ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก - ตอนที่ 7 ความลับของพี่ธี โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก

รายละเอียด

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ผู้แต่ง

XiaoHu

เรื่องย่อ

เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก


แนะนำตัว


ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์

กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์


ติดตามกันได้


เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย

ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน

ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ

นายจะบอกว่า ตั้งใจ

แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร

ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที

ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา! 

เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..

ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้

นายต้องห้ามลืมฉันนะ

ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ

เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ


ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ

แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ

อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด 

ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้

สารบัญ

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 1 กัดตั้งแต่เปิดเทอม,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 2 คาบเช้าสุดโหด,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 3 นายแบบหูแมวสุดฮอต,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 4 ติดหนี้ต้องใช้คืนกับร้านไอศครีมแสนหวาน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 5 งานคู่ที่ต้องทำร่วมกัน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 6 ขบวนอุ่นจากสัมผัลที่อบอวล,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 7 ความลับของพี่ธี,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 8 ความลับของพี่ธีถูกเปิดเผย,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 9 เรื่องราวของเด็กสาวที่ถูกลบหายไป,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 10 เส้นทางของศิลปินวัยกระเต๊าะ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 11 รับน้องหมัดเกือบทะลุ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 12 ติวสอบภายในสิบนาที,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 13 โจรห้ามร้อยกับเฮือกสุดท้ายของหนุ่มตาคล้ำ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 14 จูบสุดท้ายเพื่อเปลี่ยนสถานะ (จบ),ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 15 ตอนพิเศษ 1 ปั้นนูดแบบแนบเนื้อ P1,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 16 ตอนพิเศษ1 ปั้นนู้ดแบบแนบเนื้อ P2,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 17 ตอนพิเศษ 2 วาเลนไทน์เหงื่อชุ่ม P1,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 18 ตอนพิเศษ 2 วาเลนไทน์เหงื่อชุ่ม P2

เนื้อหา

ตอนที่ 7 ความลับของพี่ธี

เมื่อข้าวกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเปิดประตูห้องเข้ามาก่อนจะเอนตัวลงบนเตียงนุ่มๆ อย่างหมดแรง เสียงลมหายใจของเธอยังไม่ทันจะสงบจากเหตุการณ์บนรถไฟเมื่อครู่ ใบหน้าของภามยังติดอยู่ในหัวทำให้เธอพลิกตัวไปมาพยายามปัดความคิดนั้นออกไป ไม่นานนั้นเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาดูแล้วพบว่าเป็นข้อความจากพี่ธี

พี่ธี : ถึงบ้านหรือยังครับ ปลอดภัยดีมั้ย?

เพียงแค่เห็นข้อความข้าวก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอบอุ่นจากความใส่ใจของเขา เธอรีบพิมพ์ตอบกลับไปทันที

ข้าว : ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ

เธอรออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ข้อความตอบกลับจะเด้งขึ้นมาอีกครั้ง

พี่ธี : ดีแล้ว พักผ่อนเยอะๆ นะ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าใช่มั้ย?

ข้าวกำลังจะตอบกลับ แต่ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนอีกเสียงก็ดังแทรกขึ้นเป็นข้อความจากภาม

ภาม : พรุ่งนี้เธอจะนัดทำงานที่ไหน?

ข้าวชะงักไปนิดหน่อยสลับมองข้อความจากพี่ธีกับภามก่อนจะพิมพ์ตอบ

ข้าว : ก็ห้องเรียนนายที่คุยกันไว้ไง

อีกฝ่ายเงียบไปไม่มีการพิมพ์ตอบกลับเหมือนทุกทีจนทำให้ข้าวรู้สึกแปลกๆ ที่เขาไม่พูดอะไรต่อเธอเลยลองส่งข้อความไปอีกครั้ง

ข้าว : แล้วใครจะไปเอากรอบรูป

คราวนี้ภามตอบกลับเกือบจะทันที

ภาม : ฉันไปเอาเอง

ข้าวมองข้อความนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพิมพ์ตอบแค่ว่า โอเค แล้วกดปิดหน้าจอไป

