เธอนั่งอยู่ตรงข้ามพี่ชาย ดวงตาจับจ้องเขาอย่างเงียบงัน หวังว่าเขาจะเงยหน้าขึ้นมามองเธอบ้าง แต่เขากลับก้มหน้ากินข้าวอย่างสงบเงียบจานข้าวของเขาวางอยู่บนโต๊ะไม้เก่าที่มีรอยขูดขีดจากการใช้งานมานาน มันดูไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เต็มไปด้วยร่องรอยที่ไม่เคยได้รับการซ่อมแซม เสียงช้อนกระทบกับจานกระเบื้องเป็นจังหวะเดียวที่ตอกย้ำถึงการมีตัวตนของเขาในตอนนี้ ส่วนเธอ... แม้จะนั่งอยู่ตรงนี้ แต่กลับรู้สึกเหมือนเธอเป็นเพียงเงาบางๆ ที่เขาไม่เคยรับรู้
ดราม่า,แฟนตาซี,อื่นๆ,ข้ามเวลา,ครอบครัว,ย้อนเวลา,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วันนี้มาอีกเหรอ..
ยายผ่องทักตามประสา มือหนึ่งหิ้วถุงข้าวต้มมัด อีกมือก็ถือตะกร้าดอกมะลิ
"มาเช้ากินไรยัง"
ไม่ทันรอคำตอบยายก็ยื่นข้าวต้มให้มัดนึง เขากล่าวขอบคุณ ก่อนจะรับมาอย่าง เก้ ๆ กัง ๆ
"มันร้อนหนา"
เขาไม่แม้แต่จะใส่ใจ ก่อนจะบรรจงแกะออกเพื่อรับประทาน
เฮ้อ....
"มึงนี่นะ ถ้าจะแวะมาก็แวะมาทักทายกูบ้าง ไม่ใช่มัวแต่ลืมที่ลืมนอน จนอ้ายอีเขาพากันเป็นห่วง"
ยายแก่เริ่มบ่นพร่ำออกมาอย่างอ่อนใจ
มือของยายเหี่ยวย่นแต่ยังคงมั่นคง ค่อยๆ ประคองดอกไม้ไว้ข้างหน้า ความเงียบอบอวลรอบตัว ราวกับเวลาหยุดนิ่ง ยายยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แววตาทอดยาวด้วยความคิดถึง ใบหน้าของยายแฝงไว้ด้วยความอบอุ่นและความเศร้าลึกๆ อย่างเงียบสงบ
"ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้ อีเค้าจะไม่หลับเอาหนา"
เขายืนนิ่งอยู่ข้างยายเมื่อได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของเขาหวิวเมื่อเห็นสีหน้าของยายที่เต็มไปด้วยความกังวล สายตาของเธอที่มองไปที่ ที่มีเศษดินถูกปรับให้เรียบสวยเป็นสถานที่ที่รวบรวมความทรงจำและวิญญาณของผู้ที่จากไป ที่นี้มีการระลึกถึงและให้เกียรติแก่ผู้ที่เคยมีชีวิต สิ่งนี้เป็นตัวแทนของความรักและความคิดถึงจากคนที่ยังอยู่ เขารู้ดีว่าคนที่จากไปไม่อาจกลับมา แต่คำพูดของยายทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกดดันอยู่ในใจ
เขาเริ่มเอ่ยขึ้น
“ยาย… เขาหลับไปตั้งนานแล้ว”
น้ำเสียงของเขาดูเรียบเฉย สายตาจับจ้องไปที่เก็บอัฐิราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง ไม่มีการแสดงออกใดๆ บนใบหน้า เพียงแค่ความเงียบที่แผ่ปกคลุมรอบตัว ทำให้บรรยากาศรอบๆ ยิ่งดูเศร้าโศกขึ้น
ยายฟังคำแล้วพยักหน้าเบาๆ
“ใช่… เขาหลับตาไปนานแล้ว”
น้ำเสียงของยายแฝงไปด้วยความคิดถึงและเศร้าโศก ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่เก็บอัฐิ รู้สึกถึงความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นรอบตัว แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่กลับมา แต่ความทรงจำของเขายังคงสดใสในใจของยาย
“เจ้าเด็กนั้น..ดันไปก่อนคนเฒ่าคนแก่ซะนี่"
ยายกระซิบกับตัวเองน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาของเธอจ้องมองไปยังเก็บอัฐิราวกับมีคนตรงหน้า เสียงของยายเต็มไปด้วยความคิดถึง
“ข้าวต้มมัดที่เมื่อก่อนนานๆทีทำ ตอนนี้กลับทำมาให้ทุกวัน เพราะเมื่อก่อนอีตื้ออยากกินตลอด”
ยายพูดพลางยิ้มที่มุมปาก แม้ว่าจะมีความคิดถึงแฝงอยู่ในน้ำเสียง
“ตอนนั้นอีตื่นเช้ามาตั้งแต่ไก่เพิ่งโห่แค่เพื่อมาตื้อขอกินข้าวต้มมัดอุ่นๆ ของยาย”
แต่ในวันนี้ ยายมองไปที่จานข้าวต้มมัดที่จัดเรียงอย่างสวยงาม แต่ใจกลับรู้สึกแห้งแล้ง ตอนนี้อีดันไม่อยู่ให้ยายได้ทำให้กินแล้ว’ น้ำเสียงของยายสงบนิ่ง แม้จะมีความสั่นไหวแฝงอยู่เล็กน้อย
จริงอยู่ที่ความรักและความห่วงใยไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่การที่เรามาทำมันในวันที่เขาไม่เห็น กลับสะท้อนถึงกิเลสที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจ มันเป็นเพียงแค่ความหวังลมๆแล้งๆว่าเขาจะได้รับรู้ถึงความรักที่คนอยู่มีให้
ยายมองคนที่อยู่ข้างๆ เขาดูเงียบสงบแต่กลับมีความเข้มแข็งที่ซ่อนอยู่ในสายตา แววตาเย็นชานั้นทำให้ยายคิดถึงความเปราะบางที่อาจอยู่ในใจของเขา
เด็กคนนี้… เขาไม่พูดไม่จา แต่ยายรู้ว่าเขากำลังแบกรับอะไรบางอย่างอยู่
