ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก - ตอนที่ 10 เส้นทางของศิลปินวัยกระเต๊าะ โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก

รายละเอียด

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ผู้แต่ง

XiaoHu

เรื่องย่อ

เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก


แนะนำตัว


ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์

กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์


ติดตามกันได้


เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย

ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน

ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ

นายจะบอกว่า ตั้งใจ

แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร

ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที

ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา! 

เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..

ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้

นายต้องห้ามลืมฉันนะ

ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ

เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ


ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ

แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ

อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด 

ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้

สารบัญ

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 1 กัดตั้งแต่เปิดเทอม,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 2 คาบเช้าสุดโหด,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 3 นายแบบหูแมวสุดฮอต,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 4 ติดหนี้ต้องใช้คืนกับร้านไอศครีมแสนหวาน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 5 งานคู่ที่ต้องทำร่วมกัน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 6 ขบวนอุ่นจากสัมผัลที่อบอวล,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 7 ความลับของพี่ธี,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 8 ความลับของพี่ธีถูกเปิดเผย,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 9 เรื่องราวของเด็กสาวที่ถูกลบหายไป,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 10 เส้นทางของศิลปินวัยกระเต๊าะ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 11 รับน้องหมัดเกือบทะลุ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 12 ติวสอบภายในสิบนาที,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 13 โจรห้ามร้อยกับเฮือกสุดท้ายของหนุ่มตาคล้ำ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 14 จูบสุดท้ายเพื่อเปลี่ยนสถานะ (จบ),ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 15 ตอนพิเศษ 1 ปั้นนูดแบบแนบเนื้อ P1,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 16 ตอนพิเศษ1 ปั้นนู้ดแบบแนบเนื้อ P2,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 17 ตอนพิเศษ 2 วาเลนไทน์เหงื่อชุ่ม P1,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 18 ตอนพิเศษ 2 วาเลนไทน์เหงื่อชุ่ม P2

เนื้อหา

ตอนที่ 10 เส้นทางของศิลปินวัยกระเต๊าะ

ช่วงวัยเด็กของเด็กผู้ชายตัวน้อยที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับศิลปะทั้งหมด แต่สิ่งที่เขามักจะเห็นและคุ้นชินอยู่บ่อยๆ ก็คืองานศิลปะที่เกี่ยวกับงานประติกรรมและงานแกะสลัก

แต่เนื่องจากร่างกายและพละกำลังของเขายังไม่มากพอจึงทำได้เพียงแค่ฝึกปั้นกับดินน้ำมันเท่านั้น

จนมาถึงเดือนหนึ่งในฤดูร้อน

เด็กชายได้พบกับเด็กสาวผมแกละที่สวนสาธารณะโดยบังเอิญ เขาเผลอตกหลุมรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น เขามักจะมาชวนเธอคุยและเล่นด้วยกันในทุกๆ วัน

แต่ด้วยธุรกิจทางบ้านที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจึงทำให้ต้องย้ายบ้านไปตั้งหลักที่ต่างประเทศเพื่อขยายกิจการและขยายเครือลูกค้า

และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เส้นทางของเด็กชายตัวน้อยเริ่มต้นขึ้น…และชีวิตต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ช่วงแรกที่มาถึงที่นี่นั้น เด็กชายรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างมากทั้งภาษาและวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกเหมือนคนแปลกประหลาดอยู่ตลอดเวลา

จนเวลาเริ่มผ่านไปหลายเดือนจนหลายปี เด็กชายที่พยายามฝึกฝนอย่างหนักในทุกๆ วัน เพื่อที่จะพัฒนาฝีมือของตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของใครหลายๆ คน

เขาศึกษาทั้งการปั้นในวิธีต่างๆ การแกะสลักไม้และหิน รวมไปถึงการหล่อและประกอบขึ้นรูป จนเริ่มที่จะมีผลงานเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะยังเด็กมากก็ตาม

จนกระทั่งเขาเริ่มอายุได้สิบสองปี จากเด็กชายกลายเป็นเด็กหนุ่มที่ตั้งใจและมุ่งมั่นก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันหลากหลายเวทีและก็ได้กวาดรางวัลมาแทบนับไม่ถ้วน

