ชั่ววินาทีที่ 'ธารธรรม' ได้สบตากับ 'ศิลา' เขาก็ตกหลุมรักพ่อหนุ่มที่กระโดดลงมาจากต้นมะม่วงพร้อมแมวส้มคนนี้เสียแล้ว...
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ไทย,อื่นๆ,ศิธาร,ศิเป็นของธาร,มหาวิทยาลัย,น่ารัก,หวาน,feel good,feelgood,อ่านฟรี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ศิเป็นของธารชั่ววินาทีที่ 'ธารธรรม' ได้สบตากับ 'ศิลา' เขาก็ตกหลุมรักพ่อหนุ่มที่กระโดดลงมาจากต้นมะม่วงพร้อมแมวส้มคนนี้เสียแล้ว...
เพียงได้พบสบตา 'ธารธรรม' ก็ตกหลุมรัก 'ศิลา' พ่อหนุ่มที่กระโดดลงมาจากต้นมะม่วงพร้อมแมวส้มไปเสียแล้ว
แม่สอนธารธรรมไว้ว่าชอบใครต้องไปให้สุด เตรียใจไปเลยพ่อต้นมะม่วง เจอธารธรรมใส่สุดแน่นอน!!
มาค่ะ มาเปิดเรื่องใหม่กัน
ญ่าฝากคุณผู้อ่านเอ็นดูเจ้าศิกับยัยธารด้วยนะคะ // ไหว้ย่อแบบติดพื้น
เรื่องนี้จะลงทุกวันอังคาร เวลา 2 ทุ่ม(ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง)ค่ะ
หมาหัวเน่าหน้าตาเป็นยังไง ไปส่องกระจกดูก็รู้แล้ว…
เพราะมันหน้าตาเหมือนเขาเปี๊ยป!
เรื่องมันเริ่มจากธารธรรมอุ้มพบรักลงกระเป๋า สะพายขึ้นบ่า และให้กรองทองพากลับมาที่บ้านเมื่อช่วงสาย จนตอนนี้เที่ยงแล้วเชฟนิสาก็ยังไม่หยุดเล่นกับพบรัก ถ่ายซ้ายถ่ายขวา วิ่งวุ่นตามถ่ายแมวทุกมุม
เห่อกว่าลูกอีก…
ธารธรรมนอนมองคุณแม่คนสวยเล่นกับเจ้าก้อนส้มอยู่บนโซฟากลางบ้าน ปกติลูกชายกลับบ้านมาเชฟจะวิ่งวุ่นหาข้าวอุ่น ๆ อาหารอร่อย ๆ ให้ทาน แต่วันนี้บอก ‘หาอะไรกินเองนะลูกชาย’
“ผมอยากย้ายห้อง” พูดขึ้นมาง่าย ๆ อย่างนั้นเลย
ทีแรกก็ลังเลว่าจะแค่แต่งห้องใหม่ หรือย้ายเลยดี แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง พบรักจะได้มีที่วิ่งเยอะขึ้นหน่อย
“หา! อะไรนะ!” เชฟคนสวยทำตาโต มือสวยยกทาบอก รู้เลยว่าธารธรรมเล่นใหญ่ได้ใครมา
“อยากให้มีครัว มีพื้นที่ห้องนั่งเล่นกว้างหน่อยให้แมวได้วิ่งเล่น”
“คอนโดฯไหม?”
“ก็น่าสนครับ”
“ต้องขอบคุณเจ้าของหลุมคนล่าสุดสินะ~”
“ใช่ไหมล่ะครับ~ เพราะศิทุกอย่างเลยย”
“เมี้ยวว~” เหมือนนจะมีแมวประท้วง
“เพราะพบรักด้วยน้าา~” มือขาวอุ้มเจ้าก้อนส้มขึ้นฟัด
เชฟนิสาขึ้นชื่อเรื่องคิดเร็วทำเร็ว พอลูกชายบอกว่าอยากย้ายหอ อยากได้คอนโดฯ ช่วงสายของวันต่อมาก็พาธารธรรมโยนใส่รถ หันไปบอกพบรักให้อยู่บ้านดี ๆ พร้อมเอากล้องสำหรับดูสัตว์เลี้ยงมาติด เชฟคนสวยยื่นไอแพดที่มีข้อมูลของคอนโดฯแถวมหาวิทยาลัยให้ลูกชายเลือก
“แม่เลือกมาให้คร่าว ๆ ตรงเสปกที่ลูกบอกทุกอย่าง หรืออยากดูที่เดียวกับหนูกรอง” เชฟถอยรถพลางพูดกับลูกชาย
“ไม่ดีกว่าครับ ยังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
