ชั่ววินาทีที่ 'ธารธรรม' ได้สบตากับ 'ศิลา' เขาก็ตกหลุมรักพ่อหนุ่มที่กระโดดลงมาจากต้นมะม่วงพร้อมแมวส้มคนนี้เสียแล้ว...

ศิเป็นของธาร - บทที่ 1 เมื่อรู้จักจึงสังเกตเห็น โดย อมณ. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ไทย,อื่นๆ,ศิธาร,ศิเป็นของธาร,มหาวิทยาลัย,น่ารัก,หวาน,feel good,feelgood,อ่านฟรี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ศิเป็นของธาร

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ไทย,อื่นๆ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ศิธาร,ศิเป็นของธาร,มหาวิทยาลัย,น่ารัก,หวาน,feel good,feelgood,อ่านฟรี

รายละเอียด

ศิเป็นของธาร โดย อมณ. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชั่ววินาทีที่ 'ธารธรรม' ได้สบตากับ 'ศิลา' เขาก็ตกหลุมรักพ่อหนุ่มที่กระโดดลงมาจากต้นมะม่วงพร้อมแมวส้มคนนี้เสียแล้ว...

ผู้แต่ง

อมณ.

เรื่องย่อ

เพียงได้พบสบตา 'ธารธรรม' ก็ตกหลุมรัก 'ศิลา' พ่อหนุ่มที่กระโดดลงมาจากต้นมะม่วงพร้อมแมวส้มไปเสียแล้ว

 

แม่สอนธารธรรมไว้ว่าชอบใครต้องไปให้สุด เตรียใจไปเลยพ่อต้นมะม่วง เจอธารธรรมใส่สุดแน่นอน!!

 


มาค่ะ มาเปิดเรื่องใหม่กัน

ญ่าฝากคุณผู้อ่านเอ็นดูเจ้าศิกับยัยธารด้วยนะคะ // ไหว้ย่อแบบติดพื้น

เรื่องนี้จะลงทุกวันอังคาร เวลา 2 ทุ่ม(ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง)ค่ะ

สารบัญ

ศิเป็นของธาร-บทนำ บทแรกรู้จัก,ศิเป็นของธาร-บทที่ 1 เมื่อรู้จักจึงสังเกตเห็น,ศิเป็นของธาร-บทที่ 2 ป๊ะป๋ากับคุณพ่อ,ศิเป็นของธาร-บทที่ 3 ศิ ๆ รถเป็นอะไรอ่ะ?,ศิเป็นของธาร-บทที่ 4 พรหมลิขิตแบบ 300%,ศิเป็นของธาร-บทที่ 6 คุณพ่อดีเด่น

เนื้อหา

บทที่ 1 เมื่อรู้จักจึงสังเกตเห็น

“ปุจฉา” เสียงห้าวทุ้มดังมาจากชายหนุ่มตัวสูง

“วิปัสสนา”

“มึงจะไปเดินจงกรม นั่งสมาธิเหรอกรอง?”

“ไปด้วยกันไหมล่ะ? แต่อย่าเลย คนชั่ว ๆ อย่างมึงอาจจะร้อนจนดิ้นทุรนทุรายตายอนาถ” กรองทองตอบยิ้ม ๆ

“เห็นด้วย” ธารธรรมพยักหน้ากับคำพูดของเพื่อนสาว

“รุมกูเก่งจริง” ชาติชายโอด “เข้าเรื่องที่กูอยากถามได้ยัง?”

“อ้อ เชิญ” หญิงสาวผายมืออนุญาต

“เรามาทำอะไรกันที่นี่?”

“อันนี้กูก็อยากรู้?”

ทั้งชาติชายและกรองทองมองไปยังเพื่อนตัวขาวที่กำลังเดินขึ้นบันไดเลื่อนในห้างสรรพสินค้า

ย้อนกลับไปช่วง 8 โมงเช้า 

ในวันที่มีเรียนบ่ายแบบนี้ ชาติชายไม่โงหัวขึ้นมาจากที่นอนแน่ ๆ แต่บางทีเวรกรรมก็อาจจะมาในรูปแบบของธารธรรม เพราะไอ้เพื่อนตัวขาวนี่ดันโผล่ไปที่หอของเขา ขุดออกจากเตียง หยุมหัวไปแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วลากออกจากหอในสภาพเมาขี้ตา มาเริ่มมีสติตอนถึงหน้าคอนโดของกรองทอง และแน่นอนว่าหญิงสาวหนึ่งเดียวของกลุ่มก็โดนไอ้ตัวขาวนี่จัดการลากลงจากเตียงเช่นกัน

