รักที่แตกหักอาจจะกลับมาแบบที่เราไม่ตั้งตัว By นิลรดา

My Love รักเธออีกได้ไหม? - ตอนที่ 0 My Love รักเธออีกได้ไหม? โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ยุคปัจจุบัน,ไทย,นิยายรัก,นิยายรักชายหญิง,รักโรแมนติก,รักโรแมนซ์,ยุคปัจจุบัน,รักต่างวัย,YukiCoCo,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

My Love รักเธออีกได้ไหม?

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ยุคปัจจุบัน,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายรัก,นิยายรักชายหญิง,รักโรแมนติก,รักโรแมนซ์,ยุคปัจจุบัน,รักต่างวัย,YukiCoCo

รายละเอียด

My Love รักเธออีกได้ไหม? โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รักที่แตกหักอาจจะกลับมาแบบที่เราไม่ตั้งตัว By นิลรดา

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

เด็กหญิงที่แอบชอบรุ่นพี่ตลอดเวลาตั้งแต่สมัยเด็กจนกระทั่งเธอเจอภาพที่ไม่คาดคิดจนเธอนั้นไม่อยากเจออีกฝ่ายอีกแล้วออกจากโรงเรียนและไปเรียนต่อต่างประเทศ หลายปีต่อมากลับมาทำงานที่ประเทศไทยอีกครั้งก็ต้องมาเจอสถาการณ์อันน่าเบื่อ แต่เธอก็ต้องเจอกับคนแรกที่กลับมาเจอกันอีก

สารบัญ

My Love รักเธออีกได้ไหม?-ตอนที่ 0 My Love รักเธออีกได้ไหม?

เนื้อหา

ตอนที่ 0 My Love รักเธออีกได้ไหม?

โรงเรียนแห่งหนึ่งกำลังจัดงานยินดีให้แก่เหล่ามัธยมปลายที่กำลังจบการศึกษาในอีกไม่นานช่วงเช้ามีการแสดงความยินดีแก่นักเรียนตามด้วยเหล่ารุ่นพี่ทั้งหลายเดินตามเส้นทางเพื่อออกจากหอประชุมแล้วมีน้อง ๆ จากทุกชั้นมาเรียงแถวกันตบมือและยินดีกับรุ่นพี่แต่คน เด็กหญิงผมสั้นประบ่ากำลังวิ่งไปยังปลายทางเนื่องจากเธอไปเอาของที่จะให้รุ่นพี่รู้จัก ทุกคนกำลังเดินมาตามทางอย่างสนุก แต่ระหว่างนั้นก็มีการตัดเส้นทางเพื่อให้ออกจากตรงนั้นให้เร็ว ทำเอาคนอยู่ปลายทางถึงกับเฟลกันไปร่วมถึงเด็กหญิง พวกรุ่นพี่ต่างออกจากตรงนั้นไปที่สนามกัน เธอก็รีบตรงดิ่งไปหารุ่นพี่ที่เธอรู้จักก่อนจะเจออีกคนที่เธอรู้จัก

 

“พี่กันต์ค่ะ เห็นพี่ฤทธิ์ไหมคะ?”

ชายหนุ่มร่างสูง ดวงตาสีเข้มและผมสีดำสะกัดค่อย ๆ หมุนตัวมาหาเด็กหญิงที่เรียกชื่อของเขา เมื่อหันมามองเด็กน้อยนั้นก็ได้แต่ยิ้มอย่างดีใจ

“น้องนิล พี่จำได้ว่าเจ้าฤทธิ์มันอยู่ข้างหลังนะ” ชายหนุ่มที่ชื่อกันต์ชะโงกหน้ามองหน้าเพื่อของเขา ก่อนจะหันไปหาเพื่อนที่เป็นผู้หญิง “ดา เธอเห็นเจ้าฤทธิ์ไหม?”

“ไม่เห็นนะ แต่จำได้ว่าตอนที่จัดแถวหมอนั้นอยู่หลัง ๆ นะ”

“ตามนั้น รอหน่อยนะ น้องนิล มีอะไรให้หมอนั้นเหรอ? แล้วของพี่ล่ะ เราไม่มีเหรอ?”

“แหม พี่กันต์รอต่อจากพี่ฤทธิ์นะ”

“โธ่...เรานี่น่าอะไร ๆ ก็ให้เจ้าฤทธิ์ก่อนพี่ตลอด” ชายหนุ่มทำปากเป็ดอย่างไม่ชอบใจที่เจ้าเพื่อนบ้าของเขาจะได้อะไรก่อนเขาเสมอ

 

เด็กหญิงที่ถูกเรียกว่านิลได้แต่มองหาพี่ที่เธอตามหา เธออยากมองของบางอย่างพร้อมกับจะพูดกับบางอย่าง แต่ทว่าก็มีเสียงดังเกิดขึ้นเสียงฮือฮาที่ทำให้นิลต้องหันไปมองก็ต้องถึงกับตะลึงกับภาพตรงหน้า ชายหนุ่มที่เธอกำลังรออยู่นั้นโดนหญิงสาวที่น่าจะอยู่ชั้นเดียวกันจูบต่อหน้าต่อหน้าของเหล่านักเรียนมากมาย ทำเอาทุกคนต่างฮือฮาชอบใจและเสียใจกับสิ่งที่เห็น ทำเอาพวกเพื่อน ๆ ต่างเฮฮาที่เพื่อนมีแฟน แต่เพื่อนบางคนเห็นกับอ่ำอึ้งที่เห็นสิ่งนั้น กันต์ที่เห็นก็หันไปมองน้องนิลที่ยืนนิ่ง แต่เธอกำของในมือจนยับยู่ยี่ก่อนจะหันมาทางเขา ก่อนที่เธอจะยกถุงที่ถือในมือให้แก่รุ่นพี่ข้าง ๆ

 

“หนูให้พี่กันต์เลยล่ะกัน”

“อ๊ะ!!” กันต์รับถึงจากอีกฝ่ายก่อนจะมองอย่างสงสัย “แล้วไม่ให้เจ้าฤทธิ์แล้วเหรอ?”

“ของหนู...พี่เข้าคงไม่ต้องการแล้วล่ะค่ะ...” นิลกล่าวแบบนั้นก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกฝ่าย “หนูขอตัวนะ งานเลิกแล้วด้วย หนูต้องไปทำธุระกับที่บ้านอีกนะ”

“เอ๋? วันนี้ขอลากิจเหรอ?”

“ค่ะ...หนูขอตัวนะ...”

 

เด็กหญิงเอ่ยแบบนั้นเธอยังหันไปมองภาพบาดตาที่เธอนั้นไม่อยากเห็นอีก ดวงตารู้สึกร้อนผ่าวไปหมดเหมือนคนกำลังอยากร้องไห้ แต่ความรู้สึกนั้นกลับหายไปใบหน้าของเธอมีแต่ความเจ็บปวด ก่อนที่เธอจะเดินไปหากระเป๋าที่ตั้งร่วมกับกระเป๋าของเพื่อน ๆ แต่ก่อนที่เธอจะหยิบไปนั้น พวกเพื่อนสนิทของเธอแต่ละคนต่างมาบอกลาและร้องไห้กัน นิลได้แต่ยกยิ้มและได้แต่กอดอำลาเพื่อแต่ละคนโดยไม่ได้อำลารุ่นพี่ฤทธิ์ เพราะถึงอำลาไปพี่เขาคงไม่สนใจเธอ ตั้งแต่วันนี้ทั้งสองคนจะห่างเหินกันและอาจจะไม่ได้กลับมาเจอกัน

 

หลายปีต่อมา

 

คอนโดสูงตะหง่านติดรถไฟฟ้าที่แล่นผ่านไปผ่านมา เสียงการจราจรดังตลอดตามเส้นทางเบื้องล่าง แต่งเสียงมากมายจากภายนอกไม่ได้ส่งมาถึงภายในห้องห้องหนึ่งที่มีหญิงสาวกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจก่อนที่เสียงนาฬิกาจะดังขึ้นมา หญิงสาวที่ได้ยินเสียงดังรบกวนเวลานอนของเธอก็ยืนมือมาสิ่งที่กำลังส่งเสียงก่อนที่จะเจอสิ่งที่ส่งเสียง มือถือขนาดเล็กผับได้กำลังส่งเสียงเตือนด้วยเพลงที่เฮฮาจนคนตื่นถึงกับยิ้มออกมา เธอลุกขึ้นนั่งบิดตัวขี้เกียจ

 

“ฮ้าววววว~”

หญิงสาวอ้าปากฮ้าวอย่างกว้างก่อนที่จะเอามือมาปัดการฮ้าวของตนเอง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว เวลาในมือถือแจ้งว่าตอนนี้หกโมงเช้าเป็นเวลาปกติที่เธอจะตื่นมาเตรียมตัว

“อรุณสวัสดิ์...เช้าวันใหม่...”

 

หญิงสาวเอ่ยพูดคนเดียวในห้องอันกว้างใหญ่มีเพียงเธอคนเดียวที่อยู่ในห้องนั้น ก่อนที่ตัวเธอจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วจัดที่นอนก่อนจะไปในห้องควรจัดการกับมือเช้าของเธอ มีเพียงแค่ไข่ดาว ไส้กรอกทอดสองสามชิ้นกับขนมปังแผ่นเดียว ทุกวันเป็นมื้อแบบง่าย ๆ จนบางครั้งเธอโดนเพื่อนสนิทบ่นว่ากินอะไรที่มีสาระหน่อยก็ดี แต่ทำไงได้เธอทำได้แค่นี้นี่น่า หลังจากทานอาหารได้ไม่นานเธอก็ตรงไปอาบน้ำอีกชั่วโมงกว่า ๆ ก่อนจะออกมาเตรียมเอกสารสำหรังงานวันนี้

 

“ของน่าจะครบแล้วนะ...คงต้องไปดูเอกสารที่เหลืออีก”

 

หญิงสาวก่อนก่อนจะเตรียมตัวที่จะออกจากห้องเพื่อเตรียมไปทำงาน เธอชอบใจที่คอนโดของเธอนั้นอยู่ใกล้กับรถไฟเลยเดินทางได้ง่ายและสะดวก เวลาผ่านไปสักระยะก็มาถึงสถานที่ทำงานที่ไม่ได้ใหญ่อะไรและไม่ได้สูงอะไรมากเพียงแค่ยี่สิบชั้น เธอเงยหน้ามองออฟฟิตของเธอกี่ครั้งก็รู้สึกว่ามันใหญ่เกินกว่าที่เธอจะผ่านมันมาได้ แต่เธอก็ผ่านมันมาได้จนได้อยู่ที่ใหญ่ ๆ แบบนี้

 

“มาสู้กันอีกวัน!!”

 

หญิงสาวกล่าวกับตนเองแล้วก้าวขาเดินไปตรงหน้าเข้าไปยังทางเข้าอันใหญ่ ผู้คนมากมายอยุ่ภายในตึกกันอย่างวุ่นวาย เธอเดินตรงไปยังลิฟต์ของที่นี่ถึงผู้คนจะเยอะเพียงใด แต่เธอก็ตั้งตารอไม่นานก็ได้เข้าไปในตัวลิฟต์และกดไปยังชั้นสิบสามที่เธออยู่ เมื่อมาถึงชั้นของเธอก็ตรงดิ่งไปที่โต๊ะทำงานพร้อมกับจัดเรียงเอกสารสำหรับงานครั้งต่อไประหว่างที่จัดอยู่นั้นก็มีเสียงวิ่งตรงดิ่งมาที่นี่พร้อมกับกล่าวคำทักทายด้วยเสียงอันร่าเริง

 

“สวัสดีค่ะ! พี่นิล”

หญิงสาวได้ยินคำทักทายก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มอันอ่อนหวาน “สวัสดีจ้ะ มะลิ”

“อืมมมมมมมมมมมมมม!! ใบหน้าของหัวหน้าช่างเป็นขวัญกำลังใจของหนูจริง ๆ มีแรงต่อสู้กับแผนกอื่นแล้วค่ะ!!”

มะลิเอ่ยพูดพร้อมกับโลดเต้นอย่างมีความสุขการเห็นหัวหน้ายิ้มให้เป็นความสุขของเธออย่างหนึ่ง แต่คนเป็นเจ้านายอย่างนิลรดาก็ยังงุนงงว่ารอยยิ้มของเธอวิเศษขนาดนั้นเลยเหรอ

มะลิกำลังดี๊ด๊าอยู่นั้นก็หันกลับมาแล้วถามเรื่องงานกับหัวหน้า “แล้ววันนี้เราจะมีประชุมไหมคะ?”

“อืม วันนี้เหรอ!?” นิลรดายกปฏิทินขึ้นมามองรายการที่จะเขียนตลอด แต่วันนี้ไม่มีเขียนอะไรแปลว่าไม่มีประชุม “วันนี้ไม่มีนะ แต่ว่าเดียววันนี้จะให้ทุกคนรวบรวมข้อมูลสถิติว่านิตยสารที่ตัวเองรับผิดชอบของเดือนนี้เป็นยังไงมั้งนะ”

“รับทราบค่ะ งั้นเดียวหนูไปเตรียมของตัวเองเลยนะคะ!!”