สองแม่ลูกตระเวนดูคอนโดฯ ที่คุณแม่คนสวยเลือกไว้ ทั้งยังแวะดูตามโครงการที่ผ่านตาบ้าง น้อยคนนักจะรู้ว่าธารธรรมที่ปกติจะอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ เวลาจะเลือกอะไร จะเลือกจนตายไปข้าง ถ้าไม่ถูกใจก็จะไม่ปล่อยอะไรไปทั้งนั้น รวมถึงเรื่องคอนโดฯด้วย เชฟถึงกับไล่ให้ธารธรรมไปขับรถแทน เพราะเหนื่อยขับแล้ว ไม่ไหว ๆ
และนี่คือที่สุดท้ายแล้วสำหรับวันนี้ ห้องนี้เป็นห้องที่ลูกค้าประจำของแม่จะขาย แต่ทำไมไม่รู้ถึงขายไม่ออกสักที ตอนแรกก็ลืมไปแล้ว แต่พอเห็นชื่อโครงการก็นึกขึ้นได้ เลยเลี้ยวรถเขามาอย่างงง ๆ แจ้งนิติว่ามาดูห้องของลูกค้าคนนั้น ทางนิติก็ยื่นกุญแจให้ทันที
ห้อง 609 ที่อยู่ตรงหน้าถือว่าถูกใจธารธรรม ทั้งขนาด และความกว้าง พื้นปูด้วย SPC ลายไม้สีอ่อน ทางขวาเป็นครัว ทางซ้ายเป็นตู้เก็บของสีขาว มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ เดินเลยตู้นี้เข้าไปเลี้ยวไปทางซ้ายเป็นห้องน้ำ ตรงข้ามห้องน้ำเป็นห้องนอน มีเตียงขนาดควีนไซต์วางอยู่ เดินตรงจากห้องประตูจะเป็นโซนนั่งเล่น มีพื้นที่ว่างที่ธารธรรมคิดว่าอาจจะไว้วางคอนโดแมว มีโต๊ะไว้ทานอาหาร มีระเบียงเล็ก ๆ มีโซฟาตัวแอลที่พอลองแอบเปิดผ้าคลุมดูพบว่าเป็นสีเขียวที่ค่อนข้างถูกใจ มีโทรทัศน์ติดไว้เรียบร้อย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ถึงจะถูกใจมาก แต่ก็เก็บไว้พิจารณาก่อน เผื่อมีที่ถูกใจกว่านี้อีก คนเป็นแม่ได้แต่พยักหน้าตามใจ และพากันเดินเข้าลิฟต์พลางคุยกันว่าจะหาข้าวเย็นทานกันแถวนี้
เมื่อถึงชั้น 4 ลิฟต์ก็เปิดรับผู้โดยสารคนใหม่ และช่างบังเอิญเหลือเกินว่าเป็นคนรู้จัก
“โอ๊ะ! ศิ!!” เสียงทักสดใสที่ทีแรกคิดว่าหลอนหูไปเอง แต่พอเงยหน้าก็พบกับธารธรรม
มาหลอกหลอนถึงคอนโดฯเลย?
“ไม่ได้สต๊อกเกอร์! ไม่ได้คุกคามนะ!” คนตัวขาวรีบแก้ตัว
“ยังได้ไม่ว่าอะไรเลย” ประตูลิฟต์ปิดลงเมื่อคนตัวสูงก้าวเข้ามา พอเห็นว่าชั้นที่ลงเป็นชั้นเดียวกันก็ยืนนิ่งอยู่ทางด้านหน้าของธารธรรม
“อยู่คอนโดฯนี้เหรอ?” ใบหน้าขาวชะโงกจากด้านหลังมาคุย
“ใช่”
“พรหมลิขิตแบบ 300%!”
“แล้วนี่มาทำอะไร?” ถามแบบจงใจปล่อยเบลอเรื่องพรหมลิขิตแบบ 300%
“เรามาดูห้อง เอ้อ!!!”
“เสียงดังทำไม!” หันไปดุอีกคนที่ทำหน้าเจื่อน
“เราลืมแนะนำอะ นี่แม่เราเอง” ธารธารผายมือไปทางเชฟคนสวยที่ยืนเงียบมองลูกชายจีบผู้ชายจนลืมแม่ “แม่ครับ นี่ศิลา”
ชายหนุ่มตัวสูงยกมือไหว้ทันที คนอายุมากกว่ายกมือรับไหว้พร้อมยิ้มให้อย่างใจดี
“อ๋อ เจ้าของหลุม”
คำพูดของหญิงสาวหนึ่งเดียวทำให้ศิลาถึงกับเหลอลรา ก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้ก็จะบอกที่บ้านด้วย!
“แม่ครับ ผมเอาที่นี่แหละ!” คนตัวขาวพูดขณะก้าวออกจากลิฟต์
“ไม่ดูที่อื่นแล้ว?”
“ไม่ครับ!”