พวกเขาล้วนไม่รู้จุดประสงค์ ไม่รู้สถานที่ปลายทาง รู้แค่ว่าโดนธารธรรมยัดใส่รถของกรองทอง และขับออกมาเลย สุดท้ายก็มาโผล่ในห้างอย่างงง ๆ

“กูอยากขอกุญแจสำรองคืนใจแทบขาด” หญิงสาวบ่นพลางเดินตามเพื่อน

“มึงเลยที่คิดเรื่องแลกกุญแจสำรอง” ชาติชายหันไปว่าเพื่อนสาว

เนื่องจากคุณแม่ของ กรองทอง ชาติชาย และธารธรรม เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ดังนั้นทั้งสามคนจึงเป็นเพื่อนกันตั้งแต่คลอดออกมาจากท้องแม่ เรียนที่เดียวกันตั้งแต่อนุบาลจนจบม.ปลาย พอเรียนมหาวิทยาลัยก็หอบมาเรียนด้วยกันอีก เป็นประดุจแฝดสาม

แต่ด้วยวิถีชีวิตที่ต้องมีแตกต่างกันบ้างจึงต้องแยกย้ายไปอยู่หอคนละที่ กรองทองมีคอนโดที่ญาติซื้อเก็บไว้ จึงได้หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่ฟรี ชาติชายต้องการห้องที่กว้างและมีครัว แถมยังมีแฟนที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันอีก เลยไปเลือกหอกับแฟน ถึงแม้สุดท้ายแล้วจะต้องเลิกรากันไปโดยที่แฟนคนนั้นไม่ได้เหยียบแม้พื้นห้องเลยก็ตาม แต่จ่ายค่ามัดจำแล้ว ไอ้ชาติชายก็จำเป็นต้องอยู่ พออยู่จนชินก็ขี้เกียจย้าย อยู่ยาวยันตอนนี้ ส่วนธารธรรมไม่ต้องการอะไรมาก ขอแค่ห้องโล่ง ๆ ไม่ต้องกว้าง ที่สำคัญ คือ ถูก 

และด้วยอยู่กันคนละที่แบบนี้กรองทองจึงเสนอให้แลกกุญแจสำรองกันไว้เผื่อเหตุฉุกเฉิน

“แล้วสรุปมึงลากพวกกูมาทำไม?” ชาติชายถามคนที่เดินมองหาร้านอะไรสักอย่าง

“มาซื้อโทรศัพท์” ธารธรรมหันมาตอบเพื่อน ในขณะที่ขายังคงเดินไปร้านที่ตนหมายตาไว้จากการหาข้อมูลมาทั้งคืนว่า ณ ตอนนี้โทรศัพท์รุ่นไหนถ่ายรูปสวยที่สุด!

“ไอ้เชี่ยย! อะไรดลใจวะ” เสียงหวานกล่าวอย่างเหลือเชื่อ การซื้อโทรศัพท์อาจจะไม่ได้ดูแปลกอะไร แต่กับธารธรรมที่ใช้เจ้าโทรศัพท์เครื่องเดิมมากว่า 7 ปีจะซื้อใหม่นั้นมันโคตรจะแปลกเลยเถอะ

“เครื่องเก่าถ่ายรูปศิลาไม่ชัด”

“เอาจริงดิ?” กรองทองถาม

“ห้ะ?” ชาติชายถึงกับหยุดเดิน

สืบเนื่องมาจากวันที่ธารธรรมเข้าไปขอจีบศิลาอย่างงง ๆ ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบอะไร เพื่อน ๆ ของเขาก็ลากออกมานั่งข้างสนาม ด้านคนที่ถูกขอจีบยืนงงในดงเพื่อนสักพักก็ถูกลากไปซ้อม อาการดูเหมือนคนที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกบ้าง หันมามองทางนี้บ้าง โดนเพื่อนแซวอย่างสนุกสนานบ้าง แต่ในสายตาเขาศิลาก็ยังดูเท่ขาดใจ ดีจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้ ประดุจแฟนคลับที่อยากเก็บภาพศิลปินในดวงใจไว้นั่งมอง แต่พอหยิบโทรศัพท์มาถ่ายความจริงก็กระแทกหน้าทันที

รูปแม่งอย่างเบลอถึงแม้ภาพเธอจะชัดเจน

รูปที่ถ่ายที่ได้จากโทรศัพท์รุ่นเก่าเก็บของเขาไม่ชัดจนเจ็บใจ ดังนั้นมันจึงถึงเวลาที่ธารธรรมจำต้องบอกลาเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมากว่าเจ็ดปี

