“บ้า ทุเรศที่สุดไอ้คนเฮงซวย ก็ลองดูสิ ฉันจะกัดลิ้นของคุณให้ขาดเลย” “ไม่เป็นไร ผมใช้ลิ้นกับส่วนอื่นของคุณก็ได้”เจ้าของเรือนกายล่ำบอกหน้าตาเฉย พลางแสร้งไล่สายตาสำรวจเรือนร่างงดงามด้วยแววตากรุ้มกริ่ม “ตรงไหนก่อนดีนะ!”
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,เจ้าบ่าวจอมมาร,อรอร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เจ้าบ่าวจอมมาร“บ้า ทุเรศที่สุดไอ้คนเฮงซวย ก็ลองดูสิ ฉันจะกัดลิ้นของคุณให้ขาดเลย” “ไม่เป็นไร ผมใช้ลิ้นกับส่วนอื่นของคุณก็ได้”เจ้าของเรือนกายล่ำบอกหน้าตาเฉย พลางแสร้งไล่สายตาสำรวจเรือนร่างงดงามด้วยแววตากรุ้มกริ่ม “ตรงไหนก่อนดีนะ!”
โรมัน เวย์ริงตันซีอีโอแห่งเวย์ริงตันกรุ๊ปผู้นำทางด้านโทรคมนาคมแห่งประเทศเอสเตน่า เขาตกปากรับคำจากบิดาบังเกิดเกล้าให้เข้าสู่ประตูวิวาห์กับว่าที่เจ้าสาวซึ่งเป็นทายาทของตระกูลรัทเทอร์ฟอร์ด เรื่องจะไม่ยุ่งถ้าว่าที่เจ้าสาวจะไม่คิดหนีออกจากกรงทอง ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่อง วิธีเดียวที่จะมัดเธอให้อยู่หมัด ว่าที่เจ้าบ่าวจึงต้องทำตัวจอมมาร ด้วยการจับเธอให้นอนอยู่ภายใต้อกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแล้วเรียนรู้บทรักที่ร้อนแรงจากเขาแทน
ดานิกา รัทเทอร์ฟอร์ด ทายาทสุดรักสุดหวงของสเตฟาน รัทเทอร์ฟอร์ดผู้ปฏิเสธการเป็นเจ้าสาวของผู้ชายที่เธอปรามาสว่าเขาสิ้นคิดเพราะหมดหนทางที่จะหาเจ้าสาวด้วยตัวเอง จึงคิดหนีออกจากกรงทองที่สวยหรู และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย เมื่อผู้ที่ช่วยเหลือเธอนั้นคือโจรร้ายกำมะลอที่พาเธอหนีการไล่ล่าจากเหล่าบอดี้การ์ดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาพาเธอหนีมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เธอไม่อาจหนีจากกรงเล็บของเสือร้ายที่เริ่มต้นสอนบทรักที่เร่าร้อนให้กับเธอในคืนแรกที่เจอกัน
“คุณจะทำอะไร”คนใต้ร่างแข็งใจถามเสียงสั่นด้วยความหวาดระแวง
“เมคเลิฟ”โรมันบอกเสียงทุ้ม นัยน์ตาสีฟ้าส่องประกายหวานละมุนยามบอกตัวเองว่าขอเป็นคนเห็นแก่ตัวก่อนจะเข้าพิธีวิวาห์ด้วยการสอนบทเรียนรักให้สาวน้อยร้อยชั่งคนนี้สักบทสองบท
“ไม่นะ คุณมันบ้า ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ไหนๆทำไปแล้ว ผมก็จะทำอีก”บอกแล้วก็ตรึงสองมือไว้กับข้อมือเรียวสวยให้เหยียดขึ้นเหนือศีรษะ พลางแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางเรียวขาสองข้าง
“บ้า ทุเรศที่สุดไอ้คนเฮงซวย ก็ลองดูสิ ฉันจะกัดลิ้นของคุณให้ขาดเลย”
“ไม่เป็นไร ผมใช้ลิ้นกับส่วนอื่นของคุณก็ได้”เจ้าของเรือนกายล่ำบอกหน้าตาเฉย พลางแสร้งไล่สายตาสำรวจเรือนร่างงดงามด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
“ตรงไหนก่อนดีนะ!”
