ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก - ตอนที่ 9 เรื่องราวของเด็กสาวที่ถูกลบหายไป โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก

รายละเอียด

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ผู้แต่ง

XiaoHu

เรื่องย่อ

เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก


แนะนำตัว


ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์

กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์


ติดตามกันได้


เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย

ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน

ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ

นายจะบอกว่า ตั้งใจ

แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร

ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที

ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา! 

เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..

ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้

นายต้องห้ามลืมฉันนะ

ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ

เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ


ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ

แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ

อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด 

ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้

สารบัญ

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 1 กัดตั้งแต่เปิดเทอม,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 2 คาบเช้าสุดโหด,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 3 นายแบบหูแมวสุดฮอต,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 4 ติดหนี้ต้องใช้คืนกับร้านไอศครีมแสนหวาน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 5 งานคู่ที่ต้องทำร่วมกัน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 6 ขบวนอุ่นจากสัมผัลที่อบอวล,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 7 ความลับของพี่ธี,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 8 ความลับของพี่ธีถูกเปิดเผย,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 9 เรื่องราวของเด็กสาวที่ถูกลบหายไป,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 10 เส้นทางของศิลปินวัยกระเต๊าะ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 11 รับน้องหมัดเกือบทะลุ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 12 ติวสอบภายในสิบนาที,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 13 โจรห้ามร้อยกับเฮือกสุดท้ายของหนุ่มตาคล้ำ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 14 จูบสุดท้ายเพื่อเปลี่ยนสถานะ (จบ),ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 15 ตอนพิเศษ 1 ปั้นนูดแบบแนบเนื้อ P1,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 16 ตอนพิเศษ1 ปั้นนู้ดแบบแนบเนื้อ P2,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 17 ตอนพิเศษ 2 วาเลนไทน์เหงื่อชุ่ม P1,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 18 ตอนพิเศษ 2 วาเลนไทน์เหงื่อชุ่ม P2

เนื้อหา

ตอนที่ 9 เรื่องราวของเด็กสาวที่ถูกลบหายไป

โอมลากภามออกจากมาสถานการณ์วุ่นวายอย่างรวดเร็ว ทั้งสองเลี้ยวเข้ามาในซอกตึกเรียนที่ห่างจากสายตาผู้คน เขาปล่อยมือจากแขนภามก่อนจะถอนหายใจแรง

“นายทำบ้าอะไรลงไปวะ รู้ตัวมั้ยว่ามันเรื่องไปกันใหญ่แล้ว”

ภามยืนนิ่งด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด ขณะที่มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะรอยแดงบนแก้มที่ถูกตบมาเมื่อครู่ แก้มที่แดงและร้อนผ่าวแต่กลับเขากลับไม่ได้สนใจมันเลย

“ก็ฉันปล่อยให้ข้าวโดนทำร้ายไม่ได้”

“โอ้โห! แล้วมันคุ้มมั้ยละ? ถ้าแลกกับความลับของนายที่กำลังจะแตก นี่ดีแค่ไหนละที่ความลับใหญ่กว่านี้ยังไม่แตกอะ” โอมสวนกลับทันที “แล้วพี่บีมแม่งพูดขนาดนั้น แสดงว่าพี่เขาต้องรู้ความลับของนายที่ปิดไว้แน่เลย แถมพูดใส่ข้าวแบบนั้นด้วย นายจะทำไงต่อ?”

ภามเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ “ข้าวก็มีสิทธิ์ที่จะรู้” เขาตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น

“หา..” โอมที่กำลังจะอ้าปากเถียง แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบเข้ามาขัดจังหวะ ข้าววิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนและเป็นกังวล

“ภาม..”

เขาหันไปมองเธอด้วยสายตาที่นิ่งสนิท “…ข้าว”

“บอกฉันมา ว่าทำไม?”

“ทำไมอะไร?”

“ทำไมนายต้องปลอมตัวเป็นพี่ธีด้วย” ข้าวที่ถามออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ทำไมต้องทำแบบนี้”

โอมที่ยืนอยู่ในสถานการณ์ที่อยากจะเข้าไปห้าม แต่ก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจแล้วปล่อยให้ภามตัดสินใจพูดออกมาเอง

“เพราะฉันไม่มีทางเลือก”

“หมายความว่าไง อธิบายมาตรงๆ สิ อธิบายมา!!” ข้าวตะโกนถามอย่างสุดเสียงพร้อมกับดวงตาที่สั่นไหวเต็มไปด้วยความสับสนและโกรธเคือง

ภามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี เพราะเขารู้ว่านี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะบอกความจริง แม้จะเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งก็ตาม

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอจริงๆ นะ แต่ฉัน ฉันไม่รู้ว่าจะเข้าหาเธอยังไงดี”

“นายหมายถึงอะไร? ฉันไม่เข้าใจ?” เธอที่จ้องมองเขาด้วยดวงตาของเธอที่เริ่มจะแดงก่ำจากน้ำตาที่เริ่มคลอขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัว

“เหตุผลที่ฉันต้องปลอมตัวก็เพราะว่า…” เขาพยายามกดความรู้สึกของตัวเองไว้ “เพราะตอนเด็กเธอเป็นคนที่บอกฉันเองว่าผู้ชายในอุดมคติของเธอเป็นแบบไหน เธอชอบผู้ชายที่อบอุ่น ใจดีและก็เหมือนกับพี่ชายที่แสนดีใช่มั้ย?”

ข้าวที่ได้ฟังก็เหมือนกับร่างกายของเธอถูกตรึงไว้กับที่ “นะ…นาย พูดอะไรอะ นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?!” เสียงของเธอสั่นราวกับนกน้อยที่สั่นเทาด้วยความรู้สึกที่กลัวและมืดมิด

ภามจ้องมองเธอราวกับต้องการให้เธอรับรู้ความรู้สึกที่เขาเก็บซ่อนมาตลอด

“นี่เธอ! เธอจำฉันไม่ได้เลยเหรอ?” เขาถามกลับอย่างเสียงที่แผ่วเบาพร้อมกับความรู้สึกที่มีอยู่ในใจเริ่มพังทลายลง

ข้าวถึงกับนิ่งไปชั่วครู่พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา หัวของเธอเริ่มปวดและสะท้านไปทั่วร่าง แต่เธอกลับนึกออกเพียงแค่ภาพในวัยเด็กที่เธอวิ่งเล่นเพียงคนเดียวอย่างร่าเริงและมีความสุข ก่อนที่จะมีเงาปริศนาค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

“ฉันที่พยายามกลับมาหาเธออีกครั้ง” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกดดัน “จนฉันได้มาเจอเธอ แต่ด้วยความที่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหาเธอยังไง จนกระทั่งนึกถึงคำพูดของเธอในวันนั้นที่ฉันไม่เคยลืม”

ในตอนนี้ข้าวรู้สึกได้ถึงโลกทั้งใบของเธอที่กำลังหยุดหมุนและเริ่มที่จะหมุนกลับไปอีกด้านแทน “นายรู้อะไรมั้ย ฉันอะนะ.. กำลังคิดอยู่ว่าจะหาทางสารภาพรักกับพี่ธียังไง?” เธอพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่น “แต่นาย…นายดันมาจูบฉันบนรถไฟในวันนั้น!”

“เฮ้ย!” โอมที่ยืนฟังอย่างเงียบๆ จากด้านหลังของภามจนทำให้เขาต้องหันไปมองทันที

“เพราะนาย…นายทำให้ฉันเครียดมากๆ เลยรู้ตัวบ้างมั้ย?” เธอสะอื้นออกมาเบาๆ น้ำตาของเธอเริ่มหยดไหลอาบแก้มพร้อมอารมณ์ทุกอย่างมันล้นทะลักออกมาทั้งหมด

“ฉันพยายามที่จะไม่สนใจนาย…แต่หัวใจมันกลับไม่เคยฟังฉันเลย”

ภามรู้สึกเหมือนถูกกระแทกเข้ามาที่อกอย่างแรง ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นจนอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างออกไปแต่เธอกลับไม่ให้โอกาส

“เมื่อวันก่อนที่มีคนมาสารภาพรักกับนาย…” เธอตะโกนออกมาทั้งน้ำตา “แล้วในตอนที่นายพูดว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ข้าวเงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “แล้วนายก็มองมาที่ฉัน!”

ภามที่ได้ยินในสิ่งที่ข้าวพูดออกมาก็ถึงกับชะงัก พร้อมกับคาดไม่ถึงว่าวันนั้นเธอจะเห็นสายตาที่เขาเผลอมองจ้องเธอ

“ข้าว..” เขาพยายามที่จะก้าวเข้าไปหาเธอ แต่เธอกลับถอยหลังราวกับไม่อยากให้เขาเข้าใกล้

“สนุกมากใช่มั้ย? ที่มาเล่นความรู้สึกของฉันแบบนี้!”

ร่างกายของเขาที่ได้ยินคำพูดเมื่อกี้ก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาภายในไม่กี่วินาทีราวกับถูกพันธนาการด้วยความรู้สึกผิดที่เขาไม่อาจแก้ไขได้

“นายไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”

“ฉันเกลียดนาย!!”