“โอเค” แล้วคุณแม่ก็เดินออกไปโทรศัพท์ทันที
“เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะศิ~”
“อยู่คอนโดฯเดียวกัน” ศิลาแก้ประโยคให้ถูก
“แล้วไม่เหมือนกันตรงไหน?”
“ถามจริง ๆ หรือแค่กวน?”
“เราสะดวกที่จะคิดแบบนี้”
ศิลาได้แต่ส่ายหัวอย่างจนใจ เหนื่อยจะเถียง จะคิดอะไรก็แล้วแต่ละกัน
ไม่นานคุณแม่ก็มาพร้อมกับคำตอบว่าเรียบร้อย สะดวกย้ายวันไหนก็ได้เลย รวดเร็วตามสไตล์เชฟนิสา
“ศิลาไปทานข้าวเย็นด้วยกันนะลูก” นิสาชวนเจ้าของหลุมลูกชาย
“ผู้ใหญ่ชวน ปฏิเสธไม่ดีนะ”
เพี๊ยะ
ยังไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธก็โดนคนตัวขาวเป่าหู เป่าหูที่หมายถึงธารธรรมยืดคอเป่าลมเบา ๆ มาโดนหูจริง ๆ จนอดใจไม่ไหวตีเหม่งไปหนึ่งที โดยลืมไปว่าแม่ของคนโดนตีก็อยู่ตรงนี้
“โอ๊ย! ตีเหม่งต่อหน้าแม่เราแบบนี้ รับผิดชอบโดยการเป็นแฟนเราเลยนะ”
“เพ้อเจ้อ” ว่าคนลูกก่อนหันไปขอโทษคนแม่ที่ตีลูกชายเขา “ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร ตีซ้ำก็ได้”
“ผมลูกคุณนะครับเชฟ!” งอแงแบบนี้ก็โดนคุณแม่เอื้อมมือไปยีหัวจนยุ่ง
“ถ้าศิลาไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ”
สุดท้ายคนตัวสูงก็ตกลงอย่างเกรงใจ หลังมื้ออาหารที่ธารธรรมนั่งเต๊าะเจ้าของหลุมต่อหน้าแม่ผ่านไป เชฟก็ขับรถมาส่ง
“ขอบคุณนะครับคุณแม่”
ลูกชายคนถูกขอบคุณยิ้มแก้มแตก ทั้งที่เขาไม่ได้ขอบคุณตัวเอง แต่ศิลาเรียกแม่เขาว่าแม่ล่ะ เขินนะ! เหมือนเขามาฝากตัว และขอดูแลกันนับจากนี้
ศิลาเห็นแล้วอยากฟาดเหม่งให้อีกสักทีจริง ๆ!
ตอนนี้ศิลาอยู่ที่ไหน?
ตอบ : ศูนย์ขายของแต่งบ้านขนาดใหญ่
แล้วศิลามาทำอะไรที่นี่?
คำตอบนี้ต้องย้อนไปเมื่อตอนสาย ๆ เพียงแค่ 3 วัน หลังจากที่มาดูห้อง ธารธรรมก็โทรหาพร้อมบอกว่ากำลังจะย้ายเข้า เลยโทรมาบอกตามที่ศิลาเคยบอกไว้
ก็ใช่ เคยบอกไว้ว่า‘ถ้าย้ายก็บอกนะ จะมาช่วยขนของ' ดังนั้นจึงต้องรับผิดชอบคำพูดโดยการลากสังขารมาช่วยคนตัวขาวขนของ ที่ของตัวไม่มีอะไรมากเลยสักนิด แค่ชุดเครื่องนอน กับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก ส่วนของใหญ่อย่างฟูกนอนที่เชฟนิสาเคยเผาไว้ว่าธารธรรมใช้เวลาเลือกฟูกนานกว่า 3 วัน นั้น ได้จ้างพนักงานขนของเอาเข้าไปไว้ให้เมื่อวานแล้ว ของที่ดูจะเยอะเกินกว่า เชฟนิสา ธารธรรม ชาติชาย และกรองทองจะคนหมดก็คือ ของแมว…
พอขึ้นไปแล้วหนึ่งรอบ รอบที่สองก็มีแค่ชายหนุ่ม 3 คนเท่านั้นที่มาขนของที่เหลือ ส่วน 2 สาวก็ให้เก็บของในห้อง
“พวกพัดลม เครื่องกรองอากาศ เครื่องดูดฝุ่น จะมาส่งพรุ่งนี้นะลูกชาย ส่วนเรื่องน้ำ กับไฟ ทางเจ้าของเดิมเขามาเช็กให้แล้ว ทุกอย่างใช้ได้ปกติ แอร์ล้างแล้ว น้ำไหลทุกก๊อก ไฟติดทุกดวง เครื่องซักผ้า ตู้เย็น โทรทัศน์ ไมโครเวฟ ใช้ได้ทุกอย่าง”
“ขอบคุณครับแม่”
“จ้าา”
“แม่นิคะ พวกจานชามล่ะคะ กรองไม่เห็นเลย” หญิงสาวเอ่ยถาม
“แม่ว่าจะให้ซื้อชุดใหม่เลยจ้ะ” ใบหน้าสวยหันไปมองเจ้าของหลุมลูกชายพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่ฝากศิลาพาไปซื้อหน่อยได้ไหมคะ?”