“ขยันจังเลยนะเรา ต่างกับ...บางกลุ่มแถวนี้...”

นิลรดาหันไปมองโต๊ะที่ตอนนี้ก็ยังว่างเปล่าถึงเวลาจะเลยแปดโมงไปแล้วก็ตามที แต่ไม่นานก็มีกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาเป็นพวกสาวแต่งชุดเซ็กซี่กระโปรงสั้นเข้ามากันใครเห็นก็คงชอบใจที่สาว ๆ พวกนี้แต่งแบบนั้นต่างจากนิลรดาที่แต่งแบบพื้น ๆ เช่นชุดสูททรงผู้หญิงเหมือนนักธุรกิจคนหนึ่ง

“อุ้ยตาย หัวหน้ามาแล้วเหรอคะ?”

“คงยังไม่มาหรอกมั้ง ตรงนี้คงเป็นผีนะ!” นิลรดาก้าวออกไปอย่างไม่เกรงใจ เพราะตัวเธอก็ทนกับพวกสาว ๆ พวกนี้มานานล่ะ

“อุ้ย ผีเหรอ...แบบนี้ต้องไปทำบุญหน่อยล่ะนะ พวกเรา”

“ใช่ ๆ”

สามสาวต่างหัวเราะเยาะออกมาจนคนฟังถึงกับเคืองสุด ๆ

“ยัยพวกนี้!!”

มะลิได้ยินพวกสาวกลุ่มนี้ตอบกลับหัวหน้าอย่างไม่คิดถึงเลยว่าหัวหน้าคือคนที่สามารถจัดการพวกเธอได้ มะลิอยากชกหน้าพวกนี้ก่อนที่นิลรดาจะจับไหล่ของเด็กน้อยเบา ๆ มะลิหันไปมองก็เห็นหัวหน้าส่ายหน้าเบา ๆ

“อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลยนะ”

“แต่ว่า...”

 

นิลรดามองอีกฝ่ายเบา ๆ มะลิก็เข้าใจพร้อมกับทำหน้าหงอย ๆ นิลรดาเข้าใจที่ลูกน้องคนสนิทอยากจัดการพวกสาว ๆ พวกนี้ แต่การไปทะเลาะด้วยมีแต่ปัญหา ก่อนที่คนอื่น ๆ จะมาต่อพวกนั้นเห็นหัวหน้าก็หัวเราะเบา ๆ เพราะพวกเขามาก่อนเวลาแต่หายไปซื้อของกัน แต่หัวหน้าก็ไม่เคยว่าเท่าไหร่ เพราะตอนเธอเข้ามาก็เห็นกระเป๋าของคนอื่น ๆ ตั้งอยู่แล้ว ก่อนที่เธอจะออกคำสั่งให้รวบรวมสถิตินิตยสารแต่ละฉบับที่ออกไปในเดือนนี้ว่าของใครมียอมขายยังไงมั้ง

 

แต่หลังจากนั้นทั้งวันทุกคนต่างรวบรวมข้อมูลกันภายในวันเดียวเป็นอะไรที่นิลรดาพอใจเป็นอย่างมากที่มีลูกน้องขยับกันแบบนี้ นอกจากกลุ่มที่ชอบมีปัญหากับเธอ ทุกคนจ้องมองกลุ่มสามสาวที่เอาแต่เมาท์มอยกันอย่างไม่สนใจเหลือแค่กลุ่มพวกเธอที่ยังไม่ส่งทำให้หัวหน้าไม่สามารถทำงานต่อได้จนมีคนหนี่งเอ่ยพูดขึ้น

“นี่!! พวกเธอรีบทำงานกันไม่เป็นหรือไง! หัวหน้ากำลังรออยู่นะ!!”

พวกสาว ๆ ไม่สนใจก็เมาท์กันต่ออย่างไม่ชอบใจจนคนเตือนถึงกับเคืองจนอยากจะอาละวาดใส่

“เอาล่ะทุกคน” นิลรดาเอ่ยพูดขึ้น “งานวันนี้มีเท่านี้ล่ะนะ เดียวเราไปห้องประชุมกันดีกว่านะ”

“แต่หัวหน้าค่ะ...”

“ช่างเถอะ มีเท่าไหร่เท่านั้น เดียวไปเรียกคุณฟ้าใสมาด้วยนะ”

“รับทราบครับ!!”

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบเดินออกจากตรงนั้นไปเพื่อไปหาคุณฟ้าใส หัวหน้าแผนกฝ่ายขายที่เป็นทั้งผู้ขายที่จะเสนอขายกับเหล่าร้านค้าและลูกค้าที่สนใจของต่าง ๆ ถึงนิลรดาจะพูดถึงคุณฟ้าใส แต่ยัยสามสาวก็ไม่สนใจอะไร เพราะไม่ใช่คนที่อยู่ในสายตาของพวกเธอ ก่อนที่จะพาลูกน้องเดินออกจากที่นี่แล้วตรงไปยังห้องประชุม ทุกคนต่างแบกโน๊ตบุ๊ตของตนเองกันไปเพื่อนำข้อมูลไปเสนอ ตอนแรกนิลรดาของให้ทุกคนใส่แฟชล์ไดร์ฟเอาไว้ แต่ว่าทุกคนเคยเจอบทเรียนที่สามสาวจะมาขโมยผลงานของตัวเองกัน เลยทำให้พวกเขาไม่ไว้ใจและต้องนำโน๊ตบุ๊ตของตนเองกลับกันตลอดเธอเห็นก็สงสารจริง ๆ

 

ทุกคนมาถึงห้องประชุมก็เข้าไปเตรียมตัวกัน ส่วนนิลรดาก็ออกมายืนรอคุณฟ้าใสมาร่วมประชุม ผ่านไปไม่นานนักเธอก็เห็นลูกน้องกำลังเดินนำหน้าคุณฟ้าใสมา เธอเห็นก็ดีใจแต่ท่าทางของลูกน้องคนนั้นทำให้เธอสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเขาห่อไหล่เหมือนกำลังเกร็งบางอย่างเธอก็เห็นชายร่างสูงสองคนกำลังเดินมาพร้อมกันก็ทำเอาเธอต้องรีบเร่งเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับทักทาย

 

“ท่านประธานพีระ สวัสดีค่ะ คุณฟ้าใสก็ด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ” นิลรดายกมือขึ้นไหว้ทั้งสองคน

“สวัสดีค่ะ คุณนิลรดา” ฟ้าใสรับไหว้อีกฝ่าย แต่น้ำเสียงเธอดูเกร็ง ๆ ก่อนจะเขยิบมาข้าง ๆ อีกฝ่าย “ขอโทษนะ...ฉันไม่คิดว่าท่านประธานจะมาด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ...”

นิลรดาไม่คิดมากที่อีกฝ่ายตามมาเขาแค่อาจจะเดินผ่านมาด้วยคงไม่คิดจะเข้าไปข้างในหรอก

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คุณนิลรดา อืม...คุณดูผอมจากครั้งแรกที่เจอกันหรือเปล่านะ?” ท่านประธานพีระทักเรื่องรูปร่างของหญิงสาวตรงหน้า

“อ๊ะ!! ไม่นะคะ...ฉันยังน้ำหนักเท่าเดิมนะคะ”

นิลรดาหลบสายตาจากอีกฝ่ายที่เอ่ยพูดแบบนั้น ทำเอาเธอคิดว่าอีกฝ่ายสังเกตร่างกายของเธอด้วยงั้นเหรอ

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ประธานพีระหัวเราะชอบใจกับท่าทางอีกฝ่ายที่ดูแล้วน่ารักสุด ๆ “ฉันคงตาฝาดสินะ แต่รักษาสุขภาพด้วยนะ สาวสวยอย่างคุณเป็นลมไปผมจะเสียใจเอานะ”

“ค่ะ...”

“จริงสิ ฉันพึ่งได้รองประธานคนใหม่มา คุณฤทธิ์ชาติ ขอฝากดูแลเขาด้วยนะ”

“ฝากตัวด้วยนะครับ”

 

ชายที่ถูกกล่าวว่าเป็นรองประธานก็เขยิบออกมาให้ทุกคนเห็นเขา นิลรดาเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายก็ทำให้เธอชะงักไปชั่ววินาทีที่อีกฝ่ายนั้นเป็นชายร่างสูงโปร่งไหล่กว้าง ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลา ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ผมดำเสกไปข้างหลังอย่างดูดีจนนิลรดาต้องหันหน้าหนี เพราะสายตาอีกฝ่ายดูจ้องเธออย่างกำลังพินิจตัวเธอทำเอาเธอเขินมาก ๆ ที่ชายที่ตรงสเปกเธอดันเป็นรองประธานซะงั้น ก่อนที่เธอจะแนะนำตัว

 

“ฉัน นิลรดาค่ะ เป็นหัวหน้าแผนกออกแบบนิตยสารค่ะ ขอฝากตัวเช่นกันค่ะ!!”

“ครับ คุณนิลรดา”

ฤทธิ์ชาติขานตอบอีกฝ่าย แต่สายตาของเขายังจับจ้องมองเธออย่างไม่วางสายตา ทำให้นิลรดาต้องทำอะไรให้พวกเขาสนใจไปทางอื่นแทน

“เอ่อ...พวกเรากำลังจะมีประชุมนะคะ เดียวรบกวนเวลาว่างของท่านประธานกับท่านรอง...”

“ไม่ต้องห่วง ฉันตามคุณฟ้าใสมาด้วยเพราะต้องการเข้าร่วมด้วยนะ!”

“ค่ะ?”

นิลรดาได้ยินแบบนั้นก็อึ้งที่ประธานจะเข้าไปฟังด้วยโดยปกติจะหายากมาก ๆ ที่อีกฝ่ายจะเข้าร่วม นี่อาจจะเป็นโอกาสทำให้พนักงานของเธอไต่ตำแหน่งและการเงินที่ดีขึ้นก็ได้

“งั้นเชิญเลยค่ะ!!”

นิลรดาพาทั้งสามเข้าไปข้างในจนเหล่าพนักงานทั้งเจ็ดคนที่อยู่ข้างในต่างกำลงสนทนากันอย่างสนุกก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นผู้ชายที่พวกเขารู้จักกันตั้งแต่เข้ามาทำงาน

“ประธาน!!”

“ทำตัวตามสบายพวกเรา ขอฉันฟังการประชุมหน่อยละกันนะ”

ทุกคนต่างตะลึงที่ประธานจะมารับฟังการประชุมนนี้ด้วย ทำเอาทุกคนประมาทกันหมด แต่นิลรดายกมือขึ้นเป็นกำลังใจให้ทุกคน พวกเขาต่างมองหัวหน้าก็ได้แต่มองตากัน พวกเขาคุยกันว่าทำเหมือนปกติดีทีสุดบางคนออกไปก็พรีเซนต์ผลงานตัวเองกับยอดขายที่เดือนนี้ขายกันได้เท่าไหร่ บางคนติงานของตนเองที่ยังมีจุดไม่ดีอยู่และติดงานบางตัวอย่างเช่นตัวอักษรและเลย์เอาท์งานที่ยังไม่ดีเท่าที่ควรมันยังไปได้มากกว่านั้น ทางประธานฟังก็ชอบใจกับการพรีเซนต์ของทุกคนจนกระทั่งพรีเซนต์คนสุดท้ายจบ รองประธานผิดสังเกตุว่าพนักงานแผนกออกแบบไม่น่าจะมีแค่แปดคน

 

“หือ? ถ้าจำไม่ผิด...แผนกเธอคุณนิลรดามีทั้งหมด 11 คนนี้ครับ”

ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นก็เหงื่อตกเลยว่าหัวหน้าของพวกเขาจะพูดยังไง นิลรดาได้ยินแบบนั้นเธอไม่รู้จะอธิบายยังไง เธอคงต้องโดนตำหนิที่ไม่สามารควบคุมพนักงานได้แน่ ๆ จนคุณฟ้าใสเห็นท่าทีไม่ดีก่อนที่จะหันไปหาพนักงานของนิลรดา

“ทุกคนช่วยกลับแผนกกันไปก่อนได้ไหม?”

“ครับ/ค่ะ?” ทุกคนได้ยินก็สงสัยว่าให้พวกเขากลับไปก่อนเหรอ

“ไม่ต้องห่วง ขอคุยอะไรกับหัวหน้าพวกเธอหน่อยนะ”

ทุกคนยิ่งห่วงหัวหน้ามากกว่าเดิม ก่อนที่นิลรดาจะหันไปหาทุกคนพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ทุกคน

“ไม่ต้องห่วงทุกคน ไม่มีอะไรหรอกนะ ไปพักผ่อนและค่อยทำงานชิ้นต่อไปนะ”

“ครับ.../ค่ะ...”

ทุกคนขานตอบพร้อมกับเดินออกจากห้องไป บางคนอยากแอบฟังแต่พวกเขาก็ลากกันออกไปก่อนจะโดนประธานเล่นงาน พอไม่มีคนอยู่นอกจากทั้งสี่คน ประธานก็ได้แต่ยิ้มอย่างชอบใจที่อีกฝ่ายนั้นดูเป็นที่รักของคนในแผนก

“ทุกคนดูรักเธอจังนะ”

“อ๋อ...ก็คงเพราะฉันเป็นหัวหน้า...”

