“บ้า ทุเรศที่สุดไอ้คนเฮงซวย ก็ลองดูสิ ฉันจะกัดลิ้นของคุณให้ขาดเลย” “ไม่เป็นไร ผมใช้ลิ้นกับส่วนอื่นของคุณก็ได้”เจ้าของเรือนกายล่ำบอกหน้าตาเฉย พลางแสร้งไล่สายตาสำรวจเรือนร่างงดงามด้วยแววตากรุ้มกริ่ม “ตรงไหนก่อนดีนะ!”
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,เจ้าบ่าวจอมมาร,อรอร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เจ้าบ่าวจอมมาร“บ้า ทุเรศที่สุดไอ้คนเฮงซวย ก็ลองดูสิ ฉันจะกัดลิ้นของคุณให้ขาดเลย” “ไม่เป็นไร ผมใช้ลิ้นกับส่วนอื่นของคุณก็ได้”เจ้าของเรือนกายล่ำบอกหน้าตาเฉย พลางแสร้งไล่สายตาสำรวจเรือนร่างงดงามด้วยแววตากรุ้มกริ่ม “ตรงไหนก่อนดีนะ!”
โรมัน เวย์ริงตันซีอีโอแห่งเวย์ริงตันกรุ๊ปผู้นำทางด้านโทรคมนาคมแห่งประเทศเอสเตน่า เขาตกปากรับคำจากบิดาบังเกิดเกล้าให้เข้าสู่ประตูวิวาห์กับว่าที่เจ้าสาวซึ่งเป็นทายาทของตระกูลรัทเทอร์ฟอร์ด เรื่องจะไม่ยุ่งถ้าว่าที่เจ้าสาวจะไม่คิดหนีออกจากกรงทอง ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง วิธีเดียวที่จะมัดเธอให้อยู่หมัด ว่าที่เจ้าบ่าวจึงต้องทำตัวจอมมาร ด้วยการจับเธอให้นอนอยู่ภายใต้อกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแล้วเรียนรู้บทรักที่ร้อนแรงจากเขาแทน
ดานิกา รัทเทอร์ฟอร์ด ทายาทสุดรักสุดหวงของสเตฟาน รัทเทอร์ฟอร์ดผู้ปฏิเสธการเป็นเจ้าสาวของผู้ชายที่เธอปรามาสว่าเขาสิ้นคิดเพราะหมดหนทางที่จะหาเจ้าสาวด้วยตัวเอง จึงคิดหนีออกจากกรงทองที่สวยหรู และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย เมื่อผู้ที่ช่วยเหลือเธอนั้นคือโจรร้ายกำมะลอที่พาเธอหนีการไล่ล่าจากเหล่าบอดี้การ์ดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาพาเธอหนีมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เธอไม่อาจหนีจากกรงเล็บของเสือร้ายที่เริ่มต้นสอนบทรักที่เร่าร้อนให้กับเธอในคืนแรกที่เจอกัน
“คุณจะทำอะไร”คนใต้ร่างแข็งใจถามเสียงสั่นด้วยความหวาดระแวง
“เมคเลิฟ”โรมันบอกเสียงทุ้ม นัยน์ตาสีฟ้าส่องประกายหวานละมุนยามบอกตัวเองว่าขอเป็นคนเห็นแก่ตัวก่อนจะเข้าพิธีวิวาห์ด้วยการสอนบทเรียนรักให้สาวน้อยร้อยชั่งคนนี้สักบทสองบท
“ไม่นะ คุณมันบ้า ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ไหนๆทำไปแล้ว ผมก็จะทำอีก”บอกแล้วก็ตรึงสองมือไว้กับข้อมือเรียวสวยให้เหยียดขึ้นเหนือศีรษะ พลางแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางเรียวขาสองข้าง
“บ้า ทุเรศที่สุดไอ้คนเฮงซวย ก็ลองดูสิ ฉันจะกัดลิ้นของคุณให้ขาดเลย”
“ไม่เป็นไร ผมใช้ลิ้นกับส่วนอื่นของคุณก็ได้”เจ้าของเรือนกายล่ำบอกหน้าตาเฉย พลางแสร้งไล่สายตาสำรวจเรือนร่างงดงามด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
“ตรงไหนก่อนดีนะ!”
สุภาพบุรุษร่างสูงสง่าในชุดสากลสีน้ำเงินเข้มยืนหันหน้ามองออกไปยังตึกสูงเสียดฟ้าหลายหลังซึ่งตั้งเรียงรายอยู่ด้านนอกของตัวอาคารเวย์ริงตันกรุ๊ปกลางใจเมืองเซโล่ ประเทศเอสเตน่าประเทศเล็กๆทางฝั่งยุโรปค่อนไปทางเหนือ อากาศภายนอกกำลังอบอุ่นสบายเมื่อแสงแดดอ่อนๆทอดจับไปตามตัวอาคารสูงที่ร่องรอยของความหนาวเย็นเพิ่งจะผ่านพ้น เกล็ดหิมะที่จับอยู่ตามตัวอาคารเพิ่งจะละลายกลายเป็นหยดน้ำเฉอะแฉะอยู่ตามพื้นถนน โดยมีรถกวาดหิมะทำความสะอาด หลังจากที่ฤดูใบไม้ผลิเริ่มคืบคลานเข้ามาสู่เมือง ผู้คนเริ่มกลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาและใช้ชีวิตในการทำงานสะดวกมากยิ่งขึ้น
“สเตฟานส่งข่าวมาว่าหนูดานิกาเรียนจบแล้วนะ ลูกพร้อมจะเป็นเจ้าบ่าวหรือยัง”ไวแอท เวย์ริงตันเอ่ยถามทำลายความเงียบขึ้น หลังเขาเข้ามาคุยเรื่องสำคัญกับทายาทคนเดียวของตระกูลซึ่งเป็นผู้บริหารธุรกิจในมือต่อจากเขาจนร่ำรวยมั่งคั่งขึ้นเป็นระดับแถวหน้าทางด้านเครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคมและก้าวไกลจนเป็นเจ้าของดาวเทียมให้เชาถึงสามดวงและมีของตัวเองใช้อีกหนึ่งดวง
“ผมนึกว่าคุณพ่อลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว” ร่างสูงใหญ่ของโรมัน เวย์ริงตันหันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่อ ใบหน้าของชายหนุ่มคมเข้มมีไรเขียวจางอยู่ตามสันเหลี่ยมคางและหนวดเหนือริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูเรื่อ จมูกโด่งเป็นสันตรงสวย ดวงตาสีฟ้าคมกริบบาดใจส่วนคิ้วเข้มพาดตรงรับกับแผงขนตายาวตรง ผมสีน้ำตาลแดงหยิกสลวยยาวระต้นคอโดยที่เจ้าของไม่ค่อยใส่ใจ เพียงใช้มือเสยให้เข้ากับรูปทรงศีรษะของที่ทุยสวย
