ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็กทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)
เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก
แนะนำตัว
ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์
กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์
ติดตามกันได้
เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย
ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน
ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ
นายจะบอกว่า ตั้งใจ
แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร
ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที
ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา!
เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..
ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้
นายต้องห้ามลืมฉันนะ
ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ
เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ
แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ
อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด
ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้
ข้าวยืนกอดอกอยู่หน้าตึกคณะ สายตากวาดมองไปรอบๆ อย่างร้อนรนพร้อมความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวจนปั่นป่วนไปหมด มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกน่า แค่คืนนี้ว่างเท่านั้นเอง…เท่า..นั้น..เอง
“นี่ฉันคิดอะไรเนี่ย ไม่มีทางเป็นแบบนั้น ไม่…”
“ไม่อะไรเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากข้างหลังของเธอ ทำให้เธอสะดุ้ง รีบหันไปมองในทันที
“นาย…นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ที่เธอเถียงกับตัวเอง” เขาตอบพลางโน้มตัวมาตรงหน้าเธอเล็กน้อย “ไปกัน”
“ไป..ไปไหน” หญิงสาวถามขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่ชายหนุ่มเดินนำหน้าเธอไปไม่กี่ก้าว ก่อนที่จะชะงักแล้วหันไปมาตอบเธอเรียบๆ “บ้านฉัน”
“ทำ..ทำไม” ข้าวรีบถามขึ้นทันที
ภามหยุดเดิน หันมามองหน้าเธออย่างไม่รีบร้อน “ฉันคิดว่าเธอได้ยินที่อาจารย์พูดตอนที่เธอยืนมุงอยู่ตรงหน้าต่างซะอีก”
เธอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ “อะ..อ้อ งานนั้นสินะ”
เธอพยักหน้าเบาๆ ทำท่าเป็นเข้าใจ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคำถามแวบเข้ามาในหัว ก่อนที่เธอจะพูดออกไปโดยไม่ทันคิด
“นาย…นายจะให้ฉันแก้ผ้าเหรอ”
สิ้นประโยค ชายหนุ่มถึงกับชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมุมปาก ดวงตาคมสบตากับเธออย่างมีเลศนัย เขาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่จริงๆ ด้วย”
“ปะ…เปล่าสักหน่อย”
เธอรีบเบือนหน้าหนี แต่ไม่สามารถปกปิดใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีได้ ก่อนจะรีบเดินนำเขาไปที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซต์อย่างรวดเร็ว
บ้านภาม
เสียงเครื่องยนต์ดับลงมาพร้อมกับมอเตอร์ไซต์ของภามจอดสนิทหน้าประตูบ้าน ข้าวค่อยๆ ลงจากรถด้วยท่าทางประหม่า มือกำสายกระเป๋าแน่นโดยไม่รู้ตัว