เธอพลิกตัวบนเตียงพลางถอนหายใจก่อนจะซุกหน้าลงบนหมอนและพยายามข่มตาหลับ แต่สัมผัสของภามที่ยังคงติดอยู่บนร่างกายของเธอ เธอพยายามที่จะลืมแต่ทุกครั้งที่หลับตากลับเห็นภาพของเขา ดวงตาที่คมเข้มจ้องเธออย่างเร่าร้อน ริมฝีปากที่กดลงมาทำให้เธอแทบหายใจไม่ออกและมือของเขา

แม้จะพยายามไม่สนใจกับสิ่งที่ยังคงติดอยู่ในหัว แต่เธอก็ต้องทำงานนี้กับเขาไปจนเสร็จลุล่วงให้ได้


ฝั่งของภาม

หลังภามกลับถึงบ้านก็โยนกระเป๋าลงกับโซฟาก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งพร้อมกับถอนหายใจยาวหลังจากที่เพิ่งตื่นจากภวังค์บางอย่าง มือของเขาลูบไปตามเส้นผมที่เสยขึ้นคล้ายพยายามจะทำให้ตัวเองสงบลง

ภาพเหตุการณ์บนรถไฟย้อนกลับมาในหัว ริมฝีปากของเขาแนบลงไปบนริมฝีปากของข้าวโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มือของเขาโอบรอบเอวของเธอไว้แน่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ยังคงติดอยู่บนปลายจมูกของเขา

ภามหลับตาลงก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง ฉันเผลอทำอะไรลงไปเนี่ย

เขารู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นใครในสายตาของข้าว พี่ธี คนที่ข้าวแอบชอบมาตลอด คนที่เธอเฝ้ามองในทุกเช้าบนรถไฟ ภามเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง กดปลดล็อกหน้าจอและส่งข้อความไป

พี่ธี : ถึงบ้านหรือยังครับ ปลอดภัยดีมั้ย?

ภามที่ได้รับคำตอบจากข้อความที่ส่งไปก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะชะงักตัวเอง เขาไม่ควรยิ้มออกมาแบบนี้ไม่ควรจะพอใจที่ได้คุยกับเธอในฐานะพี่ธีที่เธอแอบชอบเลย

เขากดปิดข้อความนั้นลงก่อนที่จะไปเปิดอีกข้อความขึ้นมา

ภาม : พรุ่งนี้เธอจะนัดทำงานที่ไหน?

เขายังไม่ตอบอะไรในทันทีหลังจากที่เห็นคำตอบที่ข้าวตอบกลับมา เขาเพียงแค่มองหน้าจออยู่แบบนั้นเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

ภาม : ฉันไปเอาเอง

เขากดส่งไปก่อนที่จะโยนโทรศัพท์ลงข้างตัว พร้อมกับปล่อยให้ความคิดวกไปวนมา

ระหว่างที่เป็นพี่ธี เขามักจะได้รับข้อความตอบกลับเร็วเสมอ ข้าวมักจะพิมพ์ด้วยน้ำเสียงที่ดูร่าเริง แต่พอเป็นเขานั้น เธอกลับพิมพ์สั้นๆ แบบปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

ความรู้สึกของเขาที่ยังติดอยู่ในหัวเริ่มทำงานอีกครั้ง เขายังจดจำอารมณ์และความรู้สึกที่ได้โอบกอดเธอด้วยอุณหภูมิที่ร้อนและน้ำเสียงที่เธอเผลอร้องอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ฉันน่าจะให้เธอได้จูบกับพี่ธีแทนที่จะจูบกับฉันซะมากกว่านะ”


สถานีรถไฟ

ข้าวยืนรอรถไฟตามปกติ สะพายกระเป๋าไว้ข้างตัวพร้อมกับยืนมองเส้นรางเหล็กที่ทอดยาวออกไปเบื้องหน้า เธอยังรู้สึกมึนๆ กับความคิดของตัวเองตั้งแต่เมื่อคืน ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภามควรจะเรียกว่าอะไร

