ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก - ตอนที่ 4 ติดหนี้ต้องใช้คืนกับร้านไอศครีมแสนหวาน โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,รั้วโรงเรียน,ไทย,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,รั้วโรงเรียน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก

รายละเอียด

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ผู้แต่ง

XiaoHu

เรื่องย่อ

เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก


แนะนำตัว


ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์

กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์


ติดตามกันได้


เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย

ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน

ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ

นายจะบอกว่า ตั้งใจ

แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร

ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที

ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา! 

เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..

ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้

นายต้องห้ามลืมฉันนะ

ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ

เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ


ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ

แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ

อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด 

ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้

สารบัญ

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 1 กัดตั้งแต่เปิดเทอม,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 2 คาบเช้าสุดโหด,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 3 นายแบบหูแมวสุดฮอต,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 4 ติดหนี้ต้องใช้คืนกับร้านไอศครีมแสนหวาน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 5 งานคู่ที่ต้องทำร่วมกัน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 6 ขบวนอุ่นจากสัมผัลที่อบอวล

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ติดหนี้ต้องใช้คืนกับร้านไอศครีมแสนหวาน

หลังจากที่ข้าวเอางานไปส่งอาจารย์ใหม่จนเสร็จเรียบร้อยก็ต้องรู้สึกหงุดหงิดตลอดทางเพราะดันมีอีหมอนี่เดินตามมาด้วยอยู่ไม่ห่าง

“นายจะเดินตามอีกนานมั้ย”

“ก็ทางออกของตึกเรียนมันไปทางนี้ไม่ใช่หรือไง”

พอเดินไปได้อีกสักพักภามก็พูดขึ้น “แต่ภาพที่เธอแก้ใหม่สวยดีนะ”

ข้าวที่ได้ยินแบบนั้นเลยรีบหันไปมองเขาทันที “หมายถึงภาพไหน”

“ก็ภาพที่เธอตั้งใจวาดฉันแบบจริงจังไง” เขาพูดขึ้นพลางเหลือบตามองเธอ “แต่ฉันก็คิดว่าแบบแรกก็ดีเหมือนกัน”

ข้าวที่ได้ยินแบบนั้นก็เบ้ปากใส่ “ดีบ้าไรละ!?”

เขาหัวเราะก่อนที่จะเอื้อมมือมาลูบหัวเธออย่างเบามือ “น่ารักดีไง”

ข้าวถึงกับชะงักพร้อมกับมองใส่เขาอย่างตาโต แต่ภามก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเดินต่อไปข้างหน้าปล่อยให้เธอยืนอึ้งอยู่ที่เดิมด้วยใจที่เต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ “ไอ้บ้าภาม”

“นายจะตามฉันถึงไหน จนกลับบ้านเลยมั้ย?”

ภามยักไหล่ “ก็เธอดูเหมือนคนหมดแรง จะเป็นลมหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ข้าวถึงกลับกลอกตา “ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย”

“หรือเธอจะให้ฉันอุ้มไปส่งถึงบ้านดีละ” เขาพูดพลางโน้วตัวมาใกล้

“หยุดความคิดนั้นซะ”

ภามหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาล้วงกระเป๋ามองเธอด้วยสายตากวนๆ “แล้วเธอจะไม่ขอบคุณฉันหน่อยหรอ”

ข้าวเลิกคิ้วขึ้น “ขอบคุณเรื่อง?”

“ก็เรื่องที่ฉันช่วยเป็นแบบให้เธอวาดอีกรอบไง” ภามยักคิ้ว “ไม่งั้นเธอคงต้องนั่งวาดจนถึงดึกแน่ๆ”

ข้าวเบ้ปาก “อะ..ขอบคุณ” เธอพูดเร็วๆ แล้วรีบเดินหนีไปแต่ยังไม่ทันเดินไปได้ถึงไหน ภามก็พูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เธอติดหนี้ฉันแล้วนะ!”