อาถรรพ์ 7 ปีก็ใช้กับโทรศัพท์ได้ด้วย

“เอ้อ ตอนยุให้เปลี่ยนก็เอาแต่บอกว่ายังใช้ได้ ยังไม่จำเป็น พึ่งรู้นะว่าเหตุผลจำเป็นคือผู้ชาย” แขนแกร่งพาดไหล่เพื่อนตัวขาวพร้อมเอ่ยแซว

“ก็ไม่เถียงนะ” ธารธรรมตอบ ขายาวก้าวเข้าช็อป บอกถึงรุ่นโทรศัพท์ที่ตนต้องการ สอบถามอีกเล็กน้อย ก่อนตกลงซื้อ ยื่นบัตรเครดิตที่มีประดับกระเป๋าเงินมานานแต่ไม่ยอมใช้ให้พนักงานอย่างไม่กะพริบตาจนเพื่อนอึ้ง

คนงกประจำกลุ่มยอมใช้ตังแล้วเว้ย!!

 

หลังจากซื้อของเสร็จ สามเพื่อนซี้ก็ลากกันมาทานข้าวร้านประจำแถวมหาวิทยาลัย ด้วยเป็นช่วงใกล้เที่ยงลูกค้าจึงเยอะจนแทบล้น ดีที่ยังเหลือโต๊ะสุดท้ายให้นั่ง

“เหมือนเดิม”

“กูด้วย”

กรองทอง และชาติชายบอกเพื่อนตัวขาวที่กำลังเขียนเมนูลงกระดาษ แต่จังหวะที่ธารธรรมเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องยิ้มกว้างทันที

“ศิลา!” ธารธรรมเอ่ยเรียกคนที่กำลังก้าวเข้ามาในร้าน

ศิลาชะงักเมื่อเห็นคนตัวขาวที่ประกาศจีบตนเองกลางสนามบาส เขาหมุนกายกลับทันที 

ไม่เอา ไม่อยากเจอ

เปล่า ไม่ได้รังเกียจอะไร

ไม่ได้ไม่พอใจ

แค่...ทำตัวไม่ถูก

“จะไปไหน” ชายหนุ่มสวมแว่นที่เดินตามมารั้งแขนเพื่อน

“ไปร้านอื่น”

“ไม่ไปแล้ว อย่าเลือกมากเดี๋ยวไปสอบไม่ทัน” 

‘อะตอม’ ใช้นิ้วเรียวดันแว่นกรอบสวยให้เข้าที่ มองไปทางเพื่อนตัวสูงที่อยู่ ๆ ก็ทำตัวเรื่องมากทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าจะทานข้าวร้านนี้

“มันไม่มีโต๊ะ” ศิลายังคงหาเหตุผล

“ไม่มีโต๊ะ หรือกำลังหนี?” ‘เอเทน’ ยิ้มร้าย ขายาวก้าวเข้าไปยังคนตัวขาวที่ยิ้มสดใส 

“สวัสดี ธารธรรมใช่ไหม?”

“อื้ม” 

“กูเอเทน เพื่อนไอ้ศิ” คนตัวสูงหันไปกวักมือเรียกเพื่อนอีกสองคนที่ยืนอยู่หน้าร้าน และแล้วศิลาก็ถูกเพื่อนแว่นลากเข้ามาจนได้ “ไอ้ตอม นี่ธารธรรมที่จะจีบไอ้ศิ”

“เห้ย! โลกกลมจัด กูอะตอม”

“อ่าาา ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ธารธรรมยังคงยิ้ม พลางมองคนที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ 

“กูชาติชาย” 

“กรองทองจ้า”

สองคนที่กลัวไม่มีบทรีบเอ่ยแนะนำตัว

“นั่งด้วยได้ปะ?” อะตอมถามขึ้นทันที

“ได้ ๆ” ธารธรรมบอกอย่างเต็มใจอย่างถึงที่สุด

และเพื่อนรักของศิลาก็จัดแจงนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันไม่ถึง 10 นาที โดยไม่ถามศิลาเลยแม้แต่สักคำ แถมอะตอมยังมองด้วยสายตาดุ ๆ จนเขาต้องยอมจำนน

เออ ๆ นั่งก็ได้วะ เพราะกลัวไปสอบบ่ายไม่ทันหรอกนะ ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะนั่งด้วยเลย แล้วดูมันเหลือที่ไว้ให้เขาสิ ไม่รู้เลยว่าจงใจให้นั่งข้างคนตัวขาวที่ยิ้มสดใส