และในตอนที่อายุได้สิบสี่ เขาลงแข่งตั้งแต่ระดับเยาวชนไปจนถึงระดับสากลและด้วยฝีมือที่โดดเด่นเกินวัย ทำให้ศิลปินต่างยอมรับในฝีมือของเขาและแต่งตั้งให้เป็น “นักประติมากรรมที่อายุน้อยที่สุด”


และแล้วในวันหนึ่งในขณะที่เขากำลังรู้เรื่องการปั้นนู้ดกับศิลปินท่านหนึ่งอยู่ก็ได้รู้จักเข้ากับโอมและขุน ทั้งสองคนนี้ทำงานเป็นผู้ช่วยให้กับศิลปินชื่อดังท่านหนึ่งในแกลเลอรีแห่งหนึ่งในอิตาลี ด้วยอายุที่ใกล้เคียงกันและการทำงานที่เข้าขากันได้ดีจนทำให้พวกเขาเริ่มสนิทกันและกลายเป็นเพื่อนที่สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง

พวกเขาลงแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศไปจนถึงระดับโลก ซึ่งต่างคนต่างผลักดันและพัฒนาฝีมือให้เก่งกาจขึ้นไปอีก

ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนพวกเขาทั้งสามเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่หล่อและที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง

วันหนึ่งในขณะที่ชายหนุ่มกำลังหาแรงบันดาลใจสำหรับงานชิ้นต่อไปอยู่ สายตาของเขาก็เหลือบไปมองข่าวที่กำลังฉายบนจอโทรทัศน์ที่โอมกับขุนกำลังดูอยู่พอดี เป็นข่าวการคว้ารางวัลชนะเลิศในการแข่งขันจิตรกรรมระดับประเทศโดยที่มีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพและภาพของผู้ชนะ ได้แก่ นางสาวกันยนา ชวัลดนย์ จากโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในไทย

ทันทีที่เขาได้ยินเสียงประกาศชื่อของผู้ชนะ เขาถึงกับจ้องภาพแบบไม่กะพริบพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นในทันที “ข้าว…” จากเด็กสาวในวัยเด็กที่หนุ่มชายจำได้กลายมาเป็นสาวสวยจนทำให้เขาประหลาดใจ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เขายังคงจำได้และมั่นใจว่าสาวสวยคนนั้นคือเธอจริงๆ คือรอยยิ้มของเธอที่เคยยิ้มให้กับเขาในวัยเด็กนั้นเอง

ในขณะที่กำลังฟังรายละเอียดของข่าวอยู่นั้นโอมก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาไม่พัก “เป็นไร” กะพริบตาบ้างก็ได้จ้องอะไรขนาดนั้น”

ขุนที่กำลังนั่งอ่านหนังสือในระหว่างที่กำลังฟังข่าวไปด้วย ก็ละสายตาแล้วหันมาหาเขา “ทำไมรู้จักผู้หญิงคนนี้เหรอ?”

เขาไม่ตอบอะไรกลับมีเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ใส่สองคนที่กำลังหันมามอง

“แล้วไง..ชอบเขา?”

ชายหนุ่มก็ยังคงไม่ตอบอะไรกลับนอกจากจะดึงโฟกัสกลับไปยังข่าวที่กำลังฉายอยู่ และหลังจากวันนั้นเขาก็เริ่มตัดสินใจอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยที่จะอยากคิดมาก่อน

“ฉันจะกลับไทย”

“หา! อะไรนะพูดใหม่ เมื่อกี้รู้สึกว่าหูจะแว่ว”

“กูจะกลับไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไทย” เขาประกาศซ้ำอีกครั้ง “ได้ยินกันชัดยัง?”