ข้าวหยุดเดินแล้วหันขวับกลับมาอย่างรวดเร็ว “หนี้อะไรก่อน? ขอบคุณไปแล้วไง”

“ก็หนี้ที่ฉันช่วยเธอไง” ภามกอดอกมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์สุดๆ “เธอต้องใช้คืน ส่วนขอบคุณคือมารยาทที่ต้องมี เวลามีคนช่วยต่างหาก”

“หนอยแน่!! ต้องการไรว่ามา!?” ข้าวขมวดคิ้วถาม

ภามหยุดมุมปากก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้เธอเล็กน้อย “ยังคิดไม่ออก” เขาพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “แต่เดี๋ยวจะมาทวง”

ข้าวรีบถอยหลังหนึ่งก้าว “นายอย่ามาเล่นอะไรแปลกๆ นะ”

ภามหัวเราะในลำคอก่อนที่จะตอบออกมา “ไม่แปลกหรอกน่า”

ฉันยังคงมองเขาอย่างหวาดระแวงก่อนที่เขาจะพูดต่อ “เธอก็รู้จักฉันดีไม่ใช่เหรอ” พร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก

ข้าวถอนหายใจออกมาแรงๆ “ฉันไม่น่าพลาดให้รูปนั้นกับนายเลย”

เขาหัวเราะออกมาทันที “สายไปแล้ว”

ข้าวกัดฟันแน่นเดินหนีไปข้างหน้าอย่างหงุดหงิด แต่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาแปลกๆ เพราะคำพูดของภาม “เดี๋ยวจะมาทวง”

ข้าวแยกกับภามตรงหน้ามหาวิทยาลัยก่อนที่จะเดินตรงมายังสถานีรถไฟเธอเดินตัวพิงกับกระจกหน้าต่างของรถ สายตาเหม่อมองวิวข้างทางที่ค่อยๆ ไหลผผ่านไปอย่างช้าๆ วันนี้ทั้งวันเธอแทบจะหมดแรงจากทั้งการเรียน แก้งาน และ…

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์ที่เธอถือไว้บนตักก่อนที่ข้าวจะกระพริบตาเล็กน้อยและก้มลงไปดูข้อความที่ส่งมา

พี่ธี : น้องข้าว กลับถึงบ้านหรือยังครับ

แค่ประโยคเดียวจากพี่ธีหัวใจที่อ่อนล้าไปแล้วก็พองฟูขึ้นทันทีเกือบหลับแต่กลับมาได้ของจริง

ข้าว : ยังเลยค่ะ กำลังนั่งรถไฟกลับบ้านอยู่

ไม่นานนักข้อความใหม่ก็ดังขึ้นมาอีก

พี่ธี : วันนี้เรียนเป็นไงบ้างครับ เหนื่อยมั้ย

ข้าวเผลอยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบไปยาวเหยียด เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับวันนี้ให้พี่ธีฟัง ตั้งแต่การเรียน แก้งาน ความวุ่นวายในห้องตอนวาดแบบ แต่กลับไม่ได้พูดถึงภามเลยสักนิดเดียวโดยที่ข้าวเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกที่จะไม่เล่า

บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่อยากให้พี่ธีคิดว่าเธอสนิทกับภามมากเกินไปจนดูเหมือนเกินคำว่าเพื่อนสนิทก็ได้ ข้าวคิดแบบนั้นแต่ก็มีแอบสะกิดใจอยู่ในใจลึกๆ ..


           วันรุ่งขึ้น

ข้าวเดินเข้ามาในคณะด้วยสภาพที่ยังรู้สึกเพลียจากเมื่อวานอยู่บ้างแต่ก็พยายามทำตัวให้สดชื่น แต่เหมือนวันนี้จะไม่ได้สงบสุขตั้งแต่เช้า

“ยัยเด็กอนุบาล” เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ข้าวเบิกตากว้างก่อนจะรีบหันไปมองด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคือง

“นายว่าอะไรนะ?”

