ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก - ตอนที่ 2 คาบเช้าสุดโหด โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,รั้วโรงเรียน,ไทย,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก

รายละเอียด

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ผู้แต่ง

XiaoHu

เรื่องย่อ

เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก


แนะนำตัว


ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์

กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์


ติดตามกันได้


เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย

ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน

ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ

นายจะบอกว่า ตั้งใจ

แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร

ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที

ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา! 

เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..

ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้

นายต้องห้ามลืมฉันนะ

ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ

เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ


ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ

แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ

อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด 

ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้

สารบัญ

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 1 กัดตั้งแต่เปิดเทอม,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 2 คาบเช้าสุดโหด,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 3 นายแบบหูแมวสุดฮอต,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 4 ติดหนี้ต้องใช้คืนกับร้านไอศครีมแสนหวาน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 5 งานคู่ที่ต้องทำร่วมกัน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 6 ขบวนอุ่นจากสัมผัลที่อบอวล

เนื้อหา

ตอนที่ 2 คาบเช้าสุดโหด



ข้าวเดินเข้าตึกเรียนด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งคำพูดกวนประสาทของภามยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ “ยังไงก็น่ารักอยู่ดี” งั้นหรอ ได้ยินอะไรไร้สาระตั้งแต่เช้าคนอย่างนายอะนะจะ…ไม่สิๆ ไม่ใช่สิ นายมันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นหรอกน่าทั้งหมดก็แค่กวนประสาทฉันเท่านั้น ข้าวพึมพำกับตัวเองพลางสะบัดหัวไล่ความคิดที่มันกวนใจ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มออกมานิดๆ


          ห้องเรียน

“ข้าวๆ ทางนี้” เจนเพื่อนสนิทของข้าว เป็นสาวเกาหลีเกาใจสุดๆและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชายที่พบเห็น พร้อมกับผมยาวมัดหลวมๆ ดูเหมือนไม่ตั้งใจแต่ออกมาสวยเป๊ะเวอร์

เธอรีบโบกมือเรียกด้วยความดีใจทันทีที่ได้เจอเพื่อนสนิทหลังจากปิดเทอมไปนาน ฉันเดินไปที่โต๊ะที่เธอจองไว้ให้แล้วพร้อมกับรีบวางกระเป๋าทันที

“ฮัลโหลซิส ทำไมแกหน้าแดงไปเจออะไรมาเพื่อน เอ๊ะๆ หรือว่า…” เจนหรี่ตามองอย่างจับผิด

“มันไม่ใช่..” ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อ เจนก็ชี้นิ้วแล้วทำท่าให้ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ให้เรียบร้อยก่อนที่จะพูดอะไร

“Sit down ก่อนค่ะเพื่อน” เจนพูดพร้อมกับมองฉันที่กำลังนั่งลงอย่างเรียบร้อย “อะ พูดต่อได้เลยค่ะ”

“มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด แล้วแกก็อย่าคิดไปไกลด้วย” ฉันรีบปฏิเสธพร้อมยกมือป้องหน้าแต่ยิ่งปฏิเสธเจนก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ

“แกรีบเถียงเกินไปเปล่า แบบนี้มันมีพิรุธนะจ๊ะ เล่ามาซะดีๆ ไม่งั้นเกิดไรขึ้นเพื่อนไม่ช่วยนะ” เจนพูดพร้อมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ฉันที่กำลังนั่งเบ้ปากอยู่

“ก็ได้ๆ”

“อะ เรื่องผู้ชายบนรถไฟหรือเรื่องเจ้าคู่กัดประสาทเสียของแก?”

