ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก - ตอนที่ 15 ตอนพิเศษ 1 ปั้นนูดแบบแนบเนื้อ P1 โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก

รายละเอียด

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก โดย XiaoHu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)

ผู้แต่ง

XiaoHu

เรื่องย่อ

เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก


แนะนำตัว


ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์

กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์


ติดตามกันได้


เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย

ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน

ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ

นายจะบอกว่า ตั้งใจ

แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร

ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที

ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา! 

เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..

ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้

นายต้องห้ามลืมฉันนะ

ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ

เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ


ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ

แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ

อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด 

ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้

สารบัญ

ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 1 กัดตั้งแต่เปิดเทอม,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 2 คาบเช้าสุดโหด,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 3 นายแบบหูแมวสุดฮอต,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 4 ติดหนี้ต้องใช้คืนกับร้านไอศครีมแสนหวาน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 5 งานคู่ที่ต้องทำร่วมกัน,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 6 ขบวนอุ่นจากสัมผัลที่อบอวล,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 7 ความลับของพี่ธี,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 8 ความลับของพี่ธีถูกเปิดเผย,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 9 เรื่องราวของเด็กสาวที่ถูกลบหายไป,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 10 เส้นทางของศิลปินวัยกระเต๊าะ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 11 รับน้องหมัดเกือบทะลุ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 12 ติวสอบภายในสิบนาที,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 13 โจรห้ามร้อยกับเฮือกสุดท้ายของหนุ่มตาคล้ำ,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 14 จูบสุดท้ายเพื่อเปลี่ยนสถานะ (จบ),ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 15 ตอนพิเศษ 1 ปั้นนูดแบบแนบเนื้อ P1,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 16 ตอนพิเศษ1 ปั้นนู้ดแบบแนบเนื้อ P2,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 17 ตอนพิเศษ 2 วาเลนไทน์เหงื่อชุ่ม P1,ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก-ตอนที่ 18 ตอนพิเศษ 2 วาเลนไทน์เหงื่อชุ่ม P2

เนื้อหา

ตอนที่ 15 ตอนพิเศษ 1 ปั้นนูดแบบแนบเนื้อ P1

เสียงพูดคุยจอแจของนักศึกษากลุ่มจิตรกรรมที่กำลังเดินย้ายห้องเรียนดังไปทั่วทางเดิน ก่อนจะชะงักลงเมื่อพวกเขาเดินผ่านห้องเรียนของสาขาประติมากรรมที่ประตูห้องแง้มเปิดไว้อยู่เล็กน้อย


“ซึ่งผลงานนี้ถูกปั้นขึ้นเพื่อที่จะนำเสนอร่างกายมนุษย์ในลักษณะเปลือยกายโดยอาจจะเน้นความงามเป็นหลัก ไม่ใช่เน้นเรื่องความวาบหวาม ขอให้เข้าใจตรงกันในส่วนนี้ ถ้าไม่งั้นนักศึกษาจะไม่สามารถทำงานนี้ได้เสร็จเลย ยังไงก็ช่วยระงับอารมณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย”


หลังสิ้นสุดเสียงของอาจารย์ กลุ่มนักศึกษาที่อยู่ด้านนอกก็ต่างพากันซุบซิบกันอย่างตื่นเต้นโดยที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อที่จะรอฟังในสิ่งที่อาจารย์กำลังจะพูดต่อ


“เดี๋ยวบ่ายนี้ กรุณาเตรียมตัวให้พร้อม อาจารย์เตรียมแบบไว้แล้ว ประติมากรที่ดีควรเห็นทุกสิ่งเป็นศิลปะนะคะ”


แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวบรรยากาศหน้าห้องก็ดูจะวุ่นวายขึ้นมาทันที


“ทำไมฉันไม่ลงเรียนสาขานี้”


“คือ แบบที่เป็นคนจริงๆ จริงดิ” เสียงกระซิบกระซาบอย่างอาลัยอาวรณ์ดังขึ้นพร้อมกับการขยับเข้ามายืนมุงหน้าห้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนที่เคยตั้งใจจะย้ายห้องเรียนกันเงียบๆ ตอนนี้ต่างพากกันพุ่งตรงเข้ามาที่หน้าประตูเพื่อแอบฟัง


ข้าวเองก็มองเข้าไปในห้องด้วยความสนใจปนประหม่า นัยต์ตาโตสวยเบิกขึ้นเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว


ขณะที่เธอกำลังมองเข้าไป โอมที่เห็นเธอเข้าก็พลางไปสะกิดภามที่กำลังนั่งกอดอกอย่างเบื่อหน่ายให้หันไปมองในสิ่งที่เขาเห็น


“เฮ้ย! มึง ข้าวมองอยู่” เขากระซิบพลางพยักพเยิดไปทางข้าว


ภามที่ก่อนหน้ากำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่อาจารย์พูดอยู่ก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะปรายตาหันไปมองตามคำบอกของเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ


สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปยังหญิงสาวที่ยืนปะปนอยู่กับกลุ่มเพื่อนในสาขา


เธอเม้มปากแน่นราวกับพยายามกลั้นอารมณ์บางอย่าง ดวงตากลมโตมีแววตกใจปนสนใจ ขณะที่พยายามจะมองเข้าไปทางอื่นแทน


เขามองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะผุดขึ้นบนใบหน้า ปลายลิ้นร้อนแตะที่ริมฝีปากของตัวเองอย่างตั้งใจ ขณะที่สายตาของภามยังคงตรึงอยู่ที่ข้าว


ลิ้นร้อนเลียรอบปากใส่เธออย่างช้าเสมือนจงใจเย้ายวน


ทันทีที่ข้าวเห็นภาพนั้น เธอกลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแล่นผ่านสันหลังวาบ


หญิงสาวเบิกตากว้างเล็กน้อยเผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัวใจที่เต้นแรงขึ้นจนต้องรีบเบือนหน้าหนี พยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่สัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวที่เริ่มก่อตัวขึ้นบนแก้มจนออกสี


ชายหนุ่มเห็นท่าทางนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกขบขัน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขี้เล่น ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจบทเรียนของตัวเองต่อราวกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น


แต่ในขณะที่ภามหันกลับไปแล้ว ข้าวยังคงรู้สึกถึงแรงสายตาที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อครู่ก่อนที่เพื่อนในสาขาของเธอจะวิ่งมาอย่างหน้าตาตื่นพร้อมเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างเป็นสัญญาณให้ทุกคนต้องแยกย้ายจากหน้าห้องนี้


“อาจารย์บอกว่าถ้าใครไปไม่ถึงห้องเรียนภายในสิบนาที ติดเอฟ”




ช่วงบ่าย


บรรยากาศทางเดินหน้าห้องเรียนประติมากรรมก็กลับมาคึกคักจากนักศึกษาจากหลากหลายสาขาที่พากันมามุงดูอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะกลุ่มสาขาจิตรกรรมที่ตั้งแต่ช่วงสายก็เอาแต่พูดถึงคลาสปั้นของประติมากรรมกันไม่หยุด


เสียงกระซิบกระซาบยังคงดังไปทั่วถึงแบบที่จะมาเป็นก่อนที่บทสนทนาจะเริ่มเปลี่ยนไป


“คิดว่าใครจะเป็นแบบ”


“ไม่รู้สิ อาจจะผู้ชาย หรือ ผู้หญิง”


“เป็นใครไม่รู้ แต่ฉันอยากให้เป็นภามมาก”


“นั่นสิ ฉันอยากให้ภามเขาปั้นตอนที่ฉันเปลือยมาก”


“เดี๋ยวนะ เห็นหมดเลยเหรอ”


“เฮ้ยย!”


เสียงฮือฮาดังเพิ่มเป็นเท่าตัวทันทีที่ประตูห้องเปิดออก เผยให้เห็นร่างของนางแบบที่ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน


ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พี่บีม หญิงสาวผู้เป็นที่หมายปองของชายแทบทุกคนในคณะ ด้วยรูปร่างที่สวยสง่า ผิวขาวเนียน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน


เธอเดินเข้ามาในห้องอย่างมั่นใจ ก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่เหลือเพียงแค่แผ่นแปะยอดอกบางๆ กับแพตตี้ลูกไม้สีดำเท่านั้น

 


บรรยากาศรอบข้างชะงักไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงพูดคุยระเบิดขึ้นอีกครั้งพร้อมสายตาที่จ้องมองแบบไม่ละ


“แม่เจ้า”


“พี่บีมงานนี้เอาจริงวะ”


“กูอิจฉาโว้ย!”