“พ่อจะลืมได้ยังไง ในเมื่อพ่อเป็นนักธุรกิจ การลงทุนมันต้องวางแผนล่วงหน้า เพราะฉะนั้นสิ่งที่พ่อเคยพูดกับลูกก่อนหน้านี้ก็เพื่อผลพวงทางธุรกิจ เราควรเลือกเจ้าสาวที่มีรากฐานและฐานะมั่นคงเท่าเทียมกัน แล้วพ่อก็มองหนูดานิกาไว้ให้ลูก”
“ความจริงฐานะของเราไม่จำเป็นต้องพึ่งใครเลยสักนิด”โรมันกล่าวอย่างมั่นใจในความสามารถของตัวเอง
“ใช่ แต่หากเวย์ริงตันรวมกับรัทเทอร์ฟอร์ดได้เมื่อไร เราจะแข็งแกร่งขึ้นและมั่นคงยิ่งกว่าเดิม พ่อก็เลยคิดว่าไม่เห็นจะเสียหาย ถ้าลูกจะแต่งงานเพื่อผลทางธุรกิจที่ใครๆ เขาก็ทำ
“คุณพ่อพูดเหมือนผมไร้ฝีมือ เวลากว่าสิบปีที่ผมรับช่วงกิจการต่อจากคุณพ่อ ไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นหรือครับว่าผมทำได้ดีแค่ไหน”
“ลูกทำได้ดี ดีจนไม่มีที่ติ แต่ที่สนับสนุนแผนการแต่งงานครั้งนี้มันก็เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ซึ่งตัวแรกนั้นลูกก็รู้อยู่แล้วว่าเวย์ริงตันจะเป็นปึกแผ่นมากกว่าเดิม ส่วนตัวที่สองก็คือลูกจะได้มีคนดูแล”
“ผมดูแลตัวเองได้ครับคุณพ่อ”คำพูดนั้นทำให้ผู้เป็นพ่อที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนอาร์มแชร์ตัวใหญ่กลางห้องทำงานที่หรูหราต้องหัวเราะเบาๆพลางยกกล้องยาสูบอย่างดีขึ้นสูบอย่างอารมณ์ดี
“เรื่องนั้นพ่อรู้ แต่ทางรัทเทอร์ฟอร์ดเองต้องการคนดูแลลูกสาว เพราะมรดกกองมหาศาลอาจหมดไปได้ง่ายๆถ้าเจอลูกเขยไม่ได้อย่างใจ”
“เรื่องแบบนี้พูดลำบากครับ ถ้าเขารักกันชอบกันจะไปขัดคอขัดใจเขาได้อย่างไร”ร่างสูงทรุดนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานที่เป็นเบาะหนังสีน้ำตาลเข้มอยู่ตรงริมหน้าต่างที่เป็นกระจกสีชาแผ่นหนา มองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่ด้านนอก
“แต่ถ้าเป็นลูกสาวพ่อ พ่อก็ขอขัดใจหน่อยละ เพราะพ่อได้ข่าวว่าแม่หนูดานิกามีเพื่อนชายที่สนิทอยู่คนหนึ่ง ได้ข่าวว่ารวยแต่เปลือก แล้วก็เอาแต่ปาร์ตี้ผลาญเงินทางบ้านไปวันๆ”
“คุณพ่อก็เลยอยากจะได้ทายาทมรดกกองโตไว้เป็นลูกสะใภ้เสียเอง”โรมันพูดดักคออย่างรู้ใจผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นอดีตนักธุรกิจมืออาชีพที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ถึงแม้จะวางมือให้เขาขึ้นมาเป็นผู้บริหารแทนหลังจากที่หย่าร้างกับมารดาของเขาแล้ว แต่พ่อของเขาก็ยังเป็นที่ปรึกษาระดับเลิศที่หาใครเทียบได้ยาก อีกทั้งยังเคยรับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของรัฐมนตรีคลังของประเทศนี้มาแล้ว
“ใช่ อย่าลืมว่าเรื่องนี้เราคุยกันมานานแล้วนะโรมัน พ่อบอกให้ลูกเตรียมตัวเตรียมใจมาสี่ปีตั้งแต่แม่หนูดานิกาเข้ามหาวิทยาลัย จนตอนนี้เรียนจบ พ่อเห็นสมควรว่าเราควรจะสานต่อเรื่องนี้ให้จบ”
“ผมนึกว่าคุณพ่อพูดเล่น”
“ลูกเห็นพ่อเป็นคนเหลวไหลตั้งแต่เมื่อไร”
คนเป็นลูกหัวเราะอยู่ในลำคอก่อนถามเสียงเรียบ
“ทำไมครับคุณพ่อ ลูกสาวบ้านอื่นที่เป็นนักธุรกิจมากด้วยความสามารถตั้งหลายคน ทำไมคุณพ่อไม่เลือก ทำไมถึงจะมาเลือกเด็กเมื่อวานซืนมาเป็นสะใภ้ คุณพ่อคิดว่าเธอสามารถช่วยผมบริหารงานจนรุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิมได้เหรอ”
“พ่อไม่ได้คิดจะให้แม่หนูดานิกามาช่วยงานลูกหรอก บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ ทางสเตฟานเขาก็ยินดีที่จะร่วมลงทุนกับเรา โดยยอมให้ลูกเป็นผู้บริหารทั้งหมดหลังจากที่ลูกแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับหนูดานิกาแล้ว”
“คุณอาสเตฟานเหมือนกลัวว่ายายเด็กเมื่อวานซืนจะหาสามีไม่ได้”
คนเป็นพ่อหัวเราะเสียงเบา พลางเคาะกล้องยาสูบในมือลงบนจานรองสำหรับทิ้งเศษยาเส้นราคาแพง
“จะบอกให้ว่าสเตฟานกับพ่อคุยเรื่องนี้กันมานานแล้ว ตอนแรกเราคุยกันว่าจะร่วมลงทุนในด้านดาวเทียมสื่อสารด้วยกัน แต่คุยไปคุยมาเห็นว่าเราต่างคนต่างมีลูกก็ควรจะลงหลักปักฐานให้มันแน่นหนา ก็เลยคิดว่าควรจะให้ลูกแต่งงานกันเสียเลย เพื่อวันข้างหน้าจะได้ไม่มีข้อบาดหมางหากว่าต่างฝ่ายต่างมีเขยมีสะใภ้เข้ามาเกี่ยวข้อง”