“เครื่องซักผ้าใช้ได้ไหมวะ?” ไม่เนียนเลยชาติชาย เพราะเชฟนิสาพึ่งบอกว่าใช้ได้
“กล่องนี้มีอะไรบ้างเนี่ย?” ไม่เนียนเลยกรองทอง เพราะตัวเองพึ่งปิดกล่องนั้นไปกับมือ
“เร็วศิ จะได้มาทันข้าวเย็นฝีมือเชฟนิสา” เนียนเลยธารธรรม เพราะไม่รอฟังคำตอบก็วิ่งไปหยิบกุญแจรถ สะพายกระเป๋า แถมเปิดประตูรอแบบพร้อมออกมาก
ทำงานกันเป็นทีมแบบนี้แล้วจะให้ศิลาตอบยังไงได้ นอกเสียจาก “ได้ครับ”
และนั่นก็ทำให้เขามายืนในดงของแต่งบ้าน ข้าง ๆ มีคนตัวขาวเข็นรถเข็นมองศิลาตาปริบ ๆ
“เราต้องซื้ออะไรบ้างเหรอ?” ถามเหมือนไม่ใช่ห้องตัวเอง
“มีอะไรแล้วบ้าง?”
“อ่าา~” ธารธรรมนิ่งคิด
“ไม่น่าถามหรอก” ศิลาส่ายหัวพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนช่วยขนของก็เห็นอยู่ว่ามันไม่มีอะไร “ไปดูพวกจาน ชามก่อนแล้วกัน”
“ได้!”
สองหนุ่มช่วยกันเลือกจาน ชาม ช้อน ส้อม และตามด้วยของใช้ในครัวอีกเป็นกอง ไม่อยากจะอวดว่าแอบหยิบแก้วน้ำคู่มาด้วย แค่คิดว่าได้ใช้คู่กับศิลาใจก็สั่นไปหมด ส่วนความคิดจะเป็นจริงได้เมื่อไหร่ก็…
อธิษฐานอยู่เด้อ
“ศิ ๆ เอาตะกร้าผ้าด้วย” ธารธรรมร้องบอกเมื่อนึกขึ้นได้
“ของเก่าล่ะ?” เหมือนว่าตอนขนของก็ไม่เจอเจ้าตะกร้าผ้าสีแสบที่เคยเห็นคราวก่อน
“ทิ้งแล้ว แต่ ๆ ไม่ใช่ว่าย้ายห้องใหม่แล้วทิ้งของเก่านะ พอดีน้องกรอบจนแตกอ่ะ” พูดแล้วก็ใจหาย ใช้ชีวิตร่วมกันมาตั้งเกือบ 2 ปี แต่ก็ถือว่าน้องใช้ชีวิตตะกร้าร้าน 20 ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว
“เอาราวตากผ้าด้วยไหม?”
“เอา”
“ไม้แขวน?”
“เอา”
“มีโต๊ะเขียนหนังสือรึยัง?”
“ยังเลย~”
“คิดจะวางไว้ตรงไหน?”
“แล้วศิวางไว้ตรงไหน?”
“ในห้องนอน ฝั่งขวาของประตู”
“งั้นเอาที่เดียวกับศิ”
“โอเค” ขนาดห้องของเขากับคนตัวขาวเท่ากัน ผังห้องก็เหมือนกัน ใช้โต๊ะ กับเก้าอี้ขนาดเดียวกันก็น่าจะได้
“เอาตู้หนังสือด้วยไหม?” ศิลาหันไปถามคนข้างกายอีกครั้งเมื่อนึกถึงกองเอกสาร และหนังสือเรียนในห้องเก่าของธารธรรม
“แล้วแต่ศิเลย~”
“สรุปห้องมึงหรือห้องกู?” ถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีแต่ตนเองที่เลือกของแทบทั้งหมด ส่วนเจ้าของห้องตัวจริงทำเพียงแค่ ‘แล้วแต่ศิ’
“ห้องของเรา เราที่หมายถึงศิลากับธารธรรม”
“ไม่ปล่อยโอกาสเลยนะ”
“มีโอกาสก็ต้องเต๊าะไว้ก่อนน~”
ใช้เวลาซื้อของนานกว่าที่คิดกว่าจะกลับก็เย็น คุณเชฟจึงลงมือทำอาหารเย็นให้เด็ก ๆ หลังจากอิ่มจังตังอยู่ครบแล้วก็ต้องทำงานใช้ค่าข้าวโดยการประกอบโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ และราวผ้าในลูกชายเชฟ พึ่งรู้ว่าการประกอบของพวกนี้กินพลังงานกว่าที่คิด จนเวลาล่วงเลยไปเกือบ 3 ทุ่มก็แยกย้าย
“ขอบคุณนะศิ~”
“อือ” ศิลายืนพิงกรอบประตูมองธารธรรมที่ตื๊อมาส่งถึงหน้าห้อง ห้ามแล้วแต่ก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็เลยตามเลย
“ไม่มีอะไรตอบแทนเลย เอาเป็นตัวเราแทนไหม? เราเต็มใจนะ~”
“ไม่เป็นไร เกรงใจ” มือหนาดันประตูปิดทันที
“เดี๋ยว ๆ เราล้อเล่นนน” ถึงจะคิดจริงก็เถอะ
“มีอะไรอีก” ถึงเสียงจะดูหงุดหงิดแต่ก็ยอมอ้าประตูให้กว้างขึ้น
“ฝันดีนะ”
“อือ ฝันดี”
“จุ๊บเหม่งฝันดีด้วยดิ~” ใบหน้าขาวหลับตาพริ้ม ยื่นเหม่งให้คนตัวสูง แต่สิ่งที่ได้กลับมาดันเป็น…
ปัง
ชิ! แค่นี้ต้องปิดประตูใส่กันเลย?