ท่ามกลางความตื่นตะลึงและความสนใจของทุกคน ข้าวกลับยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้อง สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ ทำให้เธอเห็นแต่สายตาที่หิวกระหายในตัวหญิงสาวของเหล่าผู้ชายหลายคน


ทว่ากลับมีสายตาคู่หนึ่งที่มองเธออยู่


เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสบตากับเขา ดวงตาคมเข้มนั้นจับจ้องเธอแน่วแน่ราวกับไม่ได้สนใจเรือนร่างของหญิงสาวแม้แต่น้อย


“เอาละทุกคน” เสียงอาจารย์ดังขึ้น เรียกทุกคนในห้องให้กลับมาโฟกัสที่งานตรงหน้า


“วันนี้เราไม่ได้ปั้นทั้งตัว เนื่องจากเวลามีไม่มาก แต่ขอให้เลือกปั้นแบบครึ่งต่อครึ่งซึ่งเลือกกันได้ตามอัธยาศัย เช่น หัวถึงไหล่หรือไหล่ถึงสะดือ ลงมือได้เลย”


เสียงอุปกรณ์สำหรับปั้นเริ่มขยับ เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนและ..


เมื่อทุกคนภายในห้องเริ่มจดจ่อการชิ้นงานที่อยู่ตรงหน้าสายตาจากหิวกระหายกลับเลือนหายไปหมดเหลือเพียงแค่สายตาที่ตั้งใจเท่านั้น


ภายในห้องประติมากรรมเงียบลงสนิทแต่ด้านนอกห้องนั้นยังคงมีเสียงพูดคุย ข้าวและเพื่อนจากสาขายังคงมุงดูอยู่ตรงหน้าต่าง ไม่ต่างจากพวกนักศึกษาชายที่ยังตื่นเต้นกับนางแบบ


โอมที่กำลังปั้นอยู่ด้านในเหลือบตาเห็นกลุ่มคนที่ยืนมองอยู่นานเกินไป จึงโพล่งขึ้น


“เฮ้ย ไม่มีเรียนกันเหรอวะ” เสียงของเขาดังขึ้นจนคนรอบข้างเริ่มหันมาสนใจก่อนที่เบ้ปากใส่อย่างไม่ชอบใจ


ขุนที่นั่งข้างๆ เสริมขึ้นมาอย่างขำๆ “มุงกันแบบนี้กดดันมากเลยนะ นี่เรียนวิชาเสือกเรื่องชาวบ้านกันอยู่หรือไง”


เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากบางคนในห้อง ขณะที่ข้าวยังคงยืนนิ่ง จ้องเข้าไปด้านในโดยไม่ละสายตา


ขุนกับโอมเหลือบไปมองภามที่นั่งอยู่ใกล้พวกเขาก่อนจะสะกิดกันแล้วแอบมองสีหน้าของเพื่อนสนิทที่ยังคงทำหน้าเรียบนิ่ง


แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือสายตาของเขาที่เหลือบมองข้าวเป็นระยะๆ


ขุนแกล้งกระแซะภามเบาๆ ก่อนจะพูดอย่างรู้ทัน “ตั้งใจเชียวนะ”


ภามยังคงไม่เงยหน้าจากงานที่กำลังขึ้นรูปด้วยมือตัวเอง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย


“อยากรีบทำให้เสร็จ มองนานเสียสายตา”


“โอ้ว!” ขุนกับโอมโห่ร้องพร้อมกันแบบรู้ทันก่อนจะหัวเราะเบาๆ แต่ก็ต้องหยุดเพราะอาจารย์เดินเข้ามาตรวจงานพอดี


ภามไม่ได้สนใจทั้งสองคนอีกต่อไป แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบไปมองเธอเป็นระยะๆ ราวกับส่งสัญญาณบางอย่าง


ไม่ใช่การมองด้วยความสงสัย ไม่ใช่มองเพราะข้าวกำลังทำตัวแปลกๆ


แต่มันเป็นสายตาที่สื่อถึงอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความต้องการที่จะให้เธอมาเป็นแบบให้กับเขา


ข้าวยังคงจ้องเข้าไปในห้องอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนโดนแรงดึงดูดบางอย่างจากสายตาของภามมันทำให้เธอรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างในอกของตัวเอง


เมื่ออาจารย์เดินมาตรวจดูความคืบหน้าของงานก็พบว่าภาม โอมและขุนต่างปั้นไปได้เกือบครึ่งทางแล้วทำให้ต้องหยุดมองอย่างพึงพอใจ


“ดีมาก ฝีมือใช้ได้เลย” อาจารย์พยักหน้าก่อนจะเดินต่อไป


ขณะที่ทุกคนกำลังตั้งใจ กัน ที่มาสายที่สุดของวันก็เดินเข้ามาในห้องอย่างชิลๆ


โอมเหลือบไปเห็นก่อนเป็นคนแรก แล้วก็อดแซวไม่ได้ “พึ่งนึกได้ว่ามีเรียนเหรอวะ?”