“แล้วแม่หนูดานิกาของคุณพ่อรับปากแล้วเหรอครับว่าจะแต่งงานกับผม”
“ยัง”
“อ้าว”โรมันร้องได้แค่นั้นจริงๆ อยากจะปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ก็ทำไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าลองผู้เป็นพ่อได้ตัดสินใจจะลงทุนทำธุรกิจอะไรสักอย่าง พ่อของเขาย่อมคิดมาแล้วอย่างรอบคอบ
ความจริงเรื่องนี้เขาจำได้ว่าพ่อเคยบอกมานานแล้วว่าให้เขาเตรียมพร้อมสำหรับการแต่งงานเพื่อธุรกิจ แล้วสั่งห้ามเขาจริงจังกับผู้หญิงที่ควงด้วย อนุญาตให้แค่ปลดปล่อยความสุขทางกายแล้วก็จบ จากนั้นพูดย้ำเสมอว่าเจ้าสาวของเขาคือ ดานิกา รัทเทอร์ฟอร์ดเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ที่สเตฟานยังไม่ได้บอกหนูดานิกาก็เพราะไม่อยากให้กังวลเรื่องนี้ อยากให้เรียนให้จบก่อนแล้วค่อยพูด”ไวแอทไม่ได้บอกอีกว่าดานิกา รัทเทอร์ฟอร์ดเป็นตัวของตัวเองและคงไม่ยอมเข้าพิธีวิวาห์ง่ายๆ อย่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต้องการ แต่งานนี้เป็นหน้าที่ของสเตฟานที่จะต้องจัดการกับลูกของตัวเอง ส่วนในส่วนของเขานั้นไม่ยาก เพราะเขากับลูกมีคำว่าธุรกิจนำหน้ามาก่อนเสมอ
“แล้วจะไม่เป็นปัญหาหรือครับ”
“เรื่องนี้สเตฟานรับปากจะจัดการเอง เขาแค่รอคำตอบจากลูกเท่านั้น”
“ผมว่าคุณพ่อน่าจะตอบแทนผมไปแล้วมากกว่ามั้งครับ” ดวงตาสีฟ้าใสมองสบตาผู้เป็นพ่อที่นั่งคาบไปป์สูบยาอย่างสุขุม
“ลูกสมกับฉายาเสือร้ายแห่งเกร์นาดิน”ร่างสูงโปร่งของไวแอทลุกยืน ทำให้ร่างสูงล่ำของโรมันต้องลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินมาหาผู้เป็นพ่อ
“พ่อกลับแล้ว มีนัดดื่มชากับสเตฟาน ไม่ต้องตื่นเต้นไปนะ ยังไงเราก็ให้เวลาลูกเตรียมตัวหกเดือน ถึงตอนนั้นอาจรักกันไปแล้วก็ได้”
โรมันได้แต่ยิ้มรับ เขาเดินไปส่งผู้เป็นพ่อจนถึงหน้าประตูห้องที่เปิดกว้าง จากนั้นจึงมีบอดี้การ์ดส่วนตัวเดินตามเข้าลิฟต์ไปด้วยกัน รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าคมเข้มที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเครา
นึกไปถึงว่าที่เจ้าสาวอย่างดานิกา รัทเทอร์ฟอร์ด อยากรู้นักว่าจะคิดอย่างไรหากรู้ว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยเจอหน้ากันสักครั้งเดียว แต่ที่สำคัญการแต่งงานครั้งนี้มันปราศจากความรัก เขายังคิดไม่ออกเลยว่าคู่แต่งงานที่ไม่ได้รักกัน จะมีความสุขไปได้อย่างไร คิดมาถึงตรงนี้ทำให้เขานึกอยากจะเจอตัวจริงของว่าที่เจ้าสาวขึ้นมาทันที เห็นทีจะต้องตามไปดูพฤติกรรมสักครั้งถ้าจะดี
ภายในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ต้นใหญ่ มันแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงากับทางเดินที่เป็นถนนปูด้วยอิฐเนื้อแข็งมันทอดยาวเลี้ยวลดเข้าไปตามตึกของคณะต่างๆ มีป้ายหินอ่อนสลักชื่อคณะอย่างสวยงาม ที่คณะบริหารธุรกิจถูกจัดตกแต่งประดับประดาด้วยลูกโป่งสีทองซึ่งเป็นสีประจำคณะ ซุ้มดอกไฮเดรนเยียวางตั้งพร้อมกับป้ายแสดงความยินดีในความสำเร็จของบัณฑิตจบใหม่ พ่อแม่ญาติพี่น้องต่างก็ถ่ายรูปกับบุตรหลานเป็นที่ระลึกในวันสำคัญ
หญิงสาวรูปร่างเพรียวบางได้สัดส่วนอยู่ในชุดเดรสเข้ารูปสีน้ำทะเลสวมทับด้วยเสื้อครุยของคณะและหมวกสีดำบนศีรษะ ใบหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมเส้นยาวสีน้ำตาลมะฮอกกานี ดวงตาสีน้ำตาลหวานซึ้งรับกับขนตางอนยาวที่กระพริบไล่หยาดน้ำใสตรงริมขอบตาที่เกิดจากความสุขจากการเรียนจบตามคำขอของผู้เป็นบิดา จมูกโด่งแหลมปลายเชิดเพียงนิดบ่งบอกถึงความดื้อรั้นได้อย่างดี ปากสีชมพูสวยได้รูปกำลังยิ้มกว้างยามคล้องแขนกับเพื่อนถ่ายรูปอยู่หน้าคณะ ก่อนจะผละจากเพื่อนๆ โผเข้าหาผู้เป็นพ่อซึ่งมีอายุถึงเจ็ดสิบปี
“คุณพ่อขา หนูเรียนจบตามที่คุณพ่อต้องการแล้วนะคะ”ดานิกาบอกเสียงใส ตอนนี้เธอหวังว่าจะได้ของขวัญชิ้นเดียวที่สุด ซึ่งมันไม่ได้มีค่าอะไรมาก เพียงแค่เอ่ยปากอนุญาตให้เธอได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวตามความฝันและความต้องการจะออกไปเห็นโลกกว้างอย่างหญิงสาวทั่วไป ไม่ใช่ถูกจำกัดเวลาและสถานที่มาตลอด โดยมีบอดี้การ์ดดูแลตั้งแต่จำความได้และรับรู้ว่าเธอคือทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลรัทเทอร์ฟอร์ดที่จะต้องบริหารดูแลทรัพย์สมบัติที่มีต่อไปในภายภาคหน้า