“ไม่หรอกนะ เธอพยายามเป็นหัวหน้าที่ดีจนพวกเขานั้นรักเธอต่างหากล่ะนะ”

“เอ๊ะ!”

นิลรดาฟังคำพูดอีกฝ่ายก็ตะลึงที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้นออกมา ทำเอาเธอเขินหน่อย ๆ แต่ไม่รู้คำชมของประธานโดยคนข้าง ๆ จ้องมองอย่างไม่ชอบใจจนประธานรู้สึกเหงื่อตก ก่อนที่ประธานจะเข้าเรื่องสักหน่อย

“งั้นมาคุยกันหน่อยดีกว่า ตอนนี้คุณควบคุมลูกน้องของเธอไมได้อยู่สามคนใช่ไหม?”

“อึ้ก...” นิลรดาโดนคำตามที่ตรงจุดสุด ๆ จนเธอปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ จนเธอต้องตอบออกไป “ค่ะ”

“แล้วคนพวกนั้น คุณลาสี่ คุณโบว์ และคุณณัฐใช่ไหม?”

“ถูกต้องค่ะ...”

“งั้น...ตอนนี้พวกเขาอยู่ไหน?”

“อยู่ที่แผนกค่ะ...”

“คุณได้แจ้งพวกเขาให้ตามมาหรือเปล่า?”

“ฉันแจ้งตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ว่าวันนี้จะมีการประชุมขอให้ทุกคนรวบรวมข้อมูลที่ทำตั้งแต่เช้าให้ส่งตอนบ่าย ๆ นี่ล่ะคะ”

“ทุกคนถึงทำการพรีเซนต์ได้ดีสินะ”

“ค่ะ!!”

“แล้วทำไมถึงไม่แจ้งฝ่ายบุคคลถึงพฤติกรรมพวกนี้”

“คือว่า...”

“ฉันขออธิบายมั้งนะคะ” ฟ้าใสเอ่ยขึ้นมา “ทางแผนกของเราก็เคยร้องเรียนถึงสามคนนี้เช่นกัน แต่เรื่องก็เงียบไปเช่นกัน ฉันคิดว่าในแผนกบุคคลก็น่าจะมีแบล็คของสามสาวนี้เหมือนกันนะคะ”

“แบบนี้นี่เอง...”

นิลรดาได้ยินแบบนั้นก็ยกมือไหว้ขอโทษอีกฝ่ายทันที “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันเป็นหัวหน้าไม่ได้เรื่องเองค่ะ คุณพีระ...เรื่องถึงเป็นแบบนี้นะคะ”

“อย่าโทษตัวเองเลย บางทีเธอก็ไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ แต่ว่านะ” พีระกำลังพูดบางอย่างก่อนจะขยิบตาให้อีกฝ่าย “เรียกพีก็ได้นะ คุณนิลรดา”

“ไม่ได้หรอกค่ะ...คุณพีระอายุมากกว่าฉันตั้งหนึ่งรอบเลยนะคะ”

“ผมสนเหรอ?” พีระฉีกยิ้มให้หญิงสาว

“คุณมีเมียแล้วนะครับ คุณพีระ” ฤทธิ์ชาติเอ่ยขัดอีกฝ่ายออกมาจนคนเป็นประธานถึงกับชะงัก

“นี่ ๆ ฉันกำลังจะหย่านะ”

“ถึงจะหย่าก็ต้องหย่าให้สุดครับ ไม่ใช่บอกว่าจะหย่า”

“ชิ!! เจ้าหลานคนนี้!!”

 

นิลรดาสะดุ้งเลฌกน้อย เมื่อท่านประธานเอ่ยเรียกรองประธานว่าหลาน เธอไม่คิดว่าทั้งสองคนจะเป็นญาติกันเลย เพราะดูอายุสองคนมีความไล่ ๆ กัน แต่พอมานึกท่านประธานอาจจะเป็นลุงอีกฝ่ายก็ได้ แต่อายุประมาณสามสิบห้าอาจจะเป็นอาหรือน้าก็ได้ล่ะนะ เธอกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นรองประธานก็มองเธออีกครั้งนั้นทำให้เธอหันหน้าหนีอีกครั้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูด

 

“จากที่อาผมกล่าวนะ ทางเราได้รับข้อร้องเรียนโดยตรงมาจากหลายแผนกที่บอกว่าทางแผนกออกแบบมีคนทำงานอย่างไม่เป็น กินแรงคนอื่นและชอบข่มแผนกอื่นอีก”

“แผนกอื่นมาแจ้งด้วยเหรอคะ?”

นิลรดาเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเธอไม่เคยคิดว่าทุกคนจะร้องเรียนเรื่องพวกนี้ เพราะบางอย่างเธอจะได้ยินข่าวลือว่าบางแผนกไม่ชอบเธอเท่าไหร่

“คุณนิลรดา อย่าคิดว่าแผนกอื่นไม่ชอบคุณเลยนะ ส่วนใหญ่ที่แผนกอื่นไม่ชอบคุณก็เพราะสามคนนั้นไปปล่อยข่าวว่าคุณนั้นมีนิสัยยังไง” ฟ้าใสรีบกล่าวออกมาทันที

“หมายความว่า...!!”

“ค่ะ นั้นทำให้หลายแผนกมองคุณในแง่ลบกันหมด แต่ว่าอย่างแผนกฉันได้รู้จักคุณและคุณก็รับผิดชอบต่องานของตนเองและงานลูกน้อง ทำให้ฉันกับลูกน้องเห็นว่าเป็นไง นั้นทำให้ฉันลองกลับไปคุยกับหัวหน้าของคนเก่า ๆ ถึงได้รู้เช่นกันว่าพวกเขานั้นไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยจริง ๆ”

“แล้วพวกเขาทำไมกัน?”

“เพราะมีคนชักจูงไงครับ” ฤทธิ์ชาติกล่าวออกมา

นิลรดาขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าใครชักจูงพวกนั้นให้ทำแบบนี้ นั้นทำให้เธอนึกถึงบางคนที่หนึ่งในนั้นน่าจะกำลังครบกัน

“หรือว่าจะเป็น...คุณกิตที่อยู่แผนกบุคลากรเหรอคะ?”

“ทำไมเธอถึงคิดว่าเป็นเขาล่ะ?” พีระเอ่ยถาม

“เพราะเขาน่าจะคบอยู่กับคุณลาสี่นะคะ...แล้วเหมือนคุณกิตก็ชอบที่จะจีบคนไปทั่วด้วย...เพราะว่าจากที่คิดหัวหน้าแผนกออกแบบแต่ละคนน่าจะเคยเป็นผู้หญิงหมดเลยสินะคะ”

“ใช่ค่ะ!” ฟ้าใดพยักหน้าเบา ๆ

“นั้นอาจจะมีวิธีที่คุณกิตใช้หลอกลวงคุณลาสี่ให้เป็นเครื่องมือก็ได้ เช่น ผมจีบคนนั้นเพราะเขาเป็นหัวหน้า ส่วนคุณเป็นแค่ลูกน้องนี่น่า ผมก็ต้องชอบคนที่มีตำแหน่งสูงอยู่แล้วสิ”

“แหม ๆ ความคิดเธอนี่บรรเจิดจริง ๆ นะ สมเป็นหัวหน้าแผนกออกแบบนะ”

“อ๊ะ...ขอบคุณค่ะ...”

“แต่...ความคิดเธอก็ถูกนะ” พีระขยับมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

“เอ๊ะ!?”

นิลรดายกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนที่ฤทธิ์ชาติจะนำภาพและเอกสารบางอย่างออกมามีตั้งแต่ภาพพูดคุยกับลาสี่และภาพกำลังทักทายใครพร้อมกับยื่นบางอย่างให้ แต่นิลรดาเห็นชายอีกคนที่กิตกำลังคุยเธอก็จำได้ทันที

“เดียวนะคะ...เขา...คนนี้เป็นคู่แข่งของเรานี่ค่ะ!!”

“ใช่...รู้สึกการร้องเรียนของทุกคน...กำลังกลายเป็นประเด็นนอกเรื่องอย่างเช่นการขายข้อมูลของเราให้คู่แข่ง...เธอคิดไหมล่ะ? ว่าทำไมงานก่อนหน้าสองสามงานของแผนกเธอ คู่แข่งของเราถึงนำขายก่อนซะล่ะ!!”

นิลรดาได้ยินแบบนั้นไม่อยากเชื่อสายตา การที่ผู้ใหญ่มาคุยกับเธอเพื่อไม่ให้เข้าข้างลูกน้องของเธอ เพราะนิสัยของเธอที่รักลูกน้อง แต่ว่าสำหรับคนพวกนี้เธอไม่คิดจะปกป้องแน่ ๆ

“คุณมาคุยกับฉันเพื่อจะให้ฉันหยุดปกป้องคนผิดใช่ไหมคะ...ไม่สิไม่ต้องถามเลย...ถ้าใครมันทำผิด เชิญท่านประธานจัดการได้เลยค่ะ!! เพราะฉันไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องพวกเลวทรามที่มาพังบริษัทนี้ค่ะ!!”

คำพูดสุดท้ายของนิลรดาตราตรึงใจชองชายคนหนึ่งเขาเต็ม ๆ ให้เขาที่เห็นสีหน้าอันมุ่งมั่นนั้นแล้วอยากที่จะโผเข้าไปกอดและปลอบใจที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาได้ขนาดนี้ ทำเขาชายสูงวัยกำลังจ้องมองชายหนุ่มที่เหมือนกำลังตกหลุมรัก

“อะแฮ่ม!!”

ทุกคนต่างหันไปมองประธานที่จู่ ๆ ก็กระแอ่มขึ้นมาคนเป็นหลานก็จ้องมองอย่างสงสัย

“คำพูดดีมาก คุณนิลรดา งั้น...ผมขอทำแผนกต่อไปเลยนะ”

“ค่ะ...”

 

นิลรดาโดนให้ออกจากห้องนั้นไปอย่างไม่ได้ถามอะไรว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรแต่ก็มีความสงสัยว่าอีกฝ่ายนั้นจะทำอะไร แต่ทุกอย่างที่เธอเคยคิดเป็นจริง ๆ ว่าสามสาวนั้นทำแบบนี้เพราะคนที่บ่งการคือสาลี่กับคุณกิต ถ้าสองคนนี้ไม่อยู่ตั้งแต่แรกก็ไม่น่าจะมีอะไรแบบนี้ แต่ทุกทีมีหมดคนอิจฉา คนหลอกลวงและพวกหักหลัง นิลรดาเดินกลับมาที่แผนกทุกคนต่างรีบเดินตรงมาหาเธอทันใด

 

“หัวหน้า ไม่เป็นไรนะ?”

“จริงด้วยค่ะ เห็นหายไปนานเลย!!”

“พวกเราเป็นห่วงนะครับ”

“ขอบคุณนะ- “

นิลรดากำลังจะพูดอยู่นั้นก็มึคนหนึ่งพูดขัดเธอทันที “หึ! คงโดนท่านประธานด่านั้นล่ะที่ไม่ดูแลลูกน้องนะ ดูสิ พวกเรานั่งอยู่ที่นี่โดยไม่มีคนชวนสักคน!!”

“ใช่ ๆ เดียวได้โดนไล่ออกแน่ ๆ แบบนี้สาลี่ขึ้นเป็นหัวหน้าเลยสิ!!”

“จริงด้วยนะ ถ้ามีโหวตฉันจะเลือกสาลี่”

“ตายจริง ฉันไม่ได้เก่งแบบนั้นหรอกนะ พวกเธอก็อวยกันจัง”

“ก็เธอเหมาะนี่น่า”

 

‘เหมาะอย่างกับผีสิ!!’ ทุกคนต่างคิดในใจพร้อมกันอย่างกับนัดหมายกันมา

 

นิลรดามองพวกนี้ที่ยังไม่รู้ชะตาของตนเองเลยว่ากำลังจะโดนกฏขั้นรุนแรงของบริษัทเสียแล้ว นิลรดาพาลูกน้องแต่ละคนกลับไปนั่งทำงานกันปกติ วันนี้ทำการออกแบบนิตยสารช่วงฤดูฝนต้องหาทีมที่เหมาะกับนิตยสารนี้ พวกเขาก็ออกไปแบบกันหลายอย่างจนเวลาใกล้ถึงกลับบ้าน แต่ละคนเริ่มเอางานมาส่งยกเว้นกลุ่มสามสาวที่กำลังนั่งคุยกัน แต่แล้วพวกนี้ก็เริ่มเคลื่อนตัวไปจ้องมองแต่ละคนทำงาน บางคนเห็นท่าทางอีกฝ่ายที่เริ่มออกตระเวน พวกเขาก็เริ่มยกโน๊ตบุ๊คตัวเองไปนั่งข้างหัวหน้าและระดมความคิดเกี่ยวกับงานของตนเองให้พวกหน้าฟัง สามสาวเห็นว่าไม่มีเหยื่อให้ตัวเองได้ขโมยงานพวกนั้นทำท่าจะกลับก่อนที่จะมีคนเดินมาที่แผนกออกแบบ

 

“คุณสาธิดา คุณสมพร คุณสรณียา”

สามสาวที่กำลังจะกลับบ้านต้องหันไปมองอย่างสงสัยว่าใครกัน

“ค่ะ!?”