“ใครของฉันยังไม่มีเถอะ ฉันยังไม่อยากพูดถึงทั้งสองคนเลย!” ฉันรีบตอบอย่างเสียงแข็ง

”สงสัยที่เจอมาจะหนัก” พร้อมกับเอามือลูบหัวฉันเบาๆ

“เจน! นี่เพื่อนค่ะ ไม่ใช่หมา”

“แหมๆ” เพื่อนต้องพูดว่า “ถ้าไม่ใช่ผู้ เพื่อนไม่ให้ แบบนี้มากกว่าค่ะ“

ถึงฉันจะบอกเจนไปแบบนั้นแต่ในหัวของฉันตอนนี้กลับเต็มไปด้วยภาพของทั้งสองคน ทั้งพี่ธีที่แสนอบอุ่นและใจดี กับ เพื่อนสนิทอย่างภามที่กวนประสาทสุดๆ

“เอ้อ ว่าแต่เพื่อนมาแบบรู้ใช่มั้ยว่าคาบเช้านี้เรียนอะไร?”

“อะ…เอ่อออ”

“มาแบบไม่รู้เหมือนตอนปีหนึ่งอีกแล้วสินะ แกลงทะเบียนเรียนยังไงเนี่ย” เจนถอนหายใจทันที

”ฉันจดไว้แล้วนะ แต่….”

”แต่..?”

“ฉันลืมดู”

“เห้ออ เพราะมัวแต่คิดถึงพี่ธีที่เธอชอบสินะ” เจนถามอย่างรู้ทัน

“บ้า! ไม่ใช่แล้วก็ไม่ได้คิดถึงสักหน่อย” ฉันรีบปฏิเสธทั้งที่ความจริงก็มีแวบๆ เข้ามาในหัวหลังที่เจนถามมาแบบนั้น

“แล้วสรุปเรียนอะไร” ฉันถามย้ำเพื่อต้องการคำตอบอีกรอบ แต่ทันทีที่เจนยังไม่ทันได้ตอบ อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องและเปิดจอโปรเจ็กเตอร์พร้อมอธิบายเนื้อหาที่เครื่องกำลังฉายของสิ่งที่ต้องเรียนในคาบเช้าวันนี้

“วาดคน!..” ฉันเผลอลุกขึ้นและตะโกนออกมาลั่นห้องด้วยความตกใจ จนอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่นั่นถึงกับหยุดอธิบายเนื้อหาและหันมามองฉันทันที

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่ากันยนา ถ้าไม่พร้อมที่จะเรียนเชิญออกได้ทุกเมื่อค่ะ” หลังอาจารย์พูดจบบรรยากาศในห้องเงียบกริบและกดดันจนหนักอึ้ง

“ขอโทษค่ะอาจารย์” ฉันรีบก้มหน้ารับก่อนจะนั่งลงอย่างเรียบร้อย

“ไม่เป็นไรนะแก” เจนยื่นมือมาจับไหล่ฉันเบาๆ

ทำไมต้องวาดคนตั้งแต่เทอมแรก พึ่งเปิดเทอมเองแท้ๆ นะทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่เช้าเลยละเนี่ย ถ้าคาบเช้าโหดขนาดนี้บ่ายจะขนาดไหน ฉันฟุบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมกับนั่งบ่นพึมพำในใจแทบจะตลอดเวลาจนสายตาของฉันเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ไม่น่าที่จะอยู่ที่นี่ได้

“นาย! ทำไมนายมาอยู่ที่นี่” ฉันรีบยืดตัวขึ้นดวงตาเบิกกว้างทันทีที่เห็นเขามานั่งอยู่ข้างๆ ฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ภามกำลังนั่งกอดอกและเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เธอควรตั้งใจเรียนนะเดี๋ยวก็โดนอาจารย์สวดใส่อีกหรอก”

“นายไม่ต้องมาทำตัวตีหน้าซื่อเลย นายมาอยู่ที่นี่ได้ไงบอกมา” ฉันรีบกระซิบถามด้วยอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิดเพราะคำพูดไม่เข้าหูของเขา

ภามเหลือบตามองมาที่ฉันก่อนจะยิ้มอย่างกวนประสาทและตอบเสียงที่เรียบๆ “ก็คาบนี้เรียกทฤษฎีไม่ใช่รึไง ก็ต้องมาเรียนสิ”

ทันทีที่ฉันได้ยินก็ถึงกับขมวดคิ้ว “นายโกหกละ ปกตินายไม่เคยโผล่มาเรียนพวกนี้”