ฝากไว้ก่อนเถอะ!
สักวันจะเอาจุ๊บเหม่งฝันดีให้ได้เลย!
แสงแดดยามบ่ายแผดเผาราวซ้อมอยู่ในนรก แต่ถามว่าคนที่นอนห่มผ้าเปิดแอร์ 18 องศา ในห้องทึบเพราะปิดม่านหนาสีเข้มจะรู้เรื่องความร้อนนั้นหรือไม่?
คำตอบคือไม่
ไม่ตื่นเลยสักนิด…
ตั้งแต่เปิดเทอมมาก็ต้องเจอกับงานรับน้อง ซ้อมปี 1 แข่งกีฬาเฟรชชี่ ต่อด้วยแข่งกีฬามหา’ลัย ถึงกิจกรรมจะรัดตัวจนเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่สิ่งที่รอหลังจากกิจกรรมจบต่างหากคือของจริง
เพราะกิจกรรมทุกอย่างจะจบลงใกล้ช่วงสอบกลางภาคพอดี และโลกรู้ ทุกคนรู้ว่าช่วงใกล้สอบอ.จะบ้าคลั่งกับการสั่งงานมากแค่ไหน ยิ่งก่อนหน้านี้ศิลาทุ่มกับกิจกรรมไปเท่าไหร่เนื้อหาการเรียนในหัวสมองยิ่งจืดจางเท่านั้น
เมื่อคืนจึงทบทวนเนื้อหาที่ผ่านมา และจัดการงานที่คั่งค้างหลาย ๆ อย่าง กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเกือบเช้า จึงนอนหมดสภาพจนเกือบบ่ายเช่นนี้
ก็ว่าจะนอนถึงเย็นสักหน่อย แต่เสียงสั่นของโทรศัพท์ก็ปลุกคนที่หมดสภาพให้โงหัวขึ้นมากดรับ
‘ธารธรรม’
“ว่า” เสียงแหบต่ำอย่างคนพึ่งตื่น
/ศิลา ช่วยด้วย/ เสียงสั่นจนคนบนเตียงตกใจ
“อยู่ไหน!?”
/หน้าห้องศิ/
ร่างหนารีบวิ่งมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่จริงจึงกดวางสาย แต่สภาพของธารธรรมทำให้ศิลาต้องขมวดคิ้ว เนื้อตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก หัวฟู ผมชี้ไม่เป็นทรง ผิวนอกร่มผ้ามีรอยแดงเต็มไปหมด
“ใครทำอะไรมึงธาร!!” ศิลาตะคอกถามเสียงดัง อยากจับอีกคนหมุนไปมาดูว่ามีแผลตรงไหนอีกไหม แต่ก็ไม่กล้าจับเพราะกลัวคนตัวขาวจะเจ็บ
ยอมรับตรงนี้เลยว่า…ห่วง
ห่วงจนไม่เป็นตัวเองแล้ว!!
“เราจะอาบน้ำพบรัก แต่ลูกไม่ยอม…” ตอบเสียงสั่น น้ำตาคลอ
ศิลาทิ้งตัวพิงกรอบประตู พยายามหายใจเข้า-ออกช้า ๆ เพื่อปรับอารมณ์เมื่อรู้ว่าไม่มีใครทำอะไรธารธรรม มีแค่ธารธรรมเองที่คิดจะอาบน้ำแมวทั้งที่ไม่เคยทำ
“งั้นเข้ามาทำแผลก่อน” เบี่ยงตัวให้อีกคนเข้าห้อง
“ไปดูลูกก่อนได้ไหม? ลูกตกใจมากเลย ไม่ยอมออกมาใต้โต๊ะด้วย” ธารธรรมพูดเสียงอ่อนขอร้อง
“ได้” ถึงจะอยากทำแผลให้ก่อน แต่พออีกคนพูดเสียงอ่อน ไม่สดใสอย่างเคยใจก็แทบเหลวเป็นน้ำ “ที่ห้องมีอุปกรณ์ทำแผลไหม?