ขุนที่ได้ยินก็ขำตาม ก่อนจะเสริมขึ้น “นี่มันเลยไปเกือบชั่วโมงแล้วนะเว้ย”


กันยักไหล่แล้วเดินเข้ามานั่งที่ของตัวเองพร้อมกับมองไปรอบๆ ก่อนจะหรี่ตาอย่างสงสัย


“ทำไมคนมุงเยอะวะ?”


โอมยกนิ้วชี้ไปที่หน้าห้องโดยไม่พูดอะไร กันหันไปมองแล้วก็เบิกตากว้างทันที


“โห เจอแบบนี้มีของขึ้นนะ” เขาพูดขึ้นพลางหันกลับมามองเพื่อน


โอมที่ได้ยินแบบนั้นก็สวนกลับทันที “มีขึ้นแน่ ถ้างานไม่เสร็จ”


เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่กันจะถอนหายใจแรงแล้วลงมือปั้นแบบเร่งสปีดสุดตัว


แต่แล้วเสียงอาจารย์ก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้ทุกคนต้องหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นไปฟัง


“งานนี้อาจารย์จะให้ทำเพิ่มและต้องส่งภายในวันมะรืนนี้ คืองานที่นักศึกษากำลังทำกันอยู่นี่แหละ”


เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้อง ก่อนที่จะมีคนยกมือถาม “หมายความว่ายังไงครับ?“


“หมายความว่าพวกเธอต้องปั้น ปั้นใครก็ได้ ในแบบที่เผยให้เห็นความเป็นธรรมชาติของร่างกาย โดยไม่ต้องจำเป็นต้องเปลือย อธิเช่น กล้ามแขนของคนที่ออกกำลังกายจนเผยให้เห็นเส้นเลือดที่นูนขึ้น หรือ แผ่นหลังของหญิงสาว โดยที่ต้องดึงเสน่ห์ของร่างกายมนุษย์ออกมาให้ได้”


เสียงพูดคุยเริ่มดังขึ้นรอบห้อง ทุกคนเริ่มคิดว่าพวกเขาจะเลือกใครเป็นแบบดี


แต่ท่ามกลางเสียงพูดคุยนั้น ภามกลับไม่พูดอะไร เพียงแค่หันมาสบตากับข้าวที่กำลังมองอยู่ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ราวกับว่าเขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการภายในใจแล้ว


เสียงโห่ร้องจากกลุ่มนักศึกษาด้านนอกดังขึ้นเรื่อยๆ


“อยากปั้นภามอะ”


“โอ้ย แค่นี้ใจก็ละลายแล้ว”


“อยากให้เขาโชว์ซิกแพ็คเลยงี้”


“เดี๋ยวๆ ถ้าแกเห็นแบบนั้น แกจะมีสมาธิปั้นใช่มั้ย?”


“ฉันจะมีสมาธิทำอย่างอื่นมากๆ เลยละแก”


เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น ทำให้ข้าวทำได้แต่กลอกตาไปมาอย่างระอา ก่อนที่เจนจะสะกิดเธอเบาๆ


“แกๆ ภามเดินเข้าไปมองพี่บีมแบบใกล้ๆ เลยอะ”


เธอที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบหันไปมองทันที แล้วหัวใจของเธอก็เหมือนถูกบีบแน่น


เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวที่ห่างกันเพียงไม่กี่คืบ จนแทบจะชิดตัวกันเลยทีเดียว


ข้าวแทบจะกลั้นหายใจเมื่อเห็นภาพนั้น


ภามยืนจ้องร่างของพี่บีมอยู่นานเกือบสองนาทีก่อนที่เขาจะค่อยๆ เอื้อมมือไปสัมผัสที่ช่วงไหล่ของพี่เขาอย่างเบาๆ


สัมผัสนั้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเผยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ออกมาแล้วโน้มตัวเข้าไปกระซิบเสียงแผ่ว


“แหม น้องภาม อย่ามองกับสัมผัสพี่แบบนี้สิ มันไม่ดีนะ ถ้าจะทำแบบนี้ พี่ว่ารออยู่ด้วยกันสองต่อสองดีกว่านะคะ”


เสียงหัวเราะแผ่วเบาของหญิงสาวทำให้กลุ่มที่มุงดูอยู่ข้างนอกกลับซุบซิบกันขึ้นไปอีก


แต่เขากลับไม่มีท่าทีสนใจคำพูดของเธอเลย เขาเพียงแค่เอียงคอมองผิวของหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณาแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


“มองไกลๆ ผิวเนียนนะ” คำพูดนั้นทำให้พี่บีมยิ้มกริ่มออกมาเหมือนรอให้ชายหนุ่มชมต่อ


แต่คำพูดถัดไปของเขากลับทำให้รอยยิ้มนั้นค้างไปทันที


“แต่มองใกล้ๆ ทำไมแห้งจัง”


เสียงรอบห้องเงียบไปแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “สงสัยตรงนี้ต้องขัดให้หยาบแล้วละมั้ง”


“อะไรนะ!” พี่บีมอุทานออกมาทันที ดวงตาเบิกกว้างออกเล็กน้อยด้วยความตกใจ


แต่ภามก็ไม่สนใจท่าทีของเธอแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ลดมือลง แล้วเดินออกจากตรงนั้นไปโดยไม่พูดอะไรอีก


โอม ขุนและกันที่นั่งปั้นอยู่แอบส่งสัญญาณให้เขารู้ตัวเบาๆ


“มึง มีสายตาคู่หนึ่งมองมึงแบบอาฆาตอยู่ครับ” ขุนกระซิบพลางพยักพเยิดไปทางหน้าต่าง


ภามหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบไปมอง


สายตาของข้าวที่จ้องมองมาที่เขา ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของเธอเม้มแน่น คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย


ภามยกยิ้มมุมปากขึ้นบางๆ อย่างรู้ทัน ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจงานของตัวเองต่อ


โดยที่เธอนั้นยังคงจ้องมองไปยังเขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่แล้วภามก็เดินตรงมาหยุดตรงที่เธอยืนอยู่พลางปลดล็อกและเลื่อนหน้าต่างออก


เธอเผลอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของเขาที่จ้องกลับมาทางเธอโดยตรง ในขณะที่มือของเขากำลังนวดดินส่วนสุดท้ายของงานไปด้วย


ข้าวขยับปากจะพูด แต่ภามชิงพูดขึ้นมาก่อน


“ทำไมเหรอ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความยียวน


ข้าวกอดอกเล็กน้อยแล้วเอียงคอถามกลับ “นายจะมามองฉันทำไม”


ภามกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ “เธอมีติดป้ายห้ามมองหรือไง”


เธอในตอนนี้ที่รู้สึกเหมือนใบหน้าของตัวเองร้อนขึ้นโดยไม่รู้ตัวจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “นายไม่ไปมองพี่บีมต่อละ”


เขาหัวเราะในลำคอเล็กน้อยแล้วโน้มตัวลงใกล้เธอพร้อมกับพูดเสียงแผ่ว “อย่าบอกนะ ว่าเธอหึง?”


“ใครหึงนาย” เธอรีบตอบพร้อมส่ายหน้าแรงๆ


เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขบขัน ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์


จากนั้นชายหนุ่มก็หันหลังกลับไปปั้นงานต่อราวกับว่าคำตอบของเธอเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้เขาไขว้เขวเลยแม้แต่น้อย


เจนที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา เขาปั้นเร็วมากเลยนะ อย่างกับมืออาชีพเลย


ไม่นานนัก ภามก็เดินกลับมาหาข้าวอีกครั้ง ก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง


“คืนนี้ว่างมั้ย?”


“ห้ะ” เธอถึงกับอ้าปากค้าง มองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ


เสียงของเธอดังพอให้เพื่อนๆ ในสาขาได้ยินและดูเหมือนว่าคำถามของเขาจะทำให้ทุกคนหยุดมือลงแล้วหันมามอง


ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเพียงชั่วอึดใจ ก่อนที่เพื่อนๆ ของข้าวจะรีบแทรกและเบียดตัวเธอทันที


“ว่างค่ะๆ” เพื่อนคนอื่นเริ่มส่งเสียงแซว ขณะที่บางคนรีบเสนอตัวแทนแทนเธอ “ฉันว่างนะภาม”


เสียงเพื่อนๆ แย่งกันตอบแทนดังเป็นระลอกพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก


ข้าวที่ยังตั้งตัวไม่ทันหันไปมองเพื่อนๆ ของเธออย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะหันกลับมามองภามที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเธอ


เขายิ้มบางๆ อย่างรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และเอียงคอเล็กน้อย


“ฉันหมายถึงเธอ ข้าว”


เสียงรอบตัวเงียบลงทันที พร้อมกับสายตาของเพื่อนที่หันมามองเธออย่างคาดหวัง ซึ่งบางคนก็หวังให้เธอปฏิเสธจะได้เสียบแทนหรือบางคนก็หวังจะให้เธอมาเล่าว่าเจอของดีมั้ย


ข้าวกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ พลางรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนที่จะรีบตั้งสติกลับไปจ้องหน้าภามที่ยังคงรอคำตอบของเธออยู่ ดวงตาของเขามีแววขี้เล่นปนคาดหวังนิดๆ จนเธอรู้สึกเหมือนถูกไล่ต้อน


“ว่างมั้ย?” เขาถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้เสียงเบาลงเล็กน้อยเหมือนจะให้เป็นเรื่องของพวกเขาสองคน แต่คนรอบข้างกลับยังคงจับจ้องสถานการณ์ตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ


ข้าวเหลือบตามองเจนที่ยืนข้างๆ เห็นเพื่อนสาวพยักหน้าหงึกๆ เหมือนจะบอกให้ตอบตกลงไปเลย ขณะที่เพื่อนคนอื่นเริ่มซุบซิบกันเบาๆ อย่างตื่นเต้น


“เอ่ออ..” คำถามของภามไม่ใช่แค่ทำให้เธอประหลาดใจ แต่มันเหมือนโยนเธอเข้าไปอยู่กลางเวทีที่มีคนดูเต็มไปหมด


“สรุปว่างรึเปล่า?” น้ำเสียงของภามยังคงติดเล่น ทว่าคราวนี้สายตาของเขากลับจริงจังกว่าปกติ


ข้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “วะ..ว่าง”


ทันทีที่เธอพูดจบ เสียงอื้ออึงรอบข้างดังขึ้นเหมือนสนามแข่งที่เพิ่งได้ผลสรุป เจนยกมือขึ้นปิดปากตื่นเต้น ขณะที่เพื่อนอีกสองสามคนแอบกระซิบกันเบาๆ


ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างพอใจ “งั้นเจอกันตอนหกโมงเย็นนะ” เขาพูดง่ายๆ ก่อนจะเดินกลับไปเก็บอุปกรณ์ของตัวเอง ทิ้งให้ข้าวยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงกว่าเดิมหลายเท่า


เพื่อนๆ ของเธอรีบกระโดดเข้ามารุมเธอทันที บางคนเขย่าตัวข้าวอย่างตื่นเต้น บางคนทำหน้าหมั่นไส้ บางคนถึงกับบ่นเสียดายที่ไม่ใช่ตัวเอง


“ฉันละอิจฉาเธอจริงๆ”


“เธอต้องแอบถ่ายซิกแพคเขามาด้วยนะ” เพื่อนคนหนึ่งเสนอความคิดให้กับเธอ “อย่าลืมมาเล่าให้ฟังด้วยนะ”


ข้าวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกลากเข้าไปอยู่ในมรสุมคำถามและเสียงแซวจากทุกทิศทาง ขณะที่เธอยังตั้งสติไม่ทัน อยู่ๆ ก็มีเพื่อนผู้ชายในสาขาคนหนึ่งเดินฝ่ากลุ่มคนเข้ามาแล้วยื่นบางสิ่งให้เธอ


“อะไร?” ข้าวมองเขาอย่างงงๆ


“อะ เผื่อคืนนี้เธอต้องใช้” เขายิ้มมุมปากและเดินออกไป


ข้าวขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆ แบมือขึ้นดูสิ่งที่อยู่ในนั้นแล้วทันใดนั้นเธอก็เบิกตากว้างขึ้น


“ถุงยาง!”