ภามกำลังเดินตรงมาหาเธอพร้อมรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย ข้าวเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจขึ้นมาทันที เขาหยุดยืนตรงหน้าเธอและมองด้วยสายตาที่กวนประสาท

“เธอลืมอะไรหรือเปล่า?”

“อะไร” ฉันขมวดคิ้ว

“ก็หนี้ที่เธอติดฉันอยู่ไง” ภามพูดพลางถอนหายใจ

ข้าวชะงักไปหนึ่งวินาทีก่อนจะเบิกตากว้างทันที “นายพูดจริงดิ! จะทวงจริงจัง”

“แน่นอน”

ฉันกุมขมับทันที คิดว่าอีตานี่พูดเล่นซะอีก “นายจะให้ฉันทำอะไรละ” เธอถามด้วยน้ำเสียงระแวง

ภามยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะพูดออกมาอย่างมั่นใจ “เลี้ยงไอศครีมช็อกโกแลตฟองดูว์หลังเลิกเรียนวันนี้”

“ห้ะ” ข้าวกระพริบตาปริบๆ หลังจากที่ได้ยินในสิ่งที่หมอนี่ต้องการ

“เออนี่แหละ เลี้ยงไอศครีมไม่ได้ให้ปีนเขาเก็บเห็ดมาให้ฉันสักหน่อย” เขาว่าพลางยักคิ้ว “หรือเธอจะเบี้ยว”

ข้าวกัดฟันแน่น “นี่นายคงไม่ได้คิดไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วหรอกนะ”

“เปล่า แต่ฉันคิดตั้งแต่ที่เธอยอมให้ภาพแมวฉันมาละ”

ฉันที่ได้ยินแบบนั้นแทบจะร้องกริ๊ดออกมาดังๆ แต่ทำได้แค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างปลงตก

“ก็ได้ แค่เลี้ยงใช่มั้ย?”

เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวเธอเบาๆ “เด็กดีจริงๆ”

ข้าวปัดมือเขาออกทันที “อย่ามายุ่งกับหัวฉันโว้ย!”

ภามหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะเดินนำเธอไปข้างหน้าอย่างอารมณ์ดี ฉันมองตามแผ่นหลังของเขาอย่างหงุดหงิดปนสงสัย ทำไมหัวใจเราถึงเต้นแรงในตอนที่เขายิ้มแบบนั้นกันนะ

ข้าวยังคงถอนหายใจออกมาเรื่อยๆ เป็นระยะหลังจากที่เพิ่งตกลงเลี้ยงไอศครีมไป

เธอคิดว่าหมอนั่นน่าจะเดินไปขึ้นตึกเรียนได้โดยไม่มีอะไร…

แต่สิ่งที่คิดกลับตรงข้ามสุดๆ แค่เขาเดินนำหน้าเธอไปเพียงไม่กี่เมตรเหล่าผู้หญิงทุกชั้นปีทั้งหลายก็วิ่งแห่กันเข้ามาเหมือนฝูงนกพิราบที่เห็นเศษขนมปัง ทุกคนใช้เสียงหวานๆ เบอร์สองถึงเบอร์แปดสิบแปดออดอ้อนเขากันหมด กลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจายไปทั่วพร้อมกับพวกเธอที่พยายามเบียดตัวเข้าใกล้ผู้ชายที่หมายปรองเต็มที่

“พี่ภามมม~”

“ภามคะ ลูบหัวพี่หน่อยสิ”

“พี่ภามจะไปไหนอะคะ หนูไปด้วยสิ”

แต่คนที่โดนรุมอยู่ตรงกลางกลับยืนกอดอก หน้านิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย แถมยังมองสาวๆ ทุกคนด้วยสายตาที่เอือมสุดชีวิต

“ภาม ลูบหัวพี่หน่อยสิคะ เดี๋ยวพี่จะพาไปเลี้ยงขนมที่ห้องนะ” เสียงพี่บีมดังขึ้นจากข้างๆ เขา ภามที่ได้ยินแบบนั้นกะพริบตาหนึ่งที่ก่อนมองพี่บีมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเอียงคอถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“บ้านพี่เลี้ยงแมวหรอครับ?”