“มึงพูดจริงดิ” สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นทำให้โอมที่กำลังดื่มน้ำอยู่เกือบสำลัก

“อืม “

“แล้วมึงจะบอกครอบครัวว่าไง” ขุนพูดเสริมขึ้นมาในขณะที่เขากำลังมั่นใจในความคิดของเขา

“ก็ยังไม่แน่ใจ”

“เหอะๆ แต่ก็น่าสนุกดีนะ” โอมลุกขึ้นยืนพร้อมกับวางแก้วน้ำในมือลงกับโต๊ะก่อนที่จะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา “งั้นก็..หมายความว่าต่อจากนี้ พวกเราจะไปอยู่ที่ไทยกันสินะ”

ขุนที่ได้ยินก็พยักหน้าตามมาในทันที “ก็ดีนะ กูก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศด้วย”

และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ของภาม

จากศิลปินชื่อดังระดับโลกสู่การเป็นนักศึกษาธรรมดาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไทย


หลังจากที่ภาม โอมและขุน เดินทางมาถึงเมืองไทย พวกเราก็เริ่มหาลู่ทางเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยที่อยากจะเข้าเรียน โดยที่ทั้งสามคนมีเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน

พวกเขาใช้เวลาสำรวจมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรโดดเด่นในด้านศิลปะที่ดีที่สุด พวกเขาเดินทางไปดูบรรยากาศของแต่ละแห่งพร้อมทั้งจดรายละเอียดอย่างชัดเจนรวมถึงค่าใช้จ่ายและโอกาสที่ทางมหาวิทยาลัยจะมอบให้

แต่แล้ววันหนึ่ง ขณะที่ภามกำลังเดินทางกลับจากการสำรวจมหาวิทยาลัยอย่างเหนื่อยล้า เขาก็ได้เหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่อีกฝั่งของขบวน หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที ข้าว..

เธอสวยกว่าในตอนที่เขาเห็นเธอจากในจอโทรทัศน์หลายเท่า ผิวของเธอขาวเนียน ดวงตาที่กลมโตเป็นประกายที่เต็มไปด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา แม้จะไม่ได้แต่งหน้าอะไรมากมาย แต่เธอกลับดูโดดเด่นจนเขาไม่สามารถละสายตาไปได้เลย

ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาที่ไม่กะพริบจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องบังเอิญ “เธอกำลังจะไปเรียนต่อที่ไหนนะ” ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรต่อ รถไฟฟ้าก็จอดที่สถานีหนึ่ง เธอที่รู้สึกตัวก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป เขายังคงจ้องมองเธออยู่แบบนั้นก่อนที่จะเขาจะตัดสินใจลุกตามไปประตูรถก็ปิดลงไปแล้ว

และแล้วในคืนนั้น เมื่อภามกลับมาถึงบ้านก็รีบไปบอกข่าวกับเพื่อนทั้งสองของเขาทันที

“กูเจอข้าวแล้ว”

โอมที่กำลังกินขนมอยู่ถึงกับสำลัก “หา! จริงดิ!”

ส่วนขุนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่นั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ที่ไหน?”

“บนรถไฟฟ้า เธอนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี”

“แล้วยังไงต่อ?” โอมรีบถามขึ้นหลังจากที่ภามเงียบไป

“ก็..ไม่มีอะไร เธอลงรถไฟไปก่อน” เขาตอบกลับพลางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่จะเดินไปนั่งลงตรงโซฟา

“โธ่! นี่มันจังหวะพระเอกหนังที่กำลังเจอนางเอกชัดๆ แต่มึงดันพลาดซะได้” โอมตอบกลับด้วยน้ำเสียงผิดหวังพร้อมกับถอนหายใจออกมายาว

“งั้นมึงก็ยังไม่รู้สินะ ว่าเธอจะไปเรียนที่ไหน?” ขุนพูดขึ้นพร้อมกับเดินเอาหนังสือไปเก็บเข้าชั้นอย่างเรียบร้อย

“ใช่”


ในเช้าวันรุ่งขึ้น

ภามที่ตื่นนอนมาอย่างงัวเงียพร้อมกับเดินออกมาจากห้องเพื่อที่จะกินอาหารเช้าก็ต้องตาค้างกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า โอมกับขุนที่กำลังพยายามหาทางใช้คอนเนคชั่นของตัวเองสืบหาข้อมูลหาว่าข้าวกำลังจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอะไร พวกเขาตรวจสอบรายชื่อของนักศึกษาที่ยื่นสมัครไปถึงรายชื่อที่สอบติดมหาวิทยาลัยหลายแห่งและแล้วในที่สุด..