“หวัดดีศิลา” แม้แต่เสียงทักทายก็ยังสดใส

“อืม” ส่วนอีกคนก็ตอบเสียงนิ่ง

“ศิลา ศิลาจะกินอะไร?” คนตัวขาวถือกระดาษพร้อมจด

“ไม่เป็นไร เขียนใหม่ได้”

“แต่เรานั่งโต๊ะเดียวกันนะ ใช้กระดาษแผ่นเดียวกันสิ รักษ์โลกหน่อยศิลา”

“เพ้อเจ้อ” คนตัวสูงว่า

“สุกี้แห้งทะเล”

“ข้าวผัดกุ้ง”

อะตอม และเอเทนรีบสั่งเมนูของตน มันอาจจะดูแปลก ๆ ที่ตอนนี้ทั้งโต๊ะกำลังมองที่ศิลาอย่างกดดัน หากว่าเขายังไม่สั่งตอนนี้ทั้งโต๊ะคงเข้าเรียนบ่ายไม่ทันแน่

“คะน้าหมูกรอบ"

“โอ๊ะ!!”

“กินเหมือนกันเลย~ พรหมลิขิตแหง" ธารธรรมยิ้มไปเขียนไป

“งั้นเปลี่ยน”

“โอ๊ะ! ส่งไปแล้ว” คนตัวขาวรีบยัดกระดาษจดเมนูให้พนักงานร้านทันที ศิลาได้แต่ทำหน้ายุ่ง

“ศิลามาร้านนี้บ่อยเหรอ?” ธารธรรมชวนพ่อต้นมะม่วงคุย

“อืม”

“เนี่ย ๆ เราก็มาร้านนี้บ่อย แถมยังสั่งข้าวเหมือนกันอีก จะไม่ใช่พรหมลิขิตได้ยังไงงง”

“รอบหน้าจะเปลี่ยนร้าน!”

“แล้วมีซ้อมบาสอีกวันไหนเหรอ?” จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง

“ยุ่ง”

“บอกหน่อยก็ไม่ได้” คนตัวขาวทำหน้างอ

“บอกไปก็ไม่เสียหายนิ่” เอเทนว่าเพื่อนตนเอง “มีจันทร์ พุธ ศุกร์ อ่ะ”

“ซ้อมแข่งกีฬามหา’ลัยเหรอ?” หญิงสาวหนึ่งเดียวทำหน้าสงสัย

“อือ” เอเทนพยักหน้า

“ม.เราก็แปลกเนอะ แข่งกีฬาเฟรชชี่แล้วยังต้องมาแข่งกีฬาภายในอีก กลัวเด็กไม่มีชั่วโมงกิจกรรมเหรอ” กรองทองบ่น

“ไม่น่าบ่นนะ มึงไม่ได้ทำอะไรเลยนิ่” ชาติชายว่า

“มึงก็ไม่แข่งอะไรนะชั่ว” ธารธรรมบอก

“มึงก็ด้วยไอ้ธาร”

“ช่วยไม่ได้พวกเรามันแก้งกินแล้วนอน”

“ก็จริง” ธารธรรม และชาติชายพยักหน้ากับสิ่งที่กรองทองพูด

รอไม่นานอาหารที่สั่งก็มา 6 ชีวิตเริ่มลงมือทานทันที

“เอาหมูกรอบเราเปล่า~” คนตัวขาวหันไปถามเจ้าของหลุมรัก

“กินไปเถอะมึงอะ”

“ไม่เอาจริงเหรออ~”

“หุบปาก”

“ดุจริงงง”

ธารธรรมไม่เซ้าซี้คนข้าง ๆ ต่อ ไม่ใช่ว่าน้อยใจอะไร แต่เพราะถ้าหากยังกวนอยู่แบบนี้อาจจะไปเรียนบ่ายไม่ทัน อาจารย์ป้ายิ่งดุ ๆ อยู่

หลังจากจัดการอาหารเที่ยงเรียบร้อยเด็กเกษตรฯ กับเด็กบริหารก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองทันที คนตัวขาวโบกมือหย็อย ๆ ให้ผู้ชายตัวสูงที่หันมามองแค่เเวบเดียว

 

“ถ้าไม่รู้ว่ามาตามหลุมรัก กูคงคิดว่ามึงมาเปิดร้านน้ำ”

“จีบผู้ชายก็ต้องลงทุนปะกรอง”

“ยอมใจจริง ๆ มีเพื่อนอยู่กับเขาสองคน อีกคนก็ตกหลุมรักง่าย อีกคนก็บอกเลิกแฟนเพราะเบื่อ!”