เสียงของเธอตะโกนดังขึ้นอย่างสุดเสียงก่อนที่จะหันหลังแล้ววิ่งออกไปทั้งน้ำตาที่ไหลพราก

ภามที่ยืนมองเธอจากไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนโลกทั้งใบของเขาได้พังทลายลงตรงหน้าจนแทบจะกลายเป็นเศษธุลีอย่างรวดเร็ว


           ย้อนกลับไปในวัยเด็กของข้าว

วันหนึ่งในช่วงฤดูร้อนที่มีเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งที่กำลังเล่นทรายอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวในสวนสาธารณะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เนื่องจากเธอพึ่งจะย้ายบ้านมาที่นี่ได้ไม่นานนัก เธอเป็นเด็กที่ค่อนข้างเงียบและไม่เคยกล้าที่จะเข้าหาเด็กคนอื่นจึงทำให้เธอไม่ค่อยที่จะมาเพื่อนเล่นด้วย

จนในวันหนึ่งในขณะที่เธอกำลังเล่นทรายเหมือนอย่างเคย กลับมาเงาของเด็กคนหนึ่งมายืนข้างหลังของเธอจนทำให้เธอหันไปมองตกใจในตอนแรก เงานั้นเป็นเงาของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาหล่อมากแต่เธอกลับรู้สึกถึงความไม่ค่อยปลอดภัยในสายตาของเขาที่มองเธอ

“ทำไมเธอมาเล่นคนเดียวละ?” เขาถามเธอขึ้น ก่อนที่เธอจะรีบหันกลับไปเล่นทรายของเธอต่อโดยที่ไม่มีท่าทีที่จะตอบเขาเลยแม้แต่คำเดียว

“นี่! เธอกล้าเมินฉันเหรอ ถ้าแบบนี้เวลาที่เธอมีอะไร ฉันจะเมินเธอเหมือนกันนะ”

เขาที่พูดแบบนั้นออกมาจนทำให้เธอถึงกลับต้องหันไปมองเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาอย่างแรงพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มจะคลอเบ้า

เธอนี่ดูท่าจะลืมพกปากมาจากที่บ้านสินะ แถมยังขี้แยอีกด้วย เขาพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเปลี่ยนมานั่งข้างๆ เธอที่ยังคงเล่นทรายต่อไปโดยที่พยายามไม่สนใจกับคำพูดของเขา

“เฮ้! นาย”

เสียงกลุ่มเด็กผู้ชายที่ยืนห่างจากเขาออกไปไม่ไกลเรียกขึ้น “มาทางนี้กัน” ก่อนที่เด็กชายจะหันไปมองตามเสียงที่เรียกพร้อมกับหันกลับมามองเธอที่ยังคงนั่งเล่นทรายต่อไป

“งั้นฉันไปก่อนนะ ผมแกละขี้แย” หลังสิ้นสุดเสียงเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งออกไปทางเพื่อนของเขาที่กำลังยืนรออยู่

จนเธอสังเกตเห็นว่าเขาเดินออกไปไกลแล้วจึงหันหน้าไปมองทางที่เขาเดินออกไปกับเพื่อนๆ ของเขา ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นและรีบออกจากที่นั่นในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นแม้เวลาจะผ่านไปหลายวันเด็กสาวก็ยังคงที่จะมาเล่นที่เดิมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแต่มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไป เหตุผลที่เธอยังมาเล่นที่นี่ตลอดเพียงเพราะเธอต้องการที่จะรอเจอกับเด็กชายในวันนั้นโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาที่นี่อีกเมื่อไหร่

จนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์

ในวันที่ท้องฟ้าสดใสพร้อมกับคำพยากรณ์อากาศว่าวันนี้แดดจะร้อนและเมฆเยอะ เด็กสาวก็รีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อที่จะมายังสวนสาธารณะที่เดิมพร้อมกับความตั้งใจที่ใกล้จะถอดใจเต็มที่ แต่ที่พิเศษในวันนี้เธอกลับพกสมุดวาดรูปประจำตัวของเธอออกมาด้วย

เธอไปนั่งหลบร้อนที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างจากบ่อทรายที่เธอมักเล่นตรงนั้นไม่มากนัก

เด็กสาวค่อยๆ บรรจงวาดออกมาด้วยความตั้งใจพร้อมกับมองสิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าจนเธอมีสมาธิกับการวาดจนลืมไปเลยว่าเวลาผ่านไปนานมากแค่ไหนแล้ว

ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงเม็ดฝนที่ค่อยๆ ตกลงมาบนกระดาษที่เธอกำลังวาดอยู่ ทันใดนั้น ฝนก็ตกกระหน่ำลงมาโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เด็กสาวที่ตกใจกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ว่าควรที่จะทำอย่างไร จนเธอรู้สึกถึงมีอะไรบางอย่างอยู่บนหัวของเธอ เธอรีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันทีก็พบว่ามีใบไม้ขนาดใหญ่กำลังบังฝนให้กับเธออยู่ จนเธอรีบหันกลับไปมองข้างหลังด้วยความรวดเร็ว

ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจสุดขีด ร่างเด็กผู้ชายที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของเธอพร้อมกับกำลังถือใบไม้บังหัวให้เธออยู่

“เธอ ผมแกละขี้แยไม่ใช่เหรอ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ละ”

“แล้วทำไมนายถึงมายืนตากฝนตรงนี้ละ” เด็กสาวถามสวนขึ้นกลับทันพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มกว้าง

หลังจากวันนั้นผมกับเธอก็เริ่มที่จะสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นเพื่อนที่เคยเล่นด้วยกันทุกวัน พวกเรามักจะนัดเจอกันที่สวนสาธารณะบ่อยๆ บางครั้งก็เจอที่บ้านของใครสักคนหนึ่งจนกลายเป็นที่รู้จักและเอ็นดูของทั้งสองครอบครัว

เธออายุน้อยกว่าผมหนึ่งปี แต่ก็เรียนในระดับชั้นเดียวกัน เธอเป็นเด็กที่ชอบวาดรูปมากๆ โดยที่ฝีมือการวาดก็อาจจะออกมาดูดีน้อยกว่าผมนิดหน่อย แต่ถ้าเกิดผมพูดอะไรที่มันไปกระทบกระเทือนต่อมน้ำตาของเธอเข้าละก็จะกลายเป็นเด็กขี้แยทันที ซึ่งมันก็กลายเป็นมุมที่ผมเผลอชอบไปโดยปริยาย

ผมมักจะชอบแกล้งแหย่เธอให้โกรธหรืองอนผมเพราะเธอจะพูดมากกว่าปกติ แต่เอาเข้าจริงเธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบขี้งอนขนาดนั้นแต่เป็นเพราะผมทำเธอล้วนๆ

เธอมักจะคอยชวนผมเล่นเสมอ แต่แล้วก็กลับมีเหตุการณ์หนึ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมา…

“ต้องย้ายไปต่างประเทศเหรอคะ?” คุณแม่ของผมเอาข่าวมาแจ้งให้กับคุณแม่ของเธอให้ทราบก่อนที่จะย้ายไปในวันพรุ่งนี้

“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลูกชายมารบกวนที่นี่บ่อยๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ว่าแต่..” ในขณะที่คุณแม่ของเธอพูดอยู่จู่ๆ ก็ก้มตัวลงมามองผมที่ยืนอยู่ข้างๆ “ได้บอกน้องเข้าหรือยังละ”

ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปทำได้แค่เพียงมองหน้าคุณป้าที่ยิ้มบางๆ ให้กับผมก่อนที่เงยหน้าขึ้นไปพูดคุยกับคุณแม่ของผมต่อ ผมจึงรีบวิ่งออกไปหาเธอที่คิดว่าตอนนี้น่าจะรออยู่ที่สวนเป็นประจำ เด็กสาวที่ชอบมัดผมแกละสองข้างเป็นปล้องๆ และมักสวมชุดกระโปรงสีชมพูกำลังนั่งวาดรูปรอผมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

“ทำไมวันนี้มาช้าละ?”

“คนเก่งก็ต้องมีคิวเยอะสิ”

“นายโกหกอีกแล้วสินะเนี่ย”

ผมที่ไม่พูดอะไรต่อก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับลงนั่งข้างๆ อย่างเงียบๆ

“วันนี้นายดูแปลกๆ นะ” เด็กสาวหันหน้ามามองผมด้วยหน้าตาที่สงสัยแต่ก็ยังมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้า “เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เธอ..เธอชอบคนแบบไหนเหรอ?” ผมที่รวบรวมความกล้าก่อนที่ถามโพล่งออกไปพร้อมกับหน้าที่เริ่มแดงก่ำขึ้น

“ถามอะไรยากจังนะ” เธอเอียงคอมามองผมอีกครั้งก่อนที่ทำท่าเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่าง และในขณะที่เธอกำลังนึกอยู่นั้นก็มีพี่ชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อคอมีปกแขนยาว ใส่แว่นและดูท่าทางใจดีกำลังเดินผ่านไปสวนพอดี