เขาไม่ตอบอะไรแค่หัวเราะและยักไหล่เบาๆ เหมือนรู้ว่าข้าวกำลังสงสัยแต่ก็ไม่คิดที่จะอธิบายอะไรไปมากกว่านี้

“มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ นายปิดฉันไม่มิดหรอก” ฉันบ่นในใจพร้อมกับจ้องมองเขาอย่างไม่วางใจ


          ในความเป็นจริง


กลุ่มๆสาวที่ตามภามมาตั้งแต่เช้ากำลังรออยู่ที่ห้องปั้นที่เขาต้องไปเรียนนั่นเอง เพราะพวกเธอรู้ว่าคาบแรกของเช้านี้วันนี้คืออะไร แต่…

ก่อนที่ภามจะถึงห้องเรียนประมาณสิบนาทีก็ได้รับข้อความจากโอม เพื่อนสนิทของภามที่ส่งมาหาพอดี

“ถ้ามึงมาตอนนี้ เตรียมตัวโดนรุมเลยเพื่อน”

และเหตุนี้จึงทำให้ภามที่กำลังเดินถึงห้องเรียนของตัวเองต้องหักเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางมาเรียนจิตรกรรมแทน”

“ว่าแต่นายรู้ได้ไงว่าคาบเช้าฉันเรียนไร” ฉันยังถามด้วยความสงสัยบวกกับจ้องเขาอย่างไม่ลดละพร้อมขมวดคิ้วอย่างไม่ไว้วางใจ

“แล้วทำไมฉันต้องบอกเธอละ” เขาหันมาตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนน่าโมโหกว่าเดิม

“นายไม่ได้เรียนจิตรกรรมสักหน่อย แล้วมาเรียนทฤษฎีแบบนี้ต้องมีอะไรซ่อนแน่ๆ”

”เธอกินอะไรเข้าไปเมื่อเช้าถึงได้ขี้สงสัยขนาดนี้ ทั้งที่ปกติเป็นปลาทองแท้ๆ”

”คนเราเปิดเทอมใหม่ก็ต้องมีการพัฒนาค่ะ ไม่ได้เหมือนนายสักหน่อย” ฉันตอบกลับด้วยความมั่นใจ จนภามเห็นแบบนั้นแล้วอดกลั้นขำไม่ได้ “นายขำอะไรห้ะ!”

“เปล่า ไม่มีอะไร” เขาตอบเพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะกระพริบตาและยกยิ้มบางๆ ให้กับข้าวในตอนที่กำลังหันไปตั้งใจฟังในสิ่งที่อาจารย์กำลังพูด

หลังคาบเช้าสิ้นสุดลงด้วยการถอนหายใจยาวเหยียดของข้าวที่แทบจะทิ้งตัวลงไปนอนกับโต๊ะพร้อมกับเลคเชอร์ที่จดวางกระจัดกระจายอยู่ แต่ก็ต้องรีบเก็บของเพื่อไปกินข้าวก่อนที่คาบช่วงบ่ายจะเริ่มขึ้น

“โอ๊ย…แค่คาบเช้าก็จะหมดแรงแล้ว”

”ไม่จบง่ายๆ หรอกซิส” เจนที่ยืนอยู่ข้างๆ บอกพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนเธอจะตั้งใจคุยกับภามมากกว่าตั้งใจเรียนซะอีกนะ”

”เลิกพูดถึงบุคคลที่สามเถอะค่ะ”

”แล้วภามไปไหนแล้วละ”

”ไม่รู้”

”เอาเถอะๆ รีบไปกินข้าวกัน ต้องรีบเตรียมตัวขึ้นไปวาดแบบต่ออีก”

”ให้ตายสิ..” ฉันบ่นพลางเดินลากเท้าออกจากห้องพร้อมกับเจนโดยที่ก็รู้ดีว่าช่วงบ่ายนั่นมันสาหัสกว่าคาบเช้าเป็นสิบเท่าเพราะต้องนั่งวาดเป็นชั่วโมงโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะเสร็จเมื่อไหร่

