ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,รั้วโรงเรียน,ไทย,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็กทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)
เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก
แนะนำตัว
ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์
กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์
ติดตามกันได้
เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย
ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน
ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ
นายจะบอกว่า ตั้งใจ
แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร
ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที
ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา!
เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..
ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้
นายต้องห้ามลืมฉันนะ
ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ
เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ
แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ
อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด
ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้
หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จคาบบ่ายก็เริ่มต้นขึ้นทุกคนต่างแยกย้ายกันขึ้นไปที่ห้องเรียนของตัวเองยกเว้น…อีตานี่!
“ทำไมนายไม่กลับห้องไปเรียนของนายห้ะ!” ฉันหันมาพูดใส่ผู้ชายคนหนึ่งที่เดินขึ้นบันไดพร้อมฉัน
“อาจารย์เขาทักมาเรียกพอดี”
“หา นี่นายโกหกอีกปะเนี่ย”
เขาไม่ตอบอะไรโดยที่ปล่อยให้ฉันบ่นไปตลอดทางจนถึงห้องวาดแบบ
ห้องวาดแบบ
“เอาละ นักศึกษานั่งที่นั่งของตัวเองให้เรียบร้อยค่ะ” อาจารย์พูดขึ้นทันทีหลังจากที่ฉันกับเจนเดินเข้าไปในห้องพอดี
“ส่วนนายแบบที่นักศึกษาต้องวาดในวันนี้ก็คือ….” อาจารย์พูดพลางผายมือให้นายแบบออกมายืนข้างหน้า ทันทีที่นายแบบในวันนี้ก้าวเดินออกมาทุกคนในห้องต่างส่งเสียงกริ๊ดกร๊าดด้วยความดีใจกันยกใหญ่
“ถ้ารู้ว่านายแบบวันนี้เป็นใครตั้งแต่แรก ฉันคงแต่งหน้าแบบสวยจัดเต็มมามากกว่านี้แน่นอน” เสียงผู้หญิงในห้องคนหนึ่งพูดขึ้นมาเสียงดังในระหว่างที่เธอหันไปคุยกับเพื่อนของเธออยู่จนฉันที่นั่งถัดไปอยู่ไม่ไกลได้ยินเข้า
ในระหว่างที่ฉันกำลังนั่งหน้าเซ็งอยู่ท่ามกลางเสียงวี๊ดว๊ายเจนที่นั่งข้างๆก็กระซิบพลางสะกิด “ข้าว…ยัยข้าว”
“หือ…” ฉันรู้สึกตัวทันทีหลังจากที่เธอสะกิดฉัน “มีอะไร?”
“เธอรู้มาก่อนเปล่าว่าเขาจะมาเป็นแบบ”
“ไม่รู้”
“เขาไม่ได้บอกเธอหรอ”
” หึ! เปล่า” หลังจากที่ตอบเจนไปฉันก็กลับมาคิดก็จริงในสิ่งที่เจนพูดเมื่อกี้ปกติมีอะไรอีนายนี่ก็บอกฉันตลอดนี่แต่ทำไมคราวนี้ไม่บอก…?
ในขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาที่ยืนอยู่ข้างหน้าพร้อมกับปากของเขาที่ขยับไปมาแบบไม่ได้เปล่งเสียง
“พูดอะไรวะ” ฉันบ่นขึ้นมา จนฉันค่อยๆมองปากที่เขาพูดใหม่อีกครั้ง “เซอร์! ไพร์ส!”
“หนอย ไอบ้านี่! นาย!!”