“หือ เปล่านะคะ” พี่บีมตอบเขาแบบกระพริบตาปริบๆ “น้องภามสนใจหรอคะ พี่เป็นแมวให้ได้นะ”

“อ๋อ…ผมแพ้ขนแมวครับ โทษที” ก่อนที่ภามจะเดินออกมาจากสาวๆ พวกนั้นที่ยืนนิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็มีอีกคนพยายามวิ่งตามมายื้อเอาไว้ “พี่ภามคะ หนูโดดเรียนเพื่อมาหาพี่เลยนะ”

ภามพยักหน้าแบบขอไปที “เก่งนี่”

“ก็อยากเจอพี่อะค่ะ”

“งั้นจะเอารางวัลอะไรดีละ ใบตักเตือนหรือใบลาออกดี” เขาตอบกลับด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“อะ…”

ข้าวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ถึงกับต้องกลั้นขำสุดชีวิต “ดันไปชอบคนบ้าก็ต้องทำใจนะพี่ๆ”

สาวๆ หลายคนที่ได้ยินก็เริ่มทำหน้าไม่ถูก บางคนเริ่มทยอยกลับไปยังห้องเรียน บางคนยังไม่ยอมแพ้

“พี่ภามใจร้ายจังนะคะ”

“นั่นสิภาม ทำแบบนี้พี่ไม่ใจดีด้วยนะคะ” พี่บีมเข้ามาแทรกบทสนทนาก่อนที่เขาจะตอบ

ภามถอนหายใจแล้วกอดอก “ผมว่าทั้งรุ่นพี่กับน้องจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ”

“อะไรคะ?” ทั้งสองสาวตอบพร้อมกันด้วยความสงสัยในสิ่งที่ภามพูดออกมา

ภามโน้มตัวเข้าไปใกล้ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงที่ต่ำแบบจงใจ “ถึงผมหล่อ ก็ไม่ได้แปลว่าผมต้องใจดีหรือเลือกพวกคุณนะ” ทั้งสองสาวที่ฟังแบบนั้นก็เงียบกริบ

ข้าวถึงกับอ้าปากค้างก่อนจะกลั้นขำสุดชีวิต “โอ้โห คุ้มกับที่อยู่ฟังในวันนี้ อย่างน้อยก็มีเรื่องให้ขำ”

ทั้งพี่บีมและรุ่นน้องก็แตกแยกย้ายกันไป ส่วนภามก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คเวลาเรียน แล้วหันไปเจอข้าวที่ยังยืนขำไม่หยุดอยู่ไม่ไกล

“โอ้โห! ขำค้างหรอ คิดว่าขึ้นตึกไปแล้ว”

ข้าวที่ได้ยินแบบนั้นก็พยายามตั้งสติ สะบัดหัวไล่รอยยิ้มออกจากใบหน้า “นายที่โหดสุด”

“ก็แค่พูดความจริง” เขายักไหล่ตอบ

“สงสารพวกนั้นนะ ที่ดันไม่ชอบใครดันชอบคนบ้า” ฉันตอบแบบกลอกตา

เขาอมยิ้มแล้วเหลือบมองมาทางฉันแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ “เธอว่าไรนะ หรือว่าเธอจะหวงฉัน”

ข้าวที่ได้ยินก็ถึงกับชะงักไปนิดนึง เธออ้าปากเหมือนจะเถียงแต่ก็ตัดสินใจเดินหนีแทน “ไปเรียนละ บาย”


หลังจากที่ภามแยกกับข้าวตรงหน้าตึกคณะ ภามก็คิดว่าเขาคงได้ใช้ชีวิตในวันธรรมดาๆ ของตัวเองได้ตามปกติสักที แต่ดันคิดผิดถนัด…