“เข้ามาเลย” ภามเอ่ยขึ้นพลางเดินไปเปิดประตู
ข้าวพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะก้าวตามเข้าไป เมื่อก้าวผ่านประตูไป เธอรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้ามาในโลกอีกใบ บรรยากาศเงียบสงัดเกินคาดไม่เหมือนบ้านทั่วไปที่เธอเคยไป
ภายในบ้านของภามมีกลิ่นอายของงานศิลปะอบอวลไปทั่ว มีทั้งภาพสเก็ตช์ วัสดุปั้นและรูปปั้นชิ้นเล็กน้อยวางตามจุดต่างๆ
ภามเดินนำหน้าไปอีกห้องหนึ่งที่อยู่ลึกสุดของทางเดิน โดยที่มีเธอเดินตามเขาเข้าไปติดๆ ภายในของห้องเต็มไปด้วยเครื่องมือปั้น มีโต๊ะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ฝั่งหนึ่งของห้อง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ปั้นดินที่ดูเหมือนถูกใช้งานอยู่ เครื่องปั้นขนาดกลางตั้งอยู่ข้างๆ
อีกฝั่งมีชั้นวางที่จัดเรียงอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเรียบร้อยและโซฟาไซส์กลางตั้งอยู่ริมหน้าต่าง มีแสงไฟสลัวส่องให้เห็นเงาของงานปั้นตามมุมต่างๆ ให้รู้สึกเงียบสงบ
ภามก้าวเข้าไปก่อนจะชี้ไปทางโซฟา “เธอไปนั่งตรงนั้นได้เลย”
ข้าวพยักหน้าก่อนจะก้าวไปนั่งลงอย่างระมัดระวัง เธอสอดส่ายสายตาสำรวจห้องโดยไม่รู้ตัว
ภามเดินไปที่สวิตช์ไฟเหมือนกำลังจะเปลี่ยนจากแสงไฟสลัวไปเป็นไฟหลักที่สว่างกว่า แต่ข้าวรีบพูดขึ้น
“ไม่ต้องหรอก ไฟนี้แหละ”
ภามชะงัก หันกลับมามองเธอเล็กน้อย ขณะที่ข้าวพูดเสริมขึ้นมา “เอาที่นายคุ้นเคยดีกว่า”
ดวงตาภามวาวขึ้นเล็กน้อย แต่จะยิ้มมุมปากนิดๆ “ตามใจ” เขาว่าแล้วเดินไปที่ชั้นวางอุปกรณ์
ช้าวมองแผ่นหลังของชายร่างสูงที่กำลังเตรียมอุปกรณ์ ทุกอิริยาบถของเขาดูจริงจังและคล่องแคล่ว โดยที่เธอมองเขาอย่างไม่ละสายตา
“จ้องอะไรขนาดนั้น”
เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นแบบที่ไม่ต้องเงยหน้ามามองเธอเลย
“เปล่านี่” ก่อนที่เธอจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่น
ภามเหลือบตามองเธอนิดๆ ริมฝีปากยกยิ้มบางๆ “เธอคงไม่คิดอะไรแปลกๆ อยู่จริงนะ”
เธอเลือกที่จะไม่ตอบอะไร ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องแทน “แล้วฉันต้องทำท่าไหน”
ภามหยุดมือครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองเธอรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่บนริมฝีปากของเขา “ท่าจะต้องถอดเสื้อนะ”
“ตลกละ”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ล้อเล่นน่า ปั้นหน้าเธอนั่นแหละ ไม่ต้องเครียด ทำตัวสบายๆ”
“ถ้านายกวนอีกนะ ฉันจะเอาดินพอกหน้านายเลย”
หลังเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จ ภามก็เดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะค่อยๆ ดัดลวดขึ้นเป็นโครงและมือกอบดินขึ้นมาปั้นประกอบขึ้นรูปอย่างตั้งใจ
ข้าวมองเขาทำงานเงียบๆ ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยสมาธิจนทำให้เธอรู้สึกว่า เขาในตอนนี้น่ามองกว่าปกติ
สายตาของเธอเริ่มเลื่อนต่ำลงไปยังมือของเขา มือที่มีรอยดินเปื้อนกำลังเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง นิ้วเรียวยาวที่กด บีบและค่อยๆ ปรับแต่งรูปทรงดินอย่างในเย็น
จู่ๆ เธอกลับรู้สึกแปลกๆ อะไรบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น ทำให้ต้องรีบสะบัดความคิดออกไป แต่ในจังหวะนั้นภามเหลือบตาขึ้นมามองเธอแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ
“เป็นอะไรเปล่า หน้าดูแดงๆ นะ”
ข้าวสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะรีบเบือนสายตาหนี “ไม่…ไม่เป็นไร” เธอตอบแบบตะกุกตะกัก
“ร้อนเปล่า เพิ่มแอร์ได้นะ” ภามมองเธออย่างไม่ค่อยเชื่อ
“นายตั้งใจปั้นไปเถอะน่า” เธอพูดพลางเบี่ยงหน้าหลบ แต่ความร้อนบนใบหน้ากลับไม่ลดลงเลย
ผ่านไปอีกสักพัก
ข้าวเริ่มรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองไม่เป็นปกติ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น เธอพยายามหายใจลึกๆ แต่กลับยิ่งรู้สึกเหมือนอากาศในห้องมีน้อยลงทุกที
ภามที่กำลังปั้นอยู่ชะงักไปเล็กน้อย เขาเหลือบตามามองเธออีกครั้ง ก่อนที่คิ้วจะขมวดแน่นเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ
“ข้าว..” เสียงของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะรีบล้างมือ ลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้ามาหาเธอทันที
ภามโน้มตัวลงมาใกล้ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาสบกับดวงตาของเธออย่างพินิจพลางค่อยๆ เอื้อมมือมาแตะแก้วเธอเบาๆ
“หน้าเธอแดงนะเนี่ย ไหวเปล่า พักก่อนได้นะ”
สัมผัสอุ่นจากปลายนิ้วของเขาทำให้ข้าวสะดุ้ง เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยใจเต้นแรงแบบที่ไม่เข้าใจตัวเอง
“ไม่เป็นไร” เธอรีบพูดเสียงเบา
ในหัวของเธอกลับเต็มไปด้วยคำพูดของเพื่อนๆ เมื่อตอนบ่ายที่เต็มไปด้วยความหมายแฝง
“คืนนี้เธอไม่รอดน่า”
“อย่าลืมมาเล่าให้ฟังนะ”
“ข้าว เธอปาถุงยางทิ้งงี้ ระวังโดนสดนะ”
ข้าวสะบัดหัวเบาๆ พยายามลบความคิดพวกนั้นออกไป แต่แล้วเธอกลับรู้สึกได้ว่าภามกำลังจ้องเธออยู่
“เป็นอะไรของเธอ?” เขาถามเสียงเบา
“เปล่า”
“โกหกไม่เนียน” ภามพูดพลางเอนหลังพิงโซฟาก่อนจะหันมาสบตาเธออีกครั้ง “ถ้าไม่สบายใจก็พูดได้นะ”
เธอพยายามกลั้นใจไว้ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว โพล่งออกไปอย่างรวดเร็ว “ก็ได้ ฉันจะพูดละนะ”
“คือฉันนะ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ตั้งแต่ที่นายถามฉันว่าว่างมั้ย แล้วเพื่อนก็มาพูดแบบนั้นใส่อีก มันทำให้ฉันคิดมากมากโว้ย แถมยังมีหน้ามาบอกอีกว่า “ระวังโดนสดนะ” แต่อีกใจหนึ่งฉันก็เชื่อนายว่านายจะไม่ทำอะไรฉันแน่นอน…”
ข้าวพูดออกมาทั้งหมดแบบไม่เว้นหายใจจนมาสะดุดกับคำพูดสุดท้ายของเธอเอง “แน่นอนใช่มั้ย…?” พลางเอ่ยถามเขาปรายๆ
แต่แทนที่ภามจะตอบ เขากลับลุกขึ้นยืนทันที แล้วเดินไปที่มุมห้อง
“นาย..นายจะไปไหน” ข้าวโวยขึ้นทันที
ภามหยุดมือที่กำลังหยิบอะไรบางอย่างก่อนจะตอบ “แค่หยิบที่เกลี่ยดิน”
ข้าวถามขึ้นซ้ำอีกครั้ง “นายคงไม่ทำอะไรแน่นอน…ใช่มั้ย?”
ภามเงยหน้ามองเธอ แววตาของเขาดูลึกลับขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“ก็…” เขาลากเสียงยาวเหมือนกำลังแกล้ง ก่อนจะยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ “ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับเธอ”
ข้าวขมวดคิ้วทันที “อะไรของนายเนี่ย”
ภามหัวเราะเบาๆ ก่อนจะแลบลิ้นใส่เธอแบบเด็กๆ เธอควบคุมอารมณ์ตัวเองดีๆละกัน
“นาย!!”
เธอพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ยิ่งเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขา หัวใจก็เต้นแรงจนแทบระเบิด
ก่อนที่เขาจะกลับมานั่งข้างเธออีกครั้งด้วยท่าทางสบายๆ “โอเค เธอพูดมาขนาดนี้แล้ว”
ภามเอนตัวพิงโซฟา แขนยกพาดพนักพิง สายตาจับจ้องที่เธอไม่ละไปไหน “งั้นก็ตอบกันหน่อยสิ ว่าจริงๆ แล้วเธอรู้สึกยังไง?”
“อะไรนะ!”
“เธอคิดเรื่องพวกนั้นจริงๆ หรือแค่เพราะเพื่อนแซว”
คำถามของเขาทำให้เธอไปไม่เป็น เธอรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เพราะคำแซว แต่เธอจะยอมรับออกไปแบบนั้นได้ยังไง
“ฉัน..ฉันไม่รู้ แค่..”
เธอยังพูดไม่จบ ภามก็ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมใกล้จนเธอรู้สึกถึงไออุ่นจากตัวเขา
“เธอเขินฉัน”
เสียงของเขาเบาลงและใกล้ใบหูเธอมากเกินไป ข้าวสะดุ้งก่อนจะรีบเอนตัวหนี “มะ..ไม่ใช่สักหน่อย”
ภามหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นแตะแก้มของเธออีกครั้ง ปลายนิ้วของเขาเย็น แต่กลับทำให้ผิวของเธอร้อนขึ้นไปอีก
“หน้าแดงไปถึงไหนแล้วข้าว”
ข้าวตั้งท่าจะผลักเขาออก แต่ภามคว้าข้อมือของเธอไว้เบาๆ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปอีก
“หรือเธออยากให้ฉันช่วยพิสูจน์”
คำพูดนั้นทำให้เธอแทบหยุดหายใจ สายตาของภามไม่ได้มีแค่แววเจ้าเล่ห์อีกต่อไป แต่มีบางอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน มันจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน
เธอกลืนน้ำลายรู้สึกว่าตัวเองควบคุมอะไรไม่ได้อีกแล้วจนเธอสัมผัสได้ถึงมือที่ภามจับไว้เริ่มร้อนผ่าว
“พิสูจน์อะไรกัน” เธอถามเสียงแผ่ว
เขาไม่ตอบอะไรก่อนที่ปลายนิ้วของเขาจะเลื่อนไปสัมผัสริมฝีปากของเธอเบาๆ
“ก็..พิสูจน์ว่าเธอเขินฉันจริงๆ หรือเปล่าไง”
ข้าวเม้มปากแน่น เธอไม่สามารถที่จะทนความรู้สึกได้อีกแล้ว ก่อนที่เธอจะทันได้คิดอะไร มือของเธอก็เอื้อมขึ้นไปคว้าคอเสื้อภามลงมาและกดริมฝีปากแนบกับริมฝีปากของเขา
ดวงตาของภามเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่มันก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น เพราะหลังจากนั้น เขาก็พลิกสถานการณ์ทั้งหมด
ภามขยับมือขึ้นมาประคองใบหน้าของเธอไว้ ก่อนจะตอบสนองจูบของเธออย่างเชื่องช้าและลึกขึ้น
ข้าวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลมหายใจของเขารดอยู่บนผิวของเธอ ทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้น ริมฝีปากของเขาร้อนกว่าที่เธอคิดและสัมผัสนั้นก็ทำให้เธอแทบละลาย
จนกระทั่งภามเป็นฝ่ายถอนจูบออกมาช้าๆ สายตาของเขายังคงจ้องมองเธอราวกับพยายามจะอ่านความคิดของเธอ
ข้าวหอบเบาๆ รู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนจนแทบไหม้
ภามยิ้มมุมปาก มือที่ประคองใบหน้าของเธอไล้ไปตามแก้ม ก่อนจะกระซิบเสียงพร่า
“เธอเป็นคนเริ่มเองนะ”
ข้าวสะดุ้งขึ้นก่อนอยากจะหนีไปให้พ้นจากตรงนี้ แต่ขาของเธอกลับไม่ขยับ
ภามมองอาการของเธออย่างขบขัน ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูเธออีกครั้ง
“ถ้าเริ่มแล้ว ก็อย่าหนีง่ายๆ สิ”
ก่อนที่ข้าวจะทันได้ตอบอะไร ริมฝีปากของภามก็บดเบียดลงมาอย่างแนบแน่น ความร้อนจากร่างกายของเขาแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
ข้าวสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงแรงดึงที่เอว ภามโอบรั้งเธอไว้แน่น ก่อนจะใช้แรงกดเบาๆ พาเธอลงไปนอนแนบกับโซฟา แผ่นหลังของเธอสัมผัสกับเบาะนุ่ม ขณะที่ร่างของภามทาบทับอยู่เหนือเธอ
มือข้างหนึ่งของภามยังคงกอดรัดรอบเอวเธอไว้ ในอีกขณะที่อีกมือหนึ่งเลื่อนขึ้นไปจับข้อมือของเธอ ก่อนจะดันแขนเธอขึ้นไปตรึงไว้กับที่วางแขนของโซฟาราวกับไม่ต้องการให้เธอหนีไปไหน
“ภาม..” เธอเรียกเสียงแผ่ว
เขาไม่ตอบอะไร แต่โน้มตัวลงมาใกล้ ดวงตาจ้องมองเธอราวกับนักล่าที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ ริมฝีปากของเขาค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงมาก่อนจะกดแนบกับริมฝีปากเธอ
“อื้ออ” เสียงครางแผ่วหลุดออกจากลำคอของเธอ เมื่อปลายลิ้นของเขาตวัดเกี่ยวตะหวัดกับเธออย่างจงใจ ความหวานและความร้อนทำให้สติของข้าวเลือนราง
มือของเธอที่ถูกตรึงไว้ขยับเกร็งเล็กน้อย แต่ภามกดข้อมือเธอแน่นขึ้นราวกับจะบอกว่าอย่าคิดหนี
“เธอหวานกว่าที่ฉันคิดอีกนะ” ภามกระซิบเสียงพร่า
หน้าเธอแดงจัดจนร้อนวูบวาบไปหมด แต่ภามกลับใช้นิ้วเชยคางเธอขึ้นมาสบตากับเขา
“ฉันจะหยุดตอนนี้ก็ได้” เขาพูดเสียงแผ่ว “หรือเธออยากให้ฉันทำมากกว่านี้”
เธอกลับไม่ตอบอะไรแต่กลับยกแขนขึ้นโอบรอบคอภาม ก่อนจะกระชับแขนดึงให้ใบหน้าของเขาโน้มลงมาใกล้จนแทบไม่มีช่องว่าง
สัมผัสในตอนนี้เธอไม่มีความลังเลอีกแล้ว ริมฝีปากอ่อนนุ่มแนบลงมากับริมฝีปากของเขาอย่างจงใจ
ภามเบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลง ปล่อยให้จมดำไปกับสัมผัสนั้น
จ๊วบ จ๊วบ
เสียงจูบที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในแรงดึงดูดที่เขาสร้างขึ้น
“อื้ออ” เธอครางออกมาเมื่อภามไม่ยอมปล่อยเธอจากจูบนั้น เขาจูบหนักหน่วงขึ้น ปลายลิ้นร้อนกวาดต้อนอยู่ในโพรงปากของเธอ สำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างเอาแต่ใจ
ก่อนที่มือแสนซุกซนของเขาจะเลื่อนเข้าไปลอดใต้ผ่านเสื้อบางๆ ทำให้เธอรู้สึกถูกกระแสไฟแล่นผ่าน ในขณะที่มืออีกข้างเริ่มลดลงมาลูบไล้ที่ต้นขาของเธอ
ก่อนจะกระซิบใกล้ริมฝีปากของเธอด้วยเสียงแหบพร่า
“ห้ามเสียใจทีหลังนะ”
ข้าวรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนของภามที่เป่ารดริมฝีปาก “เตรียมใจไว้ให้ดีละ”
เสียงกระซิบของเขาก้องสะท้อน ก่อนที่ภามจะเอื้อมไปจับข้อมือของเธอให้เลื่อนลงมาสัมผัสตรงเป้ากางเกงของเขาที่ร้อนจนแทบจะระเบิด
ทำให้ข้าวเผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ปลายนิ้วของเธอจะค่อยๆ ลูบไล้ขึ้นลง
พร้อมกับเสียงของเขาที่ส่งเสียงครางออกมาอย่างแผ่วเบา
“อ่าา”
ภามก้มหน้าลงมาใกล้กับริมฝีปากของเธอด้วยเสียงต่ำ “ข้าว..อืมม ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
ก่อนที่เธอจะทันได้เอ่ย เขาก็เลื่อนกางเกงลงมาอย่างรวดเร็วจ่อปลายหัวสีชมพูสดใส่เข้าไปในกลีบดอกไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำหวานจนล้นออกมา ก่อนจะโน้มตัวลงมาแนบชิดกับเธอแล้วดันเข้าไปสุด
“อ๊าาส์!”
เธอครางออกมาหลังจากที่เขาดันเข้ามาก่อนที่ดวงตาคมเข้มตรงหน้าจะเงยหน้าขึ้นมองเธอที่คว้าคอของเขามาโอบแน่น
“อย่าเกร็งสิ”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นไปโอบแก้มของเธอที่สั่นเล็กน้อย ก่อนจะขยับขึ้นอีกครั้ง
และหลังจากนั้นทุกอย่างเหมือนตกอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้อีกแล้ว
เช้าวันถัดไป
ข้าวกลืนน้ำลายลงคออย่างยกลำบาก ก่อนที่ความทรงจำเมื่อคืนจะไหลย้อนกลับมาจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงแหบพร่าของภามดังขึ้นข้างหูก่อนที่เขาจะกำชับอ้อมกอดแน่น ข้าวสะดุ้งแล้วรีบดิ้นตัวออกจากอ้อมแขนเขาทันที “เดี๋ยวก็ตกหรอกพื้นที่มันยิ่งแคบอยู่”
ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงมือหนาที่เลื่อนขึ้นมาจับเนินเล็ก สัมผัสร้อนผ่านผิวบางทำให้เธอสะดุ้งเฮือก รีบคว้ามือเขาออก
“ภาม!”
“อะไรเหรอ” ภามตอบเสียงเนือยๆ แต่กลับกดตัวเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม มืออีกข้างของเขาเลื่อนไปสอดลอดหว่างขาเธอ
“ปล่อยเลยนะ”
“ไม่”
ข้าวหันไปจะต่อว่าเขา แต่ดันสบตากับใบหน้าที่อยู่ใกล้เกินไป ริมฝีปากเขายกยิ้มมุมปากเหมือนพอใจกับปฏิกิริยาของเธอ
“เมื่อคืนเธอไม่ว่าแบบนี้นี่”
ข้าวหน้าแดงก่อนจะถีบตัวออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวหนีไปยังห้องน้ำ
เมื่อข้าวพาตัวเองมาถึงห้องน้ำก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ทั่วร่างของเธอ
นี่มัน..
คิสมาร์กจางๆ ที่กระจายอยู่ทั่วลำคอและอกของเธอ แถมยังมีบางจุดขึ้นสีชัดเจนจนแทบจะกลายเป็นหลักฐานมัดตัวเขาอย่างดี
“ไอ้ภาม!”
แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น ก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นที่แนบชิดเข้ามาทางด้านหลัง
“ตกใจอะไร เสียงดังมากนะ”
เสียงทุ้มต่ำของภามกระซิบข้างหูพร้อมกับสัมผัสจากแขนแข็งแรงที่โอบรัดรอบเอวเธอเอาไว้
“นายเข้ามาทำไม” เธอสะดุ้งเฮือกทันที
เธอรีบยกมือกอดตัวเองแน่น แม้จะมีเพียงผ้าขนหนูคลุมอยู่แต่ความรู้สึกจากการที่ถูกโอบจากด้านหลังแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกว่า ตัวเองแทบไม่เหลือที่ให้ซ่อน
ภามกระตุกยิ้มมุมปากใบหน้าคมคายแนบลงใกล้ต้นคอของเธอ ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว
“เข้ามาดูผลงานเมื่อคืน”
“ไอ้บ้า” ข้าวยกมือทุบแขนเขาแรงๆ แต่เขากลับหัวเราะเบาๆ “ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด”
มือใหญ่ของเขาเลื่อนขึ้นมาลูบแขนเธอเบาๆ ก่อนจะใช้นิ้วแตะรอยแดงบางจุด
“รอยสวยดีนะ”
“นายไม่ต้องมาพูดเลย” ข้าวตะโกนสั่น หน้าแดงจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง
แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ ภามก็ค่อยๆ กดริมฝีปากลงที่รอยเดิมที่ต้นคอ ข้าวสะดุ้งเฮือกก่อนที่จะขยับตัวหนี
“พอเลยนะ”
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ ดวงตาคมกริบเปล่งประกายความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างชัดเจน
“แต่เมื่อคืนเธอไม่ได้บอกให้ฉันพอเลยนะ”
“นายยย!!”
อะ…
ทว่าภามกลับกดริมฝีปากลงมาแนบอย่างจงใจแขนแข็งแรงโอบรัดแน่นขึ้น ขณะที่เธอพยายามจะดันเขาออก
“ชู่ว์” ภามกระซิบแผ่วบนริมฝีปากของเธอก่อนจะกดจูบลงมาอย่างลึกซึ้ง
ร่างกายของข้าวเกร็งไปหมด แต่ความรู้สึกโล่งวาบที่ผิวหนังกลับทำให้เธอรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ฟึ่บ!
…ผ้าขนหนู
ข้าวหายใจสะดุดไปชั่วขณะ เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นที่กระทบกับผิวกายของตัวเอง
เธอค่อยๆ ลดสายตาลง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิม
“ภาม ผ้าฉัน”
“รู้แล้ว” ภามตอบเสียงต่ำ แต่กลับไม่มีท่าทีจะช่วยเก็บมันขึ้นมาให้เลยสักนิด
กลับกัน
มือของเขาเลื่อนลงต่ำ ปลายนิ้วลากผ่านเอวเปลือยเปล่าของเธอช้าๆ
ข้าวรีบยกมือดันแผงอกเขาสุดแรง แต่เพราะเธออยู่ในสภาพนี้ มันกลับทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ยิ่งกว่าเดิม
“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”
“เธอไล่ฉันเหรอ” เขาโน้มใบหน้ามาใกล้พลางกระซิบ
“ภาม!!”
ข้าวหน้าแดงจัดรีบคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาคลุมตัวเองแน่น ในขณะที่ภามยิ้มอย่างพอใจ
“โอเคๆ” เขายักไหล่ก่อนจะโน้มลงมากระซิบข้างหูอีกครั้ง “แต่ถ้าเธออยากให้ฉันอยู่ต่อ..”
“ออกไปเดี๋ยวนี้!!”
เสียงหวีดร้องของเธอไล่หลัง ขณะที่ภามหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยอมถอยออกจากห้องน้ำ
ขณะที่เธอกำลังเปิดฝักบัวให้น้ำอุ่นไหลลงมาตามร่างกายพลางคิดว่าในที่สุดก็ได้อยู่คนเดียวแล้ว
แต่…
แกร๊ก
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกช้าๆ
ข้าวหับขวับไปทันที ไม่ทันได้กรีดร้อง ร่างสูงของเขาก็เข้ามาโอบเธอจากด้านหลังแน่น
“ภาม..”
เธอพยายามดิ้น แต่แขนแข็งแรงกลับรัดรอบเอวเธอทำให้แผงอกเปลือยเปล่าของเขาแนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดค้นคอจนเธอต้องตัวสั่น
“ไล่ฉันออกไปสิ ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันอยู่ตรงนี้” ภามกระซิบเสียงต่ำ
“นายมันบ้า”
แต่ก่อนที่เธอจะดิ้นหนีมือหนาของภามก็ช้อนคางเธอขึ้น ก่อนจะบดจูบลงมาอย่างดุดัน
“อื้ออ”
ข้าวตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะริมฝีปากร้อนของภามบดเบียดเข้ามาอย่างรุนแรง ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย
น้ำจากฝักบัวยังคงไหลลงมา แต่กลับไม่สามารถดับไอร้อนที่แผ่กระจายไปทั่วร่างของเธอได้เลย
“อ่าาส์ พอ..พอแล้ว”
เธอพยายามจะดันเขาออก แต่ภามกลับจับข้อมือของเธอไว้แล้วกดมันแนบกับผนังห้องน้ำ
สายตาของเขามืดครึ้มลงเต็มไปด้วยความหิวโหยและปรารถนา
แต่ในจังหวะนั่นเอง..
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดความรู้สึกทั้งสอง
ครั้งหนึ่ง..ครั้งที่สอง..ภามยังเพิกเฉย ก่อนใช้จมูกไล้ลงมาตามหลังคอของเธอ
แต่เสียงโทรศัพท์ก็ยังคงดังไม่หยุด
ภามขมวดคิ้ว กรามขบแน่นด้วยความหงุดหงิด เสียงเรียกเข้ายังคงดังต่อเนื่อง จนสุดท้ายเขาก็ถอนหายใจหนักปล่อยมือจากเธออย่างเสียไม่ได้
ข้าวถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น หัวใจยังเต้นโครมคราม
ภามเดินออกจากห้องน้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูด้วยอารมณ์ขุ่นมัว พอเห็นชื่อที่โทรเข้ามา คิ้วของเขายิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม
โอม
ภามกดรับสาย กรอกเสียงลงไปอย่างไม่สบอารมณ์ “มีอะไร!”
“ไอ้ภาม มึงอยู่ไหน อาจารย์ตามมึงแล้ว”
ภามหลับตาลงพยายามกลั้นอารมณ์ค้างที่พลุ่งพล่านอยู่ในอก ก่อนจะตอบกลับไปสั้นๆ “เออ! เดี๋ยวกูไป!” แล้วกดวางสาย
“แล้วจะทำยังไงกับเจ้านี่ดีเนี่ย”
เขาพึมพำก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์ ข้าวก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
ชายหนุ่มหันไปมองเธอทันที ผ้าขนหนูพันรอบตัว ผมเปียกชื้นแนบแก้มแดงระเรื่อ
ดวงตาของเขาวูบไหล อารมณ์ที่ค้างอยู่พลุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
ข้าวหลบสายตาเขา รีบไปหยิบเสื้อผ้าของเธอที่วางพาดไว้ที่เก้าอี้ แต่ภามไม่ปล่อยให้เธอหนีง่ายๆ
มือหนาของเขาคว้าข้อมือของเธอไว้จากด้านหลัง ดึงให้เธอหันกลับมาสบตาเขา
“จะไปไหนเหรอ” เสียงของเขาแหบต่ำกว่าเดิม
ข้างสะดุ้งเล็กน้อย “ฉันจะไปใส่เสื้อผ้า” เธอพยายามตั้งสติ แต่สายตาของภามที่จ้องมองเธอมาอย่างลึกซึ้ง ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่
“ภาม” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆ “นายมีเรียนนะ”
เขาเงียบไปชั่วครู่ แต่สายตายังคงไม่ละจากเธอ เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบผิวของเธอ
หญิงสาวชะงัก ลมหายใจสะดุดเมื่อภามแตะริมฝีปากกับหน้าผากเธออย่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง
“เย็นนี้เจอกัน”
เขาปล่อยมือจากเธอ หยิบเสื้อที่พาดอยู่บนเก้าอี้ สวมลวกๆ แล้วเดินออกจากห้องไป