“ร็อคโค ฉันนึกว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว”คนหนีออกจากบ้านก้มลงพูดตรงหน้าต่างรถ
“ไม่มาได้ยังไง ก็นัดกันแล้ว ขึ้นมาเถอะ”เจ้าของรถพยักหน้าเรียก แต่ยังไม่ทันที่ดานิกาจะเปิดประตูขึ้นนั่ง ก็มีเสียงสั่งให้หยุดมาจากด้านหลังทำให้คนที่จะหนีออกจากบ้านต้องหันไปมองด้วยความตกใจ
“คุณหนู เชิญกลับเข้าบ้านดีกว่าครับ”แซคคิโอหัวหน้าบอดี้การ์ดบอกอย่างสุภาพ ในขณะที่ลูกน้องอีกสองคนยืนคุมเชิงอยู่ทางด้านหลัง
“แซคกี้ อย่ามายุ่งได้ไหม”
“ไม่ได้หรอกครับ กลับเข้าไปในบ้านด้วยกันดีกว่าครับคุณหนู”
“ให้ฉันไปเถอะนะ ขอร้อง กลับไปบอกคุณพ่อว่าฉันขอไปสักพัก นะได้โปรดเถอะ”คนเป็นนายวอนเสียงเครือ
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปบอกด้วยตัวเองดีกว่านะครับ”บอดี้การ์ดหนุ่มยังคงน้ำเสียงสุภาพไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
“ถ้าฉันกลับเข้าไป ก็คงจะไม่ได้ออกมาอีกแน่ๆ เพราะฉะนั้นฉันจะไปอย่ามาขวางฉันเลย”มือเรียวสวยจัดแจงจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ แต่โดนแซคคิโอรั้งข้อมือไว้ ในขณะที่ลูกน้องอีกสองคนก็รีบไปคุมตัวร็อคโคไว้เช่นกัน
“ผมให้คุณหนูไปไม่ได้หรอกครับ”
“ปล่อยนะ กล้าดียังไงมาจับมือฉัน”คนเป็นนายตวาดเสียงแหว ร่างเพรียวบางออกแรงผลักบอดี้การ์ดสุดหล่อจนหลุดเป็นอิสระ พลางยกขาเตะไปที่หว่างขาของแซคคิโออย่างแรงจนลงไปนอนกลิ้งบนพื้น ปล่อยให้ร่างเพรียวหลุดมือวิ่งหนีไปข้างหน้า ในขณะที่ร็อคโคถูกลูกน้องสองคนของแซคคิโอล็อคข้อมือไว้
“หนีไปเลยนิก้า หนีไปเลยไม่ต้องห่วงฉัน”ร็อคโคตะโกนก้องก่อนจะโดนหักข้อมือจนร้องโอดโอย ทำให้ดานิกาพะว้าพะวังเพราะกลัวเพื่อนจะบาดเจ็บและต้องรับเคราะห์แทนเธอ แต่เสี้ยววินาทีที่กำลังตัดสินใจว่าจะยอมกลับไปหรือไม่นั้น อยู่ๆ ก็มีรถยนต์สปอร์ตคันงาม
สีดำสนิทแล่นฉิวปลิวลมมาจอดแล้วร้องสั่ง
“ขึ้นมาก่อน ไอ้พวกนั้นมีปืน”
“แต่เขาเป็นคนของพ่อฉัน”ดานิการ้องตอบชายแปลกหน้าในรถที่เธอชะงักไปชั่วขณะเพราะคิดว่าเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน อีกทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมโชยมาต้องจมูกเพราะลมเย็นที่พัดผ่านทำให้ความรู้สึกมันบอกเธอว่ามันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยและเธอเคยได้กลิ่นนี้ที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน
“เฮ้ รีบขึ้นรถสิจะรออะไร”ชายแปลกหน้าร้องบอกทำให้
ร่างเพรียวบางสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ก่อนจะเหลียวไปมองข้างหลังเมื่อได้ยินเสียงวิ่งตึงตังราวกับกองทัพกำลังไล่ล่าคนร้ายสำคัญ
“คุณเป็นใคร”
“จะเป็นใครไม่สำคัญหรอกตอนนี้ ถ้าคุณอยากจะหนีไอ้พวกที่วิ่งไล่มานั่นละก็ ขึ้นมาเร็วๆ”
“แต่ฉันไม่ไว้ใจคุณ”
“แล้วไอ้ที่วิ่งไล่มานั่นล่ะ ไว้ใจได้แค่ไหน ใช่คนของพ่อคุณไหม”
คนต้องตอบหันไปมองกลุ่มชายฉกรรจ์ที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหาเธอพร้อมกับปืนในมือ
“ฉันไม่รู้ ไม่แน่ใจ”
“ถ้าไม่แน่ใจผมก็จัดการให้เอง ก้มตัวให้ต่ำไว้”ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถ พลางหยิบปืนสีดำมะเมื่อมออกมาจากอกเสื้อตัวใน แล้วเดินอ้อมมาหาหญิงสาวที่ยืนตะลึงตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์สี่ห้าคนที่ยกปืนขึ้นเล็งมายังเธอด้วยสีหน้าตึงเครียด
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!!