ยายจำได้ว่าเมื่อก่อน อีเคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสดใส แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าโลกภายนอกจะได้ทำให้เขาสูญเสียความไร้เดียงสาไป ยายเห็นเขานั่งนิ่งอยู่เป็นเวลานาน จมอยู่ในความคิดของตัวเอง
“บางที ความเงียบของเขาก็อาจจะมีเสียงดังที่ใครก็ไม่สามารถได้ยิน”
“คนรุ่นนี้อาจจะมีความรักที่หลากหลาย แต่กลับไม่ค่อยแสดงออกให้ใครเห็น”
ยายคิดในใจ พร้อมกับหวนกลับไปนึกถึงอดีต ที่ความรักคือการแสดงออกที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา
“ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง ทั้งที่ใจเขาอาจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย”
ยายยิ้มให้กับเขาเบาๆ
“ให้ยายดูแลเธอสักหน่อยเถอะ”
แม้เขาจะไม่ตอบสนองหรือมองกลับมา แต่อย่างน้อยยายก็หวังว่าเขาจะรู้สึกถึงความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ในสายตาของเธอ ในโลกที่คนมักพูดน้อยและเก็บความรู้สึกไว้เพียงลำพัง ความรักและการสนับสนุนจากคนรอบข้างอาจช่วยให้เขาเปิดใจและรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง
เขายืนมองที่เก็บอัฐิ ที่ๆมีคนสำคัญอยู่ แววตาเขาดูเย็นชาเพื่อไม่ให้ใครเห็นสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในใจ เขารู้ดีว่าความรักและความห่วงใยที่มีต่อคนนั้นไม่เคยจางหาย แต่การที่เขามานั่งอยู่ที่นี่ในวันที่เขาคนนั้นไม่เห็น กลับสะท้อนถึงกิเลสที่ยังติดค้างอยู่ในใจ
"จริงอยู่ที่ความรักไม่เคยหายไป”
เขาพึมพำกับตัวเอง
“แต่ความจริงที่ว่าฉันมาอยู่ตรงนี้โดยไม่มีคุณมันเหมือนกับการทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
แม้จะพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง แต่ความรู้สึกภายในกลับอ่อนแอและเต็มไปด้วยความเปราะบาง เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร แต่ในใจของเขากลับเต้นแรงเหมือนจะบอกว่า ความรักที่มีให้คนคนนึงคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่และเจ็บปวดที่สุด ที่เขาต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันต่อไป
“คงไม่มีโอกาสที่จะได้ทำทุกอย่างที่อยากทำกับเธออีกแล้ว...”
เขาคิดในใจ พร้อมกับเก็บอารมณ์นั้นไว้ ไม่ให้ใครได้รู้ว่าภายในจิตใจเขาพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
“บางที...การเจอกันอีกครั้งอาจไม่ใช่สิ่งที่เราคิด”
เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกระซิบบอกในใจ การได้เจอกันอาจไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นการกลับมาที่สมบูรณ์อีกครั้ง หรืออาจจะเป็นการพบกันในรูปแบบที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เขาหันไปมองย้อนกลับไปภาพของคน คนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวัง แต่เขากลับรู้สึกว่าในสายตาของเธอนั้นมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ อาจจะเป็นความกังวลหรือความกลัวที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้
“ยาย… คุณคิดว่าคนที่จากไปแล้วจะกลับมาหรือเปล่า...”
เขาถามออกไปอย่างไม่ตั้งใจ แต่กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นเงียบงัน
“เออ... เรื่องนั้นไม่รู้สิ”
ยายตอบอย่างระมัดระวัง
เขามองไปที่เก็บอัฐิอีกครั้ง คิดถึงสิ่งที่ยังไม่เคยพูดออกมา ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าสิ่งที่รออยู่ในอนาคตนั้นมีความสำคัญและอาจจะเปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล
“ถ้าเกิดวันนั้นมาถึง… มันจะเป็นยังไง”
เขาพึมพำกับตัวเอง รู้สึกถึงความไม่แน่นอนที่ยิ่งทำให้จิตใจเขาปั่นป่วน
ในขณะที่เขาเดินออกจากที่นั้น ความคิดเหล่านั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว จนถึงเมื่อเขาหันกลับไปมองที่เก็บอัฐิอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงกระซิบบางอย่างในใจ
"ไม่นานหรอก"
"เธอจะได้พบสิ่งสำคัญอีกครั้ง"
---------------------------------------------
อารัมภบท
"pavane pour defunte"
"บทเพลงแด่เธอผู้ล่วงลับ"