เพราะพอเขาขึ้นตึกและเดินตรงไปยังห้องเรียน กลุ่มสาวๆ ก็มายืนรอดักเขาที่หน้าห้องแบบไม่ลดละ พวกเธอไม่มีอาการถอดใจสักนิดแถมยังดูสนุกกับการที่เขาใจร้ายใส่เสียอีก

“พี่ภาม เมื่อกี้ที่พูดแบบนั้นไปอะ จริงๆ แล้วชอบหนูใช่มั้ย?”

“ภามใจร้ายกับพี่อีกสิคะ ”

“พี่ภาม หนูโดดเรียนมาหาพี่ต่ออีกแล้ว ขอรางวัลเป็นได้ไปกินข้าวเที่ยงกับพี่ได้มั้ยคะ?”

ภามถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นี่มันอะไรวะ! ทำหน้าเย็นชาใส่กลับยิ่งติดใจซะงั้นนี่คนเขาชอบอะไรแบบนี้กันหรอ ”

“ไปทำอะไรมาวะเพื่อน” โอมถึงกับถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าอ่อนแรงของภาม

“มีแต่คนเสียสติวะ”

“ไหวปะวะ วันนี้เรียนยาวนะ”

“เออ! ”

“เฮ้ย! ถ้าไม่ไหว ส่งไอขุนไปเลย”

“เออวะ! กลุ่มพวกเรายังมีตัวรองรับอีกคนนี่หว่า” ภามถึงกับยิ้มออกมาทันทีและรีบมองไปยังขุนที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่

“เด็กเรียนจังวะไอขุน”

“เรียนบ้าไรละ มันอ่านโดอยู่แค่เอาหนังสือเรียนซ้อน”

“โวะ!”

หลังจากที่ภามเบือนหน้าหนีจากที่โอมบอกมาเมื่อกี้ ขุนก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันมามองทันที

“อะไรวะ!”

“เปล่า” ทั้งภามกับโอมตอบเป็นเสียงเดียวกัน

สุดท้ายวันนี้ทั้งวันเขาก็แทบไม่มีโอกาสได้พักสงบๆ เลย ทั้งต้องหมกตัวอยู่ในห้องปั้นแทบทั้งวัน ทั้งต้องหนีกลุ่มสาวๆ ที่ตามติดเป็นเงา ทำให้เขาไม่ได้ไปกวนข้าวเลยทั้งวัน แต่ถ้าเขายังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างก็คงจะไม่ได้กินไอศครีมตามที่ข้าวสัญญาจะเลี้ยงแน่ๆ

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งไปให้เธอ

เย็นนี้ไปเจอที่ลานจอดรถหลังมอ


หลังเลิกเรียนข้าวเดินมาตรงตามที่ภามส่งข้อความมาหา ท่ามกลางเสียงฝีเท้าและเสียงรถยนต์ที่ขับผ่านไปมาแต่เธอก็มองหาภามที่บอกให้มาเจอที่นี่

แค่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็ดังกระหึ่มขึ้นจากทางมุมหนึ่งของลานจอดรถ เมื่อข้าวเห็นภามขับมอเตอร์ไซค์มาจอดตรงหน้า ข้าวที่ยืนอยู่แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

“นาย…นายขโมยรถใครมา”

ภามนิ่งไปชั่วครู่แล้วจ้องมองมาที่ข้าวก่อนจะเปิดหมวกกันน็อก “ขึ้นมา”

ข้าวยังยืนด้วยความสงสัย จนเขาพูดขึ้นมาต่อ “หรือเธอกลัว ไม่สิ เธอขึ้นถึงใช่มั้ย?”