พวกเขาก็ได้รับคำตอบที่หามาตลอดทั้งวัน…เธอกำลังจะเข้าเรียนที่เดียวกับพวกเขา

“เจ๋งเลย” โอมถึงกับตบโต๊ะดังปังด้วยความดีใจ “เท่านี้นายก็จะได้เจอเธอแล้ว”

“อย่าพึ่งดีใจไป” ขุนพูดแทรกขึ้นมาท่ามกลางความดีใจของทั้งสองคน “แล้วมึงจะเข้าไปในฐานะอะไร”

“อะ..เออวะ”

“พวก! กูมีแผน” โอมพูดขึ้นทันทีก่อนที่จะหันหน้าไปมองภามก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

จากนั้นโอมก็ค่อยๆ อธิบายถึงแผนการที่คิดขึ้นมาได้โดยที่เพื่อนอีกสองคนก็นั่งกอดอกฟังอย่างตั้งใจ

“มึงเคยเล่าว่า ข้าวมีสเปกผู้ชายที่ชอบใช่มั้ย?”

“อืม” เขาพยักหน้ารับอย่างช้าๆ ก่อนที่กอดอกแน่นขึ้น

“ถ้างั้นมึงก็ต้องเข้าหาเธอในแบบผู้ชายที่เธอชอบ”

“หา! ทำให้มันซับซ้อนทำไม?” เขาถึงกับอ้าปากค้างออกมาอย่างไม่เข้าใจ

“เพื่อนครับ เพื่อนต้องรับรู้ถึงตัวตนของเพื่อนด้วยครับ ว่าตอนนี้เพื่อนอยู่ในฐานะอะไรอยู่” ขุนที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่โอมจะทันได้พูดอะไรต่อพร้อมกับยื่นแบบการแต่งกายจากในหนังสือมาให้กับภามดูทั้งที่เจ้าตัวที่ยังคงไม่เข้าใจ

“ถึงมึงจะไม่ค่อยได้ออกสื่อ แต่ถ้าเขาขุดเรื่องของนายขึ้นมา คนเขาจะรู้กันทั้งมอเลยนะ ว่าตัวจริงมึงเป็นใคร แล้วทีนี้นักข่าวก็จะแห่กันเข้ามาหามึงแน่ๆ” โอมที่ยืนมองภามที่กำลังดูแบบแต่งกายในหนังสืออยู่นั้นก็พูดเสริมขึ้น “และด้วยเหตุนี้..มึงถึงต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายในแบบที่ผู้หญิงของมึงชอบ”

“ต้องปลอมตัวเลยเหรอวะ” ”

“ใช่ แต่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นแหละน่า ส่วนตอนที่มึงอยู่มอก็เป็นตัวของมึงไปซะ”

“แล้วแบบนั้นคนเขาจะไม่รู้เหรอวะ? ถ้ากูเป็นตัวของตัวเอง”

“ไอ้ขุน! ตอบมันที! ทำไมพวกเรามีเพื่อนซื่อบื้อที่มีดีแค่หน้าตากับฝีมือวะ มึงลืมพกสมองมาตอนที่กลับมาไทยเหรอ” โอมที่เอือมกับคำถามของภามเลยโยนไปให้กับทางขุนแทน

“แล้วตอนที่มึงโดนสื่อสัมภาษณ์มึงแสดงนิสัยออกไปยังไงละ” ขุนที่หยิบหนังสือมาอ่านต่อก็พูดขึ้นก่อนที่จะละสายตาไปทางภาม

“ก็…” คำถามที่ขุนถามนึกมานั้น ทำให้ภามต้องกลับไปนึกภาพตัวเองในตอนนั้นที่เจ้าตัวก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ “ก็..เรียบร้อย สุภาพ”

“ก็ตามนั้น”

“แล้วถ้าข้าวจับได้ละ?”