“ถ้าเธอจะเดินลากขนาดนี้ ขี่หลังฉันมั้ย”

“เอาสิ” ฉันตอบด้วยเสียงที่เหนื่อยพร้อมกับหันไปหาเจ้าของเสียงที่ดังอยู่ข้างหลัง

“นะ….นาย!” ทันทีที่เห็นฉันก็เบิกตาโตใส่พร้อมกับอึ้งไปสิบวิ

“ทำไมฉันหล่อขนาดนั้นเลยหรอ” เขาตอบพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ

“แหวะ คนบ้าไรหลงตัวเองชะมัด”

“แล้วตกลงว่าไงอยากขี่หลังฉันเปล่า “

“นายไปให้สาวๆ พวกนั้นขี่เถอะย่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยื่นหน้าเล็กน้อยเพื่อให้เขาหันไปดูคนที่ตามมาข้างหลัง

“ข้าว เธอก็อย่าพูดอะไรแบบนั้นเลยลางมันจะไม่ดีนะ” เสียงโอมที่เดินตามหลังภามมาไม่ไกลพูดขึ้นพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ในตอนเช้าที่เกิดขึ้นให้ฟัง

“ก็! สม! ควร!!” ฉันหันไปเยาะเย้ยหลังจากที่ฟังเรื่องราวจบ “มิน่าละ ถึงโผล่หน้ามาในคาบที่ฉันเรียน”

“เธอนี่มัน…แล้วมึงไปบอกเขาหมดทำไมวะ ไอเพื่อนทรยศ” ภามหันมามองหน้าฉันพร้อมกับรีบหันไปต่อว่าโอมทันที

“มึงอะ มีอะไรควรบอกข้าวไว้นะ เผื่อเธอจะช่วยมึงบ้างไง”

“หา ยัยนี่อะนะ ฝันไปปะว่าจะช่วยอะ” เขาพูดพลางชี้นิ้วหันมาทางฉันที่กำลังเดินลงบันไดอย่างมีความสุข

“เธอใจดีจะตายใช่มั้ยข้าว” เสียงโอมรีบถามฉันขึ้นหลังเมินคำพูดที่ภามพูดใส่เมื่อกี้

ฉันครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะตอบโอมไป “แค่กับคนที่ดีกับฉันเท่านั้นอะนะ”

“เธอนี่มัน!…” เสียงภามแทรกขึ้นทันทีหลังที่ได้ยินคำตอบที่ฉันตอบไป


           โรงอาหาร


หลังจากที่ได้พูดคุยกันอย่างมีความสุขพร้อมกับได้กินข้าวกลางวันในโรงอาหารของมหาวิทยาลัยที่คิดถึงมานานและแสนอร่อย…อร่อยตรงไหนเนี่ย!

ในขณะที่ฉันกำลังนั่งกินข้าวกับเจนอยู่นั้นก็มีบุคคลที่ฉันไม่อยากให้ร่วมโต๊ะมาร่วมอีกจนได้ แถมคราวนี้ไม่ได้มาแค่หนึ่งแต่มาถึงสี่คน

“เฮ้! นั่งนี่ๆ”

“มิทราบว่าใครเชิญนายมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยคะ” ฉันพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายสุดๆ บวกกับสายตาที่จ้องมองชายหนุ่มที่ส่งเสียงเรียกเพื่อนพร้อมวางจานข้าวข้างๆ ที่ฉันกำลังนั่งอยู่

ขณะที่เจ้าตัวยังไม่ตอบอะไรฉันกลับมา เพื่อนผู้ชายอีกสามคนก็ตามมานั่งสมทบข้างฉันกับเจนกันยกใหญ่

“รบกวนด้วยนะสาวๆ” เสียงผู้ชายอีกสามคนพูดขึ้นพร้อมกันทั้งฉันและเจนต่างหันไปมองหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

“นายรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าทำให้รสชาติอาหารเสียหมด” ฉันหันไปเขม่นใส่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างฉัน