เสียงรถไฟที่กำลังจะมาถึงสถานีดังขึ้นก่อนจะที่เคลื่อนตัวมาจอดตรงหน้า ประตูเลื่อนเปิดออกข้าวก้าวขึ้นไปพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นและเหมือนเช่นทุกวัน เธอยังเห็นพี่ธีอยู่ในจุดเดิมของเขาที่ยืมอ่านหนังสือด้วยท่าทีสงบนิ่งเหมือนทุกครั้งที่เธอเห็น

ข้าวกะพริบตาสองสามครั้งก่อนที่เบิกตากว้างจู่ๆ เธอก็มองเห็นใบหน้าของพี่ธีที่ซ้อนทับกับใบหน้าของภาม ในขณะที่เธอเดินไปหยุดยืนใกล้ๆ ตามความเคยชิน พี่ธีเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะลดหนังสือที่ถืออยู่ลง

“อรุณสวัสดิ์!” น้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขาทักเธอขึ้นจนเธอสะดุ้ง ข้าวรีบส่ายหัวสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปและมองคนตรงหน้าให้ชัดขึ้นพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติกลับไป

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ!” ข้าวตอบกลับก่อนจะหันไปมองหน้าต่างข้างๆ

“เมื่อวานไปซื้อของมาเป็นยังไงบ้าง?” พี่ธีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบ

ข้าวชะงักไปเล็กน้อย ความทรงจำเกี่ยวกับเมื่อวานผุดขึ้นมาในหัว เธอยืนคิดไปครู่หนึ่งรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี แต่ในเมื่อพี่ธีเป็นคนถาม เธอจึงตัดสินใจตอบออกไป

“ก็..ก็ดีค่ะ” เธอเว้นช่องก่อนจะเสริม “ได้ของครบทุกอย่างค่ะ เขาก็ช่วยเยอะ”

พี่ธีที่ได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ “ช่วยเยอะ?”

“ก็ใช่ค่ะ” ข้าวเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อวาน “ถึงเขาจะกวนประสาทไปหน่อยก็เถอะ”

พี่ธีชะงักไปเล็กน้อยจนเผลอยิ้มมุมปากแต่แววตากลับดูลึกซึ้ง

“ยังไงเหรอครับ?” เขาถามต่อ

ข้าวถอนหายใจเบาๆ “ก็ตั้งแต่เดินเข้าร้าน เขาก็มาแกล้งฉันตลอดหรือไม่ก็พูดจากวนประสาทอยู่เสมอ”

พี่ธีหลุดหัวเราะเบาๆ ออกมา “ฟังดูแล้วข้าวก็น่าจะรำคาญดีนะครับ”

“ใช่มั้ยละคะ?” ข้าวพยักหน้าเห็นด้วย “หนูละอยากจะเอาถุงทที่ซื้อของเมื่อวานฟาดใส่เขาสักที” พี่ธีแอบยิ้มเคืองๆ อยู่ลึกๆ แต่ยังคงฟังเธอพูดต่อไป ข้าวพูดไปก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

“แต่สุดท้ายเขาก็มีข้อดีอยู่บ้างนะคะ” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เริ่มอ่อนลงเล็กน้อย

“ข้อดีเหรอครับ?”

“ค่ะ” ข้าวเม้มปาก “เขาช่วยถือของให้ตลอดโดยที่ไม่บ่นสักคำ แถมยังคอยดูว่าฉันหยิบของครบมั้ย อีกอย่างนะคะตอนที่กำลังเครียดเขาก็เป็นคนมาช่วยเสนอไอเดียให้ จนไอเดียนั้นเป็นที่ถูกใจของอาจารย์มากๆ ด้วยละค่ะ”