“ขอบใจมากลูก ขอบใจที่ไม่ทำให้พ่อผิดหวัง”สเตฟานจุมพิตลงบนหน้าผากของบุตรสาวสุดที่รักซึ่งเขาเพิ่งจะได้ลูกคนแรกก็ตอนอายุเกือบห้าสิบจากภรรยาชาวไทย หลังใช้ความพยายามในการทำกิ๊ฟมาหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จจนต้องล้มเลิกเพราะสงสารภรรยา แต่สุดท้ายเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างที่เขาวอนขอทุกคืนจึงส่งบุตรสาวมาให้ในวันที่ภรรยาของเขาอายุสี่สิบ จากนั้นภรรยาก็เจ็บออดๆ แอดๆ อยู่ดูแลลูกสาวคนเดียวมาได้แค่เจ็ดปีก็จากไปเพราะโรคภัยไข้เจ็บ ทิ้งให้เขาเลี้ยงลูกตามลำพังโดยมีพี่เลี้ยงช่วยดูแล
“ถ้าอย่างนั้นของขวัญที่หนูขอไว้ คุณพ่อไม่ลืมใช่ไหมคะ”
“ของขวัญอะไร พ่อแก่แล้วนะนิก้า”
“คุณพ่อน่ะ อย่าแกล้งหนูสิคะ”คุณลูกคนสวยทำท่ากระเง้ากระงอดใบหน้านวลเนียนงอง้ำเพราะกำลังจะถูกขัดใจ
“แต่พ่อน่ะเตรียมของขวัญไว้ให้ลูกเหมือนกันนะ”
“ไม่เอา ของขวัญของคุณพ่อมีแต่ใบหุ้น รถยนต์ที่ขับไปไหนมาไหนเองไม่ได้เพราะไม่ปลอดภัย วิลลาหลังงามที่เมืองนีซ ฝรั่งเศส แต่ห้ามไปอยู่คนเดียวเพราะอันตราย คุณพ่อจะให้หนูทำไมคะในเมื่อไม่เคยมีสิทธิ์ขาดอย่างแท้จริง”
“ก็เอาไว้ไปกับสามีในอนาคตของลูกไง”
“คุณพ่อ!”ดานิกาเรียกเสียงแหว แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อหัวเราะเสียงดังซึ่งเป็นเสียงหัวเราะที่เธอไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก ส่วนมากจะเห็นคร่ำเคร่งกับเรื่องงาน ใบหน้านวลเนียนจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มกระจ่างใส แววตาสดใสสุกสว่าง แก้มสองข้างแดงเรื่อราวสีของกลีบกุหลาบ ริมฝีปากสีชมพูเปิดกว้างจนเห็นฟันสีขาวราวไข่มุกเรียงกันสวยอย่างเป็นระเบียบ ทำให้คนที่ยืนแอบมองถึงกับเผลอยิ้มตามแล้วลงความเห็นว่าเป็นรอยยิ้มเปิดโลก ยิ้มที่สว่างสดใส ยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้น่ารื่นรมย์
เวย์ริงตันหนุ่มโสดผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะฮอกกานีปะปนกับบรรดาบัณฑิตจบใหม่และบรรดาพ่อแม่ญาติพี่น้องคนอื่นๆ เขาสวมแว่นกันแดดสีดำปิดอำพรางดวงตาสีฟ้าคมที่ใช้มันจับจ้องไปยังว่าที่เจ้าสาวที่เขาจะต้องแต่งงานด้วยโดยมีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นอันดับแรก
‘สาวลูกครึ่งไทย-สวิสต์ นี่สวยบาดตาบาดใจดีแท้ นับว่าพ่อของเราตาแหลมไม่ใช่เล่น’โรมันนึกชมอยู่ในใจ มือหนายกขึ้นลูบปลายคางที่รกเรื้อด้วยหนวดเคราสองข้างแก้ม
‘ปากสีชมพูนั่นน่าจูบชะมัดเลย นี่เขาจะอดใจรอจนถึงวันแต่งงานได้ไหมนะ อยากจะเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นว่าที่เจ้าบ่าว ก็กลัวจะตกใจแล้วอาจวิ่งหนีว่าที่เจ้าบ่าวอย่างเขาเข้าป่าไปก็ได้’คิดมาถึงตรงนี้ทำให้ต้องหัวเราะเบาๆ ออกมา
‘เออเขานี่ถ้าจะเพี้ยน ทำตัวเหมือนไม่เคยเจอผู้หญิงสวย ถึงขนาดลงทุนตามมาดูตัวถึงมหาวิทยาลัยทั้งที่ไม่จำเป็น สงสัยเป็นเพราะทำงานหนักไม่มีโอกาสได้ปลดปล่อย พอเห็นผู้หญิงสวยเข้าหน่อยก็จะวิ่งเข้าใส่’
ภาพรอยยิ้มสดใสของว่าที่เจ้าสาวที่ซบใบหน้ากับอกของผู้เป็นพ่อตรึงสายตาของซีอีโอหนุ่มให้จับจ้องอย่างไม่วางตาราวกับถูกกามเทพแผลงศรรักปักเข้ากลางหัวใจจนมิด ชนิดไม่เหลือให้เขาได้มีโอกาสถอนตัวได้อีกเลย
“เจ้านายจะไม่เข้าไปแสดงความยินดีกับเธอหน่อยหรือครับ”เธียรี่เอ่ยถามขึ้นทางด้านหลังของร่างสูงล่ำในชุดสูททำงานสีน้ำทะเลมีเสื้อโค้ทเนื้อบางสวมทับ
“เจ้านายครับ”
คนถูกเรียกถึงกับสะดุ้งรีบหันไปหาลูกน้องที่ยืนเยื้องอยู่ทางด้านหลัง
“หืม มีอะไรเรียกทำไม ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ”
“ผมถามว่าเจ้านายจะไม่เข้าไปแสดงความยินดีกับเธอหน่อยหรือครับ”
“บ้าสิ คุณอาสเตฟานยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับว่าที่เจ้าสาวของฉัน แล้วจริงๆ ฉันก็แค่มาหาข้อมูลเผื่อจะต่อปริญญาเอกทำด๊อกเตอร์สักใบต่างหากล่ะ”คนเป็นนายแก้ตัวไปแบบน้ำขุ่นๆ แล้วก็ต้องหมุนตัวเดินออกจากบริเวณนั้นเพราะบัณฑิตต่างทยอยกันเดินเข้าไปในหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย เพื่อรับใบประกาศจากท่านอธิการบดี บอกตัวเองว่าคงต้องบริหารงานให้มากขึ้นเพื่อจะได้เลิกฟุ้งซ่านเรื่องนี้เสียที