“ฉันไม่ได้เป็นคนปรุงสักหน่อยหรือลิ้นเธอไม่ดี” เขาหันมาตอบพร้อมกับยกคิ้วเบาๆ ใส่เหมือนไม่รับรู้ที่ฉันพูดสักอย่าง

รสชาติก๋วยเตี๋ยวเรือร้านป้าสุขที่แสนอร่อยที่สุดในมหาวิทยาลัยแห่งนี้กลับต้องจบลงเพราะอีตาบ้านี่มานั่งข้างๆเนี่ย โต๊ะอื่นมีตั้งเยอะแยะแต่ทำไมต้อง!…อีกทั้งนายมาคนเดียวยังไม่พอยังลากเพื่อนในสาขาของนายมาอีกตั้งสามคน ฉันบ่นสุดขีดพร้อมกับหันไปหาอีตาผู้ชายที่นั่งกินอย่างไม่รู้ร้อนอะไรเลย

“ทำไมนายต้องลากเพื่อนมาด้วย”

ภามหันมาตอบฉันด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “ไอ้โอม เธอก็รู้จักแล้วนี่”

โอม เพื่อนสนิทของภามที่หน้าตาออกไปทางกวนๆแต่ก็ทำให้คนรอบข้างมีความสุขเมื่ออยู่ด้วย พร้อมกับทรงผมเปิดข้างเฟดต่ำ ทั้งรูปร่างการแต่งตัวคล้ายกับภามแต่มักใส่เสื้อแขนสั้นแบบสบายๆ

“แล้วอีตาที่เหลือนี่ละ” ฉันหันกลับไปมองผู้ชายอีกสองคนที่นั่งตรงข้ามเจนที่กำลังนั่งตั้งหน้าตั้งตากินอย่างสบายใจ

”อ๋อ นี่ชื่อกัน ส่วนอีกคนชื่อขุน” ภามชี้นิ้วพร้อมบอกฉันทีละคนว่าชื่ออะไร คนที่นั่งข้างกับเจนชื่อ ขุน เป็นเพื่อนสนิทของภามทรงหมือนเด็กเนิร์ดที่แต่งไว้หลอกสาวเฉยๆ แต่งตัวเหมือนจะเรียบร้อยแต่ก็พับแขนเสื้อขึ้นจนถึงศอก ผมหยิกจนเหมือนโดนไฟช็อตมาแต่ก็ยังเป็นทรงที่ดูดี ใส่แว่นกลมๆ คล้ายโนบิตะ ส่วนอีกคนที่นั่งถัดจากขุนชื่อ กัน แต่งตัวลุคเซอร์เหมือนหยิบอะไรได้ก็ใส่มาโดยที่ไม่ได้มองด้วยซ้ำว่าเสื้อรีดหรือยัง มาพร้อมกับกางเกงที่ขาดรุ่ยตามแฟชั่นที่คนก็ยังมีนิยมใส่กันอยู่

“เพื่อนนายแต่ละคนนี่มีไว้ม่อสาวชัดๆ” 

ในขณะที่ฉันเลิกสนใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วหันมากินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าอย่างสบายใจก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาอีกจนได้ “เธออะกินผักบ้าง ไม่ใช่กินแต่เส้น”

ฉันหันไปมองที่มาของเสียงพร้อมกับหันมากินต่อแบบไม่สนใจ ทันทีที่หันกลับไปก็มาช้อนคันหนึ่งยื่นเข้ามาในชามก๋วยเตี๋ยวฉันด้วยความตกใจจึงรีบหันไปมองทันที

“นาย..!”

“คราวหลังบอกป้าเขาด้วยว่าไม่ใส่ผัก” ภามที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันยื่นช้อนมาตักผักที่อยู่ในชามไปไว้ในจานของตัวเองจนหมดพร้อมกับสีหน้าที่นิ่งเฉยและใบหูที่แดงขึ้นมานิดหน่อย

ฉันเห็นแบบนั้นเลยไม่พูดอะไรตอบพร้อมกับหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อยก่อนที่จะก้มหน้าตั้งใจกินต่อจนหมด…