พี่ธีที่ได้ฟังก็ยิ้มออกมาราวกับชอบใจที่อย่างน้อยเธอก็ยังมองเห็นข้อดีของเขาบ้าง

“อะไรประมาณนั้นละค่ะ” ข้าวตอบกลับเบาๆ

เธอเล่าออกมาโดยไม่ทันรู้ตัวว่าระหว่างที่เธอกำลังพูด เธอเผลอจมอยู่ในความคิดที่เกี่ยวกับภามมากเกินไปจนลืมไปว่า คนที่เธอชอบจริงๆ อยู่ตรงหน้าเธอแท้ๆ

แต่เธอกลับพูดถึงอีกคนให้เขาฟังด้วยรอยยิ้มแบบนี้

ข้าวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อคิดได้ เธอกะพริบตาก่อนจะรีบเม้มปากไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงกับตัวเองที่เป็นแบบนี้

แต่พี่ธีกลับไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากมองเธอด้วยสายตาที่อ่านยาก รอยยิ้มบางๆ ยังคงแต้มอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มที่เหมือนกับว่าเขารู้ทุกอย่างอยู่แล้วแต่เลือกที่จะไม่พูดออกมา

สถานีต่อไป…

เสียงประกาศสถานีต่อไปดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่นไหวของขบวนรถไฟที่เริ่มชะลอลงเธอลุกไปยืนรอตรงหน้าประตูก่อนที่จะยกมือขึ้นมาบ๊ายบายพี่ธีตามปกติ

“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”

พี่ธีพยักหน้าเบาๆ ริมฝีปากขยับเล็กน้อยราวกับจะพูดอะไรเบาอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ทำเพียงส่งสายตามองเธอที่เดินออกไป

เมื่อข้าวก้าวลงจากรถไฟพร้อมกับผู้โดยสารคนอื่นเสียงฝีเท้าของเธอค่อยๆ ห่างออกไป จนกระทั่งเธอลับสายตาไป

พี่ธีที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมมือของเขากำแน่นขึ้น ดวงตายังจับจ้องไปที่ประตูรถไฟที่พึ่งปิดลง

การที่พบเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใสเหมือนทุกเช้า แต่ภายในใจของเขากลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

มันเป็นความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความพอใจและความขมขื่น

พี่ธีสูดลมหายใจเข้าก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นมาถอดแว่นตาของตัวเองออกแล้วพับเก็บใส่ในกระเป๋า สีหน้าที่เคยสงบนิ่งกลับพลันเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่เจ้าเล่ห์แต่จริงจังและเดินไปยืนรอตรงประตูเตรียมตัวลงสถานีถัดไป

เมื่อประตูรถไฟเปิดออก เขาก้าวเดินออกจากสถานีไปยังที่จจอดรถมอเตอร์ไซค์ที่เขาขับมาจอดไว้ทุกวัน

พี่ธียกมือขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นเผยให้เห็นเส้นผมที่เซตขึ้นเหมือนกับในทุกวันของเขา ก่อนจะปลดกระดุมเม็ดบนของเสื้อออกอย่างไม่เร่งรีบ ตามด้วยพับแขนเสื้อขึ้น สุดท้ายดึงชายเสื้อออกจากกางเกง เขาได้ทำลายภาพลักษณ์ที่เรียบร้อยและมาดนิ่งของพี่ธีที่ข้าวชอบไปจนหมด

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากก่อนที่สวมหมวกกันน็อกและขับมอเตอร์ไซค์ย้อนกลับไปมหาลัยของตัวเอง

 

มหาวิทยาลัย

ข้าวเดินเข้ามาถึงลานหน้าตึกเรียน แต่เธอกลับรู้สึกถึงความผิดปกติไปในวันนี้

ทำไมวันนี้มันเงียบแปลกๆ ปกติจะเห็นกลุ่มสาวๆ เดินตามภามไม่ต่างจากนกพิราบรุมกินขนมปังนี่

ฉันขมวดคิ้วก่อนที่จะมองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ แต่ยังคงไม่ทันคิดอะไรต่อ เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ก็ดังมาจากประตูหน้าของมหาวิทยาลัย

เธอหันไปตามเสียงและภาพที่เห็นก็ทำให้เธอชะงักไปชั่วขณะพร้อมกับเสียงที่คุ้นเคยร้องดังขึ้นตามมา “พี่ภามมาแล้ว! ภามมาแล้ว!” พร้อมกับรีบวิ่งเข้าไป

“ทำไมวันนี้มาสาย?”

ปกติเขาต้องมาถึงก่อนฉันเสมอนี่

ข้าวยืนคิดอยู่นานกว่าที่ควร

จนกระทั่ง…

“คิดถึงฉันอยู่เหรอ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นตรงหน้าของเธอ จนข้าวสะดุ้งจนเผลอก้าวถอยหลังไป

เขามองเธอด้วยรอยยิ้มที่กวนๆ ตามสไตล์ราวกับรู้ทันว่าเธอกำลังคิดเรื่องของเขาอยู่

ข้าวรีบตั้งสติดึงใบหน้าของตัวเองให้กลับมาเรียบนิ่งแต่ยังคงรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล

ภามยกคิ้วขึ้นนิดๆ เพื่อรอคำตอบจากเธอ

ข้าวรีบเม้มปากแล้วหันหน้าหนีจากรอยยิ้มกวนๆ ของเขาโดยที่พยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าหัวใจของเธอยังเต้นแรงอยู่

ก่อนที่ข้าวจะทันได้ตอบอะไรก็มีเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาอย่างรวดเร็วดังขึ้นจากข้างหลังของเธอ ก่อนที่โอมเพื่อนสนิทของภามจะปรากฏตัวขึ้น

“ไอ้ภามๆ! มีเรื่องด่วน” โอมรีบพูดพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาหาแต่ด้วยความรีบร้อนเลยเผลอชนเข้ากับข้าวอย่างเต็มๆ

“โอ๊ย!” ข้าวร้องออกมาอย่างตกใจ ร่างเล็กๆ ของเธอเสียหลักและถลาชนเข้ากับภามที่ยืนอยู่ข้างหน้าเต็ม

ภามรีบยื่นมือออกมารับตัวเธอไว้ทันก่อนที่หน้าจะขึ้นสีเล็กน้อย “ไม่เป็นไรนะ” เขาพูดพลางโอบกอดตัวเธอไว้

ข้าวรีบผละออกจากตัวเองออกจากโอบกอดของเขา “ขอบ..ขอบใจ” เธอพูดเบาๆ พร้อมกับหันไปมองโอมด้วยสายตาที่ดุ “นายจะวิ่งมาชนคนอื่นแบบนี้ได้ไงห้ะ”

โอมยิ้มแห้งๆ พลางยกมือไหว้ขอโทษเธอ “โทษทีๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ พอดีมันรีบ”

“รีบอะไรขนาดนั้น” ภามถามขึ้นทันทีพร้อมกับสายตาที่มองอย่างสงสัย

โอมรีบเอาตัวเข้าไปใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน “คือ..มีสาวปีสองมารอสารภาพรักกับนายอยู่สวนข้างตึกคณะ”

ข้าวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเต็มสองหู เธอเผลอชะงักไปเล็กน้อย หัวใจที่เต้นเร็วขึ้นเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ในอก

ภามขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่เลื่อนสายตาลงมามองข้าวที่ยืนชะงักอยู่เขาสังเกตเห็นแววตาที่หลบ แต่เขาก็แสร้งหัวเราะเบาๆ ออกมา “แล้วนายต้องรีบมาบอกขนาดนี้เลยเหรอ”

“แน่นอนสิ” โอมสิด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เธอคนนั้นดูชอบนายมากเลยนะ ไปเจอหน่อยก็ดี”

“เอาไว้ก่อนละกัน” ภามตอบด้วยน้ำเสียงปัดๆ ก่อนจะพูดต่อ “ขึ้นเรียนได้ละเสียเวลา”

โอมทำท่าจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของภาม เขาเลยพยักหน้าตาม “โอเคๆ”

เมื่อบทสนทนาจบลงข้าวที่ยังคงก้มหน้ามองพื้นอย่างเงียบๆ เหมือนไม่อยากให้ใครสังเกตสีหน้าของตัวเอง