เขาเห็นสีหน้าของฉันหลังจากที่อ่านปากออกแล้วก็หลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้พร้อมกับเห็นท่าทีที่เธอกำลังหงุดหงิดใส่อยู่
“เงียบ!” เสียงอาจารย์ดังขึ้นแล้วบรรยากาศในห้องก็เงียบลงทันทีหลังสิ้นสุดเสียงของอาจารย์
“นายธีรัตม์ มานั่งตรงนี้” อาจารย์บอกพร้อมกับชี้ให้เขาเดินมานั่งตรงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง
“ทำตัวน่าหมั่นไส้ชะมัด” ฉันพูดออกมาพร้อมกับเบ้ปากใส่เขา
และแล้วบรรยากาศในห้องก็สงบเงียบลง ข้าวทิ้งตัวลงนั่งพลางพ่นลมหายใจแรงๆ “ทำไมต้องเป็นภาม! อีกอย่างทำไมตำแหน่งของฉันในวันนี้ถึงต้องอยู่ตรงข้ามกับเขาพอดีด้วย”
เธอเหลือบตาขึ้นไปมองนายแบบที่นั่งอยู่กลางห้องด้วยมือข้างหนึ่งที่พาดไว้ที่พนักพิงของเก้าอี้กำลังทำหน้าอย่างมีความสุขและนั่งอยู่ในท่าอย่างสบายใจ
“ใครวาดเสร็จก่อนก็เอามาส่ง แล้วกลับบ้านได้เลยค่ะ” หลังสิ้นสุดเสียงอาจารย์ทุกคนต่างตั้งใจออกแบบผลงานของตัวเองให้ดีที่สุด
ส่วนข้าวก็คว้าดินสอขึ้นมาแล้วกดมันลงบนกระกระดาษอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ก่อนจะแอบส่งสายตาขวางๆ ไปทางภาม
เสียงขีดเขียนดังขึ้นทั่วห้องทุกคนต่างตั้งสมาธิอยู่กับการวาด” นายแบบที่อยู่ตรงหน้า” แต่สำหรับข้าวนั้น…เธอเหมือนกำลังวาดสิ่งที่หงุดหงิดที่สุดในชีวิต
เธอพยายามที่จะไม่มองไปทางภามมากเกินไป แต่เจ้าตัวก็ดันนั่งอยู่ในท่าที่ดูสบายเกินเหตุ แถมยังดูเหมือนรู้ว่าข้าวกำลังหงุดหงิดอยู่
“ทำไมต้องเป็นนายด้วยก็ไม่รู้” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่เหมือนว่ามีคนได้ยิน
ภามเหลือบตามามองเธอแวบหนึ่งก่อนจะยกยิ้มขำๆ ใส่ “อย่าใส่อารมณ์เกินไปสิ เดี๋ยวฉันไม่หล่อ”
ข้าวชะงักหลังจากได้ยินคำพูดที่กวนประสาทก่อนจะกดดินสอแรงขึ้นกกว่าเดิม เธอพยายามไม่สนใจคำพูดของเขาก่อนที่จะรู้สึกตัวอีกทีก็เผลอมองหน้าเขานานเกินไปซะแล้ว…
หลังจากที่ข้าวพยายามตั้งสมาธิอยู่กับเส้นร่างบนกระดาษและกำลังจดจ่อกับรายละเอียดของนายแบบที่อยู่ตรงหน้าโดยที่ต้องคอยย้ำกับตัวเอง “อย่ามองหน้าเขามากเกินไป” เธอกำลังมองภามในเชิงมุมมองของศิลปะทั้งโครงสร้าง สัดส่วนและแสงเงา
แต่แล้ว…
แชะ!
เสียงกดชัดเตอร์ดังขึ้นไม่หยุดจากโทรศัพท์จากด้านนอกห้อง ทำให้ข้าวชะงักมือที่กำลังลากเส้นอยู่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองไปทางประตูห้องก็พบว่า
กลุ่มสาวๆ ทุกชั้นปี ต่างเบียดเสียดกันอยู่ตรงประตูบ้าง ข้างหน้าต่างบ้าง เอาหน้าแนบกระจกบ้าง โทรศัพท์ของพวกเธอถูกยกขึ้นพร้อมกันเหมือนกล้องของนักข่าวที่แห่กันมาทำข่าวยังไงอย่างงั้น สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่กลางห้องที่ภามกำลังนั่งเเป็นแบบอยู่นั้นเอง
ข้าวรีบหันไปกระซิบกับเจนที่นั่งอยู่ข้างๆ “ลงทุนกันเกินไปปะ”
เจนได้ยินแบบนั้นก็กลั้นขำทันที “ก็เจ้าตัวเขาเป็นนายแบบประติมากรรมที่ฮอตที่สุดของสาขานี่ ใครจะไม่แห่มาดู”
ฉันแทบพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนที่จะหันไปมองตัวต้นเรื่องอีกครั้งและแทนที่ตัวต้นเรื่องจะนั่งอึดอัดดันกลับขำและ
ชู2นิ้วให้กล้องด้วย!!!
ทันทีที่ข้าวเห็นแบบนั้นแทบอยากจะเอากระดาษปาใส่หน้าหล่อๆ ที่กำลังกวนประสาทอยู่ “ไอบ้าเอ้ย!”
ภามกระพริบตาใส่เธออย่างไม่รู้สึกอะไร “ฉันก็แค่ให้เป็นกรณีพิเศษ”
“พิเศษบ้านแกดิ!”
เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนกลับมานั่งนิ่งๆ อีกครั้ง แต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่เขาจะเหลือบตามามองข้าวที่กำลังมองแรงใส่อยู่
“ว่าแต่..” เขาเอียงคอนิดๆ ก่อนที่จะถามต่อ “เธอคิดว่าฉันทำท่านี้โอเคมั้ย?”
“ห้ามรบกวบค่ะอีกอย่างพวกเราไม่ได้อยู่กันแค่2คนในห้องนี้ค่ะหุบปากไปด้วย” ฉันพูดขึ้นก่อนที่ละสายตาจากกระดาษและค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย
“เห น่าเสียดาย เพราะฉันเห็นเธอจ้องตั้งนานเลยคิดว่าเธออาจจะหลงเสน่ห์ฉันเข้าแล้ว” เขาตอบพร้อมกับยิ้มมุมปากใส่
“ไอภาม!” ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำเอาอยากที่จะปาดินสอใส่หน้าแบบเต็มๆ
ฉันกดดินสอลงกระดาษอย่างแรงในขณะที่เสียงแชะจากกล้องโทรศัพท์ก็ยังดังต่อเนื่องจากนอกห้อง ข้างนอกที่เปรียบเสมือนสนามรบของเหล่าสาวๆ ที่แห่กันมาดู ส่วนข้างในก็เหมือนกับสนามรบในอีกแง่หนึ่ง
ฉันที่กำลังมองภาพร่างของภามในกระดาษของตัวเอง “อืมมม ดูดีเกินไป” มันไม่ควรที่จะออกมาดูดีขนาดนี้ “ฉันจริงจังเกินไปปะเนี่ย”
ดวงตาคมเข้มคู่นั้น จมูกที่โด่งเป็นส้น เส้นผมที่ดูเหมือนยุ่งนิดๆ แต่ก็กลับดูดี “ไม่ได้การ!”
ฉันจิ๊ปากตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจเติมบางอย่างลงไปในภาพ ต้องค่อยๆ ลากเส้นเพิ่ม หูแมวตั้งๆ บนหัวของภาม จากนั้นก็เติม หางแมวฟูๆ ที่โผล่ออกมาจากด้านหลัง เสริมด้วยอุ้งเท้าแมว แทนมือของอีตานั่น “นี่แหละเพอร์เฟ็กต์สุดๆ!”
ข้าวแอบยิ้มหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ ภาพนายแบบที่สมบูรณ์แบบกลายมาเป็นแมวน้อยแห่งสาขาประติมากรรมที่แสนน่ารักไปซะแล้ว! เธอยังไม่หยุดแค่นั้นกลับเติมประกายวิบวับรอบตัวพร้อมกับเพิ่มป้ายห้อยคอที่เขียนว่า “แมวน้อยประติมากรรม” เข้าไปด้วย
“นี่มันสุดยอดแห่งความครีเอทีฟ!”
“ทำไมดูมีความสุขจัง?” เสียงทุ้มต่ำของภามถามฉันขึ้น
ฉันชะงักและเงยหน้าขึ้นแล้วก็ต้องพบว่าสายตาของเขากำลังมองตรงๆ มาที่ฉันราวกับรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป
“ไม่สิ หรือว่าเขารู้…?” ฉันสงสัยครู่นึง “แต่เอ๊ะ…อยู่ตรงข้ามกันจะรู้ได้ไง?”
เขาเลิกคิ้วใส่ฉันพร้อมกับถามฉันอีกครั้ง “วาดอะไรอยู่ทำไมมีความสุขขนาดนั้น?”
ฉันรีบยกมือปิดรูปที่วาดเอาไว้พร้อมกับรีบตอบกลับในทันที “เปล่านี่ ก็วาดตามแบบที่อาจารย์สั่งไง!”