“ว๊าย กรี๊ด”ดานิกากรีดร้องด้วยความตกใจกับเสียงปืน แต่นั่นยังไม่เท่ากับภาพของคนที่วิ่งตามมานั้นโดนยิงล้มทรุดไปกับพื้นถึงสามคน
“รีบขึ้นรถเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่มันจะยกพวกกันมาเยอะกว่านี้”มือปืนจำเป็นสั่งเสียงดังทำให้ดานิกาต้องทำตามด้วยใจระทึก ในขณะที่ร่างสูงล่ำวิ่งอ้อมไปยังฝั่งคนขับ แล้วเปิดประตูขึ้นนั่งจากนั้นมีเสียงปิดดังปังตามหลัง ก่อนจะมีเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกับความเร็วของรถก็ถูกเร่งให้เร็วขึ้น
“คุณ คุณยิงพวก พวกนั้น”ดานิกาพูดตะกุกตะกักด้วยความตกใจ ภาพของคนที่ถูกยิงยังติดตาแม้จะมองไม่เห็นเลือดเพราะมันเป็นช่วงกลางคืน แต่เธอก็เชื่อว่ากระสุนพวกนั้นเข้าจุดสำคัญอย่างแน่นอนเพราะแต่ละคนทรุดล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
“ก็ใช่น่ะสิ หรือว่าคุณจะยืนเป็นเป้านิ่งให้พวกมันยิงล่ะ”เสียงถามห้วนสั้นทำให้ดานิกาเริ่มใจไม่ดี และคิดว่าหากเธอยังนั่งรถไปกับเขา ก็อาจจะยิ่งเลวร้ายหนักขึ้นก็เป็นได้
“ฉันขอ ขอลง ลงตรงนี้ก็แล้วกันนะ นะ”
“ไม่ได้ อยู่ๆ จะมาทิ้งกันไปง่ายๆ ได้ยังไง คุณเป็นต้นเหตุทำให้ผมต้องยิงคนพวกนั้น เพราะฉะนั้นเราต้องไปด้วยกัน”คำปฏิเสธมาจากร่างสูงล่ำที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถคันงาม ทำให้ดานิกาต้องหันไปเขม้นมองให้แน่ใจว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับใคร
ใบหน้าคมเข้มรกครึ้มไปด้วยหนวดเคราอยู่เต็มสองข้างแก้ม ไม่เว้นแม้แต่หนวดเหนือริมฝีปากรูปกระจับ จมูกโด่งเป็นสันตรงสวย ดวงตาแวววาวสีฟ้าสดที่แม้จะอยู่ในเงามืดแต่เธอก็เห็นประกายคมกริบอย่างชัดเจน เหนือดวงตาคือคิ้วที่เขาบอกว่ามันเป็นมงกุฎของหน้าตาซึ่งมันเพิ่มความคมเข้มบนใบหน้าได้อย่างมหัศจรรย์ รวมถึงผมสีน้ำตาลแดงที่หยิกเป็นขอดมันถูกปล่อยให้ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงและยาวละต้นคอ
“สำรวจหน้าตาผมเสร็จหรือยัง”คำถามนั้นทำให้ดานิกาถึงกับสะดุ้งพลางยิ้มเจื่อนแล้วแก้ตัวเสียงอ่อย
“ขอโทษ ฉันพยายามนึกว่าคุณเป็นคนที่ฉันรู้จักหรือเปล่า เพราะหน้าคุ้นมากๆ”คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นอีกครั้ง เพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนที่เธอเคยเห็นที่ไหนหรือเปล่า พยายามคิดว่าเคยเจอหรือเดินผ่านหรือเพื่อนอาจแนะนำให้รู้จัก แต่ก็บอกตัวเองว่าเป็นไปไม่ได้เพราะพ่อไม่เคยเปิดโอกาสให้เธอทำความรู้จักผู้ชายคนอื่น นอกจากเพื่อนในชั้นเรียนหรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือว่าเป็นผู้ชายคนที่เธอเจอในผับเพราะเขาเป็นคนเดียวที่เธออยู่ใกล้มากที่สุด ยิ่งน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ก่อนที่เธอจะหมดสติก็คล้ายกัน มันยิ่งทำให้เธอสับสน