“โอเคเปล่า?” ภามถามพร้อมกับเอียงคอมองเธอด้วยความสงสัย

“ไม่เป็นไร” ข้าวตอบสั้นๆ ก่อนจะเงยหน้ามอง “เย็นนี้เจอกัน”


ห้องเรียน

ข้าวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะของเธอแต่กลับไม่มีสมาธิฟังอาจารย์ที่กำลังสอนเลยแม้แต่น้อยสายตาของเธอจ้องไปมองโปรเจคเตอร์ที่ฉายอยู่หน้าห้อง แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความคิดที่ปั่นป่วน

ฉันเม้มปากแน่น พลิกปากกาในมือไปมาอย่างเหม่อลอย ขณะที่สมองยังคงจมอยู่กับภาพเหตุการณ์วันนั้น

ฉันจำได้เลยว่าตัวเองเบิกตากว้าง หัวใจที่เต้นแรง… อีกทั้งริมฝีปากของ…

“โอ๊ยพอ!” ฉันบ่นพึมพำเบาๆ เผลอจรดปากกาลงไปที่หน้ากระดาษโดยไม่ได้ตั้งใจ

ทำไม ทำไมฉันถึงยังคิดถึงมันอยู่ ทั้งที่มันก็แค่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทั้งที่ฉันชอบพี่ธีไม่ใช่ไอ้บ้าภามสักหน่อย แล้วทำไมแค่คิดว่าภามจะรับรักใครหรือมีใครมาสารภาพ มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย ทำไมใจมันบีบรัดแน่นแปลกๆ ละ

“ข้าว เป็นไรเปล่า?” เสียงเจนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังขึ้นจนทำให้เธอสะดุ้ง

“ไม่มีอะไรหรอก” ฉันรีบตอบก่อนจะหลบสายตา

“แน่ใจนะ? สีหน้าแกดูไม่ดีนะ” เจนยังคงมองเธอไม่วางตา “ตั้งแต่เริ่มคลาสแล้วนะ วันนี้ดูเหม่อๆ นะ แถมยังพึมพำคนเดียวอีก ไม่เป็นไรจริงเหรอ?”

ข้าวอึกอักพยายามหาคำตอบที่ฟังดูสมเหตุสมผลแต่แทนที่จะพูดอะไรออกไป ฉันก็เผลอกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ

“อย่าบอกนะว่า เรื่องภาม?”

เสียงกระซิบของเจนทำให้ฉันชะงักไปชั่วขณะหัวใจฉันราวกับหยุดเต้นไปครู่หนึ่ง

“อะ..อะไรของแกเนี่ย” ฉันรีบปฏิเสธเสียงเบาแต่ใบหูของเธอกลับร้อนวูบขึ้นมาเองโดยไม่ทันตั้งตัว

“ใช่ใช่มั้ย?” เธอยิ่งจ้องหน้าฉันหนักกว่าเดิม

“ไม่ใช่!” ฉันรีบพูดแต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังโกหกตัวเองมากกว่าปฏิเสธเพื่อน

“งั้นทำไมหน้าแดง”

ข้าวรีบเอามือแตะหน้าตัวเองก่อนจะเม้มปากแน่นกว่าเดิม นี่ฉันแสดงออกมาชัดขนาดนั้นเลยเหรอ

ไม่มีอะไรจริงๆ ฉันย้ำเสียงเบาพยายามบังคับตัวเองให้กลับไปสนใจบทเรียน แต่ก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ที่อยู่ในหัวมันไม่ง่ายเลยที่จะสลัดทิ้งไป


สวนข้างตึกคณะ

ข้าวเดินเคียงข้างเจนลงมาจากตึกเพื่อที่จะเดินไปยังโรงอาหารที่อยู่ไม่ไกล แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นกลุ่มคนที่มุงกันอยู่ไม่ไกล เสียงพูดคุยดังขึ้นมาเป็นระลอก ท่ามกลางความวุ่นวายตรงนั้น เธอเห็นภามที่อยู่ตรงกลางด้วยท่าทีสงบนิ่ง ดวงตาคมเข้มของเขาจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเรียบเฉย

แต่ข้าวกลับรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบสั่นคลอน

สายตาของเธอหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น สาวปีสองรูปร่างเล็กไม่ต่างจากเธอมากนักกำลังกำชายกระโปรงแน่นเหมือนกำลังรวบรวมความกล้า ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงเรื่อ ริมฝีปากสั่นเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เอื้อนเอ่ยคำพูดที่ข้าวไม่อยากได้ยินที่สุด

“ภาม…คือฉัน…”

เสียงรอบตัวเหมือนถูกเบาลง ข้าวจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา หัวใจของเธอเต้นแรงจนเธอได้ยินเสียงมันชัดเจนกว่าทุกอย่างที่อยู่รอบตัว

“เธอกำลังจะสารภาพรักกับเขาสินะ”

ฉันรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมา มันอึดอัดร้อนรุ่ม ขัดแย้งและสับสนไปหมด

“เมื่อกี้แกว่าไงนะ?” เสียงกระซิบจากเจนทำให้ข้าวสะดุ้ง

ข้าวพึ่งรู้ตัวว่าเธอเผลอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “ก็เดี๋ยวก็ได้ยินเองแหละ”

กลุ่มสาวๆ ที่ยืนอยู่ห่างออกไปพากันซุบซิบ เสียงลุ้นระทึกเบาๆ ในหมู่พวกเธอ แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา บางคนกัดริมฝีปาก เหมือนกำลังรอคอยคำตอบด้วยใจที่จดจ่อ

แต่มีเพียงข้าวเท่านั้นที่รู้สึกเหมือนกำลังคอคำตอบด้วยความเจ็บปวด เธอควรที่จะเดินหนีไปจากสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ควรมาเสียเวลามอง แต่ขาทั้งสองข้างของเธอกลับหนักเหมือนถูกตรึงอยู่กับพื้น

บรรยากาศรอบตัวเริ่มหนักอึ้งขณะที่หญิงสาวตรงหน้าภามค่อยๆ เปิดปากพูดออกมา

“ภาม..คือฉัน..ฉันชอบนายมาตลอดเลย ช่วยคบกับฉันได้มั้ย?”

เสียงอ่อนโยนของเธอดังก้องสะท้อนในหูของข้าวราวกับถูกขยายเป็นสิบเท่า

เสียงรอบตัวเงียบกริบไปชั่วขณะ ทุกคนรอดูปฏิกิริยาของภาม ข้าวไม่กล้าหันไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำในตอนนี้ แต่ในที่สุดเสียงทุ้มต่ำของเขาที่เธอคุ้นเคยก็ดังขึ้น

“ขอโทษนะ แต่ฉันคงรับความรู้สึกของเธอไว้ไม่ได้”

คำพูดเรียบง่ายแต่เฉียบคมพอจะเฉือนอากาศให้แหลมคมขึ้นกว่าเดิม สาวปีสองชะงักไป สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นความตกใจก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมาถาม “แต่ภาม..ไม่ลองคิดดูอีกหน่อยเหรอ”

“ทำไมต้องคิดละ ในเมื่อฉันคิดดีแล้ว” ภามตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่หนักแน่น

ข้าวรู้ดีมาตลอดว่าเขาเป็นแบบนี้เสมอ ตัดสินใจไปแล้วคือจบ ไม่ให้ความหวังใคร ไม่ปล่อยให้มีพื้นที่ว่างสำหรับความคลุมเครือ

หญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อยดูเหมือนเธอจะพยายามกลั้นน้ำตาไว้ แต่เสียงกระซิบกระซาบจากรอบข้างก็ดังขึ้นเป็นระลอกใหม่อีกครั้ง บางคนดูเห็นใจแต่ก็มีบางคนที่สะใจ

เจนที่ยืนอยู่ข้างๆ กระซิบเบาๆ “เป็นไงละ? หมดลุ้นไปหนึ่ง”

ข้าวสะดุ้งเล็กน้อย “หมายความว่าไง?”

