอมันทำให้เธอแทบจะร้องไห้ สงสารชายหนุ่มที่ดูเหมือนว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เธอดักล่อไว้อย่างง่ายดาย โดยที่เขาไม่ได้คิดระแวงเลยสักนิดว่านี่คือแผนหลอกล่อตัวเขา นี่ถ้าเป็นช่วงเวลาของการพบกันแบบปกติ เธอคงจะเปิดใจเพื่อรับความรักความจริงใจเอาเข้ามาไว้ แต่นี่เธอกลับต้องมานั่งเป็นทุกข์เพราะแผนที่วางไว้มันไปไกลเกินกว่าเธอจะรับมือไหว
ร่างสูงใหญ่เปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินไปเปิดประตูด้านหลังเข้าไปนั่งเคียงหญิงสาวที่นั่งเงียบ แต่ตัวสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นจนเขาต้องโอบไว้ในวงแขน
“นางฟ้า ร้องไห้ทำไม หรือว่าซึ้งกับคำพูดของผม”
“บ้า อย่าหลงตัวเองหน่อยเลย ปล่อยฉัน” คนถูกกอดตวาดไล่พลางผลักไสเจ้าของอ้อมกอดด้วยความหมั่นไส้ เธอเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะคำพูดแบบหลงตัวเองของเขา แต่ความอัดอั้นตันใจทำให้เธอต้องกลั้นเอาไว้
“ตกลงเราแต่งงานกันนะ”
“ใส่เสื้อก่อนเถอะค่ะ” มือเรียวสวยส่งเสื้อเชิ้ตของเขาคืน เริ่มไม่ไว้ใจในสถานการณ์ถึงแม้ฝนจะขาดเม็ดลง แต่รถยังสตาร์ทไม่ติด เธอยิ่งต้องระวังตัวให้มากขึ้น
“หิวไหม” เจ้าของเสื้อรับเสื้อมาสวมอย่างเดิม
“หิวค่ะ” คนตอบดีใจที่ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูด
“ผมจะลงไปเปิดรถดูหน่อยว่ามันเสียตรงไหน ถ้าโชคดีมันอาจสตาร์ทติดก็เป็นได้”
“ให้ฉันลงไปช่วยไหม”
“ไม่ต้อง คุณนั่งอยู่บนนี้แหละ ขอแค่กำลังใจก็พอ” ใบหน้าคมเข้มโน้มต่ำลงไปแตะปากที่ผิวแก้มอย่างอ่อนโยนโดยที่หญิงสาวไม่ทันระวังตัว ก่อนจะเปิดประตูออกไป ทิ้งให้ลลิลลิตานั่งอึ้งพูดไม่ออก ได้แต่มองเขาผ่านกระจกหน้าที่มีฝากระโปรงเปิดขึ้น ร่างสูงใหญ่ก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงเครื่องยนต์
เพียงครู่เดียวเขาก็เดินกลับเข้ามานั่งตรงหลังพวงมาลัยแล้วจัดแจงสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง คราวนี้มีเสียงเครื่องดังกระหึ่มขึ้นทำให้หญิงสาวแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจ
“โอเค ได้ไปหาอะไรกินกันแล้ว” เจ้าของรถหันมาบอกคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ก่อนเปิดประตูลงจากรถเพื่อจะไปปิดฝากระโปรงรถจนสนิท
ลลิลลิตามองตามร่างสูงใหญ่ที่อยู่ด้านนอกของรถ พลางคิดหาทางหนีทีไล่ว่าถ้าขับออกไปจากตรงนี้ เขาจะพาเธอไปส่งบ้านหรือไม่ หรือจะพาไปไหนต่อซึ่งเป็นเรื่องที่เธอไม่อยากคาดเดา ในเสี้ยววินาทีนั้นจึงตัดสินใจกระโจนข้ามเบาะมานั่งตรงหลังพวงมาลัย
เครื่องยนต์ถูกสตาร์ทติดอยู่แล้ว หญิงสาวจึงหมุนพวงมาลัยเหยียบคันเร่งพารถแล่นออกจากตรงนั้นทันที ทิ้งให้ร่างสูงใหญ่มองตามพลางส่ายหน้าเอือมระอา แล้วก้าวเดินไปตามถนนอย่างไม่ทุกข์ร้อนที่ต้องถูกทิ้งไว้กลางทาง มีเพียงแสงไฟดวงเล็กจากเสาริมทางสาดส่อง