“ทำไมหวยมาออกที่กูล่ะ” ชาติชายเรียกร้องความเป็นธรรม “ใครจะเหมือนคุณกรองทองละครับ แก่แดดแอบชอบพี่ชายข้างบ้านตั้งแต่ตัวเท่าเอวเขา จนตอนนี้พี่มันแต่งงานก็แล้ว ย้ายไปเมืองนอกก็แล้วก็ยังตัดใจไม่ได้”

“ไอ้ชั่ว” กรองทองเหวเพื่อน

“ได้ข่าวว่าเตรียมมีลูกแล้วนะ”

“ไอ้เพื่อนเวร” ถ้าวันนี้ไม่ได้ฟาดชาติชายสักทีเธอคงนอนไม่หลับ 

ธารธรรมถอยออกมาเล็กน้อย กันตัวเองโดนลูกหลง ห้ามเหรอ? ไม่มีคำนี้ในสารระบบหรอก ดูเพื่อนตีกันสนุกจะตาย

“ธาร กรอง ชาติ” แต่ก่อนจะมีสงครามเกิดขึ้นก็มีเสียงเรียกจากมาชายหนุ่มใส่แว่น พร้อมกับกวักมือเรียกพวกเขา

“อะตอมมานานแล้วเหรอ” ธารธรรมถามเพื่อนของพ่อต้นมะม่วง หลังจากหย่อนกายนั่ง

“สักพักแล้ว วันนี้ไอ้พวกนั้นมันฟิตจัด อาทิตย์หน้ามีแข่งกับบริหารฯ”

“อ่อ” คนตัวขาวพยักหน้ารับรู้

“ไปเชียร์ดิ”

“อะตอมไม่ชวน เราก็ไปอยู่แล้ว”

“เชียร์คณะตัวเอง?” ชาติชายที่นั่งลงข้างเพื่อนถาม

“เชียร์ศิลา”

“ค่ะ ผู้ชายชนะทุกอย่าง” กรองทองกลอกตา

“แน่นอนอยู่แล้ว”

มือเรียวขาวล้วงเอาโทรศัพท์ที่ถอยมาเมื่อเช้า เข้ากล้องถ่ายรูป และเก็บภาพคนตัวสูงในสนามไปหลายภาพ ทั้งสีหน้าดีใจตอนลูกบาสลงห่วง หงุดหงิดตอนลูกไม่ลงห่วง สีหน้าที่ดูก็รู้ว่าเหนื่อย แต่กลับสนุกสุด ๆ

หลังเสียงตะโกนสั่งพักของรุ่นพี่ดังขึ้น นักกีฬาทั้งหลายก็สลายตัวเข้าข้างสนามอย่างไว ด้านคนตัวขาวก็พุ่งไปสนามอย่างรวดเร็ว

“เราซื้อน้ำมาให้~" พูดพร้อมกางถุงพลาสติกที่มีน้ำหลากหลายประเภท หลากหลายยี่ห้อ ก็ไม่รู้ว่าชอบอะไรเลยเหมามาทั้งหมด

“ไม่เอา!” คนห่ามตอบเสียงแข็ง

“ไอ้ศิชอบดื่มเกลือแร่ยี่ห้อ... มีเปล่า?” ศิลามองตาขวางไปทางเอเทนผู้ขี้เผือก แต่มีหรือที่เอเทนจะกลัว หุหุ

“มีของที่ผู้จัดการทีมซื้อมาแล้ว” คนตัวสูงยังคงปฏิเสธเสียงนิ่ง

“โอ๊ะ! พี่เน่คะ ลูกปลาลืมซื้อน้ำของพี่ศิมาค่ะ”

“ลูกปลาทำไมสะเพร่าแบบนี้ล่ะ!”

ศิลามองสองสาวอย่างเคือง ๆ ลืมเลิมอะไรกัน ไม่ต้องเดายังรู้เลยว่ารวมหัวกันขายเขาให้เด็กบริหารตรงหน้า น่าจับหักคอเรียงตัว

“ขอบใจ” เจ้าของหลุมรักจำต้องรับน้ำจากมือธารธรรม

“ไม่เป็นไร ให้เราซื้อให้ตลอดยังได้”

“ไม่ต้อง” ศิหันหลังให้คนตัวขาว พลางยกน้ำดื่มอั้ก ๆ ไม่ได้เขินกับรอยยิ้มหล่อ ๆ ของคนที่บอกจะซื้อน้ำให้ตลอดนะเว้ย!

แค่...คอแห้ง!