ภามกะพริบตาใส่เธอช้าๆ ก่อนที่จะโน้มตัวมาข้างหน้าพลางขยับปากช้าๆ โดยทีที่ไม่ได้เปล่งเสียง “ขอดูแบบเต็มๆ ด้วยนะ”
ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็แทบที่จะระเบิดตัวเองตรงนั้น ฝันไปเถอะ ฉันกระซิบตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว
“แปลว่าต้องมีอะไรจริงๆ” เขายิ้มขำใส่ฉัน
“ไม่มี”
“งั้นก็ต้องให้ฉันดูได้”
“ไปให้พ้นๆ เลย”
ภามหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะเอนหลังพิงเก้าอี้อีกครั้งด้วยท่าทางที่สบายๆแต่สายตาก็ยังคงจับจ้องข้าวไม่พัก
ข้าวรีบก้มหน้าก้มตาวาดต่อ แต่ก็รู้สึกได้ว่าภามยังคงส่งสายตากวนๆมาอยู่
“เธอน่ะ… ไม่ต้องเขินขนาดนั้นก็ได้”
ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที “เมื่อกี้นายพูดไรนะ! ใครจะไปเขินนาย”
ภามยิ้มออกมาโดยไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมกับทำท่าทางพอใจที่ได้แหย่เธอเล่นแล้วก็กลับไปนั่งนิ่งๆ
ฉันพยายามเมินผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วจดจ่อกับภาพที่วาดตรงหน้าอีกครั้ง แต่ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่า ภาพแมวน้อยในรูปเริ่มจะเหมือนจริงไปทุกที “โอ๊ย! นี่ฉันเผลอวาดออกมาน่ารักทำไมเนี่ย”
หลังจากที่ทุกคนเริ่มวาดผลงานของตัวเองเสร็จและค่อยๆ เริ่มทยอยเอางานไปส่งอาจารย์ที่กำลังนั่งรออยู่ โดยที่ฉันก็รีบไปต่อแถวเพื่อที่จะรอส่งงานพร้อมกับนึกในใจว่าฉันกำลังจะได้พาตัวเองออกไปจากตรงนี้สักที เมื่ออาจารย์ได้ดูผลงานของฉันก็ถึงกลับตกใจและรีบเงยหน้าขึ้นมามองฉันอย่างรวดเร็วพร้อมสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างแรง
“นี่มันอะไรกันยนา?” เสียงอาจารย์ดังขึ้นทำให้ฉันรีบหันมามองอาจารย์ทันที “ทำไมแบบที่เธอวาดถึงมีหูแมว?” อาจารย์ถามขึ้นอีกครั้ง
“เอ่อ คือว่า”
“แล้วหางแมวนี่คือ?”
“…”
“ไหนจะอุ้งเท้านี่อีก? แล้วป้ายห้อยคอคือ?“
“บ้าจริง!” ฉัยยิ้มแห้งๆ และพยายามหาเหตุผลที่ดีเพื่อเป็นทางออกให้ตัวเองอย่างสุดชีวิต แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรฉันเลย
อาจารย์มองหน้าฉันอยู่พักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้ววางกระดาษลงพร้อมกับยื่นมาคืนฉัน “แก้งานใหม่”
จบกัน!
ฉันกลับมานั่งและทรุดตัวลงกับโต๊ะอย่างหมดหวัง ในขณะที่เพื่อนๆรอบตัวพร้อมทั้งเจนเริ่มเก็บของกันแล้ว
“ให้ช่วยมั้ยข้าว?” เจนถามขึ้น
ฉันโบกมือให้ “ไม่เป็นไร” ฉันต้องรับกรรมของตัวเอง
“นายแบบไม่อยู่แล้วด้วยนะ ไหวนะ?” เธอถามย้ำอีกรอบ
ฉันไม่ตอบอะไรเพียงแค่พยักหน้าให้ก่อนที่เจนจะตบบ่าฉันอย่างเบาๆ แล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมคนอื่น แล้ววินาทีต่อจากนี้ฉันต้องนั่งแก้งานอยู่คนเดียวในห้องจนถึงเย็น
ข้าวที่กำลังก้มหน้าก้มตาวาดต่อในห้องเงียบๆ มีเพียงแสงอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำทอดผ่านหน้าต่างเข้ามา เธอคิดว่าคงจะได้ใช้เวลานี้วาดแบบเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครมากวนใจ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้
แกร๊ก!
“อ้าว ยังไม่กลับอีกรอบ” เสียงทุ้มต่ำที่เธอคุ้นเคยดังขึ้น
ฉันเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าภามกำลังยืนอยู่ตรงหน้าและมองเธออยู่ “นายทำไมมาอยู่นี่?”
เขาเลิกคิ้วขึ้น “พอดีเดินผ่านแล้วเห็นแมวน้อยนั่งซึมอยู่เลยแวะเข้ามา”
“ใครเป็นแมวน้อย?”
เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอ
“ให้ช่วยมั้ย”
ฉันรีบขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้นมามอง “หือ ยังไง?”