ขโมยจำเป็นเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปยังประตูรั้วของสุสาน พลางมองกระจกส่องหลังด้วยความเป็นห่วง ร่างสูงใหญ่ก้าวเดินตามหลังมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน คล้ายจะรู้ว่าเธอจะต้องกลับไปรับอย่างแน่นอน
“ไม่ เราจะไม่กลับ พอกันที แม่ก็บอกให้เราถอนตัวจากเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะอยู่ให้ห่างเขาเป็นดีที่สุด” คิดได้แบบนั้นทำให้หญิงสาวเหยียบคันเร่งหนี
“แล้วพ่อล่ะ จะปล่อยให้พ่อหายสาบสูญไปจากโลกนี้โดยที่เราไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ” ความคิดนี้ทำให้ลลิลลิตาต้องเบาคันเร่ง สุดท้ายเข้าเกียร์ถอยหลังเพื่อกลับมารับเจ้าของรถอีกครั้ง บอกตัวเองว่าอะไรจะเกิดก็เกิด ขอเพียงให้รู้ความจริงเกี่ยวกับพ่อก็เป็นพอ
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จุดขึ้นบนเรียวปากหยักได้รูปด้วยความพอใจ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างชัดเจนยามรถสปอร์ตคันหรูของเขาถอยหลังมาหา
“ขึ้นมาสิ ฉันจะเป็นคนขับเอง” หญิงสาวร้องบอกไปทางหน้าต่างที่เจ้าของรถก้มลงมอง
“อย่าเลย ผมขับเองดีกว่า” บอกแล้วก็เปิดประตูรถจนกว้าง
“แต่คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะปล่อยฉันกลับบ้าน”
“ไม่สัญญา เพราะผมหิว แล้วถ้าคุณดื้อ ผมจะกินคุณแทน แล้วก็กินตรงนี้เลยด้วย” คำขู่จากน้ำเสียงเรียบๆ ทำให้ร่างเพรียวจำต้องย้ายไปนั่งบนเบาะด้านข้างแทน ปล่อยให้เจ้าของรถได้ขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัย
“ขอบคุณที่เปลี่ยนใจกลับมารับผมนะ แต่ทีหลังอย่าทำกับผมแบบนี้อีก” มือหนารั้งร่างหอมกรุ่นเข้ามาจนชิดแล้วกระชับมือไว้ตรงต้นคอเพื่อไม่ให้ร่างเพรียวได้หนีไปไหนพ้น จากนั้นฉกเรียวปากลงบดขยี้ด้วยความเร่าร้อน ปลายลิ้นร้อนเกลี่ยไล้ไปตามกลีบปากละมุน เขาเบียดบดเน้นหนักเรียกร้องในสิ่งที่หญิงสาวทำกับเขา ส่งลิ้นหนาเข้าไปสั่งสอนด้วยการเกี่ยวกระหวัดลิ้นเรียวเล็กราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่าง
แต่พอมั่นใจว่าคนถูกจูบไม่ได้ประสีประสากับเรื่องจูบเลยสักนิด หลังเข้าใจผิดว่าเมื่อกี้ที่เขาจูบนั้นเป็นมายาสาไถยของผู้หญิง เขาจึงผ่อนความเร่าร้อนลงจนกลายเป็นความอ่อนโยน เมื่อรู้สึกภูมิใจที่ได้จูบหญิงสาวเป็นคนแรก นี่คงไม่เคยจูบกับใครเลยสักครั้งถึงได้ไม่เป็นประสีประสาเลยสักนิด สงสัยจะต้องสอนกันทั้งคืนแล้วละมั้ง แต่คนที่กำลังคิดจะสอนบทจูบให้กับหญิงสาวกลับรู้สึกเจ็บร้าวที่แก้มกับแรงตบของลูกศิษย์ที่เหวี่ยงออกมาสุดแรง
เพียะ!