 

ขายาวของนักบาสคณะเกษตรฯ ก้าวเข้าร้านกาแฟเจ้าประจำ มือหนาก้มพิมพ์ข้อความในแชทกลุ่ม ทุกคนต่างล้วนฝากซื้อเครื่องดื่มกัน

แต่เสียใจด้วยนะ พวกมึงรวมหัวกันขายกูดีนัก อดแดกไป!

“เหมือนเดิมครับ” เสียงเข้มเอ่ยสั่งเมนูประจำที่พนักงานร้านจำได้

“โอ๊ะ!”

เสียงอุทานที่คุ้นเคยนี่มัน...

อย่าบอกนะว่า...

“ศิลาาาา” เสียงทักที่ลากยาวอย่างสดใส

“สต๊อกเกอร์เหรอ?”

“บ้าน่า นี่ร้านประจำเราเลยนะ!”

ศิลาแค่ขมวดคิ้ว แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่นานเครื่องดื่มสองแก้วก็วางตรงหน้า น่าแปลกอีกแล้วที่ทั้งสองคนสั่งเมนูเหมือนกัน

“ว้าวว สั่งเมนูเดียวกันแบบนี้ พรหมลิขิตชัด ๆ ”

“เพ้อเจ้อ” คนตัวสูงก็ยังคีฟคาเร็กเตอร์คนดุ แต่มือหนายื่นเงินให้พนักงานร้านพอดีกับราคากาแฟสองแก้ว “คิดรวมครับ”

“หือ?”

“หายกันกับเกลือแร่เมื่อวาน”

“โหห~ กาแฟแก้วแรกจากศิลา เราจะกล้าดื่มปะเนี่ยยย” คนตัวขาวทำตาโต

“อย่าเว่อ” พ่อต้นมะม่วงหันหลังเดินออกจากร้านโดยมีคนนอนก้นหลุมเดินตาม

“แล้วเช้าวันเสาร์แบบนี้ ศิลาจะไปไหนเหรอ?”

“ทำรายงานห้องเพื่อน”

“เราก็เหมือนกัน โคตรจะไม่อยากลุกออกจากที่นอน” ธารธรรมหาวประกอบคำพูด “แล้วศิลาไปไง?”

“ขับรถไป มึงอะ?”

“อุ้ย!! ถามแบบนี้ ศิลาจะไปส่งเราเหรอ!?”

“กูถามเป็นมารยาท”

“โถ่!” เด็กบริหารฯทำหน้าผิดหวัง ที่เด็กเกษตรฯ มองอย่างไรก็รู้ว่าแกล้งทำ “แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเพื่อนเรามารับ”

ไม่มีประโยคใดต่อจากนั้น แต่ร่างสูงของศิลายังคงยืนอยู่ข้างธารธรรม

“ศิลายังไม่ไปเหรอ?”

“อยากยืนกินกาแฟก่อน”

“อ่อออ ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเราเนาะ?” นักบาสคณะเกษตรฯมองคนตัวขาวตาขวาง

“อุ้ย!!!” มือเรียวของธารธรรมยกขึ้นปิดปาก แต่ถึงอย่างไรก็ห้ามรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาไม่ได้ ศิลานี่ใจดีจริง ๆ นะ ถึงจะชอบว่า จะชอบไล่ แต่ก็ยังยืนรอเป็นเพื่อน

หลุมที่ธารธรรมอยู่นี่มันเหมือนจะลึกขึ้นเลย!

 

เสียงเพลงจากนักร้องบนเวทีดังลั่นไปทั่วร้าน ผู้คนมากหน้าต่างพร้อมใจกันร้องเพลงอกหักรักคุดประดุจว่านั่นเป็นเรื่องราวในชีวิตตนเอง ทั้งที่บางคนมากับแฟน

มือหนายกแก้วที่บรรจุของเหลวสีอำพันขึ้นจิบอย่างไม่ใส่ใจกับบรรยากาศของโต๊ะตนเอง ที่พากันเอ่ยถึงถึงเจ้าเด็กบริหารฯตัวขาว

ก็ว่าทำไมอยู่ ๆ ก็อยากออกมาดื่ม

“พวกมึงก็ขายกูเก่งฉิบหาย” ศิลาว่าอย่างเซ็ง ๆ

“ธารก็น่ารักดีนิ่มึง” เอเทนว่า

“อีกอย่างเขาก็ไม่สร้างความเดือดร้อนอะไรให้มึงด้วย คนอื่นก็จีบมึงแบบนี้นี่” อะตอมเสริม