“ก็เป็นแบบให้อีกรอบไง”
“นายพูดจริงดิ” ฉันที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับอ้าปากค้าง
“ก็ช่วยไม่ได้ ฉันน่าจะเป็นต้นเหตุให้เธอต้องโดนแก้งานไม่ใช่หรอ”
ฉันจ้องหน้าเขาไปครู่หนึ่งก่อนจะพ่นลมหายใจ “งั้นก็นั่งนิ่งๆ”
“ฉันต้องนั่งนิ่งๆ อีกรอบสินะ” เขาหัวเราะออกมาก่อนจะถามอีกคำถาม “ต้องหายใจด้วยมั้ย?”
“Up to you ค่ะ”
ภามแกล้งถอนหายใจใส่ “โอเคๆ ครับจาร”
ข้าวหัวเราะออกมาแล้วเริ่มลงมือวาดใหม่อีกครั้งแต่คราวนี้เธอแอบเงยหน้ามองนายแบบของเธอเป็นระยะๆ และไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือปล่า แต่ครั้งนี้ภามดูเหมือนจะนั่งให้นิ่งขึ้นกว่าเดิม “แบบนี้ก็ไม่แย่นะ”
เธอลากเส้นบนกระดาษอย่างตั้งใจ รอบนี้จะไม่มีหูแมว หางแมว อุ้งเท้าแมวและไม่แถมป้ายห้อยคอแล้ว จะวาดออกมาให้สมบูรณ์แบบเหมือนกับนายแบบตัวจริงที่อยู่ตรงหน้า
แต่ปัญหาก็เกิด..
ภามจ้องมองข้าวแบบไม่ละสายตา
ถึงเขาจะนั่งนิ่งเป็นแบบให้เธอวาดก็จริง แต่ดวงตาคมเข้มที่ไม่มองไปที่อื่นเลย เขาจับจ้องมาที่เธอตลอด
ข้าวขมวดคิ้ววางดินสอลงเพราะรู้สึกเหมือนลูกกวางที่กำลังโดนสิงโตจ้องตะครุบเหยื่ออยู่พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา “นายมองฉันทำไม?”
เขากะพริบตาใส่ “ก็ปกติคนเราต้องมองไปข้างหน้าไม่ใช่หรอ แล้วข้างหน้าของฉันคือเธอก็ต้องมองเธอสิ”
“นายก็มองไปที่อื่นบ้างก็ได้”
“หรือว่าเธอเขิน” เขาหัวเราะใส่เธอเบาๆ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
“เขินไร! ทำไมต้องเขิน” ฉันรีบก้มหน้ากลับไปวาดต่อ แต่ทำไมมือที่จับดินสอเริ่มไม่มั่นคงเหมือนเดิมละ
ความเงียบโรยตัวไปชั่วครู่ก่อนที่ภามจะพูดขึ้นมา
“รอบนี้ฉันหล่อขึ้นเปล่า?”
ฉันที่ได้ยินแบบนั้นถึงกลับกลอกตา “ก็สัดส่วนเท่าเดิม ขี้เหร่มากขึ้น”
“พูดมาแบบนี้คนฟังเสียใจแย่นะ” ก่อนที่เขาจะเอียงหน้ามามองเธอ “แล้วถ้าเราอยากได้แบบพิเศษละจะให้เปล่า?”
“ยังไง?”
“ก็แบบ เธอจะเติมอะไรลงไปเพิ่มอีกมั้ย?”
“นายรู้อะไรมา..?” ฉันหรี่ตามองเขาอย่างระแวง
“เปล่า” เขายกมือขึ้นเหมือนยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง “แค่รู้สึกว่าเเธอแอบขำตอนที่วาดรูปในคาบบ่าย”
“เชอะ! ดันรู้ซะได้ ฉันวาดแบบจริงจังแล้ว ไม่มีอะไรพิเศษแล้วก็ไม่ต้องทำหน้าอยากได้ด้วย” ฉันตอบกลับแบบเสียงแข็ง แต่พอพูดจบภามก็โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยสายตาเหมือนกำลังจับผิด
“แน่ใจ?”
“แน่”
“งั้นก็ต้องให้ฉันดูได้”
“ไม่!”