“ไอ้ภาม! ” ข้าวตอบเสียงแข็งแล้วขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายแแต่โดยดี

ภามไม่พูดอะไรต่อ แล้วบิดคันเร่งขับออกไปทันที โดยไม่สนใจว่าจังหวะนี้จะมีใครมาเห็นหรือเปล่า แต่ถ้าพวกสาวๆ ที่ตามนั้นมาเห็นภาพในตอนนี้คงไม่ดีต่อเธอในวันหลังแน่นอน

ข้าวที่นั่งอยู่ด้านหลังก้เริ่มรู้สึกได้ถึงลมที่พัดผ่านเข้ามาทำให้เธอหลับตาลงแล้วยิ้มออกมาเบาๆ

จนกระทั่งภามขับมาถึงร้านไอติมเล็กๆ แห่งหนึ่งในซอยมุมอับที่อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่ เขาจอดรถมอเตอร์ไซค์แล้วชี้ไปที่ร้าน “ถึงแล้ว ”

ข้าวมองร้านเล็กๆ ที่แอบอยู่ในซอยด้วยสายตาแปลกใจ “นายคงไม่ทุบหัวฉันแล้วลากไปทำอะไรที่ไม่ดีนะ”

“เธอมองเห็นเป็นคนยังไงเนี่ย” เขาตอบพลางเธอแบบไม่พอใจก่อนที่พูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ในร้านนี้มีของอร่อยที่เธอชอบอยู่”

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านไอศครีมโดยไม่พูดอะไร บรรยากาศในร้านค่อนข้างเงียบและไม่พลุกพล่านมากนักและดูเหมือนว่าเจ้าของร้านจะสนิทกับภามเป็นอย่างดี เพราะทันทีหลังจากที่ภามเดินเข้ามาเจ้าของร้านก็ยิ้มให้ทันที

“อ้าว มาแล้วหรอภาม”

“อืม” ภามพยักหน้าตอบเล็กน้อย

“ใช่คนนี้ที่เล่าให้ฟังเปล่า”

“พูดมากน่า”

ข้าวที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับหันมาถาม “เล่าอะไรเหรอคะ?”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า” เขาพูดตัดบทก่อนจะหยิบเมนูมาให้ข้าวเลือกดูสิ่งที่ชอบกิน

“เธอจะสั่งอะไรก็ได้ แต่ต้องสั่งที่ฉันบอกเธอไปด้วย”

“รู้แล้วๆ”

“สามารถเปลี่ยนรสชาติของไอศครีมได้นะคะถ้าเป็นเซตช็อกโกแลตฟองดูว์ ” พนักงานพูดแนะนำขึ้นมา

“ไม่ต้องมีรสวนิลาก็พอครับ” ภามตอบพนักงานทันทีพร้อมกับสั่งเมนูอื่นเพิ่มด้วย

“เดี๋ยวๆ นายสั่งมากไปปะ ปรึกษาคนเลี้ยงอย่างฉันด้วย”

“เอาน่า”

ข้าวที่นั่งอยู่ตรงมุมของร้านพร้อมกับตักไอติมเข้าปากอย่างมีความสุข รสชาติหวานนุ่มของไอศครีมละลายในปากทำให้รู้สึกผ่อนคลายสุดๆ หลังจากที่เหนื่อยมาตลอดทั้งวัน แต่ในขณะเดียวกัน ภามก็ยังคงนั่งมองเธออยู่ไม่ห่างเหมือนจะเฝ้าสังเกตทุกรายละเอียดของเธออย่างไม่ละสายตา

ข้าวที่รู้สึกถึงสายตาของเขาก็หันไปมอง ภามที่กำลังนั่งยิ้มเข้าเล่ห์ให้เธอ “มองไร” ฉันถามเสียงห้วนขณะตักไอศครีมเข้าปากไปอีกหนึ่งคำ

ภามยักไหล่ก่อนจะตอบพร้อมกับยิ้มออกมา “มองเธอกินไอศครีม ดูน่ารักดี”

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นฉันก็ทำหน้ามุ่ยไม่รู้ว่าเพราะหงุดหงิดหรือจะยิ้มกับคำตอบไปด้วยดี

“จะบอกว่าฉันน่ารัก?”

เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ “ก็พอได้”

ฉันถึงกลับกลอกตาใส่ “หยุด ไม่ต้องพูดต่อละ”

ภามหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะยักคิ้ว “เธอต้องยอมรับความจริงบ้างนะ ฉันเห็นยังไงก็บอกตรงๆ”

“หยุด!” ข้าวพูดเสียงดังขึ้นนิดหน่อย ขณะตักไอศครีมยัดเข้าไปในปากของตัวเอง

เขามองการกระทำของเธอแล้วก็ยังไม่วายกวนต่อ “ถ้าเธอไม่อยากให้ชม ก็ทำหน้าหงุดหงิดแบบนี้ต่อไปละกัน”

ข้าวทำท่าทางเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกพยายามจะไม่ยิ้มแต่ก็ห้ามไม่อยู่ “กวนประสาทชะมัด”

เขายิ้มกวนๆ พร้อมส่งสายตาและพูดต่อ “รู้ตัวมั้ยว่าเธอทำหน้าหวานมากตอนที่กินไอศครีม”

ข้าวหยุดช้อนในมือก่อนจะหันไปมองเขาด้วยหน้าที่ขึ้นสี “หุบปากไป”

ภามหัวเราะอีกครั้งก่อนจะพูดเสียงทุ่มต่ำ “ก็เธอ…เล่นทำตัวน่ารักแบบนี้ใครจะอดใจไหว”

ฉันที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าเหมือนจะหงุดหงิดแต่ก็ยังคงหยุดยิ้มไม่ได้ ไอภามหยุดพูด

“ฉันชอบเวลาที่เธอเป็นแบบนี้นะ” ภามพูดเสียงเบาๆ โดยไม่ได้ตั้งใจให้ข้าวที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้ยิน

ข้าวที่ได้ยินก็เงียบไปสักพักก่อนจะทำเสียงค่อยๆ ล้อเล่น “นายเหมือนสารภาพรักเลยเนอะ”

เขายิ้มใส่เธอไม่หยุดพร้อมกับหูที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ “บ้า! แค่บอกว่าน่ารักเฉยๆ”

ฉันยิ้มออกมาก่อนจะหยิบช้อนมาตักไอศครีมเข้าปากอีกครั้ง “หวานปากจังนะ”

เขาตักไอศครีมขึ้นมาแล้วหันช้อนยื่นไปทางที่ข้าวนั่งอยู่ “ถ้าเธอน่ารักขนาดนี้ ก็ต้องยอมหวานบ้าง”

ฉันถึงกับชะงักไปหนึ่งวินาทีก่อนจะคว้าส้อมจิ้มมาร์ชเมลโล่แล้วจุ่มลงไปในฟองดูว์อย่างแน่นหนึบ จากนั้นก็เอาไปจ่อที่ปากของภาม

“อะ ตอบแทนที่ป้อนเมื่อกี้”

ภามมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมอ้าปากรับคำที่เธอป้อนเข้าไป

ข้าวมองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกแปลกใจที่ผู้ชายตรงหน้ายอมนั่งนิ่งๆ แล้วกินที่ฉันป้อนไปเมื่อกี้ ฉันจ้องหน้าภามที่เคี้ยวอยู่สองสามนาทีก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา “เป็นไงละ พ่อคนยอมหวานหวานใช่มั้ยละ”

ภามพยายามกลืนคำสุดท้ายลงไปก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเนือยๆ “ก็เหมือนคนป้อนอะ”

บรรยากาศในร้านไอศครีมเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของทั้งสองคน ข้าวไม่รู้เลยว่าในขณะที่เขากวนประสาทเธอตลอดเวลา ภามก็เริ่มค่อยๆ เข้ามามีความหมายในชีวิตของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว…