ทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)
รัก,ชาย-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,โรแมนติก,โรแมนซ์,พล็อตสร้างกระแส,มหาลัย,เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ,คู่กัด,รักตั้งแต่เด็ก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็กทำไมเธอถึงจูบฉันกลับละทั้งที่ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติที่เธอชอบสักหน่อยหรือว่า..เธอตั้งใจ? แต่ถ้าเธอถามฉันกลับละก็..ไม่รู้สินะ(เพราะฉันมีความลับปิดอยู่)
เรื่อง ป่วนขบวนรักของยัยตัวเล็ก
แนะนำตัว
ธีรัตม์ เชาวกรกุล ชื่อเล่น ภาม อายุ21 ปี2 สาขาวิชาประติมากรรม คณะศิลปศาสตร์
กันยานา ชวัลดนย์ ชื่อเล่น รวงข้าว สั้นๆ ข้าว อายุ20 สาขาวิชาจิตรกรรม คณะศิลปศาสตร์
ติดตามกันได้
เธอแอบชอบรุ่นพี่ที่สุดแสนจะตรงสเปก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเขาคือเพื่อนที่กวนประสาทเธออยู่ทุกวันแถมเขายังเป็นคนที่เผลอจูบเธอบนรถไฟอีกด้วย
ข้าวที่ชื่นชอบในความอบอุ่น สุขุมและใจดีของรุ่นพี่ในอุดมคติที่ตรงสเปกชายในฝันของเธอสุดๆ โดยที่ใครจะคาดถึงว่าเขาจะเป็น เพื่อนสนิทสุดกวนประสาทของเธอ ที่แทบจะกัดกันทุกวัน
ฉันไม่ได้จูบเธอเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรอกนะ
นายจะบอกว่า ตั้งใจ
แล้วเธอละจูบฉันกลับด้วยเหตุผลอะไร
ความลับที่ปิดมานานต้องมาถูกเปิดเผยออกพร้อมกับใบหน้าของเธอที่ตกใจราวกับโลกหยุดหมุนในทันที
ทำไม ทำไมนายต้องปลอมตัวด้วย อธิบายมา!
เหตุผลก็เพราะว่า…เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ..
ความทรงจำที่เลือนลางของเธอในวัยเด็กคืออะไร…ทำไมถึงได้ปวดหัวขนาดนี้
นายต้องห้ามลืมฉันนะ
ได้ ฉันจะไม่ลืมเธอ
เพราะเธอคือคนที่ฉันรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ
ขอฝากนิยายที่หนุบหนับหัวใจไว้ในกอดแขนและหัวใจห้องกว้างๆห้องใหม่ของคุณผู้อ่านด้วยนะคะ
แม้นางเอกจะขี้เหวี่ยงขี้วีนกับพระเอกที่ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็จริงใจสุดๆ ยังไงผู้อ่านช่วยเอ็นดูด้วยนะคะ
อย่าเอ็นดูจนเอ็นขาด
ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายเรื่องนี้
บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยสีสันของเทศกาลวาเลนไทน์ นักศึกษาหลายคนเดินถือช่อกุหลาบ บ้างก็มีช็อกโกแลตในมือ บางคนกำลังจะสารภาพรัก บางคู่ก็กำลังสวีทด้วยสายตาที่หวานซึ้ง เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะๆ
ในขณะที่ภามกำลังเดินฝ่าฝูงชน จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีคนเดิมตามมาเป็นกลุ่มใหญ่ พอหันไปมองก็เห็นสาวๆ หลายคนถือกล่องช็อกโกแลตกับดอกกุหลาบไว้ในมือ กำลังเร่งฝีเท้าตามหลังเขามา
“ภามคะ รับช็อกโกแลตหน่อยนะ” หญิงสาวที่กำลังเดินตามหลังพูดขึ้น ก่อนที่จะมีหญิงสาวอีกคนพูดแทรกขึ้นมา “เอากุหลาบนี้ของฉันดีกว่านะภาม”
ภามถอนหายใจยาว ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้น “โอ้ย น่ารำคาญ”
ทันใดนั้น โอมกับขุนที่เดินสวนมาเห็นพอดี ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเข้าไปขวางทางกลุ่มสาวๆ ไว้
“มึง! จารเรียกหาวะ” โอมพูดขึ้นเสียงดังลั่น
“เออๆ งั้นกูไปก่อนละ” ภามรีบฉวยโอกาสวิ่งออกมาทันที ปล่อยให้โอมกับขุนคุยกับสาวๆ ไป
เมื่อเขาพ้นจากวงล้อมได้ก็มาหยุดยืนหอบตรงทางเข้าตึกเล็กน้อยก่อนจะตบบ่าเพื่อนทั้งสองเบาๆ “ขอบใจนะเว้ย”
ขณะที่พูด ภามก็มองไปที่เสื้อของโอมกับขุน แล้วอดขำไม่ได้ “โอ้โห! สติ๊กเกอร์หัวใจเพียบเลยวะ มึงไปยืนให้สาวแปะมาหรือไง”
ขุนทำหน้าเซ็งๆ ก่อนที่โอมจะโพล่งขึ้นมา “เมื่อเช้าไอ้ขุนมันได้ช็อกโกแลตจากสาวนะเว้ย”
ภามหันไปไปมองขุนที่ยังหน้าเรียบเฉย “เฮ้ย! ไม่เบานะมึงอะ ปลอมเป็นหนุ่มเนิร์ดได้ผลเว้ย”
“ก็แค่รุ่นน้องให้มา ไม่ได้คิดอะไร” เขายักไหล่ก่อนจะถามกลับ “แล้วมึงอะ ไม่รับจากสาวพวกนั้นสักคนเลยเหรอ?”
“เรื่องไรต้องเอา” ภามตอบทันที สีหน้าของเขาดูไม่สนใจของพวกนั้นเลย
โอมกับขุนหัวเราะขำๆ “เออ” แต่แววตาของทั้งคู่ยังคงจับผิดเขาอยู่ดี
เมื่อทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้องเรียน ภาพแรกที่พวกเขาเห็นคือห้องที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ที่ปลิวว่อนไปทั่วห้องและช่อดอกไม้หลากสีวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะเรียน บางช่อถูกจัดใส่แจกัน บางช่อมีการ์ดติดไว้ ขณะที่บางช่อก็ถูกวางกองรวมกันตรงมุมห้อง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้กระจายไปทั่ว
“นี่อะไรเนี่ย!” ภามขมวดคิ้ว หันมองโอมกับขุน “ร้านดอกไม้มาเปิดสาขาใหม่ที่นี่เหรอ?”
“อาจารย์สั่งให้เอามาวาง” เพื่อนร่วมสาขาคนหนึ่งตอบพลางยกไหล่
โอมมองไปรอบๆ แล้วพูดติดตลก “วันนี้ปั้นดอกไม้แทนปั้นดินชัวร์”
ขณะที่ทุกคนในห้องยังคงสงสัยกันอยู่ อาจารย์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับยกมือเขียนบนกระดาน “เอาละ ประติมากรรมวันนี้ที่ต้องทำคือแกะสลัก”
แกะสลัก ทุกคนในห้องร้องออกมาพร้อมกัน นานกว่างานปั้นอีก พร้อมกับเสียงบ่นขึ้นมา
ภามไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ เพราะถ้าแกะพลาดขึ้นมายากที่จะกลับไปแก้ แต่ขณะที่เขากำลังคิดอะไรอยู่ เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางเดินด้านนอกเป็นเสียงที่ดูเร่งรีบมากๆ
โดยคนที่วิ่งผ่านหน้าห้องไปก็คือ “ข้าว”
เธอวิ่งผ่านไปอย่างเร่งรีบ แม้จะเห็นเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่ภามก็จำได้ดีว่าเป็นเธอแน่นอน เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่เธอหายไปโดยไม่รู้ตัว
ขุนที่สังเกตเห็นอาการของเพื่อน ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะกระซิบเบาๆ “จะไปไหนก็ไป เดี๋ยวพวกกูเนียนบอกอาจารย์ให้”
ทางด้านของข้าวนั้นเธอก็กำลังเร่งฝีเท้าไปตามทางเดินของอาคารเรียน รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ซึมออกมาบนหน้าผากของเธอ “แย่แล้ว! ถ้าสายกว่านี้ไม่ได้สอบแน่” เธอนึกในใจพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
วันนี้เป็นวันที่ห้ามสายเด็ดขาดเพราะอาจารย์มีควิซที่จะเก็บคะแนน แต่เธอกลับไม่ทันระวังขาตัวเอง ทำให้สะดุดพื้นกระเบื้องเล็กน้อยจนเสียหลักล้มไปข้างหน้า…
มือใหญ่ของใครบางคนคว้าเอวเธอไว้แน่น ก่อนที่เธอจะเซไปชนกับอกกว้างของเขา
“ระวังหน่อยสิ” น้ำเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากข้างหลัง
ข้าวเบิกตากว้างรีบเงยหน้าขึ้น แล้วพบว่าภามกำลังยืนอยู่ตรงนั้น แขนของเขาโอบรอบเอวไว้อย่างมั่งคง
“ภาม ปล่อยก่อน” เธอรีบพูดด้วยเสียงที่ตื่นตระหนก “ฉันจะรีบไปเรียน วันนี้มีควิซ”
ภามเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยราวกับเพิ่งเข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้รีบขนาดนี้ “งั้นเหรอ” เขาพูดก่อนจะเหลือบตามองนาฬิกาข้อมือ “ยังมีเวลาอีกนิดหน่อยนี่”
“แต่มันก็จะไม่ทันแล้วไง” ข้าวพยายามขยับตัวเพื่อให้เขาปล่อย แต่ภามกลับไม่คลายแขนที่โอบเธอไว้
“งั้นเธอตอบคำถามฉันก่อน แล้วฉันจะปล่อย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงแววขี้เล่น
“อะไรเล่า! ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับนายตอนนี้นะ” เธอโวยวาย แต่เขากลับโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้
“แน่ใจเหรอว่าต้องรีบขนาดนั้น” เขาถามพลางมองตรงไปที่ดวงตาของเธอ
ข้าวกลืนน้ำลายของเธอ รู้สึกได้ถึงใบหน้าที่เริ่มร้อนขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“ภาม! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย” เธอขึ้นเสียงอีกครั้ง
ภามหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกระซิบใกล้ๆ “โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” แล้วเขาก็ปล่อยแขนเอวของเธออย่างอ้อยอิ่ง
ทันทีที่เป็นอิสระ ข้าวรีบก้าวถอยหลังออกจากเขาทันที ก่อนจะหันไปเร่งฝีเท้าต่อ
“ไปก่อนนะ” เธอพูดลอยๆ แล้วรีบตรงไปทางห้องเรียน
ชายหนุ่มยืนมองตามแผ่นหลังของเธอ ก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วหมุนตัวกลับไปทางห้องเรียน
โรงอาหาร
แม้บรรยากาศในโรงอาหารก็ยังคึกคัก ถึงจะเป็นช่วงพักเที่ยงแต่ก็ยังมีบางคนเดินถือช่อดอกไม้อยู่ บ้างก็เดินไปหาคนที่ตัวเองชอบเพื่อสารภาพรัก บ้างก็มอบช็อกโกแลตให้กันอย่างเขินอาย
“รู้สึกว่าข้าววันนี้จะหวานเป็นพิเศษนะ” โอมพูดขึ้นพลางใช้ช้อนคนข้าวในจานตัวเอง
“พูดอะไรของมึงวะ” ขุนหันไปถามพร้อมเลิกคิ้ว
“รีบแดกเข้าไปเถอะ” ภามสวนกลับทันทีดูเหมือนจะไม่อยากต่อความยาว
แต่ในระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังขึ้นใกล้ๆ
“ภาม”
เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้เขาเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบว่าข้าวกับเจนกำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะของเขา
ข้าวถือถุงอะไรบางอย่างอยู่ในมือ ดวงตาของเธอฉายแววลังเลอยู่ชั่วคณะก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมา
“ฉันมีอะไรจะให้นาย”
ทั้งโอมและขุนหยุดตักข้าวเข้าปากแทบจะทันที ก่อนจะเหลือบมองหน้ากันอย่างรู้ทัน แล้วค่อยๆ วางช้อนลงแบบเนียนๆ
ภามกะพริบตาเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่ถุงในมือของข้าว “อะไร?”
ข้าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะวางถุงลงตรงหน้าเขา “ก็..ของขวัญวันวาเลนไทน์ไง”
บรรยากาศรอบโต๊ะเงียบไปชั่วขณะ มีเพียงเสียงฮือฮาจากโต๊ะรอบข้างที่เหมือนจะเริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“โอ้โห!” โอมกระซิบเสียงเบา ก่อนจะหันไปขยับศอกสะกิดขุนเบาๆ “มึงดูไอ้ภามดิ”
ขุนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะพึมพำ “เอาแล้วเว้ย”
ภามไม่ได้ตอบอะไรในทันที เขาเพียงแค่จ้องมองถุงตรงหน้าอยู่สักพัก ก่อนจะเหลือบตามองข้าว
“ทำไมให้ฉัน?” เขาถามน้ำเสียงราบเรียบ แต่แววตากลับมีประกายบางอย่าง
ข้าวเม้มปากแน่นเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ก็..แค่อยากให้เท่านั้น”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับกำลังพิจารณาคำตอบของเธอ ก่อนที่มุมปากของเขาจะยกขึ้นนิดๆ
“งั้นเหรอ”
เธอพยักหน้าเร็วๆ ก่อนจะรีบพูด “ถ้าไม่อยากได้ก็คืนมาเลย”
“ไม่ได้บอกเลยว่าไม่อยากได้” ภามพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบถุงขึ้นมาดู
“งั้นฉันไปละ เจนไปเถอะ” เธอพูดขึ้นด้วยหน้าที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“เอ้า เดี๋ยวสิ” เขาเรียกไว้ แต่ข้าวรีบเดินหนีออกไปทันที เจนเองก็หัวเราะนิดๆ ก่อนจะรีบตามไป
ภามมองตามแผ่นหลังของข้าวที่เดินออกไปก่อนจะค่อยๆ คลี่รอยยิ้มมุมปากออกมาพลางเปิดดูสิ่งที่อยู่ในถุง
ในขณะที่โอมกับขุนมองหน้ากัน ก่อนที่โอมจะพูดขึ้น “มึงก็ยังจะทำเป็นนิ่งอีก”
“เออ!” ขุนพยักหน้า “เห็นแล้วอยากเขวี้ยงช้อนใส่!”
ภามไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่หยิบกล่องช็อกโกแลตออกมาจากถุงและไล่นิ้วไปตามอักษรที่เขียนอยู่บนการ์ดใบเล็กๆ ที่แนบมา
ขอบใจที่รับของที่ฉันให้
ริมฝีปากของภามกระตุกยิ้มขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเก็บการ์ดใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบช็อกโกแลตขึ้นมาแกะกินอย่างอารมณ์ดี
หลังจากกินข้าวเสร็จทั้งสามคนก็แยกย้ายกันไปเก็บจาน ภามก็ทำทีเป็นขอแยกตัวไปเข้าห้องน้ำ ทว่าความจริงแล้วสายตาของเขากลับจ้องไปที่ข้าวที่กำลังเดินออกไปจากโรงอาหารพร้อมกับเจน
“เดี๋ยว กูไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“เออ รีบๆละกัน” โอมกับขุนพยักหน้ารับ
ภามก้าวเท้าตามไปเงียบๆ สายตาคมกริบมองแผ่นหลังเล็กที่เดินนำไป เธอเหมือนจะรีบร้อนเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเห็นว่าเธอกำลังจะเลี้ยวเข้าไปยังทางเดินที่เชื่อมไปยังห้องน้ำ
“เหมาะเลย” ภามพึมพำกับตัวเอง
รอให้เธอเดินพ้นมุมไปเพียงครู่เดียว ภามรีบสาวเท้าตามไปก่อนที่จะแอบหลบอยู่หลังกำแพงเพื่อหาจังหวะที่เหมาะพอดี
ข้าวที่กำลังจะเลี้ยวไปยังห้องน้ำไม่ได้เอะใจเลยว่ามีใครกำลังซุ่มรออยู่
หมับ!
“ว้าย—“
เธอร้องเสียงหลง เมื่อถูกรวบตัวจากข้างหลัง ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกดึงเข้าไปในมุมเงียบของทางเดินข้างอาคาร
แผ่นหลังเล็กถูกกดชิดกับกำแพงเบาๆ แขนแข็งแรงโอบรอบเอวไว้ในลักษณะที่หนีไม่ได้
“นะ..นาย”
ข้าวเงยหน้าขึ้นนมองคนที่จู่ๆ ก็ดึงตัวเธอมาแบบไม่ทันตั้งตัว
ภามก้มลงมองเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาของเขาดูลุ่มลึกและมีประกายเจิดจ้าราวกับกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง
“ฉันทำไม?”
“นายมาทำอะไรตรงนี้” ข้าวถามเสียงเบา หัวใจเต้นแรงจากเหตุการณ์กะทันหัน
“ก็เธออุตส่าห์ให้ช็อกโกแลตฉัน ฉันก็น่าจะให้อะไรเธอกลับบ้าง ว่ามั้ย?”
“อะ..ไร?”
ข้าวกะพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวยาวของภามจะค่อยๆ แตะที่ปลายคางของเธออย่างแผ่วเบา แล้วช้อนคางเธอขึ้นมาช้าๆ
ข้าวเบิกตากว้างหัวใจเต้นโครมครามแทบระเบิดก่อนที่เธอจะรู้สึกถึง..
สัมผัสร้อนผ่าวที่แนบมาบนริมฝีปากของเธอ
ริมฝีปากของเขาแนบแน่น ล็อกเธอไว้ในแรงกดดันที่ทั้งนุ่มนวลและรุกล้ำ ความร้อนจากร่างกายของเขาส่งผ่านมาทางสัมผัสแนบชิด มือใหญ่ยังคงประคองใบหน้าเธอไว้ ไม่ให้เธอเบี่ยงหน้าหนีไปไหน
ดวงตาของเธอสั่นไหว ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจเต้นรัวเสียจนแทบจะหายใจไม่ออก
ภามไม่ได้ละออกในทันที เขาแนบสัมผัสค้างไว้เล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ขยับริมฝีปากแนบลงมาซ้ำอีกครั้งอย่างลึกซึ้งขึ้น
“อื้ออ”
ข้าวหลุดเสียงในลำคอเบาๆ มือเล็กเผลอกำเสื้อของเขาแน่น ร่างกายเธอแทบจะไร้เรี่ยวแรงเมื่อถูกเขากอดไว้แบบนี้
ชายหนุ่มเองก็รับรู้ถึงแรงต่อต้านที่อ่อนแรงลง เขาผละออกมาเล็กน้อยปล่อยให้เธอได้สูดลมหายใจก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วข้างริมฝีปากเธอ
“ให้ฉันตอบแทนเธอกลับแบบนี้ ได้หรือเปล่า”
เสียงทุ้มต่ำของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและแฝงความหมายไว้
ข้าวยังคงหอบเบาๆ สีหน้าแดงก่ำ ดวงตาสั่นระริกเมื่อสบเข้ากับสายตาของเขาโดยตรง
“ภาม..” เธอเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด
ภามจ้องเธออยู่อย่างนั้นราวกับรอคำตอบ
ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้ง กระซิบที่ข้าวริมฝีปากของเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“หรือว่า…เธออยากให้ฉันจูบอีก”
หญิงสาวที่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ริมฝีปากของเขาก็กดลงมาอีกครั้ง คราวนี้หนักแน่นและร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ให้โอกาสเธอได้เอ่ยคำใด เพียงแค่ใช้การกระทำเป็นคำตอบแทนทุกอย่าง
มือของภามประคองใบหน้าของเธอไว้ปลายนิ้วไล้ผ่านแก้มเบาๆ ราวกับต้องการให้เธอจดจำสัมผัสนี้ไปตลอด ลมหายใจของเขาแผ่วร้อนชิดใกล้ ในขณะที่อุณหภูมิร่างกายของเธอก็เริ่มสูงขึ้น
เธอพยายามดันไหล่ของเขาออกเบาๆ แต่ภามกลับจูบแนบแน่นขึ้นกว่าเดิม ไม่ยอมให้เธอได้มีช่องว่างระหว่างกันเลยแม้แต่น้อย
“อื้ออ”
ข้าวพยายามจะพูด แต่เสียงของเธอกลับถูกกลืนหายไปกับจูบร้อนแรงขึ้น
ภามถอนจูบออกมาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะกระซิบข้างริมฝีปากที่บวมแดงเล็กน้อย เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ยากจะปิดบัง “ถ้าเธอไม่ผลักฉันออก ฉันจะถือว่าเธอเต็มใจนะ”
จนกระทั่ง..
ข้าวได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยของกลุ่มคนดังเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที หัวใจของเธอเต้นรัว ทั้งเพราะความตกใจและเพราะสัมผัสที่ร้อนแรงขึ้นทุกขณะ
เธอพยายามจะดันภามออก แต่มือของเขากลับรั้งเอวเธอไว้แน่นอย่างกับจะหลอมรวมเธอให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา ริมฝีปากของเขากดย้ำลงมาอย่างดื้อดึง จนเธอแทบหายใจไม่ทัน
“อื้ออ”
ข้าวพยายามจะเปล่งเสียงอีกครั้ง แต่ภามกลับใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนเธอจนหมดหนทางต่อต้าน
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาอีก เสียงหัวเราะเบาๆ ดังแว่วอยู่แค่ไม่กี่ก้าวจากมุมที่พวกเขาหลบอยู่ ข้าวตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง หากมีใครมาเห็นเข้าเธอคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
ข้าวใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักไหล่ของภามออกสุดแรง แต่เขากลับยอมถอนจูบออกมาแค่เพียงนิดเดียว ปลายจมูกยังคงคลอเคลียอยู่ใกล้ริมฝีปากของเธอ
“กลัวคนมาเห็นเหรอ” เขากระซิบเสียงพร่า
“..ภาม” ข้าวพยายามเรียกสติของเขากลับมา
แต่แทนที่เขาจะปล่อยเธอไป ภามกลับยิ้มมุมปากก่อนจะโน้มลงมากระซิบที่ข้างหูเธอ “งั้นก็เงียบไว้สิ เดี๋ยวจะโดนจับได้”
ข้าวแทบกลั้นหายใจเมื่อเสียงฝีเท้าหยุดลงตรงหน้ากำแพงที่พวกเขาแอบอยู่ เสียงพูดคุยดังขึ้นใกล้จนแทบได้ยินชัดทุกคำ
“เฮ้ย ตรงนี้ร่มดีวะ นั่งพักก่อนมั้ย?”
“เออดีดิ เดินมาตั้งนาน”
ข้าวเบิกตากว้าง หากพวกเขานั่งลงที่นี่มีหวังโดนจับได้แน่ เธอหันกลับไปมองภามอย่างร้อนรน แต่ชายหนุ่มกลับมองเธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมประกายขบขันราวกับกำลังสนุกกับสถานการณ์ที่เธอกำลังลำบาก
“ภาม ปล่อยก่อน” เธอพยายามกระซิบให้เบาที่สุด แต่เขากลับส่ายหน้าเบาๆ
“ช้าไปแล้ว” เขากระซิบตอบพลางยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของเธอเบาๆ เป็นเชิงให้เงียบ
ข้าวขนลุกไปทั่วตัว ไม่แน่ใจว่าร่างกายเธอสั่นเพราะกลัวถูกจับได้หรือเพราะสัมผัสของเขากันแน่
“มึงได้ของขวัญวาเลนไทน์จากใครวะวันนี้?”
“ก็มีอยู่คนหนึ่งอะ แต่ไม่ได้ชอบแบบนั้นไง เกรงใจเขาวะ”
ข้าวกลั้นหายใจพลางหันกลับไปมองภามอีกครั้ง ดวงตาของเขายังคงจับจ้องที่เธอไม่วาง พอเห็นเธอเผลอสบตาเข้า เขาก็โน้มใบหน้าเข้ามากล้าใกล้อีก
ข้าวรีบส่ายหน้าแรงๆ เป็นเชิงห้าม แต่เขากลับยิ้มบางๆ ก่อนจะกระซิบแผ่วเบา
“เธอไม่อยากได้ของขวัญจากฉันเหรอ?”
ข้าวกะพริบตาปริบๆ ยังไม่ทันจะตอบอะไร ภามก็เอื้อมมือไปจับคางเธอไว้อีกครั้งก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เธอแทบตกใจจนร้องเสียงหลง แต่ริมฝีปากของเขาปิดกั้นเสียงของเธอไว้ จูบที่ครั้งนี้ไม่ได้ร้อนแรงเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับอ้อยอิ่งเนิบนาบราวกับกำลังลงโทษเธอ
ริมฝีปากของเธอสั่นระริก ขณะที่สัมผัสของเขาค่อยๆ ผละออกอย่างเชื่องช้า ทิ้งไว้เพียงความอุ่นวาบและรสจูบที่ยังติดตรึง
ภามไล่สายตามองใบหน้าของเธอ ก่อนจะยกมือขึ้นแตะเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอที่บวมช้ำจากจูบของเขาปลายนิ้วโป้งไล้ผ่านเบาๆ ราวกับกำลังสำรวจร่องรอยที่เขาทิ้งไว้
“เจ็บเหรอ” เขาถามเสียงพร่าแฝงความพึงพอใจเอาไว้จางๆ
ข้าวเม้มปากแน่นรีบเบือนหน้าหนี หัวใจยังเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่กล้าสบตาเขาแม้แต่น้อย
“ภาม..นาย”
“ฉันอะไร” เขายังไม่ยอมให้เธอได้ตั้งตัวง่ายๆ มือแกร่งเลื่อนลงมาจับปลายคางเธอให้หันกลับไปสบตากันอีกครั้ง
ข้าวพยายามดิ้นหนี แต่ภามกลับยิ้มขำแล้วกระซิบเบาๆ ข้างหูเธอ
“ขอโทษนะ แต่ฉันคงติดใจซะแล้วสิ”
ยังไม่ทันที่ข้าวจะได้ท้วงอะไร ริมฝีปากของเขาก็แนบลงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับขยับขาให้ขึ้นมากดแนบระหว่างขาทั้งสองข้างของเธอ ก่อนจะเริ่มถูไถไปตามจังหวะจูบ
อ่าส์
แต่ทว่า…เสียงริงโทนจากโทรศัพท์ดังขึ้นกลางความเงียบ
ภามชะงัก ปลายลิ้นที่ยังเกี่ยวกระหวัดอยู่กับเธอหยุดลง ก่อนจะยอมละริมฝีปากออกจากเธอ ส่วนขาของเขาที่เคยกดแบบอยู่ระหว่างขาของเธอก็ขยับออกอย่างเชื่องช้า แต่มือของเขายังคงจับอยู่ตรงเอวเธอแน่น
“โคตรเสียอารมณ์เลยวะ” ภามพึมพำเสียงต่ำ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า กดรับสายอย่างหัวเสีย “อะไร!!”
“มึงอยู่ไหน! อาจารย์จะเข้าแล้วนะโว้ย!” โอมตะโกนปลายสาย
ภามยกมือขึ้นเสยผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะปรายตามองข้าวที่ยังยืนนิ่ง หน้าแดงก่ำ “เออๆ กำลังไป”
ข้าวพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา “ปะ..ปล่อยได้แล้ว” เสียงของเธอสั่นไหว
เขาวางสายก่อนจะมองเธอที่ยังอยู่ในอ้อมแขนเขาอีกครั้ง ดวงตาคู่คมฉายแววหงุดหงิดปนเสียดาย ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้จนทำเธอเผลอถอยหลังชนกับกำแพงอีกครั้ง
“ไว้ค่อยต่อทีหลังละกัน”
ข้าวหน้าร้อนขึ้นทันที เธอรีบเบี่ยงตัวเดินหนีออกไปทันทีโดยที่ไม่กล้าหันกลับมามอง ขณะที่ภามยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินตามเธอออกไปอย่างอารมณ์ค้าง