ธารธรรมส่ายหัวปฏิเสธ
“งั้นรอตรงนี้” ศิลาผลุบเข้าห้องไป ก่อนออกมาพร้อมกับกล่องพยาบาลที่เนเน่ฝากไว้แล้วลืมเอาลงจากรถ คิดว่าคงต้องซื้อมาติดห้องไว้บ้างแล้ว เผื่อต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก
พอเข้าห้องของธารธรรมแล้วศิลาก็ไล่เจ้าของห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่ตัวเองจะไปมุดเอาลูกชายขนส้มที่ตัวเปียกไปแถบหนึ่งจากใต้โต๊ะเขียนหนังสือ พบรักยังคงสั่นอยู่นิดหน่อย พอได้อยู่กับอ้อมกอดที่คุ้นเคยก็มุดเข้าหา มือแกร่งเอาเจ้าก้อนส้มใส่ในกระเป๋าสำหรับสัตว์เลี้ยง หย่อนมือลูบหัวปลอบใจเจ้าตัวเล็กไปพลาง
เมื่อเห็นคนตัวขาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงเรียกมานั่งบนโซฟา มือหนารูดซิปปิดกระเป๋า เลื่อนตัวลงนั่งบนพื้นตรงหน้าธารธรรม และเริ่มทำแผลให้อย่างเบามือ
“แล้วนึกยังไงจะอาบน้ำให้ลูก” ถามเสียงเข้ม ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเผลอเรียกแมวว่าลูกไปแล้ว
“พบรักเข้าไปอึ๊ แล้วเผลอทับอะ เราเห็นว่าลูกก็มอมใช้ได้เลยจะอาบน้ำให้ ไม่คิดว่าตัวเล็กแบบนี้จะฤทธิ์เยอะ”
“สมน้ำหน้า” พูดไปงั้น แต่ก็ยังทำแผลให้อย่างเบามือ
“อ๊ะ! เจ็บ”
“ขอโทษ ฟู่ว” ลมผะแผ่วแตะแต้มลงบนแขนขาว
ทั้งที่โดนเป่าตรงแขนแต่ร้อนมาถึงบนหน้า สายตาจับจ้องเจ้าของหลุมที่ก้มทำแผลให้อย่างจริงจัง ศิลาจะรู้ไหมว่าทำแบบนี้มันแย่มาก
แย่ต่อใจบาง ๆ ของธารธรรมอย่างถึงที่สุด…
หลุมรักมันลึกเกินกว่าที่จะปีนขึ้นมาแล้ว…
ศิลาถูกมองจนเริ่มรู้สึกตัว แต่เมื่อเงยหน้ามองคนบนโซฟาก็ได้รู้ว่าใบหน้าของทั้งคู่มันใกล้กันแค่ไหน และยิ่งใกล้มากขึ้นเพราะธารธรรมเลื่อนใบหน้าขาวนั่นเข้ามาเรื่อย ๆ ริมฝีปากสีสวยก็ใกล้เข้ามาด้วยเช่นกัน ราวกับว่าเวลารอบกายได้หยุดลง ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ใกล้จน…
“โอ๊ย!” โดนมือหนาผลักหัวจนหน้าหงาย
เกือบแล้วเชียว!
จุ๊บอ่ะ! จุ๊บ!
“แล้วไปพาลูกมาตอนไหน?” เฉไฉทำเป็นถามเรื่องอื่น พยายามก้มหน้าซ่อนแก้มที่แดงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ภาวนาว่าคนที่นั่งอยู่บนโซฟาจะไม่เห็น
เก็บอาการหน่อยศิลา!
“เมื่อวานพอไปส่งแม่เสร็จก็พาพบรักกลับมาเลย ก็ว่าจะค้างที่บ้านแม่แหละ แต่นึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีเรียนเช้า แม่บ่นใหญ่เลยว่าทำไมไม่คิดออกให้เร็วกว่านี้ ไม่งั้นแม่จะได้กลับเอง”
“สมควรโดนบ่น”
“แต่ไปส่งแม่ก็ดีนะ จะได้พาพบรักกลับมาด้วย”
“เสร็จแล้ว” ว่าพลางเก็บอุปกรณ์ทำแผลลงกล่อง ร่างสูงลุกขึ้นคว้ากระเป๋าที่มีเจ้าลูกชายขนส้มนอนเป็นก้อนอยู่ “กูจะพาลูกไปอาบน้ำที่ร้านนะ”
“ไปด้วย ๆ เอารถเราไปเนาะ” ธารธรรมรีบผุดลุกตาม
“อืม เอารถมาใช้แล้ว?”