เสียงอึกทึกครึกโครมด้วยเครื่องดนตรีที่บรรเลงอย่างร้อนแรงอยู่ในผับโกเก้ ผับชื่อดังชั้นนำของกรุงเซโล่ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเอสเตน่า ซึ่งผู้ที่จะเข้าได้นั้นต้องเป็นสมาชิกหรือเสียค่าบัตรต่อหัวอยู่ที่หนึ่งพันยูโร แต่กระนั้นก็ยังมีลูกค้าใจถึงยอมเสียค่าบัตร เพื่อจะเข้ามาหาประสบการณ์กับเสียงเพลงที่เปิดแผ่นและสแครชโดยดีเจชื่อดังจากต่างประเทศ อีกทั้งยังได้สัมผัสกับอาหารรสเลิศจากเชฟชื่อดัง และเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์อีกหลากหลายชนิดให้เลือกชิม
ดานิกาเดินแทรกผู้คนเข้ามาในสถานที่ที่เธอใฝ่ฝันอยากจะมาสัมผัสสักครั้ง เพราะนับตั้งแต่ใช้คำนำหน้าว่านางสาว เธอยังไม่มีโอกาสได้เหยียบย่างมาที่นี่ ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นเรียนมากันเกือบจะครบทุกคนไปแล้วด้วยซ้ำ แต่วันนี้ในขณะที่เพื่อนๆ พากันไปฉลองปริญญาที่เมืองริมทะเล แต่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปกับกลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม นอกจากให้มาที่นี่ได้เท่านั้น โดยมีพี่เลี้ยงกับบอดี้การ์ดตามมาเป็นเพื่อน เธอก็เลยได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ายังดีกว่าไม่ได้มา แล้วยังปลอบตัวเองต่อไปอีกว่าถ้าเธอได้ทำงานก็คงจะมีอิสระไปเที่ยวไหนได้เองโดยไม่ต้องรอให้ผู้เป็นพ่ออนุญาตเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
แต่ใครเลยจะคิดว่าต่อจากนี้ไปชีวิตของดานิกา รัทเทอร์ฟอร์ด จะไม่เหมือนเดิม
“โหย มันเป็นแบบนี้เองเหรอพี่แนนซี่”คนเป็นนายหันไปถามพี่เลี้ยงส่วนตัวที่เดินเคียง โดยมีบอดี้การ์ดชื่อแซคคิโอ มิเกลลี่เดินตามหลัง
“พี่ว่าหนวกหูจะตาย มืดก็มืด”พี่เลี้ยงสาวบ่นอุบหลังต้องมาทำหน้าที่เป็นเพื่อนนายสาวเที่ยวผับ โดยได้รับอนุญาตจากนายใหญ่ของบ้านรัทเทอร์ฟอร์ด เป็นรางวัลแรกหลังเรียนจบเป็นบัณฑิตใหม่ในสาขาบริหารธุรกิจ
“อย่างนี้ต้องมาบ่อยๆ นะแนนซี่”แซคคิโอเอ่ยแทรกเสียงเพลงที่ดังจนแสบแก้วหู
“เธอถ้าจะมาบ่อยๆละสิแซคกี้ หรือว่าแอบมากับแฟน สรุปที่ฉันบอกให้หาน่ะได้หรือยัง”
“ยังเลย ยังหาไม่เจอ เลยยังหามาแทนคนเดิมไม่ได้”บอดี้การ์ดตอบเพียงแค่นั้น เขาก็เชื่อว่าเพื่อนรุ่นพี่จะเข้าใจเพราะรู้ใจกันดีและสามารถปรึกษาได้ทุกเรื่อง
“อุ๊ย แซคกี้เคยมีแฟนด้วยเหรอ ฉันเห็นเธอทำแต่งาน เดินตามคุณพ่อ มาส่งฉันที่มหาวิทยาลัยตอนเช้าแล้วมารอรับกลับเย็น เธอเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนนะ”นายสาวถามแทรกขึ้นด้วยความสนใจ
“แหมคุณหนูขา แซคกี้เขาก็ไปหาแฟนตอนกลางวันสิคะ คุณหนูเรียนอยู่จะไปเห็นได้ยังไง”
“แนนซี่ก็รู้ดี”แซคคิโอพูดขัดคอขึ้นเสียก่อนเพราะไม่อยากให้เพื่อนรุ่นพี่พูดมากเกินความจำเป็น ถึงอย่างไรเขาก็จะเก็บความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับผู้หญิงที่เขารักอยู่ฝ่ายเดียวนี้ไว้กับตัวไปอีกนาน
“พูดแบบนี้ แสดงว่าพี่แนนซี่ต้องรู้อะไรดีๆ แน่เลยใช่ไหม บอกมาสิว่าแซคกี้มีแฟนอยู่ที่ไหน”
“โธ่ คุณหนู ผมยังไม่มีใครหรอกครับ”
“อย่าไปสนใจเลยค่ะคุณหนู พูดกับแซคกี้แล้วเวียนหัว”
“แก่แล้วละสิ”บอดี้การ์ดหน้าเข้มบอกยิ้มๆ
“อย่าพูดเรื่องแก่ มันสะเทือนใจ”
“หาที่นั่งกันดีกว่า ตรงเคาน์เตอร์นั่นไปเถอะเดี๋ยวมีคนแย่งซะก่อน”นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังเคาน์เตอร์บาร์ที่บาร์เทนเดอร์กำลังชงเหล้ากันวุ่นวาย
“แต่พี่ว่าหาโต๊ะนั่งดีกว่าไหม ตรงนั้นคนจะวุ่นวาย”แนนซี่ร้องบอกแข่งกับเสียงดนตรี
“ไม่เอา อยากนั่งตรงนั้นมานานแล้ว อยากทำแบบในหนัง”คนเป็นนายบอกเสียงใสพลางเร่งฝีเท้าแทรกผู้คนเพื่อจะไปให้ทัน หลังเห็นร่างสูงล่ำของชายคนหนึ่งในสูททำงานสีน้ำเงินเข้มมีเสื้อโค้ทเนื้อบางสวมทับเดินตรงไปพร้อมกับชายอีกคนในชุดสูทสีดำ
“อุ๊ย”ดานิกาอุทานด้วยความตกใจเมื่อร่างสูงล่ำไม่ทันเห็นและกำลังจะหย่อนก้นนั่งทำให้เกิดการกระแทกกันขึ้น ร่างเพรียวบางเกือบจะเซล้มดีที่มือหนาจับต้นแขนเรียวไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า”ถามแล้วก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อโรมัน เวย์ริงตันเห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดเจน ดานิกา รัทเทอร์ฟอร์ด ไม่อยากเชื่อว่าจะเข้ามาเที่ยวในสถานที่แห่งนี้ได้ ไหนว่าพ่อหวง?