“ถ้ามึงไม่ชอบก็ปฏิเสธจริง ๆ จัง เหมือนคนอื่นดิ” เอเทนยิ้มอย่างรู้ทัน “ที่ทำตัวปากร้าย แต่ก็ยังปล่อยให้เขามาวนเวียนรอบตัวแบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันน้าา”

“หุบปาก”

“งั้นก็เถียงดิ ว่าธารธรรมไม่ได้ตรงสเปกมึงฉิบหาย” อะตอมว่า 

ศิลานิ่ง คิดตามคำพูดของเพื่อนแว่น เขาไม่เถียงเลยว่าธารธรรมแม่งตรงสเปกสัด ๆ แต่ทุกอย่างมันเร็วไปหมด ความรู้สึกของคนเราจะเปลี่ยนได้เร็วขนาดนั้นเลยหรือ? 

ก่อนหน้านั้นยังจีบสาวตัวเล็กชมรมเชียร์หลีดดิ้งอยู่เลย...

มือแกร่งยกแก้วขึ้นจิบ สายตาคมกวาดมองรอบกายอย่างไร้จุดหมาย ก่อนที่จะไปสะดุดตากับอะไรบางอย่าง

ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าคนบางคนต่างหาก...

“มึงสองตัวขายกูอีกแล้ว?” ศิลาถามเพื่อนหน้ายุ่ง

“?” 

คนตัวสูงมองไปอีกฝั่งของร้าน เมื่อเพื่อนรักทั้งสองมองตามก็ถึงบางอ้อ ก่อนหัวเราะกับความบังเอิญนี้ แต่ก่อนจะได้แซวอะไร คนตัวขาวที่อยู่อีกฝั่งก็เห็นกันเสียก่อน

“ศิลาา” เสียงหวานหลุดเรียก แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ยิน เพราะแม้แต่เพื่อนที่นั่งข้างกันยังไม่ได้ยินเลย

ก่อนหน้านี้นั่งทำงานเพลิน ๆ ในห้องของกรองทอง อารมณ์ดีเชียวล่ะ ได้เจอพ่อต้นมะม่วงแต่เช้า แถมยังเลี้ยงกาแฟกันอีก แต่แล้วก็ต้องเซ็งจิตเพราะถูกเพื่อนในภาคโทรจิกยิก ๆ ให้มาร่วมงานวันเกิดเพื่อนของแฟนมัน

แค่แฟนมันเขายังไม่รู้จัก แล้วนี่เพื่อนของแฟนจะรู้จักยังไงก่อน ทั้งโต๊ะที่รู้จักก็มีแค่ชาติชาย กรองทอง เพื่อนในภาค และนุ้งนิ้งที่มากับแฟนหนุ่ม เห็นว่าพึ่งคบกันวันนี้

โดยพื้นฐานธารธรรมไม่ค่อยชอบสถานที่ ที่เสียงดัง และคนเยอะอยู่แล้ว ยิ่งถูกตื๊อให้มายิ่งเบื่อ จนเตรียมจะลากเพื่อนกลับ แต่เหมือนโลกจะรู้ว่าเขาเซ็งจิต เซ็งใจขนาดไหน ถึงได้ส่งเจ้าของหลุมรักให้มาเจอกัน

เพียงสบตากันชั่วครู่ความเบื่อหน่ายก็พลันหายไป บังเอิญเจอกันบ่อยขนาดนี้ต้องพรหมลิขิตแน่นอน ธารธรรมมั่นใจแบบ 300%

แต่อยากบอกศิลาล่ะ เดี๋ยวโดนว่าอีก

คนตัวขาวลุกเดินมุ่งหน้าไปตามหัวใจเรียกร้อง ริมฝีปากสวยยิ้มกว้างตามแบบมนุษย์สดใสร่าเริง พยายามมองเมินคนตัวสูงที่ทำหน้ายุ่งมองมาที่เขา

“คิดถึงศิลาจัง” มาถึงก็หยอดไปก่อนหนึ่งกรุบ 

ฝ่ายถูกหยอดถึงกับไปไม่ถูก มันไม่คำทักทายอื่นแล้วหรือไง

“เราไม่ได้สต๊อกศิลานะ” ธารธรรมรีบแก้ตัว “เราถูกเพื่อนในภาคโทรตามมางานวันเกิดเพื่อนแฟนมัน ไม่รู้จักหรอกแต่เพื่อนมันก็ตามอยู่นั่น”

“ว่าอะไรหรือยัง”

“ก็บอกก่อนไง~”

“ธารมานั่งด้วยกันสิ” เอเทนชวน เพื่อนในโต๊ะคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย อยากเผือกกันเต็มที่เลยสินะ!