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว” เขาหัวเราะใส่แล้วเอนตัวกลับไปนั่งดีๆ อีกรอบ
เธอมองเขาอย่างระแวงระวังนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ ลงรายละเอียดต่อ เธอเผลอเงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกครั้งและคราวนี้ภามยังมองเธออยู่ แต่ไม่ใช่สายตาที่กวนประสาทแบบเมื่อกี้ มันเหมือนเป็นสายตาที่มองแค่เธอคนเดียวจริงๆ
ข้าวรีบก้มหน้าลงไปวาดต่อด้วยใจที่เต้นแปลกๆ ทั้งที่มันไม่มีอะไรเลยก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาอย่างเบาๆ “เธอรู้ตัวมั้ย? ตอนที่เธอกำลังวาดฉันอยู่ตอนนี้เธอยิ้มออกมาด้วย” ฉันที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับชะงักดินสอในมือหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“เธอคงไม่ได้แอบเติมอะไรแปลกๆ ลงไปอีกรอบนะ” เขาพูดเพิ่มก่อนที่จะกลั้นหัวเราะออกมา
ฉันที่ได้ยินแบบนั้นเผลอกัดฟันแน่นพยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้เผยพิรุธแต่ในใจก็รู้ดีว่าเผลอเติมอะไรลงไปจริงๆ ตามที่ภามบอก
เงาเส้นบางๆ ตรงหางตาของภามในภาพวาดมันเป็นเส้นโค้งเล็กๆ ที่ดูเหมือนว่า เขากำลังยิ้มให้ฉันอยู่จริงๆ
“ตายละ แบบนี้ยิ่งกว่าเติมหูแมวอีก!”
ในขณะที่ฉันกำลังเก็บของหลังจากวาดเสร็จแล้วอย่างสบายใจจนไม่ได้สนใจเลยว่าคนที่เคยนั่งอยู่ตรงหน้าฉันได้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“อืมมม~” เสียงทุ้มต่ำของภามดังขึ้นจากด้านหลังของฉันทำให้ฉันรีบหันหน้าไปมองเขาในทันที เขายิ้มมุมปากแบบที่ไม่น่าไว้ใจก่อนที่เอื้อมมือไปหยิบกระดาษแผ่นนึงที่ฉันเสียบไว้ในสมุดวาดของฉันที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมา และภาพนั้นมันก็คือภาพวาดต้นฉบับที่ฉันเติมหูแมวให้กับเขา
ฉันเบิกตาโตกว้างรีบพุ่งเข้าไปแย่งกระดาษคืน “เอาคืนมานะ!”
แต่ภามเร็วกว่าแถมความสูงที่ต่างกับลิบ เขาชูภาพนั้นสูงขึ้นจนเธอเอื้อมไม่ถึง ภามมองรูปด้วยสายตาเป็นประกายสนุกสนาน “โอ้โห! ฉันไปเป็นแมวตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แถมมีป้ายห้อยคอด้วยเธอเป็นเจ้าของฉันหรอ”
“ไม่รู้โว้ย! เอาคืนมา” ข้าวกระโดดสุดตัวเพื่อที่จะคว้าแต่ภามก็เอนตัวหลบได้แบบง่ายๆ
“หูแมวตั้งที่ขนฟูๆ ~ หางแมวยาวๆ ~ แถมอุ้งเท้าแมวอีก” เขาก้มลงมามองเธอ “เธอนี่นะ..!”
“หยุดเลย” ฉันรีบเอามือปิดหูตัวเอง
ภามหัวเราะในลำคอก่อนจะลดกระดาษลง “ให้ฉันนะ”
“ไม่!”
“เธอวาดฉันทั้งที จะเก็บไว้ทำไมละ”
“ก็เพราะมันเป็นแบบนั้นไง” ฉันรีบยกมือขึ้นกอดอกหน้าร้อนวาบไปหมด “ฉันไม่ได้ตั้งให้มันออกมาน่ารักขนาดนั้นสักหน่อย”
เขายิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินคำตอบที่เธอพูดออกมา “แปลว่าเธอเห็นว่ามันน่ารัก?”
ข้าวอ้าปากจะเถียงแต่ก็พูดไม่ออก
“สรุปให้เรานะ?” ภามถามอีกครั้งแต่คราวนี้เสียงนุ่มและอ่อนโยนขึ้น
ฉันเม้มปากแน่นแย่งกลับก็ไม่ได้ เถียงก็ดันไม่ชนะ สุดท้ายเธอเลยถอดหายใจยอมแพ้ก่อนจะพูดเบาๆ “อยากได้ก็เอาไป”
เขายิ้มกว้างทันทีก่อนจะรีบพับกระดาษเก็บใส่กระเป๋าตัวเองอย่างดี “แหม ให้มาง่ายๆ แบบนี้แสดงว่าแอบชอบเราอยู่สินะ”
ข้าวที่ได้ยินแบบนั้นรีบหันกลับไปจ้องเขม่นใส่ในทันที “ตื่นจากฝันซะนะ”