“กรุณาปล่อยแขนคุณหนูได้แล้วครับ”แซคคิโอต้องเอ่ยแทรกขึ้น หลังจากที่เห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้ายังจับแขนคุณหนูของเขาไม่ยอมปล่อย
“อ้อ คุณหนู ขอโทษด้วย”โรมันกล่าวเสียงทุ้ม ยอมปล่อยมือตามคำสั่งแต่โดยดี
“ฉันมาถึงเก้าอี้ก่อน”ดานิกาบอกเสียงเรียบพลางเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี เธอไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่อยากนั่งมานาน แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกลับนึกชมว่าเสียงไพเราะเพราะเหมือนระฆังแก้วเนื้อดี
“คุณหนูถ้าจะอยากนั่งเก้าอี้ตรงนี้ใช่ไหมครับ”
“กรุณาอย่าล้อเลียนคุณหนู”
“แซคคิโอเลิกเรียกฉันคุณหนูได้แล้ว”คนไม่อยากเป็นคุณหนูหันไปเอ็ดเสียงเบา แต่โรมันก็ได้ยินชัดเจน
“เราไปหาโต๊ะอื่นนั่งไม่ดีกว่าเหรอคะคุณหนู”
“พี่แนนซี่ก็อีกคน เรียกคุณหนูอยู่ได้หนูอายเขานะ”คนเป็นนายหันไปเอ็ดพี่เลี้ยงสาวอีกครั้ง ในขณะที่ใบหน้าคมเข้มที่รกเรื้อไปด้วยหนวดเครานั้นมีรอยยิ้มขบขันอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะเลือนหายไปในพริบตา
“โอเค ถ้าอย่างนั้นผมเสียสละที่นั่งให้คุณหนูเองในฐานะที่คุณหนูคงเพิ่งจะหัดเที่ยวผับและยังไม่เคยมาที่นี่”ร่างสูงล่ำขยับถอยออกจากเก้าอี้สีแดงที่หญิงสาวร่างเพรียวบางวางมือจับจองไว้ราวกับเด็กสาวเล่นเก้าอี้ดนตรีแล้วแย่งเก้าอี้ได้
ดานิกาหน้าแดงซ่านทำเป็นมองไม่เห็นสายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยแววล้อเลียนอย่างชัดเจนยามเธอหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ได้สมใจ
“แต่อยากจะเตือนไว้ก่อนว่าอย่าสั่งเหล้าเลดี้สวิงเชียวนะ นายเป็นบอดี้การ์ดไม่ใช่เหรอแซคคิโอ ระวังด้วย”ประโยคสุดท้ายเขาหันไปพูดกับแซคคิโอด้วยสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าชวนคนของตัวให้เดินไปหาเก้าอี้ตัวใหม่
“เขาห้าม เราก็ต้องสั่งสิ เหล้าอะไรนะ เลดี้สวิงใช่ไหม”ร่างเพรียวบางถามเสียงใสพลางมองไปยังขวดเหล้าหลากชนิดอย่างเพลิดเพลิน รวมถึงบรรดาบาร์เทนเดอร์ที่รูปร่างหน้าตาหล่อเข้มบาดใจกันแทบทุกคน
“ไม่ได้ครับ แล้วถ้าคุณหนูดื้อ ผมจะพากลับเดี๋ยวนี้เลย”
“คุณหนูอีกแล้ว”ดานิกาบ่นหงุดหงิด
“ผมติดปากแล้วครับ อย่าให้เรียกอย่างอื่นเลยครับ”
“ก็ได้ แต่สั่งมาชิมหน่อยไม่ได้เหรอเลดี้สวิงน่ะ ฉันอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง”
“ไม่เด็ดขาด”
“คุณหนูสั่งอย่างอื่นเถอะนะคะ ถ้าเมามากๆ แล้วคุณท่านรู้ คุณท่านอาจไม่ให้มาที่นี่อีกก็ได้”พี่เลี้ยงสาวเกลี้ยกล่อมอยู่ใกล้ๆ
“ฉันไม่เข้าใจทำไมจะต้องเชื่อนายคนนั้นด้วยล่ะ”
“เชื่อไว้ก็ไม่เสียหายนี่ครับ เขาน่าจะเป็นนักเที่ยวกลางคืนที่ช่ำชองอยู่ละครับ”แซคคิโอพูดเสียงดัง พลางหันไปมองร่างสูงล่ำที่เดินหายไปในกลุ่มนักเที่ยว ประโยคสุดท้ายที่พูดกับเขานั้นมันดูจริงจังจนเขาต้องยอมขัดใจนายสาว เพราะเขาเองก็ไม่เคยมาเที่ยวที่นี่เช่นกันเป็นเพราะหน้าที่การงานและไม่ชอบเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
“ถ้าอย่างนั้นสั่งอย่างอื่นก็ได้ แต่ฉันอยากลองที่มีแอลกอฮอล์ด้วยนะ อยากรู้ว่าอาการเมาจะเป็นยังไง”
แล้วดานิกาก็ได้คำตอบในเหล้าแก้วที่สองที่มันร้อนวูบวาบไปถึงกระเพาะขมอยู่ในคอจนเวลาดื่มต้องทำหน้าเหยเก ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงชอบดื่มเหล้าทั้งที่มันทั้งขื่นทั้งขม และที่สำคัญมันทำให้เธอเวียนศีรษะและคลื่นไส้อยากอาเจียนเป็นที่สุด
“พี่แนนซี่ หนูอยากจะอ้วกมากเลย”
“ไปสิคะ พี่พาไป”แนนซี่เองก็ถูกบังคับให้ดื่มเป็นเพื่อน แล้วเธอเองก็มีอาการวิงเวียนไม่ใช่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเลยดีกว่าครับ”แซคคิโอเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่แตะเครื่องดื่มมึนเมา เพราะไม่อยากเสียสมาธิในการรักษาความปลอดภัยให้กับนายสาวคนสวยของเขา
“ม่ายอาว เพิ่งจะสี่ทุ่ม ฉันขอพ่อไว้ว่าเที่ยงคืนนะ เธอนั่งอยู่นี่แหละไม่ต้องลุกไปหรอก เดี๋ยวไม่มีที่นั่งอุตส่าห์แย่งนายคนหนวดดกมาได้แล้ว เห็นไหมว่าคนแน่น”คนเป็นนายบอกด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ พลางลุกโงนเงน โดยมีแนนซี่ช่วยพยุงพาเดินไปห้องน้ำที่มีคนต่อคิวกันร่วมสิบคน
“โอย จะไม่ไหวแล้ว”ดานิกาทำท่าผะอืดผะอมจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก
“ถ้าอย่างนั้นออกไปดูตรงหลังร้านดีกว่าค่ะ เผื่อจะอ้วกใส่ถังขยะได้”แนนซี่แนะขึ้น เพราะเธอเองก็อยากได้อากาศบริสุทธิ์หายใจ
“ก็ได้ ไปสิหนูจะไม่ไหวแล้วนะ”คนเป็นนายผละจากแขนของพี่เลี้ยงสาว เพื่อจะก้าวเดินนำไปยังประตูด้านหลัง แต่ยังไม่ทันจะถึง ขาที่ก้าวเดินก็คล้ายจะพันกันทำให้เธอสะดุดขาตัวเองแล้วเซถลาเสียหลักไปชนกับร่างสูงล่ำที่เปิดประตูเข้ามาพอดี ศีรษะเล็กๆที่ผมเส้นยาวสลวยพันกันยุ่งนั้นพุ่งตรงไปยังแผงอกล่ำก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยอาการงุนงงสงสัย
“ทำไมตัวหอมจัง”คนช่างสงสัยถามได้แค่นั้นก็ทรุดอยู่ในอ้อมแขนที่อ้ารับไว้ได้ทัน โดยมีพี่เลี้ยงสาวรีบเข้ามาเพื่อจะโอบประคองแทนแต่มือหนาก็กันไว้เสียก่อน
“ไปตามบอดี้การ์ดของคุณมา ผมจะพาออกไปรับลมด้านหลัง”โรมันก้มลงช้อนตัวคนเมาไม่ได้สติไว้ในอ้อมแขนแล้วพาออกทางประตูหลังที่เป็นสวนกว้างมีม้านั่งยาวแบบพนักพิงอยู่ใต้ต้นโอ๊คขนาดใหญ่ เขาวางร่างนุ่มนิ่มลงบนม้านั่ง อากาศที่หนาวเย็นเพราะมีมรสุมทำให้เขาต้องถอดเสื้อโค้ทสีน้ำเงินห่มคลุมแล้วนั่งลงใกล้ พลางแตะมือลงบนผิวแก้มนวล ดวงตาสีฟ้าคมพิจารณาใบหน้าสวยหวานจนใกล้ ทำให้เขารู้ว่าหญิงสาวมีผิวสีน้ำผึ้งที่นวลเนียนจนนึกอยากจะสัมผัสด้วยจมูกไปให้ทั่ว
“ดานิกา ดานิกา”ว่าที่เจ้าบ่าวเรียกเสียงทุ้มแต่ก็ยังไม่ได้สติ ใบหน้าสวยหวานยังหลับใหล ปากสีชมพูอิ่มเต็มเผยอเปิดเหมือนจะเชิญชวนเจ้าชายมาจุมพิตเจ้าหญิงให้ตื่นจากนิทรา ใบหน้าคมเข้มจึงโน้มต่ำลงไปประทับกลีบปากสีชมพู เขาบดขยี้แต่เพียงเบาๆแระเล็มดื่มด่ำกับกลิ่นไวน์และรสชาติที่หวานหอมจนแทบไม่อยากจะถอนปากออก แต่ก็ต้องถอยห่างเมื่อหญิงสาวรู้สึกตัวแล้วลุกนั่งตัวตรงจากนั้นก็โก่งคออาเจียนลงพื้น แต่ก็ยังเปรอะไปถึงเสื้อสูทเนื้อดีของคนมีน้ำใจจนเหม็นคลุ้ง
“ฉันขอโทษ”ดานิกาพึมพำ เธออาเจียนจนหมดพลางเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงแล้วเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“คุณเป็นใคร”แต่คนถามก็ยังไม่ทันได้คำตอบเพราะหมดสติไปเสียก่อน
“คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะ”แนนซี่เดินรี่มาหาคนเป็นนายที่นอนหมดสติอยู่บนม้านั่งยาว โดยมีกองเจียนอยู่บนพื้น กับอยู่บนเสื้อสูทของพลเมืองดี
“ตายๆ ขออภัยแทนคุณหนูด้วยค่ะ คุณส่งสูทไปซักแล้วส่งบิลเข้าไปที่รัทเทอร์ฟอร์ดได้เลยนะคะ”
“ไม่เป็นไร แล้วบอดี้การ์ดของคุณล่ะ”
“กำลังจ่ายเงิน โธ่ คุณหนูพี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ากินๆ ก็ไม่เชื่อ”พี่เลี้ยงสาวลูบมือไปตามใบหน้าและตามเนื้อตัวด้วยท่าทางเป็นห่วงสุดชีวิต
“ผมเห็นตรงหัวมุมผับมีร้านสะดวกซื้อ คุณวิ่งไปซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่มาหนึ่งขวด มันจะช่วยให้บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้”
“เอ่อ ฉันรอแซคคิโอออกมาดีกว่า”
โรมันยิ้มมุมปาก พอจะเข้าใจในสถานการณ์ของพี่เลี้ยงสาวที่คงไม่อยากจะปล่อยให้นายสาวต้องคลาดสายตาอีก ก็ไม่แน่นะ ถ้ามีโอกาสอยู่ตามลำพังอีกครั้ง เขาอาจอุ้มขึ้นรถเอากลับไปเวย์ริงตันด้วยก็ได้
“ไปแนนซี่ ผมเรียกให้รถมารับทางด้านหลังแล้ว”แซคคิโอเดินมาบอก แล้วก็ต้องถอนหายใจกับสภาพของนายน้อยของบ้าน
“ดื้อจริงๆ เลย นี่แค่สองแก้วเองนะครับ”
“ถ้าจะไม่เคยดื่มเลยใช่ไหม”
“ครับ เพิ่งรับปริญญาวันนี้ นายท่านอนุญาตให้มาฉลองได้ที่นี่เป็นครั้งแรก แต่ขอบคุณคุณมากนะครับ คุณ?”