“ได้ ๆ เดี๋ยวเราไปตามชาติกับกรองก่อนนะ” สิ้นคำ คนตัวขาวก็มุดไปทางโต๊ะที่นั่งก่อนหน้า

 “บังเอิญเกินไปปะวะ” ร้านข้าวที่ไปประจำ เมนูโปรด ร้านกาแฟเจ้าประจำ แถมยังมาดื่มในร้านเดียวกันอีก

“อาจจะเป็นเพราะแต่ก่อนไม่รู้จักกันเลยไม่สังเกต แต่พอรู้จักกันก็เห็นกันมากขึ้น ไม่แน่นะบางทีพวกมึงอาจจะเคยเจอกันมาก่อนก็ได้ แค่ตอนพวกมึงไม่รู้จักกัน” อะตอมพูดยิ้ม ๆ

“ลึกซึ้ง” เอเทนเลื่อมใส

“ไหว้กู” อะตอมยืดอกอย่างเหนือกว่า

“ไหว้จ้า"

เด็กบริหารฯ สามคนเดินมารวมกลุ่มกับเด็กเกษตรฯ แต่ละคนแนะนำตัวพูดคุยกันเฮฮาผิดกับสองคนที่นั่งติดกัน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการจัดแจงของเหล่าเพื่อนตัวดี

“นี่ ๆ ศิลา”

หนุ่มนักบาสหันตามเสียงเรียก

“เราเรียกศิลาว่าศิได้ไหม?”

“อย่ามาตีสนิท”

“โถ่~ ไม่ได้จริงอ่ออออ” ตาสวยกะพริบปริบ ๆ ชนิดที่ว่าหากทำกับเพื่อนคงโดนถีบกระเด็น “นะ ๆ น้าาาา~ ให้เรียกว่าศินะ พลีสสส”

เพี๊ยะ

“โอ๊ย!” มือขาวลูบป้อย ๆ ตรงหน้าผาก บริเวณที่โดนศิลาตีโทษฐานหมั่นไส้

“ตามใจ”

ธารธรรมยิ้มกว้าง โดนตีเหม่งครั้งหนึ่งถือว่าคุ้ม

“ศิ”

“หือ?”

“ศิ ศิ ศิ ศิ ๆๆๆๆ”

“ธารธรรม” เรียกชื่อคนแกล้งเสียงนิ่ง

“อุ่ย” มือเรียวขึ้นปิดปาก แต่จากแววตาก็รู้ว่าไม่สำนึกหรอก ศิลาส่ายหน้ากับความกวนตาใสของเจ้าคนที่นั่งข้างกัน เขายกแก้วในมือขึ้นจิบพลางฟังเพลง

“ศิ” คราวนี้คนเรียกกระตุกปลายแขนเสื้อสองสามที ให้คนตัวสูงสนใจกัน

“อะไร?”

“เราขอเบอร์ กับไลน์ได้ไหม?”

“ไม่ใช่ว่ามีแล้วเหรอ?”

“ไม่เคยขอจะมีได้ไง”

“ก็มึงมีของไอ้เทนกับไอ้ตอม นึกว่าจะขอจากพวกมันแล้ว” เห็นนะว่าที่ร้านข้าววันนั้นแอบแลกช่องทางการติดต่อกันไว้

“ไม่ได้สิ อยากได้ก็ต้องขอกับเจ้าตัว จะไปขอจากคนอื่นได้ยังไง เรามีมารยาทนะ!”

“เอามา” ศิลารับโทรศัพท์ของอีกคนมากรอกเบอร์ลงไป “ไลน์แอดผ่านเบอร์ได้เลย”

“โอ๊ะ! ไม่คิดว่าจะได้ง่ายขนาดนี้ นึกว่าต้องตื๊อขออีกสัก 5-6 รอบ”

“งั้นลบ”

“อ๊ะ! ไม่ ๆ ๆ ให้แล้วให้เลย” 

“เอาคืนไป”

“เฟสฯ กับไอจีด้วยดิ” ธารธรรมชะโงกหน้ามองโทรศัพท์ตนเองในมืออีกคน

“ได้คืบจะเอาศอก” ปากว่าแต่มือหนาก็กดเข้าแอปพลิเคชันนั้น ออกแอปพลิเคชันนี้ ตามที่คนตัวขาวขอ

ไม่ได้ใจอ่อนนะเว้ย!

แค่ให้ตามมารยาท!


ไม่เลยครับ ศิลาไม่ใจอ่อนเลยสักกะนี้ดดดด