โอมที่ได้ยินคำถามนั้นก็ถึงกับหัวเราะออกมาในทันที “ก็ค่อยคิดทางออกอีกที สนุกออก”

“ไอ้โอม มีความสุขบนความทุกข์ของเพื่อนนะ” ภามหรี่ตามองอย่างไม่พอใจที่เพื่อนของเขาหัวเราะออกมา

“แต่แผนมันก็เวิร์กน่า ใช่มั้ยละ?” โอมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะนั่งลงแทรกกลางระหว่างภามและขุน


หลังจากที่ตกลงกันได้แล้ว พวกเขาก็เริ่มแผนการขึ้นในทันทีโดยที่มีเวลาเหลืออีกสองอาทิตย์ก่อนที่จะเปิดเทอม

“งั้นก่อนอื่น มึงต้องเปลี่ยนลุคก่อน” โอมพูดขึ้นพร้อมกับเดินวนรอบตัวภาม

“เปลี่ยนทำไม หล่ออยู่แล้ว” เจ้าตัวตอบออกมาโดยมั่นใจสุดๆ จนทำให้โอมถึงกับหยุดยืนชะงักก่อนที่จะตะโกนตอบให้ขุนที่อยู่อีกห้องได้ยิน “ไอ้ขุน! พวกเราเลิกช่วยดีมั้ยวะ?”

ภามที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับรีบจับไหล่โอมในทันที “ใจเย็นๆ ขอโทษๆ”

หลังจากเงียบไปได้ไม่นานขุนก็เดินเข้ามาพร้อมกับหยิบชุดเสื้อผ้ามาให้เลือกสองสามชุด

“ลองใส่ตัวนี้” ขุนยื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่รีดออกมาอย่างสมบูรณ์พร้อมกับกางเกงสแลคเข้ารูป

“มันก็ชุดนักศึกษาปกติมั้ยวะ”

“เอาแว่นไปใส่ด้วย” โอมพูดเสริมพลางยื่นแว่นให้

“ต้องขนาดนี้เลย”

“เออน่า!”

เมื่อเขาลองสวมแว่นที่ได้มาพร้อมกับส่องกระจกก็ถึงกับตกใจกับตัวเขาเอง “เฉิ่มชะมัด นี่มันเลยสุขุมไปแล้ว”

“แล้วมึงไม่เคยเห็นจากสถิติผู้หญิงเหรอวะ ส่วนใหญ่เขาชอบผู้ชายในแว่นกัน” โอมสวนขึ้นทันควันแบบแทบไม่ต้องคิด

“พอๆ ส่วนทรงผมนายก็แค่เอาผมหน้าลงก็จบละ” ขุนพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปปัดผมหน้าของภามลงมาในทันที “ตอนนายอยู่มอ ก็เสยขึ้นไปเหมือนเดิม”

“อย่าลืมเปลี่ยนนิสัยด้วยละ” โอมพูดเสริมขึ้นอย่างรวดเร็ว

“หา!”

“ก็นิสัยจริงๆ มึงชอบกวนประสาทคนอื่นเขานี่ ก็เปลี่ยนซะนะ”

“ยังไง?”

“มึงต้องเอานิสัยที่สุภาพของมึงในตอนที่สัมภาษณ์กับสื่อออกมาใช้แล้วละ” ขุนแทรกขึ้นในทันที

“แค่คิดว่าต้องทำนิสัยแบบนั้นก็เหนื่อยแล้ว” หลังภามพูดจบเพื่อนทั้งสองที่ได้ยินแบบนั้นต่างพากันเดินออกจากห้องในทันที “แห้วต่อไปเพื่อน เลิกๆ”

“เฮ้ยยย กลับมาก่อน!”

และด้วยทั้งหมดนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นพี่ธี โดยชื่อ “ธี” มาจาก “ธีรัตม์” ที่เป็นชื่อต้นของชื่อจริงของภามนั้นเอง