“แม่ให้เอามาจะได้พาพบรักไปหาหมอได้สะดวก ๆ” คนตัวพร้อมกับยื่นของในมือให้
“อะไร?”
“เสื้อ”
“รู้แล้ว แต่หมายถึงเอาให้ทำไม?”
“ก็…ศิไม่ได้ใส่เสื้อ” ธารทำพูดด้วยสีหน้ากะลิ้มกะเลี่ย ดูเจ้าชู้เกินทน
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก!” มือหนาคว้าเสื้อในมืออีกคนมาสวม เป็นห่วงขนาดไหนถึงรีบออกมาจนลืมใส่เสื้อ
ไม่เก็บอาการเลยศิลา!
“ขอส่องหุ่นหน่อยไม่เหรอ~”
“คุกคาม” ว่าเสียงเข้มแก้เขินไปอย่างนั้น
หนึ่งป๊ะป๋า หนึ่งคุณพ่อ พาลูกชายไปอาบน้ำ เลือกร้านจากการสอบถามคลินิกที่เคยเอาพบรักไปตรวจ มันน่าน้อยใจนิดหน่อยที่เห็นว่าเจ้าก้อนส้มดูหงิ๋มมากเมื่อโดนพี่เจ้าของร้านเกาขน ที่กับป๊ะป๋ามันล่ะข่วนยับ!
อาบน้ำไม่ได้นาน แต่รถติดต่างหากที่นาน กว่าจะพากันกลับห้องก็เย็น ศิลาอุ้มลูกชายที่ขนหอมชื่นใจมาไว้บนตัก ป๊ะป๋าธารเองก็อยากจะฟืดลูกสักที แต่น่าเสียดายลูกชายยังคงงอนจนไม่ยอมให้จับ สุดท้ายธารธรรมก็ยอมแพ้กับการเจ๊าะแจ๊ะแมว แล้วลุกไปหยิบน้ำให้ศิลา ทำหน้าที่เจ้าของห้องที่ดี เผื่อเจ้าของหลุมจะติดใจแล้วมาหากันที่ห้องบ่อย ๆ
มือขาวที่จับประตูตู้เย็นชะงักค้างเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ร่างโปร่งหมุนมาเรียกพ่อต้นมะม่วงอย่างตื่นเต้น
“ศิ ๆ”
“ว่า?”
“นี่มันฉากในฝันเราเลยนะศิ!”
“?”
“ตั้งแต่ที่ศิไปห้องเก่าเรา เราก็คิดมาตลอดเลยว่าถ้ามีห้องที่กว้างกว่านั้น และยืนอยู่ครัวแบบนี้ มองศิที่นั่งบนโซฟาเล่นกับพบรักแบบนี้ แล้วได้ถามศิว่า ศิเอาน้ำอะไร?”
“ประโยคคำถาม?” เป็นการเอาประโยคบอกเล่ามารวมกับประโยคคำถามจนศิลางงกับเจตนาของประโยค
“อื้อ ถาม” ยืนยันให้หนักแน่นขึ้นด้วยการพยักหน้า
“แล้วมีอะไรให้เลือก?”
“มีแต่น้ำเปล่า แหะ” อยากเขกหัวตัวกับการไม่เตรียมพร้อม คิดไว้ว่าจะไปขนน้ำมาตุนให้เต็มตู้!
“งั้นเอาน้ำเปล่า”
“ศิ!”
“อะไรอีก?” ขมวดคิ้วถามเมื่ออีกคนเรียกเสียงดังจนทั้งคุณพ่อและลูกชายบนตักตกใจ
“ห้องเรามีแก้วด้วย!” หยิบแก้วขึ้นอวดอย่างภาคภูมิใจ
ศิลาถึงกับนั่งเหวอสักพักก่อนหัวเราะอย่างอดไม่อยู่กับความเด๋อของธารธรรม มันก็น่ารักอยู่หน่อย ๆ นะ
“รู้แล้วก็ไปซื้อด้วยกัน” แก้วใบนั้นศิลาเป็นคนหยิบลงรถเข็นกับมือ
“ก็จริง~”
แก้วน้ำใบใสถูกเทน้ำเย็นจนเกือบเต็ม มือขาวยกมาวางให้เจ้าของหลุม ก่อนทรุดตัวนั่งกอดเข่าพิงโซฟามอง หนึ่งคุณพ่อถูกลูกชายขนส้มคลอเคลีย
“ความจริงเรามีฉากในฝันอีกฉากหนึ่งนะ”
“?”