เจนเหลือบตามามองเธอเหมือนจับสังเกต “ก็เธอดูตั้งใจฟังมากเลยนะ”

“ฉันแค่..” ข้าวตอบพลางเบี่ยงหน้าหนี แต่มันก็สายไปแล้ว

เจนยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันไม่รู้นะ แต่แกควรฟังหัวใจตัวแกเองนะ”

ข้าวถึงกับชะงักกับคำพูดที่เจนพูดกับเธอเมื่อครู่ก่อนจะหันกลับไปมองภามอีกครั้ง เขายังคงยืนนิ่งราวกับเรื่องเมื่อครู่ไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย


หลังจากที่ถามพูดจบว่าเขาไม่สามารถรับความรู้สึกของสาวปีสองนั้นได้ เพื่อนๆ ของภามที่ยืนล้อมอยู่แทบจะกรูเข้ามาหาทันที

“โอ้โห! พี่ภามของเรา ปฏิเสธสาวซะยืนช็อกไปเลยเว้ย”

“นี่! บอกพวกเรามาเลย นายมีคนที่ชอบอยู่ในใจใช่มั้ย?”

“ไหนๆ บอกมาเลย นายไม่เคยปฏิเสธใครชัดเจนขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”

เสียงแซวยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเพื่อนๆ ที่พากันล้อวงเข้ามา ขณะที่ภามยังคงยืนนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

ข้าวที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ แต่เธอกลับรู้สึกหัวใจของตัวเองที่เต้นผิดจังหวะราวกับมีอะไรบางอย่างตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง

“ตอบมาเลย เอ๊ะๆ หรือว่าจะเป็นคนที่พวกเราเดากันไว้กันนะ” เสียงโอมทักขึ้นจนทำให้ทุกคนรอบตัวต่างเงียบลง กลุ่มสาวๆ ที่กำลังซุบซิบกันอยู่ห่างๆ ก็เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้

“อะไรนะ! ภามมีคนที่ชอบแล้วเหรอ?” เสียงพี่บีมพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ

“จริงเหรอพี่?”

“ใครๆ?”

เสียงถามดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ทุกสายตาจับจ้องไปที่ภาม ไม่เว้นแม้แต่ข้าวที่ตอนนี้ก็เผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

ภามถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองทุกคนรอบๆ จนสายตาเหลือบผ่านช่องว่างระหว่างคนไปเห็นข้าวที่ยืนฟังอยู่ไกลๆ เมื่อสายตาของเขาล็อกเป้าหมายมุมปากของเขาก็ยักยิ้มขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

“ใช่ ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

เสียงรอบตัวพลันเงียบกริบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะมีเสียงแตกตื่นดังขึ้นรอบตัว

ข้าวรู้สึกเหมือนเสียงรอบข้างเบาลงอีกครั้ง เธอกำมือแน่นขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว

โดยที่ภามยังพูดต่อ และมันก็ทำให้ลมหายใจของเธอสะดุดไปในวินาทีถัดมา

“ฉันชอบเขามานานแล้วด้วย”

เสียงรอบข้างแทบจะระเบิดขึ้นทันที

“อะไรนะ! จริงดิ! ใคร?”

“ใครวะๆ พูดให้ชัดเลยภาม”

“ภาม บอกพี่มาเลยนะว่าเป็นใคร?” พี่บีมเดินตรงเข้าไปหาภามพร้อมกับดึงแขนเขาในทันที

ก่อนที่ภามจะรู้สึกตัวว่าถูกดึงแขนอย่างแรงพร้อมกับหันไปมองด้วยสายตาที่พร้อมไม่ไว้หน้าใคร “เอามือของพี่ออกไปเดี๋ยวนี้ครับ!”

พี่บีมที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบปล่อยมือออกจากแขนของเขาในทันทีก่อนที่จะฝ่ากลุ่มคนออกไป..