“โรมัน โรมัน เวย์ริงตัน”เจ้าของชื่อแนะนำตัวเสียงทุ้มพลางส่งมือให้บอดี้การ์ดหน้าคมได้จับ
“ผมแซคคิโอ บอดี้การ์ดของคุณหนูครับ แต่เป็นคุณโรมันจริงๆ เหรอไม่อยากจะเชื่อเลย”แซคคิโอเอ่ยถามทั้งที่เขาไม่อยากเชื่อว่าจะมาเจอกันได้ และยิ่งกว่านั้นนายใหญ่ของบ้านเพิ่งจะบอกเขาว่าเจ้าบ่าวของคุณหนูดานิกาก็คือ
“โรมัน เวย์ริงตัน”แนนซี่อุทานซ้ำอีกคน ชื่อของว่าที่เจ้าบ่าวทำให้เธอหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
“ดูเหมือนพวกคุณจะรู้จักผม แต่ทำไมต้องทำหน้าตื่นเต้นกันขนาดนี้ด้วย”
“เรารู้ว่าคุณคือว่าที่เจ้าบ่าวของคุณหนูค่ะ”แนนซี่เอ่ยเสียงเบา แทบทำอะไรไม่ถูกที่อยู่ๆ ก็มาเจอกันโดยบังเอิญกับคุณหนูของเธอ แบบนี้จะเรียกว่าบุพเพสันนิวาสได้ไหมนะ แต่ที่สำคัญดันมาเจอตอนว่าที่เจ้าสาวเมาแบบหมดสภาพนี่สิ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีที่ได้รู้จัก แนนซี่ใช่ไหม”โรมันส่งมือให้พี่เลี้ยงสาวจับอย่างไม่ถือตัว
“ค่ะ ดิฉันเป็นพี่เลี้ยงคุณหนูมาตั้งแต่เธอแบเบาะเลยละค่ะ”
“โอเค เรารู้จักกันแล้วนะ แต่ขอร้องอย่างหนึ่งไม่ต้องพูดให้เจ้าสาวของผมรู้นะว่าคืนนี้เราเจอกัน”
ทั้งสองคนรับคำแทบจะพร้อมๆ กันก่อนจะเหลียวไปมองยังรถยนต์สีดำราคาแพง
“รถมาแล้วครับ ผมต้องพาคุณหนูกลับบ้าน”
“ไป ผมจะอุ้มดานิกาไปส่งที่รถเอง”ว่าที่เจ้าบ่าวไม่รอให้คนทั้งสองเห็นด้วยหรือไม่ เขาช้อนร่างนุ่มนิ่มขึ้นไว้ในวงแขนแล้วเดินตรงไปยังรถสีดำ มีแซคคิโอเปิดประตูด้านหลังคอยพร้อมกับแนนซี่ที่รีบวิ่งขึ้นไปนั่งรออยู่ก่อน
“อากาศแบบนี้ระวังคุณหนูของพวกคุณจะไม่สบายด้วยนะ ตื่นมาอาจเมาค้างได้ หาเครื่องดื่มเกลือแร่ให้เธอดื่มด้วย”
ทั้งสองรับคำพร้อมกับรถยนต์ก็เคลื่อนไปข้างหน้า มีร่างสูงล่ำยืนมองจนไฟท้ายสีแดงลับไปตรงถนนที่มีซอยแยกด้านซ้ายมือ ดวงตาสีฟ้าส่องประกายแวววาวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่ส่องแสงเป็นประกายวิบวับ แต่เขาก็ลงความเห็นว่ายังสวยสู้แสงในดวงตาสีน้ำตาลของว่าที่เจ้าสาวของเขาไม่ได้
“ดานิกา”โรมันเปรยชื่อของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน เขาจำได้ว่าเคยอ่านหนังสือเจอถึงความหมายของชื่อดานิกาที่หมายถึงดวงดาวในตอนเช้า ช่างเหมาะสมกันดีกับดานิกาคนนี้เหลือเกิน
“เจ้านาย มาอยู่ตรงนี้เอง”เธียรี่ผู้ช่วยคนสำคัญเดินออกจากหลังร้านมาทัก หลังคนเป็นนายบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำแล้วก็หายเงียบ ทำให้เขาต้องเดินตามหาอีกทั้งโทรศัพท์ก็ยังไม่ยอมรับสาย
คำทักทายทำให้คนเป็นนายต้องหันมาพยักหน้าให้อย่างอารมณ์ดี
“แล้วเสื้อโค้ทไปไหน ไม่หนาวหรือครับ”
“ไม่ ฉันว่าอากาศกำลังดี อบอุ่นด้วยซ้ำ”รอยยิ้มอ่อนโยนยังอยู่บนใบหน้าคมเข้มของว่าที่เจ้าบ่าวยามนึกถึงเรียวปากสีชมพูที่หวานหอม นี่ถ้าเป็นคืนวิวาห์ เขาคงจะไม่ปล่อยจากอ้อมกอดแล้วก็จะจูบทั้งคืน จูบไปทั่วตัวไม่เว้นแม้แต่เนินเนื้อนวลที่เขาเชื่อว่าก็คงจะหวานหอมไม่แพ้กัน ให้ตายเถอะเขาแทบจะรอให้ถึงหกเดือนไม่ไหวแล้วสิ อยากจะจับตัวแต่งงานเสียตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ
“หนุ่มโสดพูดจาทำท่าชวนฝันแบบนี้ เขาว่ากำลังตกหลุมรัก”เธียรี่เอ่ยล้อเลียนทำให้คนเป็นนายตื่นจากภวังค์ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“นายเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมเธียรี่”
“ตอนแรกไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเชื่อไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว”
“อะไรทำให้นายเปลี่ยนใจรวดเร็วขนาดนั้น”ถามแล้วก็ออกเดินไปตามถนนที่ปูด้วยอิฐเนื้อแข็ง ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นแต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
“น่าจะเป็นรักแรกพบของหญิงชายคู่หนึ่งมั้งครับ”
“หัวข้อนี้น่าสนใจ”คนเป็นนายเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่ทุกข์ร้อนกับลมเย็นที่พัดโชยมาปะทะผิวหน้าและผิวกาย
“เจ้านายจะไปไหน รถจอดอยู่ด้านหน้านะครับ”
“ฉันอยากเดินเล่น บอกให้คนของนายขับตามมาก็แล้วกัน”โรมันร้องบอกพลางก้าวเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนที่ทอดยาว บอกตัวเองว่าไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบมาก่อน แต่คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ตอนได้จูบว่าที่เจ้าสาวบนม้านั่งยาวตรงใต้ต้นโอ๊คนี่แหละ
DDD