“มันเป็นฉากที่เราบอกกับศิว่า เย็นนี้กินข้าวที่ห้องของเรานะ”
“เราที่หมายถึงมึง?”
“ใช่ เราที่หมายถึงธารธรรม” ไม่ได้คิดจะหยอด แต่ยื่นโอกาสมาให้แบบนี้ก็อดฉวยสักหน่อยไม่ได้ “แต่ถ้าเป็น ‘เรา’ที่หมายถึงธารธรรมกับศิลาก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคต ดูท่าแล้วก็อาจจะเป็นอนาคตอันใกล้แล้วล่ะ”
“หลงตัวเอง”
“ชิ แต่เราชวนกินข้าวเย็นด้วยกันจริง ๆ นะ”
“ก็ไม่ได้ปฏิเสธ”
“งั้นศิเลือกเลยจะสั่งอะไร เราเลี้ยงเอง” บอกอย่างใจใหญ่พร้อมยื่นโทรศัพท์ที่เข้าแอปพลิเคชันสั่งอาหารให้คนบนโซฟา
“แล้วในห้องไม่มีของสดเหรอ?” เมื่อวานเห็นแม่ของอีกคนใช้ทำอาหารอยู่
“มีแหละ แต่ลูกชายเชฟคนนี้ทำอาหารไม่เป็น และได้รับการพิสูจน์จากหลาย ๆ คนแล้วว่าธารธรรมเผาครัวเก่งมาก” คนตัวขาวเล่าเหมือนจะภูมิใจ ทั้งที่ไม่น่าจะภูมิใจได้
“แล้วปกติหาอะไรกินยังไง?” อุ้มลูกวางบนพื้น ลุกขึ้นก้าวขายาว ๆ ไปทางครัว เมินเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมในมือขาว
“ก็หาซื้อเอา หรือถ้าขี้เกียจก็เทน้ำร้อนลงบะหมี่กึ่ง” ปากตอบแต่สายตามองตามเจ้าก้อนส้ม ที่สะบัดตูดไปนอนบนคอนโดแมว น่าจับมาฟัดนัก!
หันมาอีกก็เห็นศิลายืนหน้าตู้เย็น หยิบจับของสดที่เชฟนิสาเหลือไว้อย่างพิจารณา
“บะหมี่กึ่งอยู่ไหน?”
“ตู้นั้น” ชี้บอกอีกคน ศิลาเอื้อมหยิบไม่ต้องเลือกรสชาติมให้เสียเวลาเพราะมีแค่หมูสับอย่างเดียวเท่านั้น
“ต้มบะหมี่กึ่งแล้วกัน” พูดพร้อมหยิบผักไปล้าง มีหมู มีไข่ ถึงจะแค่ต้มบะหมี่กึ่งก็คงมีสารอาหารครบกว่าการเทน้ำร้อนลงถ้วยอย่างที่ธารธรรมทำ
คนตัวขาวมองเจ้าของหลุมที่ยืนหมุนหยิบจับของในครัวอย่างกับเจ้าของห้อง เหมือนจะคิดอะไรออกธารธรรมวิ่งดุ๊กดิ๊กไปที่ตู้เก็บของข้างประตูห้อง
“ศิกางแขนขึ้น” พูดพร้อมกางแขนเป็นตัวอย่าง และถึงจะงงแต่ศิลาก็ทำตาม
ธารธรรมคลี่ของในมือออก มันคือผ้ากันเปื้อนสีเข้มที่เชฟนิสาเอาทิ้งไว้ เผื่อมาทำอาหารให้ลูกชาย เอาสายคล้องคอ แล้วเอื้อมมือไปผูกอีกสองสายข้างหลังคนตัวสูง ท่าทางตอนนี้จึงเหมือนธารธรรมกำลังกอดศิลาอยู่
“ผูกเร็ว ๆ อย่าลวนลาม”
“อย่ารู้ทันดิ” หยุดอ้อยอิ่งแล้วผูกดี ๆ เมื่อแผนการเนียนซบอกเจ้าของหลุมล้มเหลว
“ไปนั่งรอดี ๆ”
“รับทราบครับ” ธารธรรมรับคำแล้วรีบไปนั่งเท้าคางบนโต๊ะอาหารมองศิลาอย่างเพลินตา เมื่อก่อนคิดว่าอยากมีครัวเพราะอยากมีฉากถามศิลาว่าอยากดื่มอะไร แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าฉากนั้นเทียบไม่ได้กับฉากที่อยู่ตรงหน้า
ฉากที่มีศิลายืนทำอาหารในครัวของเขา
ขอหยาบคายหน่อยเถอะ…
แม่งโคตรดีฉิบหายเลย!!!!!
ศิลาไม่เก็บอาการเลยครับลูก ฮึบไว้! อย่าให้ใครรู้ว่าเราหวั่นไหว
ถึงแม้ยัยธารจะอ่อยหนักแค่ไหนก็ตาม!