“แบบนี้เลย!” เด็กสาวตะโกนขึ้นทันทีหลังจากที่เห็นพี่ชายคนเมื่อกี้ผ่านไป

“เธอชอบคนได้แย่จังนะ”

“อะไรของนายเนี่ย” ก่อนที่เธอจะก้มหน้าลงพร้อมกับพูดออกมาอย่างเขินอาย “ฉันว่า..ฉันชอบนะพี่ชายที่ดูใจดีแล้วก็อบอุ่น แต่นายคงเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก”

“ทำไมละ” ผมที่หันไปมองเธอพร้อมกับสีหน้าที่สงสัย

“เพราะนายชอบเอาแต่แกล้งฉันนี่ ระวังโตขึ้นเธอจะกลายเป็นคนไม่ดีนะ” หลังพูดจบเธอก็หัวเราะออกมาแบบที่ไม่ได้คิดอะไร แต่กลับกันผมที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ นั้นกลับทำให้ผมมันฝังเข้าไปในสมองกับหัวใจของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“อะ! ฉันมีของจะให้นายด้วยละ” เธอพยายามหาของบางอย่างจากในกระเป๋าดินสอที่วางอยู่ข้างๆ เธอ

“อะไรเหรอ?”

“อะ เจอแล้วๆ” เธอหันมายื่นให้กับผม มันเป็นกำไลดำสนิทที่ดูเรียบแต่ก็ดูดีในตัวของมัน “ฉันให้ พอดีเพื่อนคุณพ่อเขาให้ฉันมาแต่ฉันไม่ชอบสีของมัน เลยนึกถึงนายพอดี ชอบมั้ย?”

“อะ..” ผมที่กำลังหน้าแดงเพราะของที่เธอยื่นให้ผม จนทำให้คิดว่านี่คือของชิ้นแรกและคงเป็นชิ้นสุดท้ายที่ผมอาจจะได้รับจากเธอ “ขอบใจนะ” ในตอนนี้สิ่งที่เธอให้กลับผมนั้นมันอาจจะดูใหญ่เกินไปสำหรับข้อมือที่เล็กๆ แต่ถ้าในอนาคตผมก็คงอาจจะที่ใส่มันได้อย่างพอดี

“ฉันจะรักษาไว้เป็นอย่างดี” ผมยิ้มกว้างออกไปให้กับเธอ

“นี่! พวกเรามาสัญญากันมั้ย” เธอหันมาพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมาทางผม

“สัญญาอะไร?”

“นายต้องห้ามลืมฉันนะ”

“ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ” ผมยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวสัญญากันเธอพร้อมกับรอยยิ้ม

และนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นรอยยิ้มนั้น…


ในเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ได้หายไปจากชีวิตของเธออย่างที่ไม่สามารถคาดได้ว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่

เด็กสาวร้องไห้อย่างไม่หยุดหย่อนแม้เวลาจะผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้วก็ตาม จนทำให้เธอเริ่มที่จะพูดคุยกับคนรองข้างน้อยลงและกลายเป็นเด็กที่เก็บตัวขึ้นมาในทันที เธอทิ้งสิ่งที่เธอชอบที่สุดลง อย่างไม่แม้จะที่หันกลับไปมองมันอีก

แต่แล้วในวันหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังจะเดินลงบันไดไปข้างล่างด้วยท้องที่ร้องออกมาอย่างหิวโหยพร้อมกับตาที่ร้องไห้จนบวมเปล่ง จนทำให้เธอได้สะดุดขาตัวเองและได้ร่วงหล่นลงไปนอนกองกับพื้นภายในไม่กี่วินาทีก่อนที่เธอจะหมดสติไป

ทางโรงพยาบาลได้วินิจฉัยเกี่ยวกับอาการภายในอย่างละเอียด เนื่องด้วยจากที่หัวสมองของเธอได้รับการกระแทกที่รุนแรงจนทำให้เธอกลายเป็นอัลไซเมอร์ชั่วคราวจึงทำให้ภาพในช่วงวัยเด็กของเธอกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในหัวใจของเธอนั้นเลือนหายไปจนหมด

เด็กสาวนอนพักรักษาตัวอยู่สักพักและหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้ออกจากโรงพยาบาลจากเด็กที่เก็บตัวก็กลับมาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเหมือนเดิมโดยที่มีครอบครัวของเธอคอยห่วงใยอยู่ใกล้ๆ