“คุณมีอะไรกับเรา?”

“ท่านประธานพีระ ขอเชิญทั้งสามคนเข้าไปพบท่านครับ”

“ตายจริง พูดจริงเหรอ!!”

“จะมีเรื่องอะไรไหมนะ?”

“หรือสาลี่จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้า!?”

“ไม่แน่!! ไปกันสาลี่!!”

“อืม ไปกัน!!”

 

สาลี่ยกยิ้มอย่างชอบใจคงเพราะอีกฝ่ายไม่ชวนพวกเธอไปประชุมแล้วประธานมาเห็นเขาคงโดนบ่นน่าดู ก่อนที่ลาสี่จะหันไปมองเยาะเย้ยอีกฝ่าย แต่เธอก็ต้องหน้านิ่ง เพราะสีหน้าอีกฝ่ายมีแต่สีหน้าที่เฉยชาก่อนจะยิ้มให้ นั้นยิ่งทำให้สาลี่มองอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายทำไมดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรก่อนที่เธอจะเดินตามชายอีกฝ่ายไป พวกลูกน้องต่างมองกันอย่างแตกตื่นก่อนจะมองหัวหน้า

 

“ยัยนั้นคงไม่พูดจริงนะ!!”

“หัวหน้า...คุณจะโดนลดขั้นเหรอ!?”

“ถ้ายัยนั้นเป็นหัวหน้า หนูขอลาออกนะ!!”

นิลรดาฟังคำพูดของน้อง ๆ แต่ละคนก็ได้แต่ขำเบา ๆ ก่อนจะพูดกับทุกคน “ไม่ต้องห่วงนะ ทุกคน เราทำงานต่อเถอะนะ”

ทุกคนต่างมองสีหน้าของหัวหน้าที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรจนพวกเขาสงสัยหน่อย ๆ แต่พวกเขาก็ทำงานจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน พวกเขากำลังจะกลับบ้าน นิลรดาก็ให้ทุกคนกลับบ้านกัน แต่ก็ยังเหลือหนึ่งคนที่ยังไม่กลับ เพราะห่วงนิลรดา

“หัวหน้านิลทำไมยังไม่กลับล่ะคะ!? ไม่งั้นหนูไม่กลับนะ!!”

“ขอล่ะ มะลิ ฉันยังมีงานต้องทำอีกนะ…”

“แต่ว่าถึงเวลากลับแล้วนะคะ พี่นี่ต่างจากหัวหน้าคนอื่น ๆ จริง ๆ ทุ่มกับงานตลอด พี่นิล หนูขอให้พี่อยู่นาน ๆ นะคะ พวกนั้นมาแทนพี่นะ หนูจะลาออก”

“ไม่เอาน่า เราอยู่นี่มาตั้งหลายปีแล้วนะ”

“ไม่เอาอ่ะคะ ถ้าทำงานกับหัวหน้าที่ไม่ชอบ ยังไงงานก็ต้องออกมาแย่แน่ ๆ”

“จ้า ๆ“

 

นิลรดามองอีกฝ่ายที่กำลังชมเธอทำเอาเขินหน่อย ๆ แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาเป็นเสียงกรีดที่ดังไปทั้งชั้นจนไปถึงชั้นล่างทำเอาคนสะดุ้งกันอย่างตกใจว่าใครมากรีดอะไรแถวนี้ แต่ทำให้ทั้งชั้นที่นิลรดาอยู่ต่างงุนงงเพราะเสียงนั้นดังมาจากชั้นของพวกเธอก่อนที่จะเห็นใครบางคนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าอันโกรธเกรี้ยว เมื่อนิลรดาเห็นก็รู้เลยว่าใครกันที่จ้องเธอแบบไม่เป็นมิตรขนาดนี้ หญิงสาวที่กรีดร้องจ้องมองมาทางนิลรดา

 

“แกกกกกกกกกกก!! ยัยนิลรดา!!”

มะลิได้ยินเสียงอันคุ้นเคยก็หันไปมองตามเสียงที่เรียกหัวหน้าของเธอ แต่เรียกกันแบบไม่ให้เกียรติกันเลย แต่เสียงตะโกนนั้นก็ทำให้แผนกอื่นที่อยู่โดยรอบมองกันอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น นิลรดาเห็นก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจก่อนจะลุกขึ้นด้วยสีหน้าอันเข้มขรึม

“มีอะไรเหรอ? คุณสาธิดา?”

“ไม่ต้องมาเรียกแบบสุภาพเลยนะ!!” สาลี่ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเธอพร้อมกับจ้องมองอย่างอาฆาต “แกใช่ไหม!? ที่เอาเรื่องของฉันไปเล่าให้ประธานฟังนะ!!”

“อืมมมม เรื่องอะไรคะ?” นิลรดาทำสีหน้าอย่างครุ่นคิด

“ไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลยนะ!!”

“เรื่องประธานพูดกับฉันและคุณกิต แกจ้างคนมาติดตามฉันใช่ไหม?”

“ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้เรื่องเลย มีแต่ท่านประธานที่บอกกับคุณเอง แบบนี้เขาเรียกว่า...ทำตัวเองไม่ใช่เหรอคะ?”

“ฉันเนี่ยนะ!?”

“ใช่ค่ะ ก็ตั้งแต่คบกับคุณกิต โดนคนคุณกิตหลอกใช้ให้ทำให้หัวหน้าคนก่อน ๆ อยู่ไม่ได้ แล้วก็...เรื่องที่คุณเอางานของเพื่อนที่ทำงานไปขายกับคู่แข่ง!!”

“ว่าไงนะ!!” มะลิได้ยินก็ตกใจกับคำพูดของหัวหน้า ก่อนจะหันไปทางเจ้าคนสร้างเรื่อง

“ไม่จริง!! ฉันไม่เคยทำ!”

“งั้นคุณจะบอกว่าท่านประธานสร้างหลักฐานปลอมมากล่าวหาคุณงั้นเหรอ? เพราะฉันนะก็เกือบโดนคุณเล่นงานหลายครั้ง ถ้าฉันไม่มีไหวพริบก็คงล้มเหลวไปแล้วล่ะนะ!!”

“แก!!” สาลี่ชี้นิ้วไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับเตรียมตัวที่จะเข้าไปตบอีกฝ่าย

มะลิก็เดินมาขวางอีกฝ่ายทันที “นี่!! หยุดเลยนะ!! ถ้าแกเข้ามาตบหัวหน้านะ!! ฉันจะไม่ไว้หัวที่เป็นรุ่นพี่เลยนะ!!”

“แก! ปากดีนักนะ!!”

“แหม!! กูกล้าปากดีกับไอ้พวกขายบริษัทอยู่แล้ว!!”

“ก็มาสิ!!”

สาลี่เข้าไปจิกหัวของมะลิทันใด แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมก็จิกหัวและดึงผมอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง นิลรดาก็ตกใจที่ทั้งสองคนมาตบกันต่อหน้าต่อหน้าของเธอ ก่อนที่จะเข้าไปห้ามทั้งสองคน

“นี่!! หยุดเดียวนี่เลยนะ!! ทั้งสองคน!!”

“แกอยากโดนด้วยหรือไง!! ได้!!” สาลี่ปล่อยมือจากมะลิก็หันไปจิกหัวของนิลรดาทันที

“กรี๊ด!! ยัยนี่!!”

“พี่นิล!!”

นิลรดารู้สึกเจ็บในจุดที่โดนจิก แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ก็ยืดมือไปข้างหน้าจับผมอีกฝ่ายแล้วกระชากอย่างแรกจนผมอีกฝ่ายหลุดติดมือมาด้วย

สาลี่เจ็บที่หนังหัวก่อนจะโวยวายออกมา “ยัยบ้านี้! แกทำผมฉันหลุดเหรอ!!”

“เรื่องของแกสิ!! หาเรื่องคนอื่นทำไมกันละ! ฉันทนมานานแล้วนะ!!” นิลรดายิ่งจิกหัวอีกฝ่ายมากขึ้นจนผมยุ่งไปหมด

มะลิที่หลุดออกมาได้เพราะลาสี่พุ่งเป้าไปที่หัวหน้าของเธอ นั้นทำให้เธอต้องพุ่งเข้าไปช่าวยทันที

“อย่าทำร้ายพี่นะ!! ยัยบ้า!!”

 

แผนกอื่นที่เห็นเหตุการณ์ตรงนั้นต่างพากันมามุงและบางจำพวกก็เข้ามาช่วยแยกหญิงสาวทั้งสามคน หัวหน้าแผนกที่รู้จักนิลรดาก็รีบเข้ามาห้ามลูกน้องอีกฝ่ายที่กล้าทำร้ายหัวหน้าตัวเอง นิลรดาพยุงตัวเองขึ้นมาได้ก็จัดเสื้อผ้าของตนเองให้เข้าที พวกเขาถามอาการของนิลรดาโดยไม่สนใจสาลี่สักนิด ลาสี่ที่แผนกอื่นแยกออกมาเธอก็ยังมีอารมณ์โกรธอย่างรุนแรงจนเธอหันไปเจอที่ทับกระดาษของอีกฝ่ายที่วางบนโต๊ะ เธอก็เข้าไปหยิบมันขึ้นแล้วพุ่งตรงไปหานิลรดาอีกครั้ง

 

“ถ้าฉันต้องโดนไล่ออกแกก็อย่าหวังที่แกจะได้อยู่ต่อเช่นเดียวกัน!! ตายซะเถอะ!!”

นิลรดาที่หันหลังให้ก็หันกลับมามองอย่างรวดเร็วก็เห็นสิ่งที่อีกฝ่ายถือเพื่อจะโจมตีใส่ เธอยกมือขึ้นบังการโจมตีของอีกฝ่ายแต่ทว่าก็มีมือข้างหนึ่งเข้ามาแทรกพร้อมกับหยุดการโจมตีของหญิงสาว

 

ตึก!!

 

นิลรดาได้ยินเสียงนั้นก็ลืมตาขึ้นมาก็มองเงามือที่ยื่นออกมาข้างหน้า เธอค่อย ๆ หันไปด้านข้างว่างคนที่มาช่วยเธอเป็นใครก่อนจะดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่าย

“คุณ...คุณ...คุณฤทธิ์ชาติ?”

สายตาอันดุดันของฤทธิ์ชาติกำลังจ้องมองไปที่ฝ่ายตรงหน้าที่ใช้อาวุธจะโจมตีใส่นิลรดา

“คุณ...คนที่อยู่ข้าง ๆ ท่านประธาน!!” สาลี่หน้าซีดในทันใดที่อีกฝ่ายกำลังจ้องมองเธออย่างอาฆาต

 

ฤทธิ์ชาติจับที่ทับกระดาษนั้นก่อนจะโยนไปด้านข้าง ฝ่ามือของเขากำลังมีเลือดซึมออกมาไหลตกลง เขาลุกขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง ก่อนที่ท่านประธานจะวิ่งมาพร้อมกับยามเพราะหนึ่งในสามวิ่งหายมาจากห้องของเขาจนได้ยินเสียงโวยวายของยามที่บอกว่าชั้นหนึ่งมีคนอาละวาดทำร้ายหัวหน้าแผนกการออกแบบอยู่ เขาเลยคิดว่าน่าจะใช่คนที่เขาคิดแน่ ๆ จนมาถึงเขาก็หันไปสั่งกับยามทันที

 

“จับตัวคุณสาธิดาออกไปจากบริษัทเดี้ยวนี่!! ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ดูไว้ ผู้หญิงคนนี้เป็นบุคคลที่ร่วมขายข้อมูลแผนกตัวเองให้คู่แข่ง ถ้าเห็นเธอยังเข้ามาที่นี่ด้วยวิธีไหนก็ตามที แจ้งทางยามรักษาปลอดภัยได้เลย!!”

“ไม่นะคะ ท่านประธานฉันไม่คนทำ คนทำคือคุณกิตนะคะ ไม่ใช่ฉัน!!” สาลี่พุ่งไปหาท่านประธานพร้อมกับจับขากางเกงด้วยสีหน้าสิ้นหวังถ้าเธอโดนไล่ออก

พีระสะบัดขากางเกงออกทันที “คิดว่าการกระทำไม่บ่งบอกหรือไงว่าคุณไม่ใช่คนทำนะ คุณสาธิดา!! คุณทำอะไรไว้ก็ขอให้จบเมื่อคุณออกจากที่นี่!! ยาม!! จับตัวเธอ!!”

“ครับ!!” พวกยามเข้ามาพยุงอีกฝ่ายออกไปในทันที

“ไม่นะ!! ไม่เอาแบบนี้ ยัยนิลรดา!! เพราะแก เพราะแกฉันถึงโดนแบบนี้!! ฝากไว้ก่อนเถอะ!!”

นิลรดามองอีกฝ่ายที่โดนลากออกไปเธอไม่สนใจอีกฝ่ายจะพูดอะไรก่อนที่จะหันไปขอบคุณอีกฝ่ายที่มาช่วยเธอ แต่ต้องตกใจกับเลือดที่ไหลออกมา

“มือคุณเลือดออก!” นิลรดาหยิบกระดาษทิชชูที่อยู่ใกล้ ๆ มาทับเลือดอีกฝ่ายทันที

“แค่นี่เอง...ไม่เป็นอะไรหรอก...”

“แค่นี่ที่ไหนที่ทับกระดาษานั้นหนักมากเลยนะคะ!! คุณต้องไปหาหมอด้วยนะ!!”

“แต่มันก็แค่ที่ทับกระดาษ!!”

“มันทำมาจากหินนะคะ!!”

“หือ? เจ้าหินสีเขียวเทานั้นน่านะ?” ฤทธิ์ชาติมองไปที่ก้อนหินที่อยู่ที่พื้น

“คุณนึกว่าทำจากอะไรกัน?” นิลรดาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย

“ไม่รู้สิครับ...”

 

‘ดูตอบเข้า!!’ นิลรดาคิด เธอทำหน้ายู้ยี้อย่างไม่ชอบใจกับคำพูดนั้น

 

ประธานพีระเดินตรงดิ่งมาหาทั้งสองคนเพื่อถามไถ่ “พวกเธอไม่เป็นอะไรนะ?”

“ไม่เป็นอะไรได้ไงค่ะ!! ดูคุณรองสิค่ะ มือเลือดออกยังบอกว่าไม่เป็นอะไร ถ้าเข็ดจากที่คุณรับที่ทับกระดาษนั้นขึ้นมาทำไงค่ะ!!”

“ก็แค่...พักแขนไปก็เท่านั้น”

“จะบ้าหรือไงค่ะ!! ไปหาหมอเลยค่ะ!”

 

นิลรดาพาอีกฝ่ายเดินทางไปหาหมออย่างรวดเร็วเพื่อดูอาการที่มืออีกฝ่ายที่เลือดไหลออกมา ไม่กี่นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลก็ได้รับการตรวจหลังจากรอยี่สิบหน้าที่คุณหมอตรวจมืออีกฝ่ายจากฟิลม์เอกซเรย์ไม่มีอาการร้าวแต่อย่างใด แต่อาจจะมีอาการบวมและช้ำเล็กน้อยแล้วก็ทำแผลกลับบ้านได้เลย นิลรดาได้ยินแบบนั้นก็อึ้งกับคำพูดของหมอที่บอกว่าอีกฝ่ายกลับบ้านได้เลย ทำให้เธอสงสัยเลยว่าชายร่างใหญ่ตรงนี้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น

 

“เห็นยัง ผมบอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรมากนะ?”

“ชิ! คุณมัน...ยอมมนุษย์หรือไงกัน? โดนหินหนักถึง 400 กรัม ทุบที่มือแต่ไม่ร้าวเลยเนี่ยนะ”

“ไม่ร้าว แค่เจ็บอย่างเดียว คุณจะเอาอะไรกับผมกัน!?”

“ไม่มีค่ะ!! งั้นคุณกลับรถของตัวเองไปเลยละกันคะ!! ฉันจะกลับบ้าน!!”

“อะไรกันจู่ ๆ ก็มาไล่กันเห็นผมเป็นหมูหรือหมาหรือไงกัน!?”

“คงงั้นมั้ง!?” นิลรดาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

ทำให้ชายหนุ่มที่เห็นภาพหญิงสาวตรงหน้าทำเอาขำหน่อย ๆ ก่อนจะพูดบางอย่าง“คุณนี่มัน...แต่ว่านะ....คุณนะ...”

“ค่ะ?”

“พูดเป็นกันเองกับผมแล้วเหรอ?”

“อ๊ะ!!” นิลรดาพึ่งนึกได้ว่าตัวเองพูดเป็นกันเองกับอีกฝ่ายมากเกินไปแล้ว ”ขอโทษค่ะ คุณฤทธิ์ชาติ!!”

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ พูดต่อก็ได้นะ”

“ค่ะ?”

 

‘ไม่ว่าอะไรแล้วบ่นทำซากอะไร!!!!!!!?’ นิลรดาคิดเธอกำมือแน่นอยากจะชกอีกฝ่ายสุด ๆ

 

ทั้งสองพูดคุยกันจบก็เดินกันไปที่จุดจ่ายยาและชำระเงินพอชำระอะไรเสร็จ ทั้งสองคนเดินออกมาอยู่หน้าโรงพยาบาลเสียงวอมากมายดังเข้ามาหน้าโรงพยาบาลในช่วงเย็น ทำเอาทั้งสองคนต้องหลบออกจากตรงนั้นไปอยู่มุมด้านข้างแทน นิลรดาจ้องมองเวลาในมือถือก็เห็นว่าตอนนี้มันก็เริ่มมืดแล้วจริง ๆ เธอคิดว่าตัวเองควรที่จะกลับบ้านได้แล้วจริง ๆ ก่อนที่เธอจะหันไปหาอีกฝ่าย

“งั้น...ท่านรองประธานค่ะ เราแยกย้ายตามที่ฉันบอกเลยนะคะ!!”

“เธอจะไม่กลับด้วยกันหรือไง? แล้วจะกลับยังไง?”

“รถไฟค่ะ พอดีคอนโดฉันอยู่ใกล้สถานีรถไฟนะคะ ขอตัวนะคะ” นิลรดากล่าวพร้อมกับโค้งให้อีกฝ่ายก่อนจะกลับ

“อ๋อ...” ฤทธิ์ชาติมองอีกฝ่ายก่อนจะครุ่นคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “เดี๋ยว!!”

นิลรดาต้องหยุดชะงักแล้วหันไปหาอีกฝ่าย “ค่ะ?”

“หิวไหม? ผมเลี้ยงข้าวตอบแทนที่คุณช่วยพาผมมาโรงพยาบาลนะ”

“เอ๋? ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นะคะ เรื่องแค่นี้เอง”

“ที่ที่ผมไปแพงด้วยนะ แถมมีไวน์เยอะด้วยนะ”

“ไวน์เหรอคะ!?”

 

อีกฝ่ายพูดถึงไวน์นั้นทำให้ต่อมความอยากเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม หลายคนภายในแผนกของเธอไม่รู้ว่าตัวเธอนั้นเป็นพวกคอเหล้าแค่ไหน ยิ่งเหล้าหลากหลายแบบเคยดื่มมาแล้ว ครั้งนี้อีกฝ่ายเสนอของที่เธออยากลองชิมมาก ๆ เพราะมันแพงมาก ๆ ถึงบางขวดจะถูก แต่เธออยากริมรสชาติของไวน์แพง ๆ สักครั้ง แต่ไม่กี่นาทีนิลรดาก็ส่ายหัวเบา ๆ เธอตั้งสติกลับมาได้แล้วจ้องมองอีกฝ่ายที่ล่อเธอด้วยไวน์ขวดแพง ๆ ขวดหนึ่ง

 

“คุณรู้ได้ไงฉันสนใจไวน์นะ!!”

“ไม่รู้สินะ...สนใจไหมล่ะ?”

 

อีกฝ่ายยื่นมือมาข้างหน้าเหมือนหลอกล่อเธอ นิลรดาจ้องมองอีกฝ่ายอยู่หลายนาทีจนกระทั่งมาถึงโรงแรมหรูระดับห้าดาว พวกเขาเดินทางกันไปยังห้องอาหารที่หรูหราและสวยมาก ๆ พวกเขาได้มานั่งริมหน้าต่างได้เห็นวิวกรุงเทพได้สวยและงดงามมาก ๆ จนนิลรดาไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะมีโอกาสมาอยู่ในที่สูง ๆ แบบนี้ อีกฝ่ายสั่งอาหารและเครื่องดื่มให้มีตั้งแต่ไวน์จนไปถึงแชมเปญ นิลรดาริมรสชาติอย่างชอบใจจนดื่มด่ำกลับมันอย่างชอบใจจนอาหารแตะน้อยกว่าไวน์เสียอีก จนชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างพินิจก่อนจะเอ่ยพูดบางอย่าง

 

“ดูคุณจะชอบการดื่มสุด ๆ เลยนะ”

“เอ๋?” นิลรดาหยุดชะงักก่อนจะวางแก้วไวน์กับโต๊ะ ”ก็ค่ะ...ฉันชอบหมดล่ะนะ ตั้งแต่เหล้าดอง เบียร์ วอกก้า หรือไม่ก็พวกหงส์ฉันก็ดื่มนะคะ”

“หงส์...!?” ฤทธิ์ชาติได้ยินชื่อเหล้าที่ผู้หญิงไม่ค่อยชอบดื่มก็สงสัยบางอย่างเลย ”นี่คุณ...ใครสอนคุณให้ดื่มของพวกนั้นกัน?”

“คุณพ่อค่ะ!!”

 

ฤทธิ์ชาติได้ยินแบบนั้นก็คิดหนักเลยที่พ่ออีกฝ่ายสอนอะไรให้ลูกสาวตั้งแต่วัยรุ่นกันแถมดูเจ้าตัวจะภูมิใจมาก ๆ จนยิ้มแก้มปริ เขาเห็นก็แอบอิจฉาที่อีกฝ่ายดูจะพอใจกับการสอนของพ่อที่ทำให้ตัวเก่งในเรื่องนี้ แต่นิลรดาไม่ใช่แค่ภูมิใจแต่ขอบคุณท่านเลยที่ทำให้เธอไม่แพ้กับพวกของมึนเมาพวกนี้ เขาสอนเธอเพราะเป็นลูกคนเดียวในครอบครัว พวกท่านกลัวว่าเธอจะหลงมัวเมากับสิ่งแย่ ๆ จนโดนใครลวงไปทำไม่ได้ เธอกำลังจิบไวน์อยู่นั้นก็มองอีกฝ่ายที่จ้องมองเธออยู่นาน ก่อนที่เธอจะลุกไปหาอีกฝ่ายแล้วนั่งตรงที่วางมือ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

“คุณถามนี้...มีอะไรกับการดื่มของฉันเหรอคะ?”

ฤทธิ์ชาติมองอีกฝ่ายที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เขาจนรู้สึกถึงลมหายใจของคนสองคน “ทำไมคุณคิดว่าผมมีปัญหากับการดื่มของคุณ”

“ก็สีหน้าคุณมันฟ้องนี่ค่ะ ว่าไม่พอใจที่ฉันดื่มเก่ง” นิลรดากล่าวพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาจิ้มระหว่างคิ้วอีกฝ่าย ”ดูสิ คิ้วขมวดกันจนเป็น...ปม...แล้วนะคะ...”

 

ฤทธิ์ชาติจ้องมองอีกฝ่ายที่ยกนิ้วขึ้นมาสัมผัสตรงกลางระหว่างหัวคิ้ว ทำให้เขานึกถึงบางอย่างขึ้นมาจนทำหน้าเศร้าขึ้นมา นิลรดาจ้องมองอีกฝ่ายจนเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนแต่เธอกับจ้องมองเขากลับดวงตาสีน้ำตาลกำลังจับจ้องมองกัน บรรยากาศตอนนี้ช่างเงียบสงัดพร้อมกับเสียงดนตรีกำลังบรรเลงเพลงรัก ฤทธิ์ชาติค่อย ๆ ขยับเข้าหาอีกฝ่าย นิลรดาไม่มีที่ท่าจะขยับแต่พอมองอีกฝ่ายก็ดันเห็นภาพของชายคนหนึ้งที่เธอะนึงหานั้นทำให้เธอดันตัวเองออกมาทันที

 

“อ๊ะ!!”

“ฉัน...ฉันว่า...กลับบ้านดีกว่าค่ะ...” นิลรดารู้สึกร้อนผ่าวทั้งใบหน้า แต่ก็รู้สึกแย่ที่จู่ ๆ ก็นึกถึงชายที่เธอยังคิดถึง ถึงแม้มันจะผ่านมาหลายปีแล้ว

“ว่าไงนะ!?”

 

ฤทธิ์ชาติได้ยินก็ขมวดคิ้วอย่างงุนงงก่อนจะมองหญิงสาวกำลังลุกออกไป เขารีบลุกออกจากตรงนั้นโดยที่ให้เจ้าของร้านที่รู้จักกันแจ้งยอดทั้งหมดส่งให้เลขาของเขา ก่อนที่เขาจะตามอีกฝ่ายออกมา เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรก่อนที่เขาจะเดินจนมาใกล้อีกฝ่ายแล้วรีบจับมือของเธออย่างรวดเร็ว นิลรดาที่เดินจ้ำอ้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วต้องชะงักเมื่อเอีกฝ่ายจับมือของเธอจนต้องหยุดเดิน

 

“คุณตามฉันมาทำไมคะ?”

“ผมควรถามคุณต่างหากเมื่อกี้บรรยากาศยังดี ๆ แต่ก็เปลี่ยนไปแล้วก็มาขอกลับ คุณเป็นอะไรกัน?”

“ก็เป็นลูกน้องคุณสิค่ะ...”

“อย่ากวนสิคุณ...” ฤทธิ์ชาติถึงกับปากกระตุกตอนที่อีกฝ่ายเล่นมุกตลกกวนเขา

“ขอโทษค่ะ...ฉันแค่...รู้สึกไม่ดีนะคะ...”

“คุณป่วยเหรอ?”

“เปล่าค่ะ! ฉันแค่...รู้สึกไม่ดีที่เกิด...” นิลรดานึกภาพเมื่อกี้ที่อีกฝ่ายเข้ามาระยะประชิดแบบนั้นจนเหมือนจะเข้ามาจูบเธอ “ช่างเถอะค่ะ...ฉันอยากกลับบ้านนะคะ”

“เดียวสิ คุณไม่ชอบที่ผมกำลังจะจูบคุณงั้นเหรอ!?” ฤทธิ์ชาติเอ่ยถามอย่างสงสัย

นิลรดาได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงก่ำออกมาอย่างเขินอาย “เป็นคุณคงเป็นเรื่องง่ายสินะ การจูบใครสักคนนะ!!”

“ใครว่าง่ายกัน!? ผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะจูบใครง่าย ๆ นะ”

“แล้วเมื่อกี้ทำไม?”

“เพราะคุณสวย...สวยจน...”

นิลรดารีบเอามือปิดปากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วจนใบหน้าของเธอตอนนี้แดงก่ำที่อีกฝ่ายกล่าวว่าเธอสวย

“หยุด...หยุดพูดเลยนะคะ...คุณอย่ามา...สนใจผู้หญิงแบบฉันดีกว่า...เพราะว่าฉันนะ...”

ฤทธิ์ชาติดมกลิ่นจากมืออีกฝ่ายทำเอารู้สึกเคลิ้มจนเขานั้นอยากดมกลิ่นมากกว่าเดิมแต่ก็ต้องเอามือีกฝ่ายออก

“เพราะว่าคุณ...ทำไมเหรอ?”

ดวงตาที่หยีลงเมื่อมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหยาดเยิ้มจน นิลรดาเห็นยังรู้สึกร่างกายจะละลาย แต่เธอต้องตั้งสติให้ได้ก่อนจะโดนดวงตาอันน่าหลงใหลทำให้ต้องตกหลุมรักเข้าก่อนที่เธอจะพูดโพล่งขึ้นมา

“ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้วค่ะ!!”

ฤทธิ์ชาติได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกหน้าชาหน่อย ๆ ก่อนที่จับมืออีกฝ่ายกระชากเข้าหา “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร!?”

“คุณไม่รู้จักหรอกค่ะ!!”

“ผมถึงไม่รู้จักแต่ก็อยากรู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร”

“อะไรของคุณกันเนี่ย!?”

นิลรดางงว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรถึงตอนแรกยังจ้องเธอเหมือนจะกินเธอ ตอนนี้มาทำท่าทางที่หึงหวง ทำเอาเธองงงวยไปหมด

“ฉันบอกก็ได้!! เขาชื่อคล้ายคุณ เขาชื่อฤทธิ์ เป็นรุ่นพี่และเป็นพี่ชายข้างบ้านที่ฉันชอบมาก ๆ ตั้งแต่สมัยเด็กที่รู้จัก...แต่...ก็ต้องแพ้กับรักที่ผ่านเข้ามา...”

รอยยิ้มนั้นแฝงความโศกเศร้าอยู่ภายในใจ การบอกใครสักคนว่าชอบใครถึงสำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับเธอมันคือความในใจที่แสนจะยิ่งใหญ่กว่าอะไร พอนึกถึงคนที่คิดถึงมาตลอดน้ำตาของเธอก็ไหลรินอาบข้างแก้มเธอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตัวเอง

“ขอโทษค่ะ...ฉันนี่บ้าจริง ๆ คงเมาไม่เข้าเรื่องแล้ว...ก็อยากที่ฉันบอกค่ะ…อย่าสนใจฉันดีกว่านะ...”

ไม่กี่นาทีชายตรงหน้าพุ่งเข้ามากอดอีกฝ่ายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนเจ้าตัวที่โดนกอดก็ตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ

“อ๊ะ...ท่านรอง!!”

“เธอนี่มัน...แย่ที่สุด!!”

“เอ๋?” นิลรดางุนงงว่าอีกฝ่ายว่าเธอว่าแย่ทำไมกัน

“บอกว่าชอบกันตรง ๆ แต่เธอจำคนตรงหน้าไม่ได้เนี่ยนะ!! เธอนี่มันแย่ที่สุดเลย!! นิล!!” ฤทธิ์ชาติผละตัวออกมามองอีกฝ่ายที่เอ่ยคำพูดที่ทำให้เขาตอนนี้หน้าแดงยิ่งกว่าอะไร

นิลรดามองอย่างงุนงงว่าอีกฝ่ายพูดจนเธอกำลังใช้หัวคิดก็ยังงุนงง “จำไม่ได้? นี่คุณฉันบอกแล้วว่าฉันชอบรุ่นพี่ที่ชื่อคล้ายคุณ!! ไม่ได้ชอบบคุณ!?”

“ฉันเตือนสติเธอให้ละกัน!!”

“เอ๊ะ!?”

 

ริมฝีปากอันบางหนาพุ่งตรงเข้าหาริมฝีปากอันอวบอิ่มน่ากัดของหญิงสาว นิลรดาจ้องมองอย่างตกตะลึงที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามากระทำสิ่งที่ก่อนหน้าจะทำ เธอพยายามจะขัดขืนการกระทำของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายไม่สนใจเขายิ่งบรรจงการจูบอันดูดดื่มให้เธอคล้อยตาม กลิ่นอายที่ส่งผ่านการบรรเลงฝีปากมีความหวานบาน ๆ ส่งออกมาคล้ายกลิ่นองุ่นจากไวน์ที่พวกเขาดื่มกันจนเกิดเป็นแรงกระตุ้นให้ทั้งสองดื่มด่ำกับจูบโดยไม่สนใจสายตาใด ๆ ที่กำลังจ้องมองจนกระทั่งอีกฝ่ายค่อย ๆ ผละตัวออกช้า ๆ นิลรดารู้สึกขาออกจนอีกฝ่ายต้องประคอง

 

“โดนจูบของฉันเล่นงานจนขาอ่อนเลยเหรอ? หนูนิล”

นิลรดามองอีกฝ่ายที่เอ่ยเรียกเธอด้วยชื่อที่ไม่ค่อยจะเรียกเท่าไหร่ แต่มีคนเดียวที่เรียกเธอด้วยชื่อนั้นจนเธอนั้นรู้สึกหน้าแดงมากกว่าเดิมเมื่อเธอพินิจจ้องมองอีกฝ่ายที่มีใบหน้าคล้ายกับชายที่เธอชอบ

“พี่...พี่...พี่ฤทธิ์!!!!”

“ฉันจะรู้สึกเสียใจดีไหมนะ? ที่เธอจำฉันไม่ได้...แต่...” ฤทธิ์ชาติพูดพร้อมกับยกมืออีกฝ่ายขึ้นมาจุ๊บลงที่ฝ่ามือ “ทำให้ฉันรู้สึกว่าในใจเธอยังมีฉันอยู่นะ”

“อื๊มมมมมมมมมมม!!” นิลรดาถึงกับสะดุ้งจนหน้าแดงไปหมดก่อนจะสะบัดหน้าหนี “ไม่ต้องมาพูดเลยค่ะ!! ฉันไม่ได้รักพี่เลยนะ!!”

“แต่เมื่อกี้ใครกันนะ? ที่พูดเต็มบางว่าทั้งรักทั้งชอบนะ” ฤทธิ์ชาติเขยิบใบหน้าเข้าหาอีกฝ่ายจนใกล้ชิด

“ฉันไม่ได้พูดค่ะ!!”

“ใจร้ายจังนะ~”

 

ทั้งสองคนเอาแต่เถียงกันตรงนั้นจนฤทธิ์ชาติต้องอุ้มอีกฝ่ายออกจากตรงนั้นเพื่อไม่ให้มีสายตาไหนมาจ้องมองคนรักของเขา นั้นทำให้ต้องจองโรงแรมนอนหนึ่งคืนก่อนจะพาอีกฝ่ายไปที่หัองพักอย่างฝืนใจ นิลรดาเอาแต่ถามอีกฝ่ายว่าจะพาเธอไปไหนจนมาถึงห้องพัก นิลรดาเห็นแบบนั้นก็หน้าแดงหน่อย ๆ ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรเธอไหมก่อนที่เขาจะพาเธอวางลงกับเตียงด้วยท่าทางอันอ่อนโยน นิลรดามองอีกฝ่ายที่แสดงความอ่อนโยนกับเธออย่างกับตอนที่ทำงานเป็นคนละคนสุด ๆ ทำเอาเธอรู้สึกอายที่คนที่เธอชอบอยู่ตรงหน้าแต่เธอจำไม่ได้โคตรน่าอายที่สุด

 

“พี่ค่ะ!!”

“อะไร? เรียกพี่แล้วเหรอ?”

“คุณฤทธิ์ชาติ!!!”

“เรียกพี่ดีกว่า...”

“นี่เลิกแกล้งฉันเลยนะคะ!!”

“ทำไมล่ะ?” ฤทธิ์ชาตินั่งลงข้าง ๆ อีกฝ่าย เขายกยิ้มอย่างทะเล้น เขาค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย “พี่ว่าเราน่าแกล้งกว่าเมื่อก่อนอีกนะ~”

“ทำไมถึงชอบแกล้งน้องแบบนี้ ไปไหนก็ไปเลยไป!!”

“ไม่ไป...พี่อยากแก้ต่างเรื่องของพี่ก่อน!!”

“แก้ต่างอะไรค่ะ!?”

“ตอนนั้นพี่ไม่ได้คบใคร!!”

นิลรดาฟังคำพูดอีกฝ่ายที่พูดถึงเรื่องที่เธอรู้สึกว่าน่าจะใช้เรื่องที่เธอค่อยใจผิด ฤทธิ์ชาติจ้องมองอีกฝ่ายก่อนจะลุกขึ้นไปที่ตู้เย็นเขาเห็นเครื่องดื่มที่พอจะดื่มได้นั้นคือเบียร์สองกระเป๋ายื่นให้อีกฝ่าย

“ขอบคุณค่ะ...” นิลรดารับกระเป๋าเบียร์เย็น ๆ เธอจ้องมันก่อนจะเปิดแล้วยกดื่มทันที

ทำเอาฤทธิ์ชาติที่มองอีกฝ่ายดื่มก็ตะลึงกับการดื่มรวดเดียวของอีกฝ่าย นิลรดายกจนหมดกระป๋องก็ทำสีหน้าสดชื่นออกมาก่อนจะเอ่ยพูดออกมา

“หนูไม่เชื่อหรอก...ตอนนั้นพี่...กับผู้หญิงคนนั้น...” เธอหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ไม่เชื่อใจ เพราะเธอเห็นดวงสองตาของตนเองตอนนั้น

“นิล...”

“หึ!” นิลรดาหันหน้าหนีด้วยอารมณ์ที่กำลังจะพุ่งได้ตลอด

ฤทธิ์ชาติจ้องมองอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะเอ่ยบางอย่างออกมา “ของที่เราให้เจ้ากันต์...พี่ยังเก็บไว้อยู่นะ”

“หือ!?” นิลรดาหันมามองอีกฝ่ายพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่าย “พี่แย้งมาจากพี่กันต์เหรอ!?”

“พี่ไม่ได้แย้ง แต่พี่เอาคืนของที่ควรเป็นของพี่...” ฤทธิ์ชาติเอ่ยถึงกรรมสิทธิ์ของชิ้นนั้นที่ควรเป็นของตน “แล้วอีกอย่างเจ้ากันต์เอามาให้พี่เอง!!”

“พี่กันต์...ก็...” นิลรดาทำสีหน้าไม่พอใจที่คนที่เธอเคยชื่อเอาของให้อีกฝ่าย

ฤทธิ์ชาติจ้องมองอีกฝ่ายที่ดูไม่ยอมอ่อนข้อให้เลยก่อนที่เขาจะเอ่ยพูดต่อ

“ตอนพี่รู้ว่าเราลาออกไปเรียนต่างประเทศ พี่งงไปหมดเลยนะว่าทำไมเราไม่บอกพี่...แชทไปเราก็ไม่ตอบพี่...จะโทรหาก็ไม่รับ”

นิลรดาได้ยินแบบนั้นตอนนั้นเธอคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่สนใจแล้ว แล้วอีกอย่างเบอร์นั้นเธอก็เก็บตายไว้ในลิ้นชักที่ต่างประเทศตลอด ฤทธิ์ชาติซบลงไหล่อีกฝ่าย

“รู้ไหม…ว่าพี่คิดถึงเรามากแค่ไหน...เราเป็นความสุขของพี่ รอยยิ้ม...น้ำเสียง...และร่างกาย...ของเราทุกอย่างนั้น...เป็นความสุขที่พี่หาไมได้...พอความสุขหายไปเพียงเพราะสิ่งที่คนรอบข้างทำกับพี่...ทำให้พี่ต้องเสียสิ่งนั้นไป!! พี่จะไม่ยอมให้เราไปไหนอีก”

สีหน้าอีกฝ่ายและน้ำเสียงอีกฝ่ายที่ดูเศร้าสร้อยยิ่งกว่าอะไรจนเธอนั้นรู้สึกปวดที่หัวใจที่ต้องเห็นคนที่ชอบทำสีหน้าแบบนี้

“พี่...ฤทธิ์...ฉัน...”

 

ฤทธิ์ชาติจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังจะพูดบางอย่างก่อนที่เขานั้นค่อย ๆ ยื่นใบหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายจนริมฝีปากสัมผัสเขาขยับใบหน้าเล็กน้อยจนริมฝีปากของเขาวงรอบ ๆ ริมฝีปากอีกฝ่าย นั้นทำให้นิลรดารู้สึกสยิวหน่อย ๆ ที่ริมฝีปากมีการถูกันลมหายใจของทั้งสองปะทะกันจนรู้สึกถึงความร้อนที่ออกมา นิ้วมืออันเรียวยาวสัมผัสข้างแก้มอันชมพูของหญิงสาว ดวงตาทั้งสองจ้องมองปะทะกันอย่างลึกซึ้ง

 

“พี่...”

“นิล...พี่รักเธอนะ...”

 

นิลรดาได้ยินคำนั้นก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงผิดปกติ ก่อนที่ริมฝีปากอันอวบอิ่มของเธอจะโดนปกปิดด้วงยริมฝีปากอันบางหนาของชายหนุ่ม เขาบรรจงจูบอย่างดื่มด่ำรสชาติที่เขาโหยหาที่อยากจะสัมผัสร่างกายอันงดงามมาเนิ่นนาน เขาค่อย ๆ บรรจงลวดลาย เขาเลื่อนใบหน้าลงมาที่ต้นคอเขาบรรจงจุมพิตทุกจุดของต้นคออันขาวเนียบ เสียงหายใจอันรุนแรงทุกครั้งที่ริมฝีปากอันบางหนาสัมผัสร่างกายอันผอมบาง ระหว่างกำลังบรรจงจุมพิตเขาค่อย ๆ เคลื่อนตัวอีกฝ่ายวางลงนอนลงบนเตียงอันกว้างใหญ่

 

“พี่...แบบนั้นมัน...”

“ไม่ต้องห่วง...จุ๊...พี่จะทำเบา ๆ เลยล่ะ...”

“งื้ออออ~ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น...!!” นิลรดาพยายามจะดันอีกฝ่าย แต่ทว่าอีกฝ่ายกับร่างกายกำยำกว่าที่เธอคิด

 

แต่ยิ่งขัดขืนฝ่ายชายก็ยิ่งไม่ปล่อยผ่านเขาพยายามเล้าโลมอีกฝ่ายให้คล้อยตามการกระทำของเขา เขาทั้งกัดเนื้ออันขาวนวลจนกลายเป็นสีแดงและทุกการกัดทำให้หญิงสาวรู้สึกบางอย่างกำลังแล่นผ่านเหมือนไฟฟ้าสถิต ชายหนุ่มพยายามใช้มือนวดคล้ำบริเวณเนินอกอันมหึมาของหญิงสาวเขารู้สึกมันนิ่มเหมือนมาชเมลโล่ เขาขย้ำมันวนเป็นวงกลมจนอยากลองสัมผัส เขาปลดกระดุมเสื้ออีกฝ่ายออกอย่างเบามือแต่รวดเร็วจนกระทั่งถึงกระดุมสุดท้ายเขาได้เห็นสิ่งที่มองแล้วงดงามมาก ๆ หญิงสาวที่เขารักในชุดชั้นในลูกไม้สีแดง แล้วยิ่งใบหน้าอันแดงก่ำของหญิงสาวยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนมีเสือในร่างกายกระตุ้นให้เขาขย้ำอีกฝ่าย

 

“อย่า...อย่ามองนานสิค่ะ!! ฉันเขินเป็นนะ!!” นิลรดากลายพร้อมกับเอามือปิดเนินอกทั้งสองของตนเอง

 

ยิ่งน้ำเสียงอันอ่อนหวานพูดแบบนั้นอีกยิ่งทำให้เขาที่ไม่เคยถึงมือใครมานานจนคนในครอบครัวบ่นว่าเขาไม่หาเมียจนนึกว่าเขาเป็นเพศที่สามที่ชอบผู้ชาย ตอนนี้แก่นกายของเขากำลังดันเป้ากางเกงจนตอนนี้มันกำลังชนกับจุดซ่อนเร้นของหญิงสาว นิลรดารู้สึกแปลก ๆ ตรงท่อนล่างว่าอะไรกำลังชนจนเธอเห็นก็พอเข้าใจว่ามันคืออะไรก่อนที่เธอจะมองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเธอ ฝ่ายชายกำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาออกจนเผลอเห็นร่างกายกำยำผิวขาวแทนนิดหน่อย นิลรดาเห็นจนไม่คาดคิดว่าจากหุ่นที่สมส่วนของอีกฝ่ายสมัยวัยรุ่นตอนนี้กลายเป็นหุ่มกำยำน่าฟัดจนเธอต้องกลืนน้ำลายไปหลายอึด ฤทธิ์ชายเห็นสายตาอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเขานั้นยิ่งทำให้เขาชอบใจก่อนจะโน่นตัวคร่อมบนตัวอีกฝ่าย

 

“ถือว่าสายตาที่มองกำลังชมว่าพี่น่ากินนะ~”

“อ๊ะ!! หลง...หลงตัวเอง!!” นิลรดาจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ

 

เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นก่อนที่มือเรียวยาวกำลังสัมผัสชุดชั้นในลายลูกไม้สีแดงนิ้วเรียวกำลังสัมผัสจนรู้สึกผ่านกายเนื้อจนขนลุก เธอไม่เคยให้ใครสัมผัสร่างกายภายในเลยนอกจากแตะแขนหรือมือ อีกฝ่ายขยับมือสอดมาใต้ชุดชั้นในแล้วดันมันขึ้นจนเผลอในเห็นเนินอกอันงดงาม หญิงสาวเห็นอีกฝ่ายทำแบบนี้ยิ่งอายมากกว่าเดิมจนเธออยากหนีไปจากตรงนี้ ชายหนุ่มจ้องอยู่ไม่นานเขาขยับใบหน้าเข้าใกล้เนินอกี่ออกมาจากริมฝีปากกระทบกับเนินอกตรงหน้าจนทำให้หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อย เขาไม่สนใจอะไรก่อนจะอ้าปากกว้างงับลงบนปลายอกอย่างทันใดจนหญิงสาวสะดุ้งขึ้นมา เขาใช้ลิ้นตวัดปลายอกนั้นอย่างโหยหา ทุกการกระทำทำให้เจ้าของเนินอกส่งเสียงครวญครางออกมาเป็นระยะ ยิ่งเสียวอ่อนหวานครางออกมาทำให้แก่นกายของเขายิ่งกระตุ้นและอยากเชิดหน้าชูตาออกมาข้างนอก

 

“อร๊ายยย พี่ค่ะ...แบบนั้นมัน...อ๊ายยย~”

 

นิลรดาครางเสียงอันเสียวซ่านออกมาการเลียและดูดของอีกฝ่ายกำลังกระตุ้นให้ร่างกายของเธอเกิดความรู้สึกอยากรับอะไรที่มากกว่านั้น ฤทธิ์ชาติจ้องมองอีกฝ่ายที่ครางออกมาทุกครั้งที่เขาใช้ลิ้นและปากดูดปลายอกอย่างสนุก มือเรียวใหญ่กำลังขยับไปตามเส้นร่างกายบางอย่างช้า ๆ จนไล่มาถึงต้นขาก็วนกลับเข้าไปใต้กระโปรง หญิงสาวรู้สึกถึงมืออีกฝ่ายที่กำลังลูบไปตามร่างกายของเธอจนมาถึงใต้ร่มผ้าทำให้เธอจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังเล่นปลายอกของเธอดวงตาของอีกฝ่ายกำลังส่งเสน่ห์หาเธออย่างรวดเดียวจนิ้วเรียวยาวกำลังสัมผัสจุดซ่อนเร้นของเธอ

 

“อ๊ะ!! พี่ตรงนั้นมัน!!”

“เฉย ๆ เด็กดี~ พี่จะทำให้เราไม่ลืม”

 

ฤทธิ์ชาติกระซิบข้างหู น้ำเสียงอันคมเข้มทำให้หญิงสาวรู้สึกกระชับกระชายไปหมด นิ้วเรียวยาวกำลังสัมผัสกางเกงในตรงจุดซ่อนเร้นผิวสัมผัสระหว่างเนื้อผ้ากับผิวหนังทำให้เขาอยากจะสัมผัสมันมากกว่าจนเขาถูขึ้นลงจากช้าไปเร็วจนเสียงครางในลำคอของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็เล้าโลมทุกจุดของอีกฝ่ายทำให้ร่างบางรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งร่างกาย แล้วก็รู้สึกถึงบางอย่างกำลังแล่นไปตามร่างกายเหมือนไฟฟ้ากำลังแล่นตลอดเวลา ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเขาควบคุมสติไม่อยู่แล้วยิ่งได้ฟังเสียงครางก็ยิ่งอยากกระทำ เขาอยากกัดกินร่างบางตรงหน้าที่น่าหลงไหลก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะสอดเข้าไปใต้กางเกงในแล้วลูบไล้จนมาถึงจุดซ่อนเร้นที่รู้สึกถึงความเรียบเนียบผิดปกติเขาสอดนิ้วไปที่ร่องจุดซ่อนเร้นก่อนจะรูดลงไปถึงข้างล่าง นิลรดารู้สึกถึงการลูบไล้ของอีกฝ่ายก็ทำให้ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวจากความเสียวซ่านนั้น

 

“พี่...อย่า...ถูแบบนั้น...อร๊างงงง~ งื้อออออ~”

“อะไรเนี่ย? ตรงนี้ของเธอ...” นิ้วของฤทธิ์ชาติค่อย ๆ ไล่ลงจนมาถึงช่องว่างของจุดซ่อนเร้นนิ้วของเขากำลังสอดเข้าไปมันทั้งแฉะและลื่นมาก ๆ “มันแฉะเต็มทีเลยแหะ~”

“อย่าพูดแบบนั้นระหว่างทำสิค่ะ!!” นิลรดาโวยวายใส่อีกฝ่ายที่พูดอะไรทำให้เสียอารมณ์สุด ๆ

 

ฤทธิ์ชาติฟังอีกฝ่ายบ่นเขาก็ไม่สน แต่เขาไม่อยากสอดนิ้วเข้าไปแล้วตอนนี้ เขาดึงมือออกจากกางเกงในอีกฝ่ายจนเจ้าตัวมองว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรก่อนที่เขากำลังปลดซิปกางเกงออกแล้วล้วงมือนำสิ่งบางอย่างออกมาจนนิลรดาแค่มองท่อนล่างก็เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด ท่อนแกนกายที่หนาและใหญ่กว่าที่เธอเคยวาดฝันของผู้ชาย ร่างสูงจับแก่นกายของเขาตีไปที่จุดซ่อนเร้นอีกฝ่ายทำเอาร่างบางครางออกมาทุกครั้งที่อีกฝ่ายตี ยิ่งเสียงหวานส่งเสียงตลอดแบบนั้นเขาก็เล่นต่อเพื่อฟังเสียงนั้น เขาดึงเป้ากางเกงในอีกฝ่ายหลบไปทางหนึ่งก่อนจะจ่อแก่นกายของตนเองเข้าไป นิลรดารู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังจะสอดเข้ามา

 

“เดียว!! พี่ฤทธิ์! น้องไม่เคยนะ!!”

“ไม่ต้องห่วงพี่จะทำให้เบามือ” เขากล่าวพร้อมกับค่อย ๆ สอดแก่นกายเข้าไปอย่างช้า ๆ

แต่แรงดันนั้นทำให้นิลรดาบิวตัวไปมาเพราะความเจ็บที่เหมือนอะไรบางอย่างกำลังฉีดออก ขนาดของอีกฝ่ายใหญ่เกินกว่าจะเข้าช่องว่างจุดซ่อนเร้น แต่มันก็ค่อย ๆ ขยายตามการสอดเข้ามา

“อึ้ก!! พี่ฤทธิ์!!”

“อืมมมมม~ ข้างในเธอมัน!! แน่นชิบ!!”

ฤทธิ์ชาติกล่าวพร้อมกับสอดเข้าไปได้แค่ครึ่งลำก็ทำให้เขาเสียวจนอยากปล่อยน้ำกามเข้าไปข้างใน เขาเสกผมขึ้นพร้อมกับเลียริมฝีปากด้วยใบหน้าอันเซ็กซี่จนหญิงสาวมองก็ตะลึงกับสิ่งที่กำลังมอง ร่างบางทำให้ไม่ถูกก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มจับเอวของหญิงสาว แล้วเริ่มขยับเอวกระแทกเข้าไป

“อึ้ก!!” นิลรดาปิดปากของตนด้วยความจุกภายในอีกฝ่ายกระแทกเข้าแบบไม่บอกกล่าวให้เธอตั้งตัวเลย “พี่...พี่เล่นอะไรเนี่ย!!”

“ขอโทษที...แต่ฉันไม่ไหวแล้วล่ะ~”

 

สิ้นคำพูดนั้นชายหนุ่มเริ่มขยับท่อนล่างกระแทกเอวเข้าหาอีกฝ่ายจนแก่นกายเข้าไปเก็บมิดลำ หญิงสาวจิ้มเล็บเข้ากับผ้าปูเตียงความรู้สึกที่ได้สัมผัสถึงการขยับอยู่ข้างในมันไหลลื่นอยู่ภายในโดยมีน้ำหล่อลื่นของเธอกำลังเป็นฉนวนทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างง่ายดายแต่ก็ยังมีความคับภายในที่ชายหนุ่มกำลังเพลิดเพลินกับมัน เขากระแทกเอวอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอยิ่งกระแทกเข้ายิ่งรู้สึกถึงข้างในที่กำลังปะทะกับปลายแก่นกายของเขาเหมือนกำลังโดนดูดอยู่จนเสียวไปทั้งปลายหัว เขาโน้นตัวมาหาหญิงสาวที่กำลังครางไม่เป็นคำ ทั้งสองจ้องมองใบหน้ากันและกันก่อนที่จะบรรเลงบทรักอย่างดูดดื่ม

ลิ้นอันอ่อนนุ่มกำลังสอดเข้ามาภายในโพรงปากอันหอมหวานรสชาติของเบียร์กำลังเจือปนอยู่ภายใน ยิ่งกระตุ้นความยากมากว่าเดิมจนชายหนุ่มยิ่งกระแทกเอวเข้าไปแบบไม่ยั้งใจ ร่างบางยิ่งรู้สึกถึงอาการอันเสียวซ่านทั้งท้องน้องจนใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด ข้างในของเธอรู้สึกถึงแก่นกายอันยาวและใหญ่ที่มันสอดเข้าออกอยู่ภายในจนแน่นไปหมด แต่ไม่รู้ว่าเธอยิ่งโดนกระทำก็ยิ่งต้องการ เธอยกขาขึ้นแล้วเกี่ยวตัวอีกฝ่าย ร่างสูงรู้สึกถึงขาเรียวยาวของหญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกอยากแนบชิดมากกว่าเดิม เขาก็เข้าใหญ่และกระแทกเอวให้ถี่และเร็วขึ้น

 

“อืมมมมมมมม~ พี่! เร็วแบบนั้นน้องจะ...ไม่ไหวแล้วนะ!!”

“พี่ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว~” ฤทธิ์ชาติกล่าวพร้อมกับกระแทกเอวเร็วขึ้น เขาซอยถี่จนต้องพยุงตัวขึ้นมาจับเอวอีกฝ่าย

“อ๊ายยย พี่ค่ะ!! แบบนั้นมัน!!”

 

ฤทธิ์ชาติไม่ฟังอะไรเขาซอยเอวถี่จนเสียงเนื้อกระทบกันอย่างดังลั่นไปทั้งห้องจนกระทั้งเขารู้สึกถึงบางอย่างกำลังจะพุ่งออกมาจากแก่นกาย เขากระแทกเอวเข้าไปอย่างเน้นพร้อมกับน้ำกามที่พุ่งตรงเข้าไปภายในของร่างบางจนรู้สึกถึงความอุ่นที่กำลังพุ่งเข้ามา นิลรดาได้แต่หอมหายใจเธอรู้สึกชาไปทั้งร่างกาย นิลรดาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยมาเจออีกฝ่ายเล่นแบบนี้เธอก็ไปไม่ถูกสุด ๆ ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลจะจ้องมองชายตรงหน้าที่มีเม็ดเหงื่อกำลังไหลตามสัดส่วนของร่างกายที่เป็นร่องและนูนขึ้นเห็นแบบนั้นยิ่งเห็นแบบนั้นก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเซ็กซี่มากกว่าเดิมก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นยืน เธอจ้องมองอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร ก่อนที่จะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังถอดกางเกงของเขาออกจนเหลือแค่ร่างกายเปลือยเปล่ายิ่งเห็นสัดส่วนทุกจุดของอีกฝ่ายและยิ่งเห็นเด่นชัดคือแก่นกายที่ยังตั้งชัน

 

“ทำไม...ของพี่...ยังแข็ง...กัน?”

“หือ? ถามอะไรแบบนั้นยัยตัวน้อย~” ฤทธิ์ชาติเดินตรงเข้ามาก่อนจะลากขาอีกฝ่ายให้เข้ามาหาเขา มือของเขาก็กำลังไล่ถอดเสื้อผ้าออกให้ “คิดว่ารอบเดียวจบเหรอ?”

“เอ๊ะ!?” นิลรดาที่รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอยู่แล้วก็โดนอีกฝ่ายถอดเสื้อของเธอหมดจนเหลือแค่ร่างเปลือยเปล่าเช่นกัน

“งดงามจริง ๆ พี่อยากกินเธอทั้งคืนเลย~”

“หยุดเลยนะคะ!! ฉันมีงานต้องทำนะ!!”

“อืมมมมม...งั้นลาเลยละกัน!!” ฤทธิ์ชาติกล่าวก่อนจะพลิกตัวอีกฝ่ายให้นอนคว่ำ

“เอ๊ะ!” นิลรดาตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก่อนจะโดนอีกฝ่ายพลิกตัว “พี่!!”

“ไม่ต้องห่วงคืนนี้ทั้งคืนเราจะเล่นเพลงรักทั้งคืนเลยล่ะนะ~”

“อ๊ายยยยย คนลามก!!”

 

เสียงด่าทอดังขึ้นเปลี่ยนเสียงครางหลังจากชายหนุ่มแก่นกายของตนเองสอดเข้าไปข้างในจุดซ่อนเร้นจนมิดด้ามได้สำเร็จเขาก็โน้นตัวจนร่างกายแนบชิดกับร่างบางตรงหน้า ร่างกายอันร้อนผ่าวของทั้งสองกำลังแผ่ความร้อนให้กัน ชายหนุ่มดมกลิ่นหญิงสาวอย่างรักใคร่ก่อนจะกัดต้นคอของเธอพร้อมกับกระแทกเอวเป็นจังหวะพอดีไม่อ่อนเกินไปไม่เร็วเกินไป หญิงสาวรู้สึกถึงแก่นกายที่กระแทกเข้ามาเหมือนมันกำลังถูกับท้องและผ้าปูจนรู้สึกท้องน้อยสยิว ชายหนุ่มพยายามกัดทุกจุดของคออีกฝ่ายเพื่อบ่งบอกว่าหญิงสาวข้างหน้ามีเจ้าของ แล้วเจ้าของคือเขา

 

เสียงกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะเร็วสม่ำเสมอก่อนที่จะเพิ่มระดับและเสียงครางดังทุกครั้งที่มีการเพิ่มระดับความเสียว นิลรดาจำไม่ได้เลยว่าเธอสลบไปตอนไหนเพราะการกระทำอันบ้าคลั่งของชายหนุ่มทำให้ร่างกายของเธอเพลียสุด ๆ จนผ่านคืนนั้นไปอย่างรวดเร็วจนถึงเที่ยงของวันถัดไปเป็นครั้งแรกที่เธอนั้นนอนยาวนานจนถึงเที่ยงวัน นิ้วเรียวยาวกำลังลูบแก้มอันขาวเนียบเหมือนโมจิ ชายหนุ่มจ้องมองจนอยากกัดกินเขารอหญิงสาวตื่นจากนิทรา นิลรดารู้สึกบางอย่างที่กำลังลูบตามแก้มของเธอจนเธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจกับใบหน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่เข้ามาใกล้มาเกิดไป

 

“อ๊า!!”

ฤทธิ์ชาติตาโตขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายร้องออกมา “อะไรกันเห็นหน้าพี่แล้วร้องออกมานะ”

“พี่เล่นเอาหน้าเข้ามาใกล้แบบนี้ใครมั้งไม่ตกใจ”

“ใจร้ายจังนะ~”

“ไม่ต้องมาว่าหนูเลย!!” นิลรดาเขยิบตัวหนีก่อนที่จะพยายามลุกขึ้น แต่ว่าเธอกับรู้สึกเหมือนบางอย่างกรอกขึ้นมาจากด้านหลัง “อ๊า!! หลังฉัน!!”

“ไม่ค่อยออกแรงสินะเนี่ย!!” ฤทธิ์ชาติรีบเดินไปหาอีกฝ่ายทางด้านข้างก่อนจะผลักให้อีกฝ่ายนอนคว้ำหน้า “พี่สั่งเลขาให้เอาตัวประคองหลังให้ล่ะ”

“สั่ง? ตั้งแต่ตอนไหน!?” นิลรดาขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ตั้งแต่เช้าล่ะ พี่ห่วงว่าเราจะปวดหลังเพราะเรื่องเมื่อคืน แต่ก็จริงจนได้”

พออีกฝ่ายพูดถึงเรื่องเมื่อคืนทำเอาเธอหน้าแดงยิ่งกว่าอะไร เธอจำตอนจบไม่ได้ว่าสลบไปตอนไหน แต่เธอโดนอีกฝ่ายกระแทกไม่ยั่งแถมยังจัดหลายท่าจนเธอรู้สึกปวดท้องไปหมดจนเธอนึกได้ว่าทั้งคืนอีกฝ่ายไม่ได้สวมถุงยางเลย

“นี่พี่!! เมื่อคืน!! กรี๊ดดดดดดดดดดด!!”

ฤทธิ์ชาติวางแผ่นประคองหลังแบบร้อน ๆ วางลงบนหลังอีกฝ่ายทันทีจนอีกฝ่ายร้องออกมา

“ตกใจเหรอ? โทษที~”

“พี่นี่มัน!!”

“แต่เมื่อกี้พูดอะไรเหรอ!?”

“ก็..เรื่องที่พี่ทำนะ!! พี่ไม่สวมถุงยางเลยนะ!!”

“ทำไมล่ะ?”

คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เธอฉุนขึ้นมาทันที “ทำไม? ถ้าหนูท้องขึ้นมาทำไง!?”

“ก็ง่าย ๆ ไง จับนิลแต่งงานกับพี่เลยไงล่ะ!!”

“ห๊า!! พี่จะบ้าเหรอ? เราสองคนไม่ได้ใช่แฟนกันเลยนะ!!”

“เป็นแล้วไง เมื่อกี้ก็เล่นจัดขนาดนั้นไง~”

“เอ๊ะ!! เดียวนะ...พี่ทำเมื่อคืน...อย่าบอกนะ...พี่กลัวหนูจะหนีพี่ไปอีก...เลยทำ...”

ฤทธิ์ชาติได้ยินคำพูดอีกฝ่ายพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะโน้นตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายที่ยืดตัวขึ้นมาหาเขา

“ถ้าไม่รีบทำให้เธอเป็นของพี่...เกิดใครงับไปทำไง?” ฤทธิ์ชาติกล่าวจบก็ยื่นริมฝีปากไปจุ๊บริมฝีปากอันอ่อนนุ่ม

“อึ้มมมมม!!” นิลรดาถึงกับสะดุ้งกับคำพูดของอีกฝ่ายจนใบหน้าของเธอแดงก่ำสุด ๆ

“ฝันไปเถอะ!! พี่ไม่มีได้ฉันเป็นเมียง่าย ๆ หรอกนะ!!”

“เหรออออ~ รู้ไหมว่าวันนี้เธอได้หยุดพักนะ”

“เอ๊ะ? หนูไม่ได้ลานะ?”

“พี่เป็นคนลาให้นะ~”

“ห๊า!!” นิลรดามองอย่างตกใจที่อีกฝ่ายทำอะไรมาขอเธอสักนิด

“ไม่ต้องตกใจ เธอบอกว่าไม่เป็นเมียพี่ง่าย ๆ สองวันนี้พี่จะทำให้เราเป็นเมียพี่เลยล่ะ”

“ห้ามทำอะไรบ้า ๆ นะ!!”

“ไม่ต้องห่วง พี่ทำแน่แล้วขอพ่อกับแม่เราแล้วด้วยนะ~” ฤทธิ์ชาติยกยิ้มอย่างดีใจ

“ห๊า!! พี่ติดต่อพ่อแม่หนูด้วยเหรอ!?” นิลรดาตาโตเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงพ่อแม่เธอ

“พวกท่านมีไลน์กลุ่มสองครอบครัวเรานะ พี่เลยบอกพ่อแม่ให้บอกพ่อแม่เราว่าพี่จะรับนิลเป็นเมียนะ~”

“แล้วพ่อแม่หนูตอบว่าอะไร!?”

“คิก ๆ บอกว่าเชิญเอาไปได้เลย และหาฤกษ์ตกแต่งกันได้ลย”

“อ๊ายยยยยยยยยยยยย พ่อแม่!!!”

 

จบ