“เฮ้ย!” ข้าวตะโกนลั่น รีบปามันทิ้งแทบจะทันที “ไอ้บ้า!”


เสียงหัวเราะและเสียงโห่แซงดังขึ้นหนักกว่าเดิม บางคนถึงกับหัวเราะตัวงอ


“ข้าว คืนนี้เธออาจจะไม่รอดนะ”


“โชคดีนะเพื่อน”


“ข้าว เธอปาทิ้งแบบนี้คิดดีแล้วใช่เปล่า”


“ยังอีกนะ!” ข้าวหันไปแหวใส่เพื่อนๆ ที่แซวไม่หยุดแล้วชี้ไปที่ภามที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ฉันกับไอ้บ้านั้นเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”


“แค่เพื่อน แต่ถามว่าคืนนี้ว่างมั้ยอะนะ”


ข้าวกัดฟันกรอดก่อนจะพูดเสียงดังลั่น “ถ้าไอ้บ้านั้นกล้าทำอะไรฉันละก็..ฉันจะหักตรงนั้นให้ใช้การไม่ได้อีกเลย” เสียงฮือฮายิ่งดังขึ้นกว่าเดิม แต่แล้วทุกคนก็เงียบลงแทบจะทันที เมื่อมีเสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง


“เสียงดังอะไรกัน?”


ข้าวหันขวับไปมองเห็นโอม ขุน กันและภาม เดินมาทางที่เธอยืนอยู่ สายตาของพวกเขามองมาทางกลุ่มของเธอที่ยังคงมีคิกคักกันอยู่


“พวกเราไม่มีสมาธิกันหมดแล้วนะ” โอมพูดเสียงนิ่ง


ข้าวสะดุ้งรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง ขณะที่เพื่อนๆ รอบตัวเริ่มสงบลงทันที แต่ก็ยังคงมีเสียงหัวเราะแผ่วๆ จากบางคน


ภามมองเธอก่อนจะเลิกคิ้วนิดๆ “เกิดอะไรขึ้น?”


ข้าวที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี พวกเขาทั้งสามคนเหลือบมองไปที่ถุงยางที่เธอปาทิ้งไปก่อนหน้านี้ แล้วขุนก็หัวเราะออกมาเบาๆ


“อ๋อ เรื่องนี้เอง”


เธอถลึงตาใส่เพื่อนตัวดีที่ยื่นของประหลาดใส่เธอพลางถอนหายใจแรงๆ ก่อนที่พวกเขาทั้งสี่คนจะหันหลังไป


“แหม วางแผนอะไรอยู่เปล่าเพื่อน” โอมเอ่ยขึ้นพลางมองภามด้วยสายตาจับผิด


ภามถึงกับชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไรแค่ถอนหายใจนิดๆ


“นายน่าจะไปเก็บนะ เผื่อที่บ้านหมด” ขุนพูดขึ้นเสียงเรียบ แต่สีหน้าเต็มไปด้วยแววขบขัน


กันที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ่งได้โอกาสแซวหนักขึ้น “สดไปเลยเพื่อน! กูเชียร์”


ภามเหลือบมองเพื่อนด้วยสายตาเอือมระอาก่อนขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเข้ม “พวกมึงหยุดเลย กูไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”


“เหรอ” โอมเลิกคิ้ว


“ที่ถามข้าวแบบนั้นเพราะจะไปปั้นงานตามที่อาจารย์สั่งต่างหาก” ภามรีบแก้ตัวหวังให้ทุกคนเลิกแซว


กันหัวเราะออกมาพลางตบบ่าภาม “มึง มีใครเรียกไปเป็นแบบให้ตอนกลางคืนบ้าง กลางวันก็มีครับ”


“ก็…กูรีบทำ ไม่อยากงานค้าง”


“มึงหยุดแก้ตัวเถอะ ยิ่งพูดสีข้างยิ่งถลอก” ขุนแทรกขึ้นทันที


โอมที่ฟังอยู่นั้นพลางทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “อุปกรณ์ไม่พอ โทรบอกกูได้ทันทีนะเพื่อน”


“ไอ้เพื่อนชั่ว” ภามแทบจะเขวี้ยงก้อนดินใส่หน้าโอม ขณะที่เพื่อนคนอื่นหัวเราะลั่นกันไปหมด