“ก่อนหน้านี้สักสองสามวัน คุณเคยไปเที่ยวผับโกเก้บ้างไหม”
“สถานที่แพงขนาดนั้น ผมไม่มีปัญญาหรอก บางทีคุณอาจเจอใครที่หน้าตาหล่อคล้ายผมก็ได้ อีกอย่างผมมั่นใจว่าเราเพิ่งจะเจอกันครั้งแรก”เจ้าของรถบอกเสียงทุ้ม พลางลดความเร็วของรถลง ดวงตาสีฟ้าคมมองกระจกส่องหลังว่ามีใครตามมาทันหรือไม่
“ถ้าอย่างนั้นคุณเป็นใคร ทำไมอยู่ๆ โผล่มาอยู่ตรงนั้นได้”
“ผมผ่านมาพอดี เห็นคุณกำลังวิ่งหนีไอ้พวกนั้นอยู่ ก็เลยจอดช่วย ไม่นึกว่าจะต้องมายิงคนตายถึงสาม”
คนฟังใจหายวาบยกมือขึ้นทาบอกพลางเหลียวมองไปด้านหลังของรถ ราวกับจะมองให้แน่ใจว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ใช่ความฝัน
“ถึงตายเลยเหรอ”
“ใช่ ตายแน่ๆ”มือปืนหน้าหยกย้ำหนักแน่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ดวงตาสีฟ้าสวยฉายแววขบขันอย่างชัดเจน
“แถวนั้นมีกล้องวงจรปิดเต็มไปหมด ถ้าตำรวจจะสืบสวนหาคนผิด ฉันว่าคุณคงไม่รอด”พูดแล้วก็ใจหายมากกว่าเดิม นึกสงสารคนตายที่ต้องมาตายทั้งที่ไม่มีความผิด เพียงเพราะต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
“ฉันสงสารลูกเมียเขาจังเลย”คนพูดเสียงเครือ ขอบตาร้อนผ่าวและปริ่มไปด้วยหยาดน้ำใสที่พร้อมจะไหลรินให้กับคนตาย
“คุณไม่ได้ห่วงผมสักนิดเลยเหรอ”
“คุณไม่ใช่คนตายนี่ ฉันจะห่วงทำไม”
มือปืนจำเป็นหัวเราะอยู่ในลำคอ พลางชะลอรถลงเมื่อเข้าเขตชุมชม
“นี่หมายความว่าถ้าผมโดนยิง คุณจะร้องไห้ให้อย่างนั้นเหรอ”
“คงไม่ เพราะฉันไม่รู้จักคุณ แต่พวกนั้นอาจเป็นลูกน้องของพ่อฉัน”
“แต่ผมยังหยุดช่วยคุณ ทั้งที่ผมไม่รู้จักคุณนะ”คนที่นั่งหลังพวงมาลัยรถหันไปยิ้มด้วย จนดานิกานึกชมในรอยยิ้มที่จุดขึ้นบนเรียวปากรูปกระจับและในดวงตาคู่คมสีฟ้าสด
“คุณจะไม่ขอบคุณผมสักหน่อยเหรอ”
“ถ้าขอบคุณแล้ว คุณจะปล่อยฉันลงไหม”
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่เอาคำขอบคุณก็ได้”คนพูดทำหน้านิ่ง จน
ดานิกานึกหนักใจว่าจะหนีจากมือปืนหน้าหยกได้อย่างไร นึกตำหนิตัวเองที่ตัดสินใจไม่รอบคอบยอมขึ้นรถมากับคนแปลกหน้า แถมเขายังยิงคนตายต่อหน้าเธออีก ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงต้องหาทางหนีจากเขาให้เร็วที่สุด
“คุณชื่ออะไร แล้วจะไปไหนตอนกลางดึกแบบนี้”
“ฉันชื่อดานิ...”เจ้าของชื่อชะงักคำพูดไว้ได้ทันหลังคิดได้ว่าเธอไม่ควรให้เขารู้สถานะที่แท้จริง
“เป็นอะไร หรือนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรบอกชื่อจริงผม”
“แล้วคุณล่ะ ชื่ออะไร”