ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็กทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)
เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก
แนะนำตัว
ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์
กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์
ติดตามกันได้
เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย
ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน
ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ
นายจะบอกว่า ตั้งใจ
แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร
ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที
ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา!
เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..
ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้
นายต้องห้ามลืมฉันนะ
ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ
เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ
แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ
อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด
ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้
เปิดเทอม
และแล้ววันเปิดเทอมก็มาถึงทุกคนในมหาวิทยาลัยต่างพากันวุ่นวายกันไปหมดพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกน้องปีหนึ่งให้มารวมตัวกันในลานกิจกรรมกลางแจ้งโดยที่ทั้งสามหนุ่มก็เข้าร่วมด้วย บรรยากาศในการรับน้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เฮฮาอย่างมีความสุข
“คิดถูกจริงๆ ที่บินมาไทยด้วย” ขุนพูดขึ้นพลางปาดเหงื่อหลังจากเล่นเกมไปหลายรอบ
“เจ๋งสุดๆ” โอมเสริมขึ้นพลางตบไหล่ภามเบาๆ
ภามที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปและกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างสนใจ ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเล่นเกมออย่างจริงจังอยู่ไม่ไกล
ทั้งสามคนจึงเดินเข้าไปทำความรู้จักกับเขาและคนนั้นก็คือ “กัน” นั้นเอง พวกเขาที่คุยกันถูกคอและกลายเป็นเพื่อนใหม่คนแรกในมหาวิทยาลัยทันที
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง กลุ่มของภามก็กำลังเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน แต่ในขณะที่พวกเขากำลังเลือกโต๊ะนั่งกันอยู่สายตาของกันก็เหลือบไปสะดุดเข้ากับกลุ่มสาวๆ โต๊ะหนึ่ง
“เฮ้ย! ดูผู้หญิงคนนั้นสิ น่ารักมากแต่ตัวเล็กโคตรเลยวะ” กันแซวขึ้นลอยๆ
ก่อนที่อีกสามคนจะหันไปมองตามทันที ในวินาทีที่ภามเห็นแค่เสี้ยวหน้าก็รู้ได้ทันทีว่าคือใคร เธอที่กำลังหัวเราะกับอะไรสักอย่างกับกลุ่มเพื่อนของเธอ แถมตัวของเธอเล็กกว่าคนอื่นในโต๊ะอย่างเห็นได้ชัด
แม้ในใจเขาจะยอมรับว่าเธอน่ารัก แต่เขากลับปฏิเสธออกไปพร้อมกับพูดแซวด้วยน้ำเสียงที่ดังและกวนประสาท
“น่ารักตรงไหน ยังเหมือนกับเด็กประถมอยู่เลย”
เสียงของเขาเรียกให้หญิงสาวตัวเล็กสุดในโต๊ะสะดุดไปชั่วขณะ ก่อนที่จะเธอจะค่อยๆ ลุกขึ้น พร้อมกับหันกลับไปมองตามเสียงที่ดังขึ้นจากข้างหลัง ดวงตากลมโตของเธอสบตาเข้ากับภามในทันที
“เมื่อกี้ นายว่าไงนะ!”
เขายิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะกอดอก “นี่เธอลุกแล้วเหรอ? คิดว่ายังนั่งอยู่”
เสียงฮือฮาจากเพื่อนๆ รอบโต๊ะตัวขึ้นทันที ข้าวขมวดคิ้วแน่นก่อนที่จะก้าวออกมาจากโต๊ะและรีบเดินเข้ามาใกล้ภาม
“นายพูดใหม่อีกทีดิ คิดว่าตัวเองดูดีมากมั้ง? มาพูดงี้ใส่คนอื่นอะ”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดภายในเวลาไม่กี่นาที เพื่อนร่วมโต๊ะของเธอรีบลุกขึ้นมาจับแขนของเธอไว้ ในขณะที่โอม ขุนและกัน ก็พยายามกันภามเอาไว้เช่นกัน
“ใจเย็นๆ กันก่อนนะ มึงก็รีบจังนะ เพิ่งเปิดเทอมวันแรกเอง” โอมพูดพร้อมพลางตบบ่าภาม
แต่ภามกลับหัวเราะเบาๆ ในลำคอ สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ข้าวที่กำลังยืนจ้องเขาอยู่ใกล้ๆ อย่างไม่ยอมแพ้
“ทำไม ไม่ชอบให้เรียกว่าเป็นเด็กเหรอ”
“ก็ฉันไม่ใช่เด็กไง!” เธอสวนเขาในทันทีพร้อมกับกำหมัดในมือแน่น
“เหรอ…แต่ตัวเธอมันฟ้องนะ”
“นาย! นายควรหัดส่องกระจกมองตัวเองบ้างเถอะ”
เพื่อนๆ ของทั้งสองฝ่ายรีบพยายามห้ามก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้
หลังจากที่พักกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างกลับไปทำกิจกรรมรับน้องกันต่อ จนเวลาล่วงเลยไปสักพักก็ได้ให้มาพักกินน้ำและทำธุระส่วนตัว ทุกคนต่างนั่งกระจายตัวกันตามร่มไม้เนื่องจากแดดช่วงบ่ายในวันนี้ร้อนกว่าปกติ
กลุ่มของข้าวก็ต่างพากันไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของสนาม พวกเธอกำลังหัวเราะและพูดคุยกันเรื่องกิจกรรมที่ผ่านมา แต่บรรยากาศกลับต้องหยุดชะงักลง เมื่อมีกลุ่มรุ่นพี่ชายล้วนห้าคนกำลังเดินมาทางนี้
“โอ้โห น้องคนนี้น่ารักจังเลย”
เสียงทุ้มของรุ่นพี่คนหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้กับข้าวก่อนที่จะลงนั่งข้างๆ แบบถือวิสาสะ
“ชื่ออะไรเหรอครับน้อง?”
เธอเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะตอบเสียงเรียบๆ “ข้าวค่ะ”
“น้องข้าว น่ากินสมชื่อเลยแฮะ” รุ่นพี่อีกคนแสยะยิ้ม
เจนที่นั่งข้างข้าวขมวดคิ้วทันที “พี่พูดอะไรอะ มันไม่โอเคเลยนะ”
“อ้าว น้องเจนอย่าดุพี่สิ พวกพี่แค่แซวเล่นเอง”
รุ่นพี่อีกคนท้าวแขนกับโต๊ะแล้วยื่นหน้ามาใกล้ข้าว “น้องข้าวมีแฟนยังครับ?”
ข้าวชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบสั้นๆ “ยังค่ะ”
“งั้นพี่เป็นให้ได้นะ”
“หรือว่าอยากมีแฟนเป็นรุ่นพี่สักคนมั้ยครับ?”
“หรือว่าให้พี่อุ้มไปที่ห้องเลยดี ดูท่าจะอุ้มง่ายดีด้วยนะเนี่ย” รุ่นพี่อีกคนพูดแทรกขึ้นพร้อมกับเลียริมฝีปากไปรอบๆ ก่อนจะมองด้วยสายตาที่มองอย่างคุกคาม
ข้าวเริ่มหน้าเสียทันที เจนที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบดึงข้าวเข้าไปกอดในทันที “เล่นบ้าไรเนี่ย! แบบนี้ไม่โอเคนะพี่”
“โห น้องเจนอย่าดุพี่สิ พวกพี่แค่แซวเล่น”
“เด็กใหม่นี่ใจร้อนดีนะ” รุ่นพี่อีกคนแทรกขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ
รุ่นพี่คนหนึ่งยกมือขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสกับแขนของข้าว แต่ยังไม่ทันที่มือของเขาจะถึงตัวเธอ
“ทำไรอะ เอามือออกไป” เสียงแข็งกร้าวดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้ทุกคนถึงกับหันไปมองพร้อมกัน
ภามกับโอมที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีพร้อมกับสีหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“พวกพี่กำลังจะทำอะไร?” โอมถามอย่างเสียงแข็ง
รุ่นพี่ต่างพากันหัวเราะออกมา “โอ้โห! มีฮีโร่มาช่วยพวกน้องด้วยเว้ย!”
“นี่ พวกมึงปีหนึ่งใช่ปะ เสือกไรกับเรื่องของรุ่นพี่วะ”
“รุ่นพี่เหรอวะครับ ผมเห็นแค่พวกผู้ชายที่กำลังคุกคามรุ่นน้องเท่านั้นแหละ” ภามตอบด้วยเสียงที่เรียบ
“ว่าไงนะ” รุ่นพี่ต่างกำหมัดแน่น “ปากดีนักนะมึง!”
“ปากดีเหรอครับ” โอมกอดอก “แค่พูดความจริงเฉยๆ เท่านั้นเอง”
“มึง!”
รุ่นพี่คนหนึ่งพุ่งหมัดตรงเข้ามาภามทันที
แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น แสงสะท้อนวาววับของโลหะสะท้อนขึ้นจากในมือของภาม
“สิ่วแกะสลัก” ทุกคนรอบข้างถึงกับชะงัก ก่อนที่รุ่นพี่ที่พุ่งเข้ามาถึงกับหยุดหมัดกลางอากาศ เพราะปลายสิ่วกำลังจ่ออยู่ตรงหน้าอกของเขา
ภามแทบจะไม่ได้ขยับตัวอะไรมากนักพร้อมกับสีหน้าที่ยังคงนิ่งสนิท
“พี่จะต่อยผมเหรอ” เขาถามเสียงเรียบก่อนที่จะหรี่ตามองรุ่นพี่ตรงหน้าก่อนจะพูดต่อ “แต่พี่แน่ใจนะ ว่าพี่จะไม่เผลอไปโดนสิ่วเล่มนี้ก่อน”
รุ่นพี่กลืนน้ำลายทันทีพร้อมเหงื่อเริ่มไหลซึมออกมา “ไอ้! ไอ้เด็กเวร!”
“นาย…” ข้าวมองเขาด้วยสายตาที่ตกใจและประหลาดใจที่เขามาช่วยเธอเอาไว้
ภามลดสิ่วลงพลางถอนหายใจ “ผมไม่ได้ตั้งใจพกมันมา แต่พอดีมันติดกระเป๋ากางเกงมาเฉยๆ แต่พี่ก็ใจร้อนจังนะ แค่พูดเล่นกันเฉยๆ ทำไมต้องมีหมัดด้วยละ”
โอมถึงกับหัวเราะออกมา “เมื่อกี้พี่บอกว่าแซวเล่นกัน แล้วทำไมตอนนี้หน้าซีดละครับ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” รุ่นพี่ต่างกัดฟันแน่นก่อนจะสะบัดหน้าแล้วเดินออกไป
ภามถอนหายใจก่อนจะเก็บสิ่วเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วหันไปมองข้าว
“เธอโอเคมั้ย?”
ข้าวมองเขาด้วยแววตาสับสน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งกวนประสาทมาแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมาช่วย
“อะ..อืม”
เจนหันไปขอบคุณภามกับโอม “ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้พวกนายช่วยไว้ คงแย่แน่”
โอมหันมายิ้ม “ไม่เป็นไร” ก่อนจะเดินออกไปและหันไปแซวภาม “มึงพกสิ่วติดตัวมาได้ไงวะ”
ภามแค่ยักไหล่